ตอนที่ 34 คุณไม่รู้อาการของผู้ชายของคุณเหรอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 34 คุณไม่รู้อาการของผู้ชายของคุณเหรอ
ต๭นที่ 34 คุณไม่รู้อาการของผู้ชายของคุณเหรอ ฉันกอดเขารู้สึกว่าเขาตื่นเต้นมากตัวเขากำลังสั่น เขากำลังสั่นเทาอยู่ในอ้อมกอดของฉัน มันเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเราที่จะมีชีวิตรอดกลับมาเห็นหน้าของอีกฝ่าย ฉันพิงไหล่ของเขาและร้องไห้อย่างเงียบๆ ศรัณร้องไห้ด้วยใช่ไหม? เสียงสะอื้นของเขาที่เข้ามาในหูของฉันมันเกี่ยวพันเอาหัวใจของฉัน “ศรัณฉันเป็นของคุณและคุณก็เป็นของฉัน จะเป็นตลอดไป” ฉันกล่าวออกมาอย่างแน่นอนอีกครั้ง ฉันรักเขามารักจนสามารถที่จะตายเพื่อเขาได้ หลังจากนั้นเป็นเวลานานศรัณกลับมาอยู่ในอ้อมแขนของฉัน จากนั้นเขาก็พลิกตัวหันหลังให้ฉัน หูของเขาแดง ใบหน้าของเขาชะงักอยู่อย่างนั้น ฉันคิดว่าเขาอาย โอ๊ยน่ารักมากเลย สิ่งที่มันทำให้ฉันปวดหัวคือศรัณหลังจากนั้นเขาก็ตามติดฉันแจ ไม่ว่าจะไปไหน ทำอะไร เขาจะไปกับฉันด้วย “ฉันจะไปห้องน้ำ” ฉันพูดกับศรัณที่อยู่ข้างหลังฉัน ศรัณยักไหล่ของเขาและกล่าวอย่างไม่ได้สนใจอะไร “ไปสิ ฉันจะรอคุณอยู่ข้างนอก” ฉันหน้าแดงและไม่พูดอะไร นี่มันน่าอายจริงๆ “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” ศรัณยิ้มและเอามือปิดหูของเขาไว้ “ไปสิ” ฉันจะพูดอะไรได้อีก หมดหนทาง อาหาร ฉันต้องป้อนมันถึงปากของเขาด้วยตัวเอง เขาถึงจะยอมทานมัน เขามักจะมองมาที่ฉัน และยิ้มออกมา ฉันเต็มใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อเขา ในใจนั้นเต็มไปด้วยความสุข “คุณเป็นคนนั้นของฉัน รู้ไหม” ศรัณพูดต้องการคำยืนยันกับฉันอีกครั้ง และอีกครั้ง ฉันรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เขาไม่อยากให้ฉันถอยออกไปอีก ฉันมองเข้าไปในตาของเขา ยืนยันกับเขาอีกครั้ง และอีกครั้ง “ฉันรู้ คุณเป็นคนนั้นของฉันเหมือนกัน” เขากลัวว่าฉันจะทิ้งเขาไปอีกครั้ง คาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนหนึ่งที่ต้องการความมั่นคง อาหารป้อนถึงปากเขา เขางับช้อนเอาไว้ และมองอย่างดื้อรั้นมาที่ฉัน ตอนนี้เขากำลังเล่นกับหัวใจ เขามองฉันด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ เพื่อจะดูว่าฉันจะทำอย่างไรต่อ ฉันยิ้มและปล่อยช้อนฉันต้องการที่จะหันตัวและเดินออกไป “เฮ้ เวธนีคุณโกรธหรอ อย่างนั้นก็ใจแคบเกินไปนะ” ศรัณเป็นกังวลเล็กน้อยเขารีบเอาช้อนลงทันที เขาบอกว่าเขาจะลุกขึ้นจากเตียง ฉันหันกลับไปหาเขาทันที เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงด้านหน้าของเขา และค่อยๆบรรจงจูบไปที่ริมฝีปากของเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “เด็กดี” เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ฉันเห็นศรัณหน้าแดง เขาถูกฉันเล่นเข้าให้แล้ว “วันนี้ฉันจะสั่งสอนคุณ” ศรัณจับมือฉันออกแรงดึงเข้าไป เขาผลักฉันลงบนเตียงของเขา มองมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย จริงๆแล้วฉันไม่กลัวว่าเขาจะทำอะไร เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้วเขาจะทำอะไรได้ล่ะ? ดังนั้นฉันจึงไม่กลัว มองไปที่เขาอย่างยั่วยวน “ศรัณ คุณควรจะซื่อสัตย์หน่อยนะ” ใบหน้าของศรัณก็เปลี่ยนเป็นไม่น่ามองขึ้นมาทันที “คุณกำลังสงสัยในความสามารถของฉัน ตอนนี้ฉันสามารถทำให้คุณไม่สามารถลุกลงไปจากเตียงได้ เชื่อไหม?” ดังนั้นจึงพูดได้ว่าไม่สมควรสงสัยในความสามารถด้านนี้ของผู้ชาย นี่คือศักดิ์ศรีของพวกเขา “คุณเก่ง คุณเก่งมากโอเคไหม ปล่อยฉันเถอะนะ” ฉันพนมมือของฉันและร้องขอความเมตตา “ไม่ได้ ผู้หญิงที่ไม่เกรงกลัวอะไรอย่างคุณต้องถูกสั่งสอน” ศรัณหรี่ตา จู่ๆฉันก็รู้สึกว่าอันตรายกำลังจะคืบคลานเข้ามา ทำให้ฉันรู้สึกกลัวจนหดตัวเข้ามาทันที “ศรัณพอได้แล้ว นี่มันอยู่ในโรงพยาบาล ร่างกายของคุณไม่ได้รับการอนุญาตให้ทำอย่างนี้” ฉันเริ่มสอนวิทยาศาสตร์ให้เขาอย่างจริงจัง “หมอบอกว่าคุณไม่สามารถออกกำลังกายที่หนักเกินไปได้ในช่วงนี้ ถ้าหากทำให้แผลฉีกจะทำอย่างไร? ปากแผลเปิดออกมาจะทำอย่างไร? ถ้าคุณ…” “คุณนี่มันยุ่งยากจริงๆ” ศรัณเหลือบมองฉันด้วยความไม่พอใจ “ร่างกายของผู้ชายของคุณไม่ได้ไร้ประโยชน์ขนาดนั้น แต่คุณพูดเหมือนฉันหมดความสามารถนั้นไปแล้ว” ฉันรู้สึกโล่งใจมาก ศรัณโยเยและพูดออกมาอย่างงอนๆ “คุณต้องปลอบใจฉัน” “ปลอบใจยังไง?” ฉันถาม “จุ๊บๆ ฉันหน่อย” ศรัณพูด “แบบนี้” ศรัณเอามือจับใบหน้าฉันดึงเข้าไปและจูบเปลือกตาของฉัน ริมฝีปากนุ่มทำให้หัวใจของฉันเต้น หลังจากนั้นก็มีที่ปลายจมูก แก้ม และริมฝีปาก ทุกๆที่ที่เขาสัมผัสเหมือนมีมนต์สะกด ติดไปด้วย เขามักจะทำให้ฉันประทับใจ ปล่อยให้หัวใจที่เงียบมานานของฉันกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง เหมือนกับการระเบิดของภูเขาไฟลาวาอุ่นๆที่ไหนออกมา เหมือนกับการตายไปแล้วมาเกิดใหม่ เสียง “ปัง”จากประตูที่ถูกกระแทกแต่เปิดไม่ได้ ฉันและศรัณตกใจผละออกจากกัน รัมภ์รดาหยุดยืนอยู่ที่หน้าประตู ฉันรีบลุกลงจากเตียงทันทีจัดระเบียบเส้นผมและเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง ศรัณค่อยๆดึงเสื้อผ้าของเขาให้เข้าที่เข้าทาง มองรัมภ์รดาย่างใจเย็น รัมภ์รดาสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามที่จะระงับความโกรธของตัวเอง “คุณเวธนี คุณออกไปก่อน และก่อนหน้านั้นคุณสัญญากับฉันว่าอะไร คุณรู้ดี” ฉันตั้งใจจะลุกขึ้นและเดินออกไป แต่ศรัณจับมือฉันไว้ “คุณแม่มีอะไรจะพูดก็พูดต่อหน้าเธอเถอะ ใช่แล้วฉันลืมบอกคุณ ฉันขอเธอแต่งงานแล้ว” ศรัณยิ้มให้ฉันกระพริบตาเหมือนพยายามบอกว่าคุณไม่ต้องกลัว ฉันไม่กล้าที่จะผ่อนคลาย พยายามที่จะเดินออกไปด้วยความตึงเครียด รัมภ์รดามองฉันและหัวเราะออกมา “คุณมีคนที่คุณชอบแล้ว สำหรับคนที่เป็นแม่ก็ต้องอวยพรให้พวกคุณ แต่เท่าที่ฉันรู้คุณเวธนีเธอมีครอบครัวอยู่แล้ว ศรัณคุณพูดเรื่องไม่เป็นเรื่อง คุณรู้ไหมว่าคุณกำลังทำลายครอบครัวคนอื่น? ตระกูลสิริกันต์จะยอมรับผู้หญิงแบบนี้เข้ามาไหม?” ฉันก้มหน้าลง ราวกับว่าจะเอาหน้าแทรกเข้าไปในฝุ่น ช่องว่างระหว่างฉันกับเขามันคืออุปสรรคที่ฉันพยายามที่จะก้าวผ่าน นิ้วหัวแม่มือของศรัณลูบวนเบาๆบนหลังมือของฉัน เขาบอกว่า “มีบางเรื่องที่ฉันไม่สนใจ เพียงแค่เธอหย่าก็โอเคแล้ว ตระกูลสิริกันต์ไม่ให้ฉันทำเรื่องอะไรมากกว่านั้น ตระกูลสิริกันต์ไม่ได้ให้ฉันติดต่อกับคุณเป็นการส่วนตัวนิ” ทันใดนั้นใบหน้าของรัมภ์รดาก็ซีดลงทันที ฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินเพื่อนร่วมงานนินทากันเรื่อง เมื่อก่อนศรัณเป็นลูกนอกสมรส ดังนั้นรัมภ์รดาก็ควรจะเป็นบ้านน้อยที่อยู่ด้านนอก รัมภ์รดาว่าน่าอาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลูกชายของเขาเป็นคนพูดมันออกมา “ฉันออกไปก่อนนะ” ฉันดึงมือของศรัณออกและเดินออกไป มีเรื่องบางเรื่อง ที่ไม่ควรพูดต่อหน้าต่อหน้าคนแปลกหน้าอย่างฉัน ฉันไม่รู้ว่าศรัณกับรัมภ์รดาพูดอะไรกัน เมื่อรัมภ์รดาเดินออกมาใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา เขาจ้องหน้าฉัน มีบางอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ แล้วรัมภ์รดาก็นัดกับฉันอย่างรวดเร็ว นี่เป็นความตั้งใจที่จะพูดคุยกับฉันอย่างจริงๆจังๆ เรานั่งอยู่ในคาเฟ่ใกล้ๆโรงพยาบาล รัมภ์รดายังคงรักษาท่าทางสง่างามของเธอ เธอใช้สายตามองที่ฉันด้วยความดูหมิ่น “ฉันแน่ใจว่าคุณรู้ว่าฉันเป็นใคร ฉันที่อยู่ในตระกูลสิริกันต์เป็นเรื่อที่น่าอับอาย แม้ว่าลูกชายของฉันจะได้รับการยอมรับแต่ฉันก็ยังก้าวเข้าตระกูลสิริกันต์ได้เพียงครึ่งๆกลางๆ ดังนั้นฉันจึงคาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าศรัณจะประสบความสำเร็จในการสืบทอดทุกอย่างของบริษัทโอต้า เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะได้กลับไปอย่างเปิดเผย” ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจและความเจ็บปวด เมื่อเผชิญหน้ากับฉันเขาก็พูดตรงไปที่เรื่องที่ต้องการทันที “ฉันคิดว่าคุณไม่เหมาะกับศรัณของเรา ศรัณต้องแต่งงานกับคนที่สามารถช่วยเขาได้ ถ้าตอนนี้พวกคุณอาจจะแค่เล่นๆเล่น ฉันก็จะไม่คัดค้าน ตราบใดที่คุณเป็นคนสุดท้ายที่เขาคิดก็พอ” รอบข้างไม่มีใครรู้จักพวกเรา เราอยู่ต่างประเทศไม่มีใครสามารถเข้าใจสิ่งที่เราพูดกันอยู่ได้ ดังนั้นมีบางเรื่องเธอพูดโผล่งออกมาโดยตรง มันรุนแรงมากทันทีที่มันเข้ามาในหูของฉัน เขาไม่เว้นให้ฉันมีโอกาสที่จะโต้แย้งออกมาได้เลย รัมภ์รดามองฉันอย่างดูถูก “คุณคิดผู้หญิงที่แต่งงานแล้วอย่างคุณเหมาะสมกับศรัณอย่างนั้นเหรอ? คุณนอกใจคุณทรยศครอบครัวเก่าของคุณ เพียงเรื่องพวกนี้ก็จะทำให้คุณจะถูกปฏิเสธโดยทุกคน” ฉันบีบมือของฉันอย่างแรง ถึงแม้ว่าฉันจะเตรียมใจไว้แล้วแต่ฉันไม่คิดว่ารัมภ์รดาจะพูดออกมาอย่างไม่ให้เกียร์ติฉันเลย มันทำให้ฉันพูดไม่ออก “ตราบใดที่ศรัณต้องการฉัน ฉันก็จะไม่ทิ้งเขาไปไหน” ฉันพูดออกมาอย่างชัดเจน เขาทำหลายอย่างเพื่อฉัน ถ้าหากฉันทำให้เขาผิดหวัง ฉันยังเป็นคนได้อีกเหรอ? ยิ่งกว่านั้นฉันรักเขา “จริงหรอ?” รัมภ์รดาไม่เห็นด้วย “คุณลองได้ ศรัณไม่เคยมีอำนาจใดใดในตระกูลสิริกันต์ เขาเป็นเพียงผู้ชายเจ้าสำราญคนหนึ่ง คุณคิดว่านั่นคือสิ่งที่เขาเป็นจริงหรือ? เขารอโอกาสที่จะเปิดเผยความสามารถที่แท้จริงของเขา ดังนั้นครั้งนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาทำผิดพลาด ไม่มีใครสามารถทำลายแผนการของเราได้” ฉันไม่ได้พูด หากพูดอย่างมีเหตุผลฉันไม่ได้เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับศรัณ เขาไม่ควรตกหลุมรักฉัน อนาคตที่สดใสรอเขาอยู่ ฉันมีแต่จะลากเขาถอยหลัง แต่ว่าพวกเราก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกันแบบนี้ ไม่มีสัญญาณหรือเหตุผลสำหรับความรัก “ฉันต้องขอโทษด้วย คุณป้า ฉันรู้ว่าคุณจะไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันพูดแต่คุณเชื่อฉัน ฉันก็หวังที่จะให้เขามีอนาคตที่ดี แต่ฉันหวังว่าฉันจะอยู่กับเขาในระหว่างช่วงเวลานี้” ฉันไม่ลังเล “คุณเวธนี!” ทันใดนั้นอารมณ์ของรัมภ์รดาก็เปลี่ยนไป เธอมองฉันด้วยแวตาที่ทำให้ฉันตื่นเต้น “คิดไม่ถึงว่าพวกคุณไม่รู้ว่าพวกคุณกำลังทำอะไรอยู่? ตอนนี้ฉันกำลังตักเตือนเธออยู่ คุณต้องรอจนกว่าตระกูลสิริกันต์จะลงมือ คุณก็เรียบร้อยแล้ว คิดถึงครอบครัวของคุณ เพื่อนร่วมงานของคุณ ทุกคนรู้เรื่องของคุณใช่ไหม นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น!” ฉันมองเธอด้วยความประหลาดใจ คิดถึงครั้งก่อนที่ศรัณถูกแอบถ่าย “เป็นคุณ?” “ไม่ใช่ฉัน เป็นคุณหญิงสิริกันต์ เขากำลังเตือนศรัณและเพื่อให้ภาพลักษณ์ของเขากลับมาดีมากขึ้น” ใบหน้าของรัมภ์รดาเป็นกังวล “ศรัณไม่สามารถทำผิดได้แม้แต่ก้าวเดียว” ฉันรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่จริงแล้วเป็นสัญญาณจากคุณหญิงสิริกันต์ ดังนั้นด้วยอำนาจของตระกูลสิริกันต์ถ้าพวกเขาไม่อนุญาตก็ไม่มีสำนักพิมพ์ไหนกล้าเขียน “ตอนนี้คุณเข้าใจแล้วใช่ไหม การที่คุณอยู่ใกล้ศรัณจะทำให้เขาต้องพบกับอะไรบ้าง คุณสงสารแม่อย่างฉันก็แล้วกัน ขอร้องล่ะ สำคัญที่คุณอยู่กับเขาพวกคุณจะไม่มีอนาคต เรื่องที่ศรัณต้องแบกรับเอาไว้ คุณไม่เข้าใจหรอก!” แต่ว่าฉันได้สัญญากับเขาแล้วว่าจะไม่ทิ้งเขาไปอีก ฉันได้สาบาน ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรมันถึงจะถูกต้อง ทำอย่างไรถึงจะเป็นประโยชน์กับศรัณ อยู่ข้างๆเขา หรือว่า ออกไปจากเขา ฉันอยู่ข้างๆเขา ฉันเป็นรอยด่างของเขา แต่ความรู้สึกระหว่างเราไม่สามารถแยกจากกันได้ ฉันหลงเข้าไปในเขาวงกตอีกครั้ง บางทีฉันเป็นคนที่แกว่งไปแกว่งมา ประเด็นคือฉันไม่สามารถเอาความต้องการของตัวเอง มาทำให้ศรัณสูญเสียทุกอย่างได้ รัมภ์รดาวางตั๋วเครื่องบินและหนังสือเดินทางของฉันบนโต๊ะ ฉันรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร “ฉันจะไม่ไป” ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ทิ้งศรัณไปแบบนี้ เมื่อฉันเปิดประตูและเดินออกไป รัมภ์รดาเรียกฉันให้หยุดอีกครั้ง “คุณเวธนี คุณต้องคิดให้ดี ไม่ว่าจะเป็นตระกูลสิริกันต์หรือว่าฉัน พวกเราก็ไม่เห็นด้วย ทางที่พวกคุณเลือกมันยากกว่าที่พวกคุณคิดมาก และอย่ามาโทษฉัน” ฉันไม่สามารถลืมสายตาที่เธอใช้มองฉันได้ ฉันกังวลอยู่ลึกๆและคิดว่าพวกเรานั้นตลกมาก บางทีเราอาจจะยังจินตนาการถึงความรักของอายุช่วงนี้ บางทีเธออาจจะคิดว่าความรักเป็นอะไรที่ไร้สาระเทียบกับสิ่งของที่จับต้องได้จริงๆไม่ได้เลย ฉันจะทำยังไงดี? ฉันมองไปที่ตั๋วในมือของฉัน แต่เมื่อฉันยืนฉันเพิ่งพบว่าด้านหน้าของตัวเองมีผู้ชายตัวใหญ่สองคนอยู่ “ฉันบอกแล้วว่าอย่ามาโทษฉัน” รัมภ์รดาเดินเข้ามา 
已经是最新一章了
加载中