ตอนที่ 92 เฮยีอาจั้น
1/
ตอนที่ 92 เฮยีอาจั้น
Hello คุณผีพรายของฉัน
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 92 เฮยีอาจั้น
ตนที่ 92 เฮยีอาจั้น เมื่อได้ยิน ฉันถึงจะเรียกสติกลับมาได้ ฉันถูกหลี่ชิ้วจื่อลักพาตัว ฉันยังไม่ตาย! ฉันเบิกตาทันที จากนั่งก็ลุกขึ้นมานั่ง เมื่อยายหลิวฝันเห็นฉันตื่นสักที สีหน้าก็ปิติยินดี จากนั้นก็จับมือฉัน และพูดด้วยเสียงแผ่วเบาว่า : "รีบไป ฉวยโอกาสตอนที่หลี่ชิ้วจื่อไม่อยู่หนีออกไปจากที่นี้ เพราะถ้าเขากลับมา พวกเราคงหนีไปไม่พ้นแน่" ขณะที่พูด เธอก็ยังมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ และพูดว่า : "คิดไม่ถึงว่าหลี่ชิ้วจื่อจะร้ายกาจขนาดนี้ เขาอยู่ในหมู่บ้านของพวกฉันเป็นแค่คนอันพาลที่ชอบข่มเหงรังแกผู้ที่อ่อนแอหรือไร้อำนาจกว่า แต่แท้ที่จริงล้วนเป็นเรื่องจอมปลอมทั้งนั้น" พูดจบเธอก็ขนลุกขนพองทีหนึ่ง เหมือนเกรงกลัวต่อหลี่ชิ้วจื่ออย่างมาก ส่วนบนตัวฉันยังคงมีอาการร้อนสลับหนาวแทบทรมานอยู่ แต่หลังจากดูดซึมพลังหยินชี่จากยายหลิวฝันเสร็จก็รู้สึกดีมากขึ้น และไม่สนใจจะถามเธอว่าหลี่ชิ้วจื่อไปไหนแล้วด้วย เลยพูดขึ้นว่า : "ท่านยาย รีบหนีไปกันเถอะ" พูดจบฉันก็ตรงออกจากประตูเพื่อจะหนีไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หนีให้รอดก่อนแล้วค่อยคุย เพียงแต่ฉันเพิ่งวิ่งไปถึงหน้าประตู ฉันก็สัมผัสว่าหน้าประตูมีพลังหยินชี่ที่หนาแน่นมากอยู่กลุ่มหนึ่ง พลังหยินชี่นี้มีอนุภาพทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงกลัว ความหนาแน่นของพลังหยินชี่ไม่ด้อยไปกว่าเซียวเหย่เลย! ฉันรีบหยุดฝีเท้าลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พายายหลิวฝันไปหลบหลังประตูพร้อมกับสังเกตการณ์อย่างละเอียด เพราะยายหลิวฝันเป็นผี เธอเลยสัมผัสได้ว่าพลังหยินชี่นี้มาจากภูตผี เดิมทีก็มีหน้าตาลุกลี้ลุกล้น แต่จากนั้นสีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีด และมองฉันอย่างตื่นตระหนกพร้อมพูดว่า : "สหาย...ข้างนอก...อันตรายมาก" ฉันพยักหน้ารับ ฉันรู้อยู่แล้วว่าข้างนอกมีอันตราย เพราะมีภูตผีตัวหนึ่งคอยเฝ้าข้างนอกอยู่ ตอนนี้ยังไม่ต้องคุยเรื่องที่ฉันถูกพลังหยินชี่แว้งกัดก่อน แต่กลัวหาวิธีจัดการกับภูตผีตัวนี้ แต่ยายหลิวฝันเพิ่งเป็นผีตัวใหม่ และถึงแม้ฉันจะมีปลาหยินน้อยอยู่ พวกเราทั้งสองคนรวมมือกันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของภูตผีตัวนี้ สิ่งเดียวที่สามารถทำตอนนี้ได้คือห้ามลงมือโดยพลการก่อน แต่คอยสังเกตการณ์ฝ่ายตรงข้ามแทน ฉันพยายามดึงสติตัวเองให้นิ่งสงบ และพยายามทำใจให้สบายเปิดความคิดให้กว้าง ขณะเดียวกันก็ลองใช้เส้นหยินประเมินกลิ่นฝ่ายตรงข้าม ขณะที่ฉันจะเข้าไปในมิติดันเถียรเพื่อหาเส้นหยินนั้น ก็พบว่าในมิติสร้างดันเถียรเวลานี้ของฉันเหมือนถูกปิดผนึกไว้ จู่ๆในหัวสมองฉันก็ได้รับบาดเจ็บ ดูเหมือนว่ามีพลังหยางชี่อันแกร่งกล้าในร่างกายฉันกำลังขัดขว้างไม่ให้ฉันสามารถเข้าไปในมิติส้างดันเถียรอยู่ ฉันเจ็บจนมีเหงื่อเย็นไหลท่วมตัวชั่วขณะ แต่เพราะข้างนอกมีภูตผีตัวหนึ่งคอยเฝ้าอยู่ ฉันเลยทำได้เพียงกัดริมฝีปากอย่างสุดกำลังไว้ เพื่ออดกลั้นไม่ให้ตัวเองส่งเสียงร้องออกมา เมื่อไม่มีเส้นหยิน ฉันรู้สึกเคว้งคว้าง ไม่รู้จะทำยังไงต่อดี แล้วตกลงภูตผีที่อยู่ข้างนอกคือใครกันแน่? จะใช่เซียวเหย่หรือเปล่า? หรืออาจจะเป็น... เสวียนชิงชิง ฉันแทบจะนับมือนับเท้า แต่นับไปนับมา สุดท้ายภูตผีที่ฉันรู้จักก็มีเพียงสองคนเท่านั้นเอง ตอนนี้ฉันไม่สามารถใช้เส้นหยินสืบเสาะกลิ่นอายของภูตผีคนนั้นได้ชัดเจน และไม่สามารถรู้ฐานะของภูตผีข้างนอกนั้นด้วย ถ้าหากข้างนอกเป็นเซียวเหย่ก็คงจะดีมากๆ แต่ถ้าหากเป็นเสวียนชิงชิง ฉันออกไปคงอันตรายมากแน่ๆ ฉันหันหน้าพร้อมกวาดตามองพื้นที่ในห้องทั้งหมดอย่างละเอียด และพบว่าห้องนี้มีสิ่งผิดปกติมากมาย เป็นแค่ห้องธรรมดาๆห้องหนึ่ง แต่กลับมีภาพมายา เหมือนกับห้องที่สร้างด้วยคาถากลายเป็นภาพสามมิติ ทุกอย่างดูว่างเปล่าเลือนราง แต่เมื่อกี้ฉันเพิ่งจะนอนอยู่บนเตียงอยู่เลย ทำไหมหายไปแล้ว ตกลงว่าอยู่ที่ไหนกันแน่? ฉันขมวดคิ้วขึ้น ตอนนี้ฉันไม่สนใจว่าห้องนี้จะมีสิ่งผิดปกติอะไรเเล้ว แต่สิ่งที่สำคัญคือลองหาหนทางหนีทางอื่นดูก่อน ไม่รอฉันหาทางออกเสร็จ ยายหลิวฝันก็ดึงมือฉันข้างหนึ่งไว้ พร้อมส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง และพูดว่า : "สหายไม่ต้องหาแล้ว ต่อให้คุณขุดหลุมสามนิ้วก็หาทางออกไม่เจอ เพราะที่นี้ไม่ใช่โลกมนุษย์ นอกจากประตูใหญ่ คุณก็ไม่มีทางหนีอื่นอีก" "อะไรนะ? ที่นี้ไม่ใช่โลกมนุษย์หรอ?" ฉันนิ่งอึ้งชั่วขณะ และมองยายหลิวฝันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ พูดว่า : "เป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าที่นี้ไม่ใช้โลกมนุษย์ หรือว่าจะเป็นโลกวิญญาณ...เป็นไปไม่ได้?" เมื่อเห็นสภาพของฉันที่ไม่สู้ดี ยายหลิวฝันก็ตบบ่าฉันเบาๆและพูดว่า : "สหาย คุณอย่าเพิ่งรีบร้อนใจ ที่นี้ไม่ใช่โลกวิญญาณ พวกเรายังอยู่ในป่าช้าของหมู่บ้านของพวกฉันอยู่ ดวงวิญญาณของคุณถูกหลี่ชิ้วจื่อจำคุก ดังนั้นคุณเลยถูกคุมขังที่นี้" "ดวงวิญญาณ? สภาพของฉันตอนนี้คือดวงวิญญาณหรอ?" ฉันตกใจอีกครั้งพร้อมก้มหน้ามองมือทั้งสองข้างของตัวเอง แต่ก็ยังเห็นชัดเจน ยังคงเหมือนกับปกติไม่มีเปลี่ยนแปลง และยังเห็นได้ชัดว่าสภาพร่างกายของฉันมีความแตกต่างกับดวงวิญญาณของยายหลิวฝัน แต่เมื่อกี้ฉันมั่นใจว่าตื่นขึ้นบนเตียงอย่างสะลึมสะลือ มิน่าฉันยังมองเห็นทุกอย่างแปลกๆ ฉันรู้สึกซวยมากในเวลานี้ และรู้สึกทรมานจนอยากร้องไห้ ฉันตายเป็นผีง่ายดายอย่างนี้เลยหรอ? หรืออาจจะพูดได้ว่า ฉันได้ตายแล้วหรอ? ถ้างั้นดวงวิญญาณของเซียวเหย่ก็ต้องกลับไปในโลกวิญญาณแล้ว พูดอย่างนี้ก็มีความความเป็นไปได้สูงที่ภูตผีข้างนอกจะเป็นเซียวเหย่! เมื่อคิดว่าข้างนอกน่าจะเป็นเซียวเหย่นั้น ฉันก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา และยื่นมือจะผลักประตูออกไป ขณะที่มือของฉันยังไม่ทันสัมผัสประตูไม้นั้น ยายหลิวฝันก็รีบดึงมือฉันกลับมา และพูดอย่างร้อนใจว่า : "มีคนมาแล้ว!" ขณะที่พูด ประตูด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น เขาเดินเร็วมาก และยังมีเสียงหายใจรางๆด้วย เป็นคนแน่ๆ น่าจะเป็นหลี่ชิ้วจื่อ ฉันกระวนกระว่ายแทบไม่ทัน แต่เป็นคนที่มาก็ถือว่าดี ฉันรีบยกเก้าอี้ขึ้นไว้บนหัว และรีบไปหลบหลังประตู พร้อมกับตั้งใจฟังเสียงฝีเท้า ฝีเท้ายิ่งเดินใกล้เข้ามา ชั่วพริบตาเดินมาถึงหน้าประตูแล้ว เมื่อผลักประตูเกิดเสียงแครกและก็เดินเข้ามา ฉันรอคอยวินาทีนี้มาตั้งนานแล้ว ขณะที่มีร่างเงาคนเดินเข้ามาเพียงเสี้ยววินาที พละกำลังที่สั่งสมจกการดื่นนมแม่มาตั้งแต่เด็กก็ขว้างเก้าอี้ใส่อย่างเต็มแรง ชั่วพริบตาเก้าอี้พังยับเยิน คนที่เข้ามาก็ส่งเสียงร้องโหยหวน เขานั่งยองๆพร้อมยกมือจับหัวของตัวเอง เขาส่งเสียงร้องโหยหวนดังกว่าหมูโดนเชือดเสียอีก ในใจรู้สึกปิติยินดี และรีบฉวยโอกาสนี้จู่โจมอีกครั้ง แต่ขณะที่ฉันยกเท้าขึ้นพร้อมที่จะระเบิดแรงถีบเขาในวินาทีนั้น ฉันก็พบว่าน้ำเสียงนี้คุ้นหูมาก "...ถางเหย่วหรอ?" ฉันส่งเสียงร้องอุทานตกใจ และมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เมื่อตรวจดูอย่างมั่นใจว่าคนบนพื้นไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นถางเหย่วนั้น ฉันก็รีบประคองเขาขึ้นมาทันที และรีบถามเขาว่าทำไหมถึงมาอยู่ที่นี้ได้? "พูดจาไร้สาระ ผมอยู่ที่นี้ก็เพื่อมาช่วยคุณไง แล้วยังถามอีกว่าทำไหมผมอยู่ที่นี้ได้?" ถางเหย่วเจ็บปวดจนกัดฟันอดทนไว้ ถึงแม้เก้าอี้จะเป็นกระดาษ แต่ชั่งน้ำหนักด้วยมือถือว่าหนักอึ้ง แทบจะมีน้ำหนักพอๆกับเก้าอี้ไม้เลย มิน่าถางเหย่วถึงร้องแหกปากอย่างน่าเวทนา เขายื่นใบหน้าเจ็บปวดเข้ามาหาฉัน และแสดงท่าทางให้ฉันช่วยนวดให้ด้วย พูดว่า : "ตอนแรกกังวลว่าคุณจะได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้ดูแล้วคุณน่าจะไม่เป็นอะไร และน่าจะมีร่างกายแข็งแรงกว่าผมอีกด้วย ผมไม่สน ในเมื่อคุณทำร้ายผมแล้ว ต่อไปผมต้องช่วยคุณแบ่งเบาภาระบ้าง แต่งงานกับผมนะ ผมจะคลอดลูกให้คุณเอง... เฮ้ยไม่ใช่ คุณจะคลอดลูกให้ผม..." ถึงแม้เขาจะได้รับบาดเจ็บอยู่ แต่ปากของเขาแทบจะปิดไม่สนิทเลย และยังพูดจาไม่หยุดไม่หย่อนด้วย ตอนแรกฉันรู้สึกผิดที่ทำร้ายเขา และอยากนวดช่วยเขา แต่พอฟังเขาพูดจาแบบนี้ ฉันก็รู้สึกไม่ดีเลยทันที และพูดด้วยความโมโหว่า : "คลอดน้องสาวคุณหรอ ในเมื่อคุณมาช่วยฉัน ก็ช่วยรีบหนีไปให้เร็วหน่อย หากหลี่ชิ้วจื่อกลับมา ใครหน้าไหนก็หนีไปไม่ได้แน่ๆ" "ใครบอก คุณไม่เคยเชื่อมั่นในตัวผมบ้างเลย? และไม่เคยชื่นชมผม ด้วยความสามารถของผม ต่อให้เขากลับมาจริงๆก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผมหรอก..." ถางเหย่วนวดหัวพลาง และยืนขึ้นพลาง และพูดอย่างมีอำนาจบาตรใหญ่ แต่ฉันกลับเห็นร่างเงาหนึ่งข้างหลังเขาอยู่ ในใจฉันตกใจ และฉันก็หยิกเขาทีหนึ่ง พร้อมพูดว่า : "ถางเหย่ว ไม่ต้องพูดแล้ว..." "ผมจะพูดจะทำไหม เพราะทุกอย่างเป็นความจริง เมื่อกี้เป็นเพราะตาเฒ่าหลงโผจับตัวคุณได้ด้วยความบังเอิญ เขาฉวยโอกาสตอนที่ผมไม่ทันตั้งตัวจู่โจมผมก่อน ฝากไว้ก่อน รอให้เขากลับมาค่อยประลองกัน..." "เขาอยู่ข้างหลังคุณ..." ฉันเห็นแล้วว่าคนที่อยู่ข้างหลังเซียวเหย่วคือหลี่ชิ้วจื่อที่มีใบหน้าโกรธจนหน้าดำหน้าแดง พร้อมกับจ้องมองถางเหย่วด้วยสายตาดุดัน และปล่อยเจตนาอาฆาตออกมา "ไม่ต้องมาขู่ขวัญผมหรอก ตอนนี้เขาแทบจะไม่สามารถกลับมาได้ อีกอย่างต่อให้เขามาจริงๆ กูก็ไม่กลัว..." ถางเหย่วยังคงพูดจาอย่างโอ้อวด ที่จริงเขาเห็นสีหน้าที่ไม่สู้ดีของฉันแล้ว แต่ปากยังคงขยับไม่หยุด พร้อมทั้งทำสายตาส่งเสน่ห์ให้ฉันด้วย ระหว่างที่พูด หลี่ชิ้วจื่อก็ค่อยๆเดินมาถึงข้างหลังเขา พร้อมแขวนรอยยิ้มเย็นชา และยกมีดใบหนึ่งที่คล้ายกับเล็บอันหนึ่งขึ้นมา ฉันรู้จักเล็บนั้น มันคือเล็บควบคุมวิญญาณ! เล็บที่แม่หม้ายหลี่ให้ฉันทิ่มแทงเซียวเหย่นั้น มีขนาดเล็บเท่ากันกับตอนนี้ แต่เล็บที่เขาถืออยู่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเล็บควบคุมวิญญาณชนิดpuls เพราะตอนที่แม่หม้ายหลี่ให้เล็บควบคุมวิญญาณให้ฉันมีหลากหลายชนิดมาก ฉันส่งเสียงร้องตกใจ จากนั้นฉันก็ผลักถางเหย่วตามจิตสำนึก แต่ถางเหย่วกลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ เหมือนสามารถรับมือทุกปัญหาได้ เขาคว้าจับมือของฉันไว้ และดึงฉันเข้าไปในอ้อมอกของเขา จากนั้นเขาก็อุ้มฉันและหันหลังหนีทันที ความเร็วในการวิ่งของเขารวดเร็วมาก หลัวจากเขาอุ้มฉันขึ้น ฉันก็มองเห็นหลี่ชิ้วจื่อวิ่งช้าลง และเชื่องช้าเหมือนกับฉากสโลว์โมชั่น ชั่วพริบตารอบตัวของเขาก็มีหมอกควันสีขาวอบอวลขึ้น ชั่วพริบตาฉันก็นึกขึ้นได้ว่า ตอนที่เขาลักพาตัวฉันก็ทำแบบนี้เหมือนกันจนเขาสามารถแซงนำหน้าเซียวเหย่ได้ ไม่กี่วินาทีผ่านไป ฉันก็หนีผ่านจากหลี่ชิ้วจื่อออกนอกห้องแล้ว สถานการณ์เริ่มดีขึ้น แต่ถางเหย่วก็ไม่หยุดฝีเท้า ยังคงอุ้มฉันหนีอย่างไม่ชะล่าใจ เขาวิ่งผ่านอุโมงค์มืดมิดที่ยาว และวิ่งผ่านป้ายกำแพงหิน สุดท้ายก็วิ่งผ่านทุ่งหญ้า ในที่สุดเขาก็หยุดสักที ตอนนี้พวกเราได้ออกจากป่าช้าแล้ว และกลับมาถึงที่รถจอดไว้เรียบร้อย ผีผู้ชายแช่แข็งคนนั้นยังคงนั่งตรงที่นั่งคนขับอยู่ เมื่อรอพวกฉันขึ้นรถเสร็จ ถางเหย่วก็ตะคอกดังๆว่า : "เหม่อลอยทำอะไรอยู่ รีบขับรถสิ! รีบหนี !" ผีผู้ชายแช่แข็งเพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง และไม่กล้าถามอะไรมาก รีบสตาร์ทรถทันที และเร่งเครื่องทะยานจากบ้านหลิวฝัน ถึงแม้ว่าฉันจะถูกถางเหย่วอุ้มไว้ในอ้อมกอดตลอดทางโดยไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่ก็ยังมีอารมณ์หวาดกลัว แถมยังหายใจเร็วถี่เหมือนวิ่งหนีเองด้วย ไม่นาน ฉันก็เริ่มหายใจเป็นปกติ และพบว่ายายหลิวฝันไม่ได้ตามมาด้วย ฉันรีบสะกิดถางเหย่ว และถามเขาว่าเห็นยายหลิวฝันบ้างไหม ทำไหมเธอถึงไม่ตามมาด้วย? "เธอเป็นผี ศพและกระดูกยังคงถูกฝั่งอยู่ในป่าช้านั้น ที่นั้นเป็นพื้นที่ต้องห้าม เธอเลยออกมาไม่ได้" ถางเหย่วหายใจหอบเหมือนกับหมาพร้อมอธิบายให้ฉันฟัง "อะไรนะ? เธอยังอยู่ในเงื้อมมือของหลี่ชิ้วจื่อหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอก็ยิ่งตกอยู่ในอันตราย" ฉันลุกลี้ลุกล้นทันที ยายคนนี้ดีกับฉันมากๆ เธอยอมยื่นมือเข้ามาช่วยฉัน ฉันเองก็ไม่สามารถทอดทิ้งเธออยู่ที่นั้นได้เหมือนกัน อีกอย่างเธอกับหลี่ชิ้วจื่อไม่ค่อยถูกคอกันด้วย "ช่วยอะไรของเธอ กว่าจะหนีออกมาได้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้ากลับไปคงไปตายแน่ เสวนเสวน เธอเป็นผีนะ เธอสามารถอยู่อาศัยที่นั้นถึงสิบหกปีได้ ก็แสดงว่าเธอต้องมีที่ปลอดภัยสำหรับตัวเองแน่ ไม่ต้องกังวลหรอก" ถางเหย่วปลอดใจฉัน เขาพูดพลาง และยังเร่งผีผู้ชายแช่แข็งคนนั้นให้เร่งเครื่องพลาง ตอนนี้รถได้ขับห่างออกจากพื้นที่ได้หนึ่งร้อยแปดสิบไมล์แล้ว ฉันรีบร้อนใจทันที : "คุณจะขับรถเร็วขนาดนี้ทำไหม ตาเฒ่าหลี่ชิ้วจื่ออายุปูนนั้นแล้ว ไม่เห็นต้องกังวลเลย ต่อให้เขาตามทัน ก็คงตามไม่ทันความเร็วของรถหรอก และเขาแทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณด้วย..." "พี่ใหญ่ของผมโม้คุณก็เชื่อหรอ เฮยีอาจั้นคนนั้นอย่างน้อยต้องเป็นภูตผีระดับต้น ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ของผมเรียนรู้วิชาอาคมเอาตัวรอดจนชำนาญตั้งแต่เด็ก พี่ใหญ่ของผมกับคุณคงหนีไม่รอดแน่ พี่สาวอย่าได้ถือโทษโกรธพี่ใหญ่ผมเลยนะ" ถงถงทันฟังไม่ได้ จู่ๆก็โผล่ออกมาจากในโลงศพ และพูดขึ้น ถึงแม้ถงถงจะเป็นผีเด็ก แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาแก้ไขสถานการณ์ มักจะมีเหตุผลเสมอ ตอนแรกฉันรู้สึกกระวนกระว่าย แต่ตอนนี้ต้องเหลือบตาขาว เพราะถูกเขาทำตกใจจนเกือบจะสลบไป
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 92 เฮยีอาจั้น
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A