ตอนที่ 69 เด็กหนุ่มที่หายตัวไป   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 69 เด็กหนุ่มที่หายตัวไป
ต๭นที่ 69 เด็กหนุ่มที่หายตัวไป "สำนักหยินนี้มีทั้งแบบตามธรรมชาติและสรรค์สร้างขึ้น หากบ่อน้ำนี้ถูกปิดตามธรรมชาติ ต้นไหวซู่ด้านบนเติบโตขึ้นมาเอง ถ้าอย่างนั้นค่ายนี้ก็ไม่มีทางแก้ไข แต่ความเป็นไปได้ที่ธรรมชาติจะสร้างสำนักหยินแบบนี้มันมีน้อยมาก ดังนั้นสำนักแห่งนี้จึงมีความเป็นไปได้ที่มนุษย์จะเป็นคนสร้างแปดถึงเก้าส่วน นั่นก็คือถูกสรรค์สร้างขึ้นมา" "ที่ว่ามนุษย์สร้างขึ้นมานั้น การที่จะสร้างค่ายกลในระดับนี้ได้ต้องการคนที่มีความสามารถมากและล้ำลึก โดยปกติแล้ว คนที่มีความสามารถมากและล้ำลึกนี้ พลังหยางในตัวต้องมีมาก ตอนที่สร้างสำนักหยินนั้นจะทิ้งพลังหยางเอาไว้มาก แต่การสร้างสำนักหยินนั้นต้องการสภาพแวดล้อมที่มีเพียงพลังหยินเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาโดยปกติพวกเขาจะมองหาสิ่งของเพื่อมารักษาพลังหยางที่มีในร่างกายของตัวเองไว้ ให้พลังหยางถูกกักเก็บอยู่ภายใน ขอเพียงพวกเราค้นพบสิ่งของที่จะนำมาเก็บรักษาพลังหยางของผู้สร้างค่าย นั่นก็เท่ากับการมีแหล่งจุดไฟ ผมจะสร้างสำนักหยางเอาไว้ทั้งสี่ทิศของแหล่งกำเนิดไฟ บางทีมันอาจจะช่วยต่อต้านพลังหยินจากสำนักหยินและทำลายสำนักหยินแห่งนี้ลงได้! “ขอแค่ทำลายสำนักหยินนี้ ก็จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับการรับมือกับผีกองกอยสองตัวนั้นแล้ว” เซียวเถิงกล่าว เขาพูดจบฉันก็ปรบมือแล้วพูดด้วยความดีใจ “แล้วจะรีรออะไรอีกล่ะ ก็แค่หาสิ่งของเองไม่ใช่เหรอ พวกเราก็มีไฟฉายแรงสูง ถ้ำนี้ก็ไม่ได้ใหญ่โตอะไรมาก ขอแค่หาให้ดีๆ ยังไงก็ต้องเจอ” เซียวเถิงมองฉันอย่างจนปัญญา เขาไม่อยากจะดับความหวังของฉันลงอีกจึงพูดด้วยเสียงอันเบา “แต่หวังว่าแม่หม้ายหลี่จะเป็นคนสร้างค่ายที่ซับซ้อนเช่นนี้” พูดจบเขาก็ยื่นไฟฉายกระบอกหนึ่งให้ฉัน ช่วยฉันหาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ฉันให้ถังเยว่กับเซียวเหย่ต้านทานต่อไปอีกนิด แล้วตัวเองก็เอาแต่ใจจดใจจ่ออย่ากับการค้นหาสิ่งของที่น่าสงสัยบนพื้น เมื่อค้นหามานานกว่าชั่วโมงแล้ว ในที่สุดฉันก็เข้าใจว่าทำไมสีหน้าของเซียวเถิงถึงได้เคร่งเครียดขนาดนั้น เพราะนอกจากผีกองกอยสองตัวที่น่าขนลุกนั่นแล้ว ที่นี่นั้นสะอาดสอ้าน ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง ถึงแม้จะเห็นผีก้อนกรวด ฉันก็คงมีความสุขมากๆ อยู่ดี แน่นอนว่าฉันก็คิดง่ายไปอยู่ดี ฉันรู้สึกค่อนข้างท้อแท้ ถามเซียวเถิงว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ที่นี่ไม่มีอะไรสักอย่าง แม้แต่ผนังหินที่อยู่ด้านข้างฉันก็ตั้งใจค้นหามาแล้ว แต่ก็ไม่พบความผิดปกติใดๆ เลย เขาพูดผิดไปหรือเปล่า หรือว่านี่เป็นสำนักหยินที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ไม่มีทางที่จะทำลายลงได้งั้นเหรอ? เซียวเถิงถอนหายใจ “ดังนั้นเมื่อครู่ผมถึงบอกว่าเรื่องนี้ต้องอาศัยดวง สำนักหยินนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่จะมีสิ่งที่กักเก็บพลังหยางได้ไหมไม่แน่ใจ ต่อให้มีจริงๆ ค่ายกลที่สามารถวางสำนักหยินได้อย่างลึกซึ้ง แถมยังใช้สำนักหยางผนึกกำลังกับค่ายสัตว์เทพทั้งสี่ จะต้องเป็นค่ายกลที่ใช้การได้ดีมาก ในเมื่อเป็นค่ายกลที่ใช้การได้ดีมาก จะวางค่ายเล็กๆ ที่เก็บซ่อนพลังหยางเอาไว้ได้อีก สำหรับเขาแล้วเป็นเรื่องที่ง่ายมาก” เมื่อเซียวเถิงพูดมาแบบนี้ฉันก็แทบทรุด ความจริงพวกเราสามารถล่าถอยได้ในตอนนี้ ยังไงค่ายสัตว์เทพทั้งสี่ที่อยู่ด้านบนก็ถูกฉันทำลายลงแล้ว อาศัยจังหวะที่เซียวเหย่กับถังเยว่กำลังถ่วงเวลาผีกองกอยอยู่ พวกเราก็จะล่าถอยออกไปได้ จากนั้นเซียวเหย่กับถังเยว่ค่อยออกมาทีหลัง ด้วยความเร็วของพวกเขา การจะสะบัดผีกองกอยออกแล้ววิ่งหนีนั้นไม่น่าเป็นปัญหา แต่ถ้าทำแบบนี้ก็เท่ากับทิ้งเจิ้งเล่อเอาไว้ที่นี่ อีกอย่างจนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ปรากฏตัวเลย น่าจะถูกสิ่งของบางอย่างกักขังเอาไว้ ถ้าหากพวกเราไม่สนใจเขา เขาย่อมไม่สามารถหนีออกมาได้เองแน่ อีกนิดหนึ่ง ค่ายที่กดทับอยู่ด้านบนได้ถูกทำลายลงแล้ว แบบนี้ไม่เพียงแต่ให้เซียวเหย่ออกไปได้ รวมถึงผีกองกอยทั้งสองตัวก็อาจจะออกไปได้ด้วย เหมือนพวกเขาในตอนนี้ ถ้าหากหนีขึ้นสู่ด้านบนแล้วเข้าสู่สังคมได้...” ภาพนั้นฉันเองก็ไม่กล้าคิด ขนาดเซียวเหย่และถังเยว่ยังทำอะไรพวกเขาไมได้ แล้วตำรวจกับนักดับเพลิงด้านบนจะทำยังไงกับพวกเขา? จะต้องทำให้สังคมวุ่นวายอย่างแน่นอน อีกอย่างอาจจะเหมือนกับหนังผีซอมบี้ของอเมริกาก็ได้ ทั่วทั้งเมืองอยู่ในความสับสนอลหม่าน... หัวใจของฉันเต้นอย่างรุนแรง พยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ หลายครั้ง ฉันพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แล้วให้กำลังใจเซียวเถิง “เมื่อครู่เธอบอกว่าสำนักหยินเป็นที่มนุษย์สร้างขึ้น ในเมื่อเป็นฝีมือของมนุษย์ แล้วทำไมถึงจะไม่มีร่างสะสมพลังหยางล่ะ ขอแค่มีร่างสะสมพลังหยาง เราก็จะมีความหวังในการตามหา ยังไงก็ลองละเอียดถี่ถ้วนมากกว่านี้หน่อย ตั้งใจหายังไงก็ต้องหาเจอ” พูดจบก็ฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย ตบลงบนบ่าของเซียวเถิงเพื่อบอกให้เซียวเถิงค้นหาต่อไป แต่เซียวเถิงกลับมองฉันอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “คุณย่ารอง ร่างกักเก็บพลังหยางที่ผมพูดถึง ทั้งหมดล้วนอิงมาจากตัวแม่หม้ายหลี่ที่เป็นผู้สร้างค่าย หากค่ายกลแห่งนี้ไม่ได้เป็นฝีมือของแม่หม้ายหลี่ แต่เป็นผีตัวอื่น...” เขาพูดถึงตรงนี้ก็เงียบไป อดกลั้นไว้ไม่พูดให้จบ แต่คำพูดช่วงท้ายถึงไม่ต้องพูดฉันก็เข้าใจแล้ว ถึงแม้ค่ายกลแห่งนี้จะเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่ถ้าหากคนที่สร้างค่ายไม่ใช่คนที่มีชีวิตแต่เป็นผีแล้วล่ะก็ ก็ไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนพลังหยางในตัวเอง และยิ่งไม่ต้องการร่างกักเก็บพลังหยางใดๆ เลย! เพราะผีนั้นย่อมไม่มีพลังหยางอยู่แล้ว! สิ้นหวัง ทุกอย่างถ่าโถมเขามาหาฉัน ภายในใจพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกาย ที่แท้ความหวังทุกอย่างล้วนจอมปลอม อาศัยดวงก็เป็นคำพูดปลอบใจฉันจากเซียวเถิงเท่านั้น ความจริงในใจของฉันก็เหมือนกับเซียวเถิง ไม่คิดว่าแม่หม้ายหลี่จะมีความสามารถในการสร้างค่ายกลถึงเพียงนี้ แค่ค่ายกลสองค่ายก็สามารถกักขังเซียวเหย่กับถังเยว่ได้แล้ว เจิ้งเล่อเองจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ยังไม่รู้ ถ้าหากแม่หม้ายหลี่มีความสามารถเช่นนี้จริงๆ ครั้งที่แล้วเธอก็คงไม่ถูกพวกเราจับขังเอาไว้หรอก เมื่อพิจารณาในตอนนี้ ค่ายกลแห่งนี้อาจจะเป็นฝีมือของผีร้ายที่ช่วยแม่หม้ายหลี่ถึง 80-90% ในเมื่อเธอเป็นคนทำ พวกเราอาจจะไม่มีทางหนีแล้วก็ได้ ภายในใจของฉันดิ้นรนตะเกียกตะกาย เหมือนมีหินก้อนใหญ่มาวางทับอยู่บนหน้าอกจนฉันหายใจไม่ออก ต่อให้มีเซียวเหย่อยู่ข้างกายฉัน แต่ฉันก็จะไม่รู้จะทำอย่างไรดี ถ้าหากละทิ้งเจิ้งเล่อแล้วตามเซียวเหย่หนีไป มันก็เท่ากับว่าฉันเอาชนวนปัญหาโยนใส่ประชาชนของเจียงเหมิน ตลอดจนคนทั่วทั้งเมืองและประเทศ ถึงแม้ฉันจะไม่ใช่แม่พระมาจากไหน ตอนพบเจอกับอันตรายก็ต้องการปกป้องชีวิตของตัวเองก่อน แต่ในตอนนี้เรื่องราวใหญ่โตเกิดขึ้นตรงหน้า ฉันก็ยากที่จะรับประกันว่าฉันจะรักแต่ตัวเองอีกหรือเปล่า พ่อแม่ของฉันก็อาศัยอยู่ที่เจียงเหมิน ญาติมิตรเพื่อนฝูงของฉันก็อาศัยอยู่ที่เจียงเหมิน ถึงแม้ฉันจะปกป้องตัวเองได้รวมถึงปกป้องพ่อแม่ แต่ฉันจะสามารถเคลื่อนย้ายเพื่อนสนิททั้งหมดออกไปได้ไหม? คิดไปคิดมา ถึงแม้ฉันจะกลัวตายมากและยากที่จะตัดสินใจวิ่งหนีไป จู่ๆ ในใจของฉันก็เกิดผุดความคิดขึ้นมาอันหนึ่ง ถ้าหากมีคนต้องตายที่นี่ งั้นก็ขอให้เป็นฉันเถอะ ถังเยว่กับเซียวเถิงพาถงถงออกไป และคิดหาวิธีที่จะปิดตายที่นี่อีกครั้ง ส่วนฉันกับเซียวเหย่ก็จะฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาปิดตายที่นี่ ดึงเจ้าผีกองกอยทั้งสองตัวนี้ไว้… เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปหาเซียวเหย่ ฉันรู้ว่าความคิดของฉันมันค่อนข้างเห็นแก่ตัวไปหน่อย แม้เซียวเหย่จะเป็นผี ไม่อาจตายได้อีกครั้ง แต่กว่าเขาจะมาพบฉันมันไม่ง่ายเลย มีเรื่องส่วนตัวที่เขาต้องทำ แต่ก็เพราะว่าเขาเป็นผี ฉันจึงต้องพาเขากลับไปยังโลกแห่งวิญญาณ มันไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย มันไม่ต่างอะไรกับการที่ให้เขาตายอีกครั้ง เมื่อเดินมาถึงข้างๆ เซียวเหย่ มือทั้งสองของเขายังบีบอยู่ที่ลำคอของผีกองกอยหนุ่ม ฉันทำได้เพียงเอามือทั้งสองข้างโอบหลังเขา แนบใบหน้าลงบนกล้ามเนื้อของเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “เซียวเหย่ คุณรักฉันมั้ย?” “นี่คุณเกิดบ้าอะไรขึ้นมา อันตรายแบบนี้ คุณรีบออกไปห่างๆ!” เซียวเหย่คาดไม่ถึงกับการกระทำของฉันจึงตำหนิฉันออกมา แล้วตรงหน้าฉันก็มีลมพัดผ่านเข้ามาวูบหนึ่ง ผีกองกอยหนุ่มตัวนั้นได้กลิ่นลมหายใจของฉันก็เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก ตะกุยตะกายเข้ามาหาฉัน ฉันต้องหลบซ่อนอยู่ข้างหลัง แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยเซียวเหย่ ยังคงกอดเขาแล้วพูดว่า “คุณรักฉันมากกว่า หรือรักเสวียนชิงชิงมากกว่า?” ในตอนที่คำถามถูกถามออกไปนั้น ฉันรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเซียวเหย่เกิดอาการสั่น จากนั้นเขาก็ไม่เคลื่อนไหวใดๆ และไม่ตอบคำถามของฉัน แต่สองมือยังคงบีบคอผีกองกอยหนุ่มนั่นอย่างแน่นหนา เซียวเถิงกับถงถงเห็นดังนั้นก็พุ่งเข้ามา ดึงฉันออกมาจากข้างหลัง บอกว่าผีกองกอยโจมตีไปรอบๆ ฉันจะไม่ปลอดภัยถ้าอยู่ตรงนั้น แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ตรงนี้ นี่เป็นวิธีหลีกหนีวิธีเดียวที่ฉันคิดออก มีเพียงฉันกับเซียวเหย่คอยต้านทานผีกองกอยอยู่ตรงนี้ เซียวเถิงออกไปคิดหาวิธีสร้างค่ายสัตว์เทพทั้งสี่ขึ้นมาอีกครั้ง พวกเราก็จะถูกฝังอยู่ด้านล่างไปพร้อมๆ กับผีกองกอยทั้งสองตัวนี้ ไม่เห็นเดือนไม่เห็นตะวัน และไม่ออกไปทำร้ายคนอื่น “พาเธอไป” เซียวเหย่นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วพูดประโยคนี้ออกมา น้ำเสียงของเขาทุ้มหนัก เต็มไปด้วยความสง่าผ่าเผย เซียวเถิงเป็นหลานชายของเขา ให้ความเคารพเขาอย่างมาก เมื่อได้ยินคำพูดที่น่าเกรงขามเช่นนี้ ก็รีบยื่นมือเข้ามาลากฉันออกไปทันที ขณะเดียวกันก็คอยโน้มน้าวใจฉัน บอกว่าสถานการณ์ในตอนนี้พวกเขากำลังคิดหาวิธีแก้ไขอยู่ ยังไงก็ต้องออกไปให้ได้ อย่าเอาแต่มองโลกในแง่ร้ายตอนนี้ ถึงแม้เขาจะโน้มน้าวใจฉันสักเท่าไร แต่น้ำเสียงของเขากลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังปลอบใจ เขาเข้าใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้มากกว่าใคร ดังนั้นเขาย่อมรู้สึกสิ้นหวังมากกว่าฉันแน่ ขณะที่กำลังดิ้นรนอยู่นั้นหัวใจของฉันก็สิ้นหวังจนถึงที่สุด แต่ในเวลานี้จู่ๆ หัวใจของฉันก็เกิดกระตุก ราวกับมีเชือกเส้นเล็กๆ เข้ามาผูกพันเชื่อมต่อ จิตใต้สำนึกอันเลือนรางปรากฏขึ้นในหัวสมองของฉัน นำพาฉันไปยังทิศทางหนึ่ง จิตใต้สำนึกนั้นคล้ายกำลังสะกดจิตฉัน บอกกับฉันว่า ไปทางนั้น...อยู่ตรงนั้น... ทิศทางนั้นเป็นทางที่เซียวเหย่จับผีกองกอยหนุ่มตัวนั้นอยู่ ฉันถูกจิตใต้สำนึกนั้นชักจูงไปหาเซียวเหย่อย่างไม่รู้ตัว บอกให้เซียวเหย่พาผีกองกอยหนุ่มนั่นไปยังอีกทางหนึ่ง เซียวเหย่เห็นฉันยังคงมุ่งหน้าไปหาเขาโดยที่ไม่สนใจอะไรจึงเกิดโมโหขึ้นมา ตะคอกขู่ฉันว่าหากเข้าไปใกล้อีก เขาก็จะไม่เกรงใจฉันแล้ว! แต่ฉันไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ จิตใต้สำนึกนั้นได้เข้าควบคุมสมองของฉันทั้งหมด ต้องการให้ฉันเดินไปทางผีกองกอยหนุ่ม ฉันมองข้ามเซียวเหย่ไปเลย เห็นเซียวเหย่ไม่ฟังคำพูดฉันจึงเดินตรงเข้าไปหาผีกองกอยหนุ่ม เซียวเหย่โกรธจนตาแดงก่ำ ดุด่าฉันอย่างบ้าคลั่ง ขนาดผีกับเซียวเถิงยังดึงฉันไว้ข้างหลัง แต่ฉันไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ลากพวกเขาให้เดินเข้ามาด้วยกัน ฉันเดินมาถึงตรงหน้าผีกองกอยหนุ่มแล้ว เขาตะเกียกตะกายจะกัดฉันราวกับผีดูดเลือก แต่ฉันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แม้จะโกรธแต่เซียวเหย่ก็ไม่มีทางเลือก ด่าฉันอีกประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ลากผีกองกอยเพื่อย้ายที่ หลังจากที่ผีกองกอยหนุ่มไปแล้ว ฉันก็เดินไปยังข้างผนังหินที่เขายืนพิงเมื่อครู่ จิตใต้สำนึกนั้นก็คงชักนำฉันอยู่ ให้ฉันผลักผนังหินนั้นเข้าไป ฉันพยายามยื่นมือออกไป ลูบคลำผนังหินนั้น พอลูบไปก็พบว่าผนังหินนั้นเป็นภาพลวงตา มือของฉันสามารถทะลุผ่านผนังหินเข้าไปได้ จากนั้นหัวใจของฉันก็พองโต ฉันเดินทะลุเข้าไปทั้งตัว เซียวเหย่แทบบ้า เมื่อเห็นฉันเดินทะลุเข้าไปในผนังหิน เหวี่ยงผีกองกอยหนุ่มทิ้งไปต้องการจะตามฉันเข้ามา แต่ในขณะที่เขามาถึงยังหน้าผนังหินนั้นก็เกิดเสียงอื้ออึ้งขึ้น เขาชนเข้ากับผนังหินและถูกกั้นเอาไว้ภายนอก! ภายในผนังหินนั้นยังมีถนนเส้นเล็กๆ เส้นหนึ่งขนาดกว้างเท่ากับแถวเรียงเดี่ยว แต่ความปรารถนายังบอกให้เข้าไปลึกกว่านี้อีก ฉันไม่อาจปฏิเสธได้ เดินมุ่งหน้าไปตามถนนเส้นเล็กๆ ตามความปรารนา เดินไปอีกประมาณสิบกว่าเมตร ที่ปลายถนนเส้นนั้นปรากฏถ้ำหินอีกแห่งหนึ่ง ถ้ำหินนี้ใหญ่กว่าเมื่อครู่ อย่างน้อยก็ต่างกันยี่สิบกว่าตารางเมตร ส่วนถ้ำหินที่ฉันเพิ่งเข้าไปมานั้น ภายในก็มีเสียงอันน่าตกใจดังออกมา “เจ้านาย? คุณติดต่อสื่อสารกับผมได้แล้วเหรอ?” เด็กหนุ่มหน้าตาสดใสอายุราวๆ สิบสี่สิบห้าเดินเข้ามาตรงห้าฉันแล้วจับมือของฉันไว้ด้วยความดีใจแล้วพูดว่า “รีบเข้ามาดูเร็วว่าผมพบอะไร?” เด็กหนุ่มที่พูดขึ้นมานั้นก็คือเจิ้งเล่อที่หายตัวไปแสนนาน!
已经是最新一章了
加载中