ตอนที่1 “บริษัทเก็บกวาด” สำนักหลิงหลิง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่1 “บริษัทเก็บกวาด” สำนักหลิงหลิง
ตอนที่1 “บริษัทเก็บกวาด” สำนักหลิงหลิง “บริษัทเก็บกวาด” สำนักหลิงหลิง “คุณมีอีเมล์ใหม่ กรุณาตรวจสอบ....” พอได้ยินเสียงเตือนของอีเมล์ฉันดีใจและเดินไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์เพราะฉันรู้ว่างานกำลังเข้ามาแล้ว “อีเมล์ : ฉันพึ่งจะย้ายบ้านไปที่ใหม่ แต่ตั้งแต่ย้ายมาที่นี่บ้านก็ไม่เคยจะสงบเลย สุนัขในบ้านเอาแต่เห่าหอนตลอดแถมเด็กทารกที่ยังแบเบาะพอตกดึกก็เอาแต่ร้องไห้ ของในบ้านก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยฉันคิดว่าในบ้านจะต้องมีของสกปรกแน่ๆ ดังนั้นคุณช่วยมาดูอย่างด่วน! ด่วน! เลย “ เมื่ออ่านอีเมล์นี้เสร็จฉันดีใจจนต้องผิวปากและเดินเข้าไปในห้องครัว พอดีกับที่ประตูของสำนักหลิงหลิงได้เปิดออกซึ่งฉันไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าเป็นเพื่อนร่วมห้อง—เจียงซือที่อายุแปดสิบกว่าปี—หลี่ฉองเซิน เขาเดินเข้ามาในห้องครัวด้วยสภาพเหนื่อยล้าและพิงอยู่ที่ประตู “ดูเหมือนว่าวันนี้เธอจะอารมณ์ดีหนิ! “ ฉันตอบโดยไม่เงยหน้า “แน่นอนสิ มีคนเอาเงินมาให้ก็ต้องมีความสุขอยู่แล้ว” “ดูมีจะมีงานเข้ามาแล้วล่ะสิ? “ ฉันถืออาหารเช้าที่ทำเสร็จแล้วเดินผ่านเขาออกจากห้องครัวไป “ใช่แล้ว เธอต้องรู้ว่าสำนักหลิงหลิงของตระกูลหวงนั้นมีชื่อเสียงมากในเรื่องของโลกวิญญาณ พวกเขาเจอเข้ากับของสกปรกถ้าไม่มาหาฉันแล้วจะไปหาใครที่ไหน! “ เขาขยี้ผมสั้นสีน้ำตาลแดงจนยุ่งเหยิงและเดินไปที่โต๊ะหยิบขนมปังขึ้นมากิน ฉันเงยหน้าเหลือบมองเขา “นี่ นายเป็นผีที่หิวโหยรึไง? “ “ฉันไม่ใช่ผีที่หิวโหย ฉันคือเจียงซือ” ฉันเคี้ยวขนมปังอย่างโกรธแทนการแสดงออก “ถ้าไม่ใช่ย่าเสี่ยวฟังบอกว่าเธอเป็นเจียงซือ ฉันคงจะไม่เชื่อจริงๆ ว่าเธอเป็นเจียงซือที่ไม่ดื่มเลือดแล้วยังจะกินข้าวได้อีก” “แก้ไขให้ถูกต้องคือฉันไม่ใช่ไม่ดื่มเลือดแต่กำหนดวันไปหาลุงซิ้วเพื่อไปดื่มเลือดที่นั่นแทน” ไม่ทันไรอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะก็ถูกกินเรียบไปหมดเลย ฉองเซินเงยหน้าขึ้นมามองฉันในมือก็ถือขนมปังที่เหลืออยู่ครึ่งแผ่น ฉันเหลือบไปมองเขา เขาเอาขนมปังที่เหลือในมือยัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว อาจเป็นเพราะว่าตัวเองรีบกินเกินไปขนมปังก็เลยติดคอ ฉันเลยรีบเอามือทุบอกแล้วก็ไอออกมา ฉองเซิงเห็นท่าทีของฉันก็หัวเราะและเดินเข้าไปหยิบน้ำในห้องครัวมาให้ฉัน ฉันรีบดื่มน้ำที่เขาเอามาให้ ในที่สุดฉันก็ผ่านสงครามนี้มาได้ฉันสำลักขนมปังออกมา “อา! สำลักตายแล้ว! ถ้าฉันเกิดสำลักตายขึ้นมาฉันคงจะไม่มีหน้าไปพบบรรพบุรุษตระกูลหวงได้แน่ๆ! “ “แล้วใครใช้เธอรีบกินขนาดนั้นล่ะ! “ “หืม นายยังมีหน้ามาพูดอีก ฉันอุตส่าห์ทำอาหารเช้านี้มาอย่างยากลำบากแต่นายกลับมากินจนหมดจะไม่ให้ฉันรีบได้ไง? “ ฉองเซิงเกาหัวอย่างเขินอาย “แล้วเมื่อวานตอนกลางวันจนถึงตอนนี้ฉันก็ยังไม่ได้กินข้าวเลยสักมื้อ จะกินเยอะขนาดนี้มันก็สมควรแล้วนี่! “ “แล้วทำไมไม่กินล่ะ! “ “ก็นายต้องเข้าใจนะว่าฉันเป็นแกนนำของ Waitingbarอยู่ตอนนี้แล้วธุรกิจนี้มันดีจนไม่ต้องบอก! เมื่อคืนฉันเองก็เลยต้องพาคุณหนูบ้านรวยทั้งหลายดื่มจนเช้าเพื่อผลลัพธ์ที่สูงและรายได้ที่ดีของร้าน! “ ฉันชำเลืองตามองหลี่ฉองเซิน “คุณลุง เอ๊ะไม่ใช่สิ! ฉันควรจะเรียกนายว่าคุณปู่ นายบอกนายเป็นคนอายุ80กว่าแล้วแต่ยังจะหลอกล่อผู้หญิงตัวน้อยนายนี่มันน่าหม้อเหลือเกิน นี่ถ้าไม่ใช่เพราะย่าเสี่ยวฟังขอร้องไม่ให้เก็บนายฉันคงจะจัดการเก็บนายเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนไปแล้ว” พอฉองเซิงได้ยินฉันเรียกว่าคุณปู่ก็รีบทิ้งขนมปังแล้วมองมาที่ฉัน “ใครเป็นคุณปู่! เธอดูสภาพฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนคุณปู่ตรงไหน! “ ฉันมองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูด “ดูตรงไหนก็เหมือนไปหมด” พอฉองเซิงได้ยินก็เดินมายืนตรงหน้าฉันและค่อยๆ เขยิบเข้ามาใกล้ “หรือว่าเสน่ห์ของฉันยังไม่แรงพอ? “ ฉันมองดูหน้าของฉองเซิงที่เข้ามาใกล้ฉันเรื่อยๆ หัวใจของฉันก็เริ่มเต้นแรงผิดปกติ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าฉองเซิงมีเสน่ห์มาก ทั้งใบหน้าที่ดูดีราวกับรูปแกะสลักที่ดูดึงดูดไปทุกมุมของเขา ถึงภายนอกของเขาดูราวกับเย่อหยิ่ง แต่ดวงตาที่ดูซับซ้อนนั้นกลับทำให้ยิ่งดูน่าสนใจ ผมสีน้ำตาลหนา ดวงตาเรียวยาวภายใต้คิ้วคมเข้มที่เต็มไปด้วยความรู้สึก ถ้าหากไม่ระวังก็จะทำให้คนที่มองถูกดึงดูดเข้าไป จมูกโด่งรับกับริมฝีปากสีแดงขนาดพอดีกำลังยิ้มอย่างมีเลศนัย.... “นายไปไกลๆ เลย! นายยังจะมีกล้ามาเข้าใกล้ฉันอีกนี่ไม่ได้อาบน้ำมาเป็นวันแล้วใช่มั้ย? ถึงได้เหม็นขนาดนี้” พอฉองเซิงได้ยินสีหน้าเขาก็เปลี่ยนทันที “เหม็นจริงหรอ? “ เพื่อพิสูจน์คำพูดของฉัน ฉันตั้งใจบีบจมูกของฉันและทำท่าทางรังเกียจ พอฉองเซิงเห็นท่าทางของฉันเขาก็รีบหายแวบเข้าไปในห้อง พอฉันได้เห็นท่าทางเป็นกังวลของเขาฉันก็ยิ่งหัวเราะชอบใจ เขาว่ากันว่าเจียงซือเกิดมาจากความโกรธแค้นของสวรรค์ ไม่แก่ ไม่ตาย ไม่ดับ และถูกสวรรค์ทอดทิ้งจากโลกทั้งสามอยู่นอกเหนือจากการเวียนว่ายตายเกิดไม่มีข้อจำกัดและไม่มีการพึ่งพา อาศัยคำบ่นด่าของมนุษย์เป็นแรงผลักดัน อาศัยเลือดเป็นอาหาร ใช้เลือดของเหล่าสรรพสัตว์เพื่อระบายความเหงาที่ไม่รู้จบ แต่ฉันรู้ดีว่าหลี่ฉองเซิงกับพ่อของเขาหลี่เทียนย่อยไม่เหมือนกับเจียงซือพวกนั้น เพราะย่าเสี่ยวฟังเคยบอกว่าในยามวิกฤติหลี่เทียนย่อยได้ช่วยเธอไว้หลายครั้ง ดังนั้นฉันถึงรู้ดีว่าพวกเขาทั้งสองเป็นคนดี และเมื่อก่อนหลี่ฉองเซิงเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านหงซี ในสมัยสงครามระหว่างหลี่โก๋หว่ากับยามาโมโตะ เขาถูกกัดโดยรัฐมนตรีก็เลยกลายเป็นเจียงซือที่ไม่มีวันตาย เขานับถือหลี่เทียนย่อยเป็นพ่อตัวเองก็เลยใช้แซ่เดียวกัน ความสามารถไม่ชัดเจน เคยถูกบังคับให้กินเลือดมนุษย์โดยยามาโมโตะจนควบคุมตัวเองไม่ได้ก็เลยมาขอความช่วยเหลือจากย่าหวงเสี่ยวฟังให้ช่วยด้วยตัวเอง ย่าเสี่ยวฟังของฉันใช้พลังแช่แข็งเขาไว้ จนถึงตอนที่หลี่เทียนย่อยฆ่ายามาโมโตะตาย เขาก็ได้ตื่นขึ้นมา และตระกูลหวงของฉันก็มีชื่อเสียงในด้านการปราบผีที่ขึ้นชื่อซึ่งฉันคือผู้สืบทอดรุ่นที่สี่สิบสอง “หวงเชี้ยวหยู่” แถมคุณย่าหวงเสี่ยวฟังของฉันยังเป็นผู้สืบทอดรุ่นที่สี่สิบเอ็ดและแน่นอนว่าฉันกับคุณย่ารักเงินทั้งคู่ ดังนั้นฉันก็เลยสืบทอดธุรกิจสำนักหลิงหลิงของคุณย่าต่อไป ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างดื้อรั้น ชอบเอาชนะ ไม่ยอมเสียหน้าและเกลียดความชั่วเป็นที่สุด ข้อเสียหลักของฉันคือปากคอเราะร้ายพูดจารุนแรงนิดหน่อยแต่จริงๆ แล้วถึงภายนอกฉันจะดูเย็นชาแต่ฉันก็ใจดีนะ อาจจะปากไม่ตรงกับใจไปบ้าง ฮิฮิ ฉันเชื่อว่าฉันจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตของตนเองได้ด้วยสองมือของฉันเอง
已经是最新一章了
加载中