ตอนที่ 31 ก่อนตาย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 31 ก่อนตาย
ต๭นที่ 31 ก่อนตาย ฉันและเขาตัวสั่นไปพร้อมกัน เราตะโกนชื่อของกันและกัน เขารู้สึกว่าส่วนของเขาที่อยู่ภายในร่างกายของฉันนั้นแข็งเหมือนเหล็ก ข้างนอกเป็นเสียงอึกทึกครึกโครมของปืนใหญ่เราจะอยู่มีความสุขด้วยกันจนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน ถึงแม้ว่าศรัณจะเหนื่อยแต่เขาก็มีความสุขมาก เราไม่รู้ว่าทำกันไปกี่ครั้งแล้ว รู้เพียงแค่ว่าเขาเหนื่อยจนหลับไปบนตัวของฉัน ฉันหาท่าทางที่สบายและเข้าไปในอ้อมกอดของเขา ในที่สุดฉันก็มีเขาอยู่ข้างๆฉันอีกครั้ง ฉันไม่อยากหลับเลย กอดร่างกายที่เต็มไปด้วยเหงื่อของเขาและดูเขาที่กำลังหลับใหลฉันค่อยๆจูบไปที่ริมฝีปากของเขา ในตอนเช้าฉันถูกศรัณทำให้ตื่น เขานอนทับอยู่บนร่างของฉัน ร้องเรียกชื่อฉัน ฉันตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็วร่างกายของฉันตื่นก่อนที่สติของฉันจะตื่นขึ้น ฉันหลงใหลที่จะอยู่กับเขา ศรัณอารมณ์ของเขาดังพายุทำให้ฉันควบคุมไม่อยู่ ในที่สุดก็ต้องร้องขอความเมตตาจากเขา “ขอร้องล่ะ หยุดเถอะ ฉันรับมันไม่ไหวแล้ว” ฉันกระซิบบอกกับเขาด้วยความเขินอาย ศรัณยิ้มและมองมาที่ฉันสุดท้ายแล้วเขาก็ปล่อยฉัน หลังจากทานอาหารเช้า ฉันหยิบกล้องและจูงมือเขาเดินออกไปจากโรงแรม แล้วฉันก็ทักทายทุกคนที่รู้จัก อากาศในตอนเช้าบวกกับกลิ่นควัญและผู้เสียชีวิตจากสงคราม ก็ไม่สามารถทำให้อารมณ์ที่ดีของฉันหายไปได้ ศรัณมองดูฉันอยู่ด้านข้างด้วยความเอ็นดู เขารู้ว่าฉันกำลังโอ้อวดเขาเลยยิ้มออกมาจับมือฉันแน่นด้วยความภูมิใจ “เฮ้! ผู้ชายของเธอหล่อมาก!” ดิลิชมเขา ศรัณก็เป็นสุภาพบุรุษเขาโค้งหัวและกล่าวออกมา “ขอบคุณ ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆฉันก็สวยเป็นอย่างมาก” ดิลิค่อนข้างอิจฉา “โอ้ เป็นผู้ชายที่ดีจริงๆ เวธนี คุณไปพบเขาจากที่ไหน?” “พระเจ้าให้ฉันมา” ฉันหัวเราะออกมาอย่างไม่เคยมีความสุขมาก่อน จากนั้นคนรอบข้างก็รู้ว่าผู้ชายของเวธนีเป็นคนมาตามเธอ ผู้ชายที่ลุ่มหลงในความรักและหล่ออย่าเขา พวกเขามีความสุขมาก ที่นี่ฉันมีความฟุ่มเฟือยเพื่อความรักใคร่เป็นอย่างมากไม่มีทางที่ผู้ชายที่อยู่ด้านข้างจะชอบ ไซน่ากำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้นของเธอและเชิญฉันกับศรัณไปที่นั่นด้วย พวกเรานั่งด้วยกันอยู่ในกลุ่มผู้ชม ดูพวกเขามีความสุข มันเป็นประเพณีของที่นี่ ที่เจ้าบ่าวจะเสียบดอกไม้ไว้บนหัวของเจ้าสาวด้วยตัวเอง ศรัณเห็นดังนั้นเขาก็รีบวิ่งออกไปด้านนอก เมื่อเขากลับมามีดอกไม้เล็กที่ไม่รู้ชื่อเรียกอยู่ในมือของเขา เขาเม้มปากโดยไม่มองหน้าฉัน และเอาดอกไม้ที่อยู่ในมือนั้นเสียบไปบนศีรษะของฉัน “เสียบดอกไม้ของฉัน คุณก็เป็นคนของฉันแล้ว” ศรัณพูดโดยที่ติ่งหูของเขานั้นแดง เขากำลังเขิน คนใหม่กำลังสาบานพวกเรามองซึ่งกันและกันและหัวเราะออกมา พวกเราเป็นคนไร้เดียงสา ฉันยิ้มและพูดออกมา “โอเค” ดอกไม้ที่อยู่บนหัวของฉัน สั่นและบานออกในควัญของดินปืน มันเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดง จูบมุมปากแห่งความตายแต่มันก็ยากที่สุดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดันทุรัง เหมือนกับความรักของฉัน ดูหมิ่นเหยียดหยามคน แต่มันเป็นสิ่งที่ฉันจะต้องตายถ้าไม่ได้รับมัน ตอนกลางคืนเราอยู่ด้วยกัน ตอนกลางวันฉันไปสัมภาษณ์และถ่ายภาพ ศรัณอยู่ด้านหลังฉันเขาช่วยฉันแบกสิ่งที่ต้องการ เมื่อใดก็ตามที่คุณเห็นคุณต้องหยอกล้อออกมา “คนรักของคุณเป็นผู้ติดตามของคุณ” ศรัณเลิกคิ้วไม่สนใจ เมื่อใดก็ตามที่เขาเห็นดอกเล็กๆน้อยๆบนถนนเขาจะเด็ดพวกมันออกมาและผูกไว้ด้วยเชือกด้วยความระมัดระวัง ฉันยื่นมือออกไป เขามองฉันเล็กน้อย “ตอนนี้ยังไม่สามารถให้คุณได้” ฉันค่อยๆดึงมือกลับ ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาต้องการจะทำอะไร ดอกไม้ที่เด็ดมาถูกเก็บไว้ในขวดน้ำของโรงแรม เช้าวันหนึ่งเขาก็หายไปพร้อมกับดอกไม้นั่น เขาจะไปไหนได้นะ? ฉันรีบสวมเสื้อผ้า ลืมแม้กระทั่งหวีผมรีบวิ่งออกไป ศรัณไม่เคยออกไปไหนเองโดยที่ฉันไม่รู้ เมื่อฉันเห็นคนฉันก็ถาม “เห็นศรัณอยู่ที่ไหนไหม?” สาวน้อยยิ้มและชี้ไปที่ด้านหน้า “เขารอคุณอยู่ที่นั่น” ทำอะไร? คำถามที่อยู่ในใจยิ่งมากขึ้น และวิ่งออกไปตามทางที่สาวน้อยนั้นชี้ สถานที่นั่นเคยเป็นโบสถ์แต่ถูกระเบิดและหลงเหลือบางส่วนของซากปรักหักพังไว้ ระหว่างทางได้พบกับดิลิ นี่มันต้องเกี่ยวข้องอะไรกับศรัณแน่เลย? เมื่อฉันผลักประตูเข้าไป ฉันก็ได้พบกับคำตอบที่ต้องการ โบสถ์ที่ได้รับความเสียหายนั้นได้รับการทำความสะอาดขึ้นอย่างรวดเร็ว ที่โต๊ะเต็มไปด้วยอาหาร และศรัณหายไปกำลังสวมสูทอยู่ตรงนั้น ในมือเขามีช่อดอกไม้ที่เขาเก็บไว้อยู่และมองมาที่ฉัน อยู่ดีดีก็มีสองสาวโผล่ออกมาจากด้านข้างของ ในมือของพวกเขาถือผ้าคลุมหน้าอยู่ ฉันมองไปที่ศรัณ เขาแค่ยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้ฉันเบาๆ เมื่อถูกสวมผ้าคลุมไว้บนหัวแล้วดิลิก็ดันฉันเบาๆและพูดว่า “ยังไม่รีบไปอีก” ศรัณที่อยู่ตรงนั้นเหมือนเจ้าชาย ฉันตระหนักว่านี่เขากำลังจะขอฉันแต่งงานใช่ไหม? ทันใดนั้นน้ำตาของฉันก็ไหล่ออกมา ฉันค่อยๆก้าวเดินไปด้วยหัวใจที่เต้นแรง ในที่สุดฉันก็ยืนอยู่ต่อหน้าเขา ศรัณยื่นดอกไม้ที่อยู่ในมือมา แล้วคุกเข่าลงเอาแหวนจากกระเป๋าของเขา เขาเงยหน้าขึ้นมองฉันด้วยทีท่าที่ค่อนข้างประหม่า “เตรียมแหวนไว้นานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสสักที คราวที่แล้วฉันเตรียมการไว้หมดแล้วคุณก็วิ่งมาที่นี่ ฉันก็เลยได้แต่ตามมา” ฉันพบว่าเมื่อศรัณตื่นเต้นเขาจะพูดเรื่องอะไรไร้สาระ น้ำตาของฉันค่อยๆไหลลงมาและหยดลงบนช่อดอกไม้ ฉันรอจนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย “ศรัณ” ฉันขัดจังหวะเขา “คุณจะไม่รังเกียจฉันใช่ไหม? คุณรู้ว่าฉันมีครอบครัว” ฉันสัญญาว่าจะแต่งงานกับคุณ แต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ฉันจะทำตามความฝันนี้ให้สำเร็จ ศรัณยกแหวนขึ้นและกล่าวว่า “ภายในใจฉัน คุณเป็นภริยาคนเดียวเท่านั้น” “แต่งงานกับฉันนะ!” ศรัณตะโกนออกมาดังๆ ฉันกลัวที่จะยื่นมือของฉันออกไปให้เขาใส่แหวนบนนิ้วนางของฉัน และทุกคนก็โห่ร้องออกมาให้พวกเรา ศรัณโอบกอดฉันไว้ในอ้อมแขนของเขาและจูบริมฝีปากของฉัน เขายืนอยู่หน้าของซากปรักหักพัง เขาทำเรื่องที่โรแมนติกที่ออกมาได้สมบูรณ์แบบสุดในชีวิต ศรัณเป็นคุณเป็นสามีเพียงคนเดียวของฉัน เป็นที่รักของฉัน ในสองสามวันมานี้มีบทสัมภาษณ์บทหนึ่ง คือการสัมภาษณ์ผู้อพยพหลังจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายที่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมือง ศรัณไม่สามารถตามฉันมาได้ เขาไม่เต็มใจที่จะต้องบอกลาฉัน หลังจากที่เขาขอฉันแต่งงาน เขายิ่งติดฉันแจมากยิ่งขึ้น ฉันหัวเราะทันทีเมื่อเห็นท่าทีที่ไม่เต็มใจของเขา “ฉันแค่ไปสัมภาษณ์ วันนี้ไม่สามารถกลับมาได้ พรุ่งนี้กลับมาแน่นอน อย่าทำอย่างนี้เลย” หลังจากนั้นฉันก็จูบที่มุมปากของเขา ถึงทำให้เขามีความสุขขึ้นมาอีกครั้ง รถบรรทุกนักข่าวค่อยๆไกลออกไปแต่ฉันยังมองเห็นศรัณที่ยังยืนอยู่ที่เดิมและมองมาที่ฉัน กันพูด “คุณมีความสัมพันธ์ที่ดีกับแฟนของคุณนะ” ฉันพยักหน้าและมองไปที่เขายืนจนลับสายตาไปและพูดว่า “ใช่แล้ว” “มันน่าอิจฉา พูดถึงว่า เมื่อก่อนฉันมีแฟนคนหนึ่ง แต่ว่าตอนที่ฉันออกมาเป็นนักข่าวเกี่ยวกับสงครามเลยเลิกกัน” กันพูดอย่างรู้สึกผิดหวังกับการสูญเสีย และถอนหายใจออกมา ความสัมพันธ์ของฉันกับเขาซับซ้อนมากกว่านั้น ถนนขรุขระเป็นอย่างมาก เมื่อรถขับมาถึงหมู่บ้านเล็กๆรถสั่นอย่างรุนแรง คนขับรถบอกว่าเมื่อผ่านหมู่บ้านเล็กๆนี่ไปก็จะถึงที่หมายแล้ว ดังนั้นหลายคนจึงถอนหายใจ จริงๆแล้วไม่ใช่แค่เพราะถนนที่ยากลำบากแต่สิ่งที่สำคัญคือเรากำลังเข้าไปในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยผู้ก่อการร้ายไม่มีใครสามารถพูดได้ว่ามันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกคนอยู่ในความกลัว มีการต่อสู้ที่รุนแรงอยู่ด้านหน้า ตึก ตึก ตึก ตึก ตึก เสียงปืนที่ดังขึ้นทำให้หัวใจของหลายๆคนแทบจะกระเด็นออกมา ด้านหน้าไม่สามารถผ่านไปได้แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือคนขับจะต้องหาเส้นทางใหม่เผื่อที่จะผ่านไป พวกเราไม่รู้ว่าด้านหน้ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นถึงมีเสียงปืน สิ่งที่เราไม่ต้องการให้เกิดขึ้นที่สุดคือการที่ต้องเผชิญหน้ากับองค์กรก่อการร้าย “ปัง” มีเสียงดังขึ้นมามีเสียงปืนดังมาจากทั้งระยะใกล้และระยะไกล รถยังไม่ทันที่จะขยับเขยื้อนอีกครั้งก็จะต้องถูกจอดทิ้งไว้ที่นี่ตลอดกาล คนขับถูกยิงเสียชีวิต “อ๊าก....” ทุกคนตกใจ อันตรายที่กำลังใกล้เข้ามาหาตัวเอง ไม่มีใครสามารถหายใจได้ “อย่าตกใจไป! ทุกคนระวังตัวด้วย!” กันปลอบใจเพื่อให้ทุกคนสบายใจที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาลงจากรถจะไปแทนคนขับเพื่อที่จะขับหนีออกไปจากที่นี่ ในที่สุดก็มีคนปรากฏตัวขึ้นด้านหน้า พร้อมกับสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา AS องค์กรก่อการร้าย! กันโดนควบคุมให้ลงจากรถ พวกเราทุกคนไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้แล้ว “ฮ่าๆๆๆ ว้าว….” พวกเขาทำเสียงตื่นเต้น เอาปืนมาล้อมรอบพวกเรา ความกลัวแพร่กระจายในหัวใจ ฉันเอามือจับไปที่หัวของฉันและซ่อนตัวอยู่ตรงกลางกลุ่มคน ถูกพวกเขาจับขึ้นไปบนรถตู้ของทหาร ในที่สุดสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว พวกเราถูกจับตัว ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ หรือว่าความตายแบบไหนคือสิ่งที่รอต้อนรับเราอยู่ พวกเราถูกควบคุมตัวอยู่ในในเมืองเก่าๆ หลายคนถูกมัดมือมัดเท้า “วางใจเถอะพวกเราจะต้องไม่เป็นอะไร พวกเขาอาจจะแค่ต้องการจับพวกเรามาเรียกค่าไถ่” กันพูด “ฉันอยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหลายครั้ง ดังนั้นไม่ต้องกังวลไป” แต่ผลที่ได้คือเกินความคาดหวังของทุกคนตัวประกันที่ถูกช่วยชีวิตไว้คราวก่อน และฐานที่ถูกทำลาย ทำให้พวกเขาโกรธเป็นอย่างมาก พวกสัตว์ร้ายพวกนี้สุ่มดึงใครบางคนออกมาและเริ่มฆ่าอย่างทารุณ การกระทำทั้งหมดถูกบันทึกไว้ และเริ่มทำการท้าทาย ฉันได้เห็นการกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมด ดูเลือดที่สาดกระเซ็นออกมาจากหลอดเลือดแดงใหญ่ ดูคนคนนั้นร้องขอความเมตตาอย่างหมดหนทาง ฟังเสียงที่เขาถูกทารุณกรรม ทั้งหมดนี้ได้ทำลายหัวใจทั้งหมดของฉัน ฉันตัวสั่นปากสั่น ฉันไม่อยากกรีดร้องแต่ฉากแบบนั้นมันน่ากลัวจริงๆ ทั้งหมดที่ฉันสามารถทำได้คือสั่นและกอดตัวเองไว้ ไม่รู้ว่าศรัณจะได้รับข่าวหรือไม่ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น?ถ้าหากว่าฉันต้องตายอยู่ที่นี่ ฉันไม่กล้าที่จะคิด ศพถูกทิ้งไว้ข้างๆเรา เพราะอากาศร้อนในที่สุดพวกเขาก็เริ่มเน่าและส่งกลิ่นเหม็นออกมา คนที่อยู่ที่นี่ตัวชากันไปหมดได้แต่จับกันไว้ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ใครคือเวธนี?” มีคนเรียกชื่อฉัน เป็นหัวหน้าของกลุ่มก่อการร้าย ฉันไม่กล้าตอบ เพราะไม่รู้ว่าจะได้มีชีวิตอยู่หรือว่าจะมีความตายรอคอยทักทายฉันอยู่ หัวหน้ากลุ่มมองมาที่พวกเราอย่างโหดเหี้ยม และพูดว่า “เพียงแค่พวกคุณบอกฉันว่าใครคือเวธนี ทุกคนที่เหลืออยู่จะไม่เป็นอะไร” คนที่รู้จักฉันที่นี่มีเพียงกัน เขาไม่ลังเลที่จะชี้มือมาหาฉัน ทุกๆคนถอนหายใจออกมา กันไม่กล้าที่จะมองหน้าฉัน ได้แต่พูดด้วยเสียงเบาเบาว่า “ขอโทษนะ ฉันจะต้องรับผิดชอบตัวเองและคนอื่นๆ” ตอนนั้นหัวใจของฉันตกวูบ ไม่รู้ว่าอะไรกำลังรอฉันอยู่ หัวหน้าของมันจับฉันมัดฉันไว้กับเก้าอี้ ด้านหน้ากล้องที่เปิดอยู่ ฉันกำลังจะตาย? และการตายของฉันเป็นวิธีการอย่างไรนะ? เมื่อมาถึงจุดๆนี้ภายในหัวของฉันมีแต่ศรัณ ฉันขอโทษนะ ศรัณฉันไม่สามารถที่จะอยู่กับคุณได้อีกต่อไป
已经是最新一章了
加载中