ตอนที่ 68 ทุกอย่างอยู่ที่โชคชะตา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 68 ทุกอย่างอยู่ที่โชคชะตา
ต๭นที่ 68 ทุกอย่างอยู่ที่โชคชะตา “เซียวเหย่!” ฉันเรียกด้วยความตื่นเต้นดีใจ ถึงแม้ในตอนนี้ฉันจะยังคงมองไม่ชัดเจนว่าคนที่อุ้มฉันคือใคร แต่น้ำเสียงแบบนี้ สำเนียงแบบนี้ ต่อให้กลายเป็นฝุ่นผงฉันก็จำได้! “คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหม? คุณรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน! แถมคุณยังทิ้งฉันไว้คนเดียวในรถกลางดึกแบบนั้น ยังมีผีเส้นผมมาหลอกหลอนฉันอีก ฉันเกือบจะหัวใจวายตายแล้วคุณรู้บ้างไหม ถ้าฉันตายคุณก็จะไม่ได้เจอฉันแล้วนะ...” ฉันโผเข้าไปในอ้อมกอดเขา แม้กระทั่งตอนที่เหวินเหวินจับฉันห้อยหัวเมื่อครู่ฉันยังไม่ร้องไห้เลย แต่พอตอนนี้ได้เห็นเขา อารมณ์ที่ฉันสะสมมาได้ถูกปลดปล่อยออก ตอนแรกยังแค่เป็นห่วง แต่ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ถึงคุณจะตายไปผมก็ยังคงหาคุณจนเจอ คุณเป็นคนของผมทั้งชีวิตนี้ ตายก็เป็นผีของผม ผมไม่ได้พูดเล่นนะ” เซียวเหย่กอดฉันแน่นขึ้นเมื่อรับฟังความอัดอั้นตันใจของฉันจบแล้ว ความรักที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาก็ยิ่งชัดเจนขึ้น อดไม่ได้ที่จะกระชับฉันเข้าไปในตัวของเขา “และผมจะไม่ยอมให้คุณตาย ถ้าคุณตายไป ผมก็จะไม่สามารถจะอาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ได้อีกต่อไป” เซียวเหย่พูดอีก อารมณ์ที่เพิ่งผ่อนคลายลงมาเล็กน้อยสะดุดลงอีกครั้ง ผลักเขาออก “เซียวเหย่ จนถึงป่านนี้แล้ว คุณจะมาเตือนฉันว่าคุณกำลังหลอกใช้ฉันใช่ไหม? พูดอะไรที่มันน่าฟังหน่อยไม่ได้เหรอ?” พูดจบฉันก็รู้สึกหงุดหงิด สะบัดมือเขาออกแล้วหันหลังเดินกลับไปทางเดิม แต่เดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็มีลมแรงพัดผ่านมาตรงหน้า กรงเล็บแหลมของเหวินเหวินเกือบจะตะปบเข้ากับใบหน้าของฉัน! ฉันตกใจจนเหงื่อออกท่วมตัว โชคดีที่เซียวเหย่มือไว พอเห็นเหวินเหวินพุ่งเข้ามาก็ดึงฉันกลับเข้ามาในอ้อมกอด แล้วใช้ฝ่ามือตบเข้าไปที่ศีรษะของเหวินเหวิน เสียงดังอื้ออึ้งขึ้นอีกครั้ง เหวินเหวินถูกตบกระเด็นไป อย่างน้อยก็ลอยไปไกลสองถึงสามเมตร! “ต่อหน้าผีกองกอยยังกล้ามาทะเลาะกับผม อยากตายเหรอไง?” เซียวเหย่โอบฉันไว้แน่นแล้วตำหนิ “ยอมแพ้ให้พวกคุณจริงๆ เลย ต่อหน้าผีกองกอยยังมีอารมณ์มาจีบกันอีก มาช่วยทางนี้หน่อยได้ไหม? ผมจะต้านทานไม่ไหวแล้วนะ!” จู่ๆ เสียงของถังเยว่ก็ดังขึ้นข้างๆ ที่นี่มืดเกินไป เมื่อครู่ฉันไม่ทันได้สังเกตเห็นว่ามีคนอื่นอยู่ด้วย พอถังเยว่ส่งเสียงออกมาฉันจึงเพิ่งสังเกตเห็นว่าเขาอยู่ใกล้ๆ อีกฝั่งยังมีผีดิบชายตนหนึ่งกำลังแยกเขี้ยวยิงฟันพยายามกัดเขาอยู่ ดูจากรูปร่างแล้วน่าจะเป็นผู้จัดการทั่วไปคนนั้น เซียวเหย่เหลือบมองเขาแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้มีท่าทีจะเข้าไปช่วยแต่อย่างใด กลับย้อนถามฉันว่า “คุณลงมาได้แบบนี้ ใครเป็นทำลายค่ายสัตว์เทพทั้งสี่ด้านนอกเหรอ?” “เซียวเถิงไง” ฉันตอบ เซียวเหย่คนนี้ไม่รู้จักกาละเทศะเอาเสียเลย ในช่วงเวลาฉุกเฉินแบบนี้ เขายังมีอารมณ์มาถามคำถามที่ไม่มีประโยชน์กับฉัน นอกจากเซียวเถิงแล้ว พวกเราจะมีใครที่สามารถทำลายค่ายกลลงได้อีกเหรอ แต่เซียวเหย่กลับส่ายหน้าแล้วบอกว่า “เป็นไปไม่ได้ ความสามารถของเจ้าเด็กคนนั้นผมรู้ดี ถ้าหากมีเพียงแค่ค่ายสัตว์เทพทั้งสี่เขาอาจจะทำลายลงได้ แต่ค่ายกลของที่นี่ไม่เหมือนธรรมดาทั่วไป อาศัยเขาเพียงคนเดียวไม่มีทางเคลื่อนย้ายซากศพของสัตว์เทพทั้งสี่ได้อย่างแน่นอน” พูดจบเขาก็มองฉันอย่างลึกซึ้งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “คุณเป็นคนเคลื่อนย้ายซากศพของสัตว์เทพทั้งสี่ใช่หรือเปล่า? เจียวเซียนในมือของคุณตื่นแล้วเหรอ?” “เอ่อ...ฉันไม่รู้ เจียวเซียนไม่มีการเคลื่อนไหวอีกเลยหลังจากที่ฉันได้พบกับเตาหมัน ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้มันตื่นแล้วหรือยัง แต่ซากงูเขียวตัวนั้นฉันเป็นคนเคลื่อนย้ายมันออกมาเอง หลังจากงูเขียวนั่นขยับแล้ว ซากสัตว์ตัวอื่นๆ ที่เหลือก็เคลื่อนย้ายได้อย่างง่ายดาย” ฉันตอบ เซียวเหย่ตอบรับคำหนึ่ง จากนั้นก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วบอกว่า “เตาหมันรู้ตั้งนานแล้วว่าในตัวคุณมีเจียวเซียน จึงได้วางหนอนพิษควบคุมเจียวเซียนเอาไว้ในร่างกายของคุณเป็นสาเหตุที่ทำให้มันนอนหลับไม่ตื่น จึงไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบมาโดยตลอด แต่เมื่อพิจารณาในตอนนี้ มันน่าจะมีสัญญาณว่ากำลังจะตื่นแล้ว เจียวเซียนเป็นราชาแห่งงู ดังนั้นถึงแม้งูเขียวตัวนั้นจะตายไปกลายเป็นวิญญาณงูแล้ว แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเจียวเซียน ยังคงอ้อนน้อมกับคุณ ดังนั้นคุณถึงสามารถทำลายค่ายกลนี้ลงได้ “อ้อ...เป็นแบบนี้เองน่ะเหรอ...” ฉันกระจ่างในทันทีและรู้สึกยินดีในคราวเดียวกัน โชคดีที่ในตัวฉันมีเจียวเซียนอยู่ โชคดีที่เจียวเซียนกำลังจะตื่นแล้ว ไม่เช่นนั้นถึงตอนนี้ฉันก็คงยังไม่ได้พบเซียวเหย่ ดูท่าเจียวเซียนนี้ปกติจะทำให้คนปวดหัวมานักต่อนัก แต่ในช่วงเวลาวิกฤติก็ยังอยู่ใกล้มือ ฉันกำลังแอบทอดถอนหายใจ ทางด้านถังเยว่กำลังจะบ้าตายอยู่แล้ว เขาเป็นหลงโผของเมืองไทย มีความเชี่ยวชาญในเรื่องการเลี้ยงผี แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับผีดิบ ทำได้เพียงต่อสู้ด้วยร่างกาย แต่ยังไงเขาก็มีเลือดเนื้อ ถึงแม้จะมีความแข็งแกร่งพอๆ กับเซียวเหย่ แต่กับผีกองกอยก็ยังคงมีความมึนงงอยู่ เมื่อเห็นเขาใช้กำลังมากผิดปกติแบบนั้น แม้แต่ฉันก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้วจึงโน้มน้าวเซียวเหย่ “คุณไปช่วยเขาหน่อยได้ไหม ยังไงเขาก็เคยช่วยคุณมาหลายครั้ง...” ยังไม่ทันที่ฉันจะพูดจบ เซียวเหย่ก็ยักคิ้วแล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “คุณเป็นห่วงเขาเหรอ?” “เอ่อ...เปล่า เปล่าแน่นอน!” ตอนแรกฉันอยากพยักหน้า แต่ฉันสัมผัสได้ถึงแรงอาฆาตที่ออกมาจากตัวเซียวเหย่จึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธ เซียวเหย่เหลือกตาใส่ฉัน ราวกับอ่านใจของฉันได้ทะลุปรุโปร่ง แต่เขาก็ยังมอบฉันให้กับถงถง ให้ถงถงคอยดูแลปกป้องฉัน แล้วตัวเองก็เดินไปหาถังเยว่ ในตอนนี้ผีกองกอยหนุ่มยังพัวพันอยู่กับถังเยว่ ส่วนผีกองกอยสาวก็ถูกเซียวเหย่ต่อยจนมึนงงลุกไม่ไหว พวกเซียวเถิงจึงเป็นอิสระ ช่วยกันประคองกันและกันเดินมาหาฉัน ตอนนี้ฉันเพิ่งได้เห็นถึงสภาพอันน่าเวทนาของเขาอย่างชัดเจน ในใจก็อดสะดุ้งไม่ได้ ตำรวจทั้งหมดสามนายที่ตามพวกเราลงมา ตำรวจหนุ่มหนึ่งนายได้ถูกเหวินเหวินฉีกเนื้อต่อหน้าฉัน ส่วนตำรวจหนุ่มอีกหนึ่งนายได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือด เสื้อผ้าถูกฉีกขาดจนหมด เนื้อตัวถลอกปอกเปิก เหลือเพียงตำรวจมีอายุคนนั้นที่สถานการณ์ยังดีกว่านิดหน่อย ในมือเขาถือปืนอยู่ ปากกระบอกปืนยังมีเขม่าอยู่ ท่าทางเขาน่าจะยิงออกไปแล้ว แต่เมื่อครู่ฉันเผชิญหน้าอยู่กับเหวินเหวินด้วยความตึงเครียดจึงไม่ได้ยินอะไรเลย โชคดีที่เซียวเถิงถึงแม้จะหน้าตาซีดเผือก ท่าทางอ่อนระโหยโรยแรง แต่เขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บ บาดแผลสักนิดบนร่างกายก็ไม่มี ดูเหมือนครอบครัวที่เกิดมาจากหยินหยางจะไม่เหมือนคนอื่น ถึงแม้ความสามารถของเขาจะไม่เท่าไร แต่ก็ยังมีความสามารถในการปกป้องตนเองอยู่ เขาเป็นห่วงฉันอย่างเห็นได้ชัด พอเข้ามาก็เรียกฉันว่าคุณย่ารอง จากนั้นแสงจากไฟฉายก็สาดส่องไปรอบๆ ร่างกายของฉันอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าฉันไม่ได้รับบาดเจ็บก็โล่งอกได้ในที่สุด ในตอนนี้เซียวเหย่กำลังช่วยถังเยว่จัดการกับผีกองกอยหนุ่ม ฉันเห็นตำรวจหนุ่มคนนั้นได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงถามถงถงว่าสามารถใช้พลังหยินรักษาคนอื่นได้เหมือนเซียวเหย่หรือไม่ ใครจะคาดคิดว่าถงถงจะส่ายหน้า ใบหน้าน้อยๆ ของเขามีความอ่อนแรง บอกว่าตอนนี้พลังหยินของเขามีไม่เพียงพอในการใช้รักษาคนอื่นแล้ว ฉันรู้สึกผิดอยู่ในใจ เพื่อต้องการปกป้องฉันเขาถึงได้ใช้พลังหยินไปมากมายขนาดนี้ พอคิดเช่นนี้ ฉันก็นึกถึงเรื่องราวอีกเรื่องหนึ่งขึ้นมาทันที! แล้วเจิ้งเล่อล่ะ? ถังเยว่กับเซียวเหย่ก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว เหลือเพียงเจิ้งเล่อที่ยังไม่โผล่หน้ามา เขาหายไปพร้อมกับเซียวเหย่นี่นา ทำไมถึงไม่อยู่กับเซียวเหย่ล่ะ? เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉันก็ลืมเรื่องรักษาตำรวจหนุ่มคนนั้นไปเลย ร้อนใจจนอยากจะตะโกนถามเซียวเหย่ถึงสถานการณ์ของเจิ้งเล่อ แต่เซียวเหย่กำลังต่อสู้อยู่กับผีกองกอยหนุ่ม ฉันก็กลัวว่าหากตะโกนเรียกเขาในตอนนี้จะทำให้เขาเสียสมาธิ จึงทำได้เพียงปรึกษาหารือกับตำรวจมีอายุ ให้เขาพาตำรวจหนุ่มปีนขึ้นไปรักษาด้านบนก่อนเพื่อไม่ให้เสียเวลา อันที่จริงช่วยใครได้ก็เท่านั้นเถอะ ตำรวจมีอายุเพิ่งเคยเห็นภาพเลือดสาดอันน่าสยดสยองแบบนี้เป็นครั้งแรกก็ตกตะลึง ฉันพูดถึงได้สติกลับมา รีบพยักหน้าตอบรับ เราใช้เข็มขัดหนังมัดตัวตำรวจหนุ่มให้ติดกับร่างกายของตำรวจมีอายุ เมื่อมัดอย่างแน่นหนาและกำจัดบรรดาผีกองกอยเรียบร้อย ก็ส่งตำรวจมีอายุปีนขึ้นไปที่ปากบ่อตามบันไดเชือกเสร็จแล้วจึงค่อยวางใจ ในตอนนี้เสี่ยวเถิงโน้มน้าวให้ฉันขึ้นไปด้วย เขากล่าวว่าสถานการณ์ด้านล่างเป็นอันตรายมากกว่าที่เขาคิดและให้ฉันรีบออกไปในขณะที่สถานการณ์ยังมั่นคงอยู่ ในเมื่อก็พบคุณปู่รองแล้ว อีกประเดี๋ยวพวกเขาก็จะตามขึ้นไป พูดตามตรงในตอนนี้ฉันก็เริ่มถอยหลังแล้ว เมื่อได้พบกับผีกองกอยอันน่าสยดสยองเมื่อครู่ แถมยังถูกผีกองกอยจับตัวได้อีกต่างหาก ถึงแม้เธอจะไม่ได้กัดฉัน แต่ข้อเท้าของฉันในตอนนี้ก็เจ็บปวด ไม่ต้องดูก็รู้ว่าในตอนนี้ข้อเท้าคงจะม่วงช้ำไปหมดอย่างแน่นอน แต่ยังหาตัวเจิ้งเล่อไม่พบ แถมกว่าจะได้พบกับเซียวเหย่ ยังไงฉันก็จะไม่ยอมแยกจากเขาอีกเด็ดขาด ใครจะรู้ว่าหากฉันขึ้นไปแล้วเซียวเหย่ที่อยู่ข้างหลังจะมีอันตรายหรือเปล่า? ฉันต้องการที่จะอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาในเวลาที่เขาวุ่นวายเช่นนี้ อีกอย่างเมื่อครู่เซียวเหย่ยังได้บอกไว้ว่า โชคดีที่ในตัวฉันมีเจียวเซียนถึงได้สามารถทำลายค่ายสัตว์เทพทั้งสี่ลงได้ นั่นก็แสดงว่าฉันก็ยังมีประโยชน์อยู่ เผื่อจะมีอันตรายใดๆ ขึ้นมาอีกล่ะ? มีฉันตามไปด้วยก็น่าจะดีกว่าไม่มีจริงไหม? อีกอย่างเจิ้งเล่อก็เป็นกุมารทองของฉัน ถ้ายังหาตัวเขาไม่เจอ ฉันก็ไม่อาจวางใจยอมล่าถอยได้เลย หลังจากบอกเหตุผลอย่างจริงจังกับเซียวเถิงแล้วเขาก็เงียบลงในที่สุด ไม่โน้มน้าวให้ฉันขึ้นไปอีกแล้ว เพียงแค่กำชับให้ฉันเก็บป้ายหยกที่เซียวเหย่มอบให้ฉันไว้ให้ดี คอยนึกถึงคาถาที่ใช้ปลุกป้ายหยกเอาไว้ เพื่อไม่ให้ปลุกป้ายหยกไม่ได้ในช่วงเวลาสำคัญ พอได้รับการเตือนสติจากเขา ฉันก็อายจนเหงื่อไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง สงสัยฉันจะโตมาแบบมึนงง เขาเองก็ไม่ได้แตะต้องตัวฉันสักเท่าไร แต่ก็สามารถคาดเดาได้ถูกว่าฉันจะพบกับสถานการณ์แบบไหน ฉันพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วถอดป้ายหยกออกมาจากคอ ถืออยู่ในมืออย่างมั่นคง เตรียมไว้หากต้องการใช้ในทุกเวลา ในตอนนั้นเซียวเหย่ก็กำลังได้เปรียบ ภายใต้การร่วมมือกับถังเยว่ ผีกองกอยทั้งสองตัวก็ถูกพวกเขาไล่ต้อนจนจนมุม แต่หลังจากตอนนี้พวกเขาเหมือนจะจนปัญญา ไม่รู้ว่าต้องฆ่าผีกองกอยอย่างไร จึงทำได้เพียงใช้ร่างกายขัดขวางพวกเขาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้พวกเรา แต่การจะเป็นอย่างนี้ต่อไปย่อมไม่ใช่ทางออกที่ดี ฉันถามเซียวเถิงว่ามีวิธีไหนที่จะควบคุมผีกองกอยได้บ้าง อย่างเช่นเขาสามารถวาดยันต์อะไรไว้บนร่างของผีกองกอยได้หรือไม่ เซียวเถิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วบอกว่า “คุณย่ารองดูโทรทัศน์มากเกินไปหรือเปล่า ผีกองกอยไม่มีความรู้สึกตัว ทั้งหมดก็เพราะพลังหยินในที่นี้มันมีมากจนเกินไปถึงได้ดึงดูดพวกผีดูดเลือด ต่อให้มียันต์ที่สามารถควบคุมผีกองกอยได้จริง นั่นก็ต้องเป็นเรื่องของลัทธิเต๋า พวกเราเซียนหยินหยางโดยทั่วไปไม่เขียนยันต์ อีกอย่างจากสถานการณ์ในตอนนี้ ถึงแม้จะมีทางลัทธิเต๋าอยู่ก็ไม่แน่ว่าจะช่วยอะไรได้ “ทำไมล่ะ?” ฉันอดถามไม่ได้ “การก่อตัวขึ้นของผีกองกอยเมื่อครู่ก็ได้พูดไปแล้ว มาจากพลังหยินที่มหาศาลได้ไหลเข้าไปในซากศพแล้วเกิดเป็นผีดูดเลือด ถ้าหากต้องการควบคุมผีกองกอย ไม่ว่าจะเป็นการเขียนยันต์หรือท่องคาถาก็แล้วแต่ ก็ไม่พ้นการใช้พลังหยางมาตัดทอดพลังหยินที่อยู่ในร่างผีกองกอยเสีย เมื่อตัดแหล่งกำเนิดพลังงานของเขาได้ ผีกองกอยก็จะไม่สามารถโวยวายได้อีกต่อไป” “งั้นพวกเราก็แค่ตัดทอดพลังหยินในร่างกายของเขาก็เพียงพอแล้วไม่ใช่เหรอ เซียนหยินหยางอย่างพวกคุณน่าจะมีวิธีที่จะรวบรวมพลังหยางมาเพื่อตัดทอดพลังหยินนะ” ฉันเอ่ย รอยยิ้มขมขื่นของเซียวเถิงยิ่งมีมากขึ้น “วิธีน่ะมี แต่ผมเองเป็นสำนักหยิน มีแต่พลังหยินเต็มไปหมด การจะรวบรวมพลังหยางในสถานที่ที่มีแต่พลังหยินปกคลุมเพื่อตัดทอนพลังหยินนั้น มันก็เหมือนกับการย่างเนื้อแกะในส่วนลึกที่สุดของมหาสมุทร มันไม่มีแหล่งจุดไฟ และไม่มีคุณสมบัติที่เป็นไปได้ในการติดไฟเลย” ฉันเดินมาถึงทางตัน เอ่ยขึ้นด้วยความสิ้นหวัง “แล้วจะทำอย่างไรล่ะ จะปล่อยให้มันเป็นไปแบบนี้เหรอ ไม่มีใครยอมถอยสักก้าว?” เมื่อถูกฉันถามเข้าไปแบบนี้ เซียวเถิงก็เงียบไป หน้านิ่วคิ้วขมวด มองไปทางเซียวเหย่ ครู่หนึ่งผ่านไป เขาถึงถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เหมือนได้ตัดสินใจอะไรบางอย่างแล้ว “ความจริงถ้าจะพูดถึงเรื่องวิธีการก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นก็ต้องอาศัยดวงแล้วล่ะ” “จะอาศัยดวงยังไง?” เห็นเขาพูดว่ายังมีวิธี ฉันก็สะดุ้งขึ้นมาทันที ถ้าจะบอกว่าอาศัยดวง เมื่อก่อนฉันก็ไม่กล้าพูด แต่ตอนนี้ฉันไม่กลัวใครอีกต่อไปแล้ว ใครจะมาดวงดีไปกว่าฉันอีก? โอกาสเหมาะเจาะที่ทำให้ฉันได้รู้จักกับสามีที่ดีอย่างเซียวเหย่ ได้เป็นเพื่อนที่ดีกับถังเยว่ ได้กุมารทองผู้จงรักภักดีอย่างเจิ้งเล่อ แถมยังมีอย่างงูดำผู้เยี่ยมยอดอย่างเจียวเซียนอีก! 
已经是最新一章了
加载中