ตอนที่ 35 เจอกันครั้งสุดท้าย   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 35 เจอกันครั้งสุดท้าย
ต๭นที่ 35 เจอกันครั้งสุดท้าย มีคนตัวใหญ่หยุดฉันอยู่ข้างหน้า ด้านหลังคือรัมภ์รดา “ตอนแรกฉันตั้งใจจะปล่อยคุณไปเอง แต่ฉันเห็นว่าคุณดูไม่ประนีประนอม ดังนั้นฉันก็ต้องใช้วิธีการที่อาจจะไม่เหมาะสมสักเท่าไร คุณเวธนีฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่” รัมภ์รดาสวมแว่นกันแดด ฉันไม่สามารถเห็นสายตาของเธอได้อย่างชัดเจน ภายในจิตใจมีแต่ความสับสนวุ่นวาย ฉันต้องการที่จะดิ้นรนหนีออกไป แต่ถูกผู้ชายร่างใหญ่สองคนจับไว้ทำให้ไม่สามารถขยับได้ “คุณต้องการจะทำอะไร!” “บังคับให้คุณกลับประเทศ คุณและศรัณจะไม่ได้พบกันในเร็วๆนี้ และฉันหวังว่าหลังจากนี้พวกคุณจะไม่ได้พบกันอีก” รัมภ์รดากล่าว เธอโบกมือให้ คนที่จับฉันอยู่ก็เข้าใจทันที เปิดรถและบังคับให้ฉันเข้าไปด้านใน “จำสิ่งที่ฉันพูด คุณจะทำให้ศรัณพลอยเดือดร้อนไปด้วย ที่จริงแล้วคุณกับเขาไม่ได้อยู่ในทางเดินเดียวกัน หลังจากนี้ก็ดูแลตัวเองนะ” รัมภ์รดาหัวเราะ “ฉลาดขึ้นหน่อย” ถึงแม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้อยู่ในตระกูลสิริกันต์ แต่เขาสามารถสนับสนุนลูกชายของเขาให้เข้าไปอยู่ในฐานะของผู้สืบทอดของตระกูลสิริกันต์ได้ นั่นคือเหตุผลที่เธอไม่ได้เป็นผู้หญิงที่ดี “ปล่อยฉัน คุณทำอย่างนั้นไม่ได้นะ! ศรัณจะเกลียดคุณ! ปล่อยฉันนะ!” ไม่ว่าฉันจะร้องตะโกนออกมาอย่างไรแต่รถก็ยังสามารถที่จะพาฉันออกไปได้ ฉันมองไปรอบๆไม่มีที่ไหนที่ฉันคุ้นเคย และฉันก็ไม่มีทางที่จะบอกศรัณได้พวกเขายึดโทรศัพท์มือถือไปก่อนแล้ว “คุณไม่มีสิทธิที่จะจำกัดเสรีภาพของฉัน!” ฉันพูดอย่างไม่พอใจ อีกฝ่ายมองฉันอย่างเย็นชาและพูดว่า “คุณเวธนี คุณต้องยอมรับความจริง อย่าให้เราต้องทำอะไรถ้าไม่อย่างนั้นคุณจะต้องโดนกำจัดทิ้ง” เขาเขย่าสิ่งที่อยู่ในมือของเขา “แต่ตรวจพบสิ่งเหล่านี้จากร่างกายของคุณ ไม่เพียงแต่ไม่ต้องบังคับให้คุณกลับประเทศ บางทีคุณอาจจะโดนคดีด้วย” แน่นอนฉันรู้ว่าสิ่งที่เขาถืออยู่ คือ ยาเสพติด ฉันทำตัวเองให้อยู่ในความสงบ หยุดโวยวายส่งเสียงดัง ฉันรู้ว่าฉันตอนนี้ไม่สามารถต่อสู้กับพวกเขาได้ รถขับพาฉันตรงไปที่สนามบิน เที่ยวบินเป็นรอบบ่ายสองโมง บอดี้การ์ดสองคนนี้ติดตามฉันมาตลอดทาง กำลังจะต้องขึ้นเครื่องแล้ว ฉันยังไม่มีโอกาสเลย ทำอย่างไรดีล่ะ? ฉันเดินวนไปมาด้วยความกังวล “ฉันอยากจะไปเข้าห้องน้ำ” ฉันพูด ฝ่ายตรงข้ามพูดเตือนว่า “กำลังได้เวลาที่จะขึ้นเครื่องแล้ว ขึ้นเครื่องแล้ว ค่อยว่ากัน” “ฉันแค่อยากไปห้องน้ำ” ฉันไม่สนและเดินไปทางห้องน้ำ พวกเขาสองคนยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ ฉันกำลังมองหาวิธีที่จะหลบหนีอยู่ภายในห้องน้ำที่ปิดสนิท จนกระทั่งฉันเห็นผู้หญิงที่มีรูปร่างคล้ายกับฉัน “คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม?” ฉันจับมือเธอไว้ เธอมองฉันด้วยความกลัว ฉันพยายามทำให้ตัวเองน่ากลัวน้อยลง ใจเย็นๆแล้วพูดออกมาว่า “ฉันหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากคุณตอนนี้ฉันต้องการที่จะหลุดออกจากคนของครอบครัวของฉัน ฉันต้องการที่จะไปหาคนรักของฉันแต่พวกเขาไม่อนุญาต” เรื่องราวที่ต้องทำเพื่อความรักนั้นมักจะทำให้คนรู้สึกมากขึ้น ผู้หญิงคนนั้นถามว่า “ฉันจะช่วยคุณได้อย่างไร?” “คุณสามารถเปลี่ยนเสื้อผ้ากับฉันได้ไหม? หลังจากที่ฉันออกไปได้สักพัก คุณค่อยเดินออกไป ขอบคุณคุณมากเลย” ฉันขอร้องเธอ ผู้หญิงคนนั้นเปลี่ยนเสื้อผ้ากับฉัน ฉันสวมหมวกอีกใบยิ้มให้ผู้หญิงคนนั้นอย่างขอบคุณ หันหลังแล้วเดินออกไป พวกเขายืนอยู่ข้างๆห้องน้ำฉันพยายามทำให้ตัวเองดูปกติ เดินอย่างใจเย็นผ่านพวกเขาไป รอจนกว่าพวกเขาจะพบฉันวิ่งออกไปอย่างบ้าคลั่งทันที บางทีฉันอาจจะถูกพบในไม่ช้า ฉันไม่มีเวลามากนักฉันต้องการที่จะพบศรัณ บ้าไปแล้วที่ต้องพบเขา! ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเรื่องระหว่างฉันกับศรัณกระทบกับผู้คนมากมาย ความหวังของฉันกับเขาเริ่มเลือนราง บางทีการที่ฉันหายไปมันอาจจะดีสำหรับเขา แต่ฉันไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น ฉันทิ้งคนที่ฝ่าอันตรายเสี่ยงชีวิตเพื่อได้พบฉันไม่ลง ฉันทิ้งคนที่รักฉันโดยไม่สนเงื่อนไขใดๆได้ เขาขอฉันแต่งงานในโบสถ์เก่านั่น เขาทำช่อดอกไม้ให้ฉันด้วยมือของเขาเอง ทั้งหมดนี้ฉันจะไม่มีวันลืม เข้าได้ฝังมันไว้ในชีวิตของฉัน รถมุ่งหน้าไปโรงพยาบาลที่ศรัณอยู่ ฉันไม่รู้ว่าฉันจะได้พบศรัณไหม เมื่อสองบอดี้การ์ดพบว่าฉันหลบหนีออกมา เขาก็แจ้งให้รัมภ์รดาทราบทันที แล้วฉันก็จะรู้ว่ารัมภ์รดาจะต้องรู้ว่าฉันต้องการที่จะทำอะไร แล้วก็ไปโรงพยาบาลเพื่อหยุด แต่นั่นเป็นวิธีเดียวที่ฉันจะได้พบศรัณไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องพยายามลองดู ฉันได้ยินเสียงเต้นของหัวใจ ได้ยินเสียงลมพัด ฉันยังจินตนาการในความกลัว เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วฉันก็ลงจากรถ มองไปรอบๆอย่างระมัดระวังและลังเลที่จะก้าวออกไปข้างหน้า จบเมื่อฉันเข้าไปในโรงพยาบาลแล้วขึ้นไปข้างบน กำลังจะถึงห้องผู้ป่วยในไม่ช้า แต่ฉันไม่แน่ใจว่ารัมภ์รดาจะปล่อยให้ฉันเข้าไปพบกับศรัณอย่างดีๆ ทันทีที่ฉันก้าวขึ้นมา รัมภ์รดาก็ก้าวออกมาจากความมืด “คุณยังสามารถหนีออกมาจากสนามบินได้ ฉันมองคุณผิดไป” ร่างกายของรัมภ์รดาค่อยๆปรากฏขึ้นท่าทางของเขามันดูไม่น่ากลัวเลยมันเป็นการวางแผน ฉันคิดว่าเธอได้เตรียมการฉุกเฉินเอาไว้แล้วว่าจัดการกับฉันอย่างไร “ฉันต้องการที่จะพบศรัณ” ฉันพูด รอยยิ้มที่อยู่บนริมฝีปากของเธอค่อยๆขยายใหญ่ขึ้น ราวกับว่าฉันกำลังพูดเรื่องตลกอะไรอยู่ “ถ้าหากว่าฉันไม่ยอมล่ะ?” รัมภ์รดากล่าว “คุณคิดว่าศรัณจะถูกคุณบังคับได้ตลอดหรอ? ถึงแม้ว่าคุณจะเป็นแม่ของเขา แต่เขารักฉันเขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อตามหาฉัน คุณคิดว่าวิธีการที่คุณทำมันไม่โง่ไปหน่อยหรอ? ถ้าเขารู้ว่าคุณบังคับให้ฉันกลับประเทศ เขาก็จะเกลียดคุณ” ฉันพูดออกมา รัมภ์รดาสับสน “ฉันรู้ ฉันไม่สนใจว่าเขาจะเกลียดฉันหรือไม่ฉันจะไม่ปล่อยให้คุณอยู่กับเขาอีกต่อไป คุณเป็นตัวถ่วงของเขา” ห้องผู้ป่วยอยู่อีกไม่ไกล คนที่ฉันอยากเจออยู่ข้างหน้า ฉันวิ่งไปข้างหน้าและตะโกนออกมาโดยไม่สนใจอะไร “ศรัณ! ฉันคือเวธนี! ศรัณออกมาพบฉันหน่อย!” ฉันไม่เชื่อว่าศรัณจะไม่ได้ยิน ฉันกรีดร้องและฉันตะโกนออกมาจนคอแทบฉีก บอดี้การ์ดที่ซ่อนตัวอยู่ข้างๆรีบออกมาจับและปิดปากฉันทันที “อืออือ….อืออือ….” ฉันเอาแต่จ้องไปที่ประตูที่อยู่ด้านหน้า ฉันหวังว่าประตูจะเปิดออกมา รัมภ์รดาโกรธเป็นอย่างมากเขาง้างมือและตบลงมาบนหน้าฉัน “อยากตายนักใช่ไหม!” “มาดูกันว่าคุณเป็นคนยังไง ถ้าคุณไม่เชื่อฟังอีก สาวน้อยที่น่ารักคนนี้จะต้องตกอยู่ในอันตราย” รัมภ์รดามองฉันอย่างโหดเหี้ยม และเอาโทรศัพท์มือถือของเธอหันมาให้ฉันดู โทรศัพท์มือถือกำลังถ่ายทอดสด เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนน นั่นคือน้องสาวของฉัน ด้านหลังเธอมีผู้ชายหลายคนเดินตามอยู่ พวกเขาดูเหมือนพวกที่มีความประพฤติไม่ดี และไฟในใจฉันก็เริ่มลุกโชนขึ้น ฉันจ้องรัมภ์รดาด้วยความโกรธ “ถ้าคุณเชื่อฟังน้องสาวของคุณจะไม่เป็นไร เด็กผู้หญิงที่สวยขนาดนี้น้า น่าเสียดายนะถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ” รัมภ์รดาดึงโทรศัพท์กลับไป เธอเปลี่ยนหน้ากาก เป็นใบหน้าที่ยิ้มแย้มออกมาแทน “เปิดปากเธอ คุณเวธนีเป็นคนฉลาด” คนที่ปิดปากฉันอยู่ฟังคำสั่งเธอและปล่อยฉัน “นี่มันเป็นเรื่องระหว่างเราทำไมคุณต้องลากเอาคนในครอบครัวของฉันมาเกี่ยวด้วย?” ฉันใจเย็นลงอีกครั้งนอกจากความเกลียดชังที่อยู่ในใจอีกสิ่งหนึ่งคือหมดหนทาง ทำไมศรัณและฉันไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ “คุณคิดว่าอย่างไรล่ะ? เพราะไม่ใช่แค่ตัวของศรัณเอง คนที่อยู่เบื่องหลังเขา และความหวังของฉันและตระกูลสิริกันต์ทั้งหมด! เขาเกี่ยวข้องกับทุกคน เขาไม่ใช่ตัวคนเดียว!” ตอนนี้ฉันพึ่งสังเกตเห็นผู้หญิงคนนี้มีบรรยากาศที่กดดัน เดี่ยวยิ้ม เดี่ยวมอง เดี่ยวโกรธ เดี่ยวเกลียดมันดูราวกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องทั่วไป เธอมองมาที่ฉันอย่างธรรมดาแต่ทำให้คนรู้สึกว่าพวกเขาได้เจอสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเรื่องง่าย ฉันและศรัณเรารักกันแต่มันก็เป็นไปไม่ได้ “ไปดูศรัณไป และก็อย่ามาพูดว่าฉันไม่ใช่คน เมื่อคุณเห็นเขาแล้ว คุณก็กลับประเทศไปซะ และหลังจากนี้ไม่ต้องกลับมาเจอศรัณอีก” รัมภ์รดาใช้หางตามองมาที่ฉัน และหันกลับไป “อย่าทำอะไรโง่ๆ คุณก็รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร” “ก็ได้” ฉันพยักหน้า น้องสาวของฉันถูกเฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา ฉันไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ ตอนนี้ฉันทำได้เพียงประนีประนอมเท่านั้น ศรัณกำลังหลับอยู่ เขาอาจจะไม่รู้ว่าเมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง เขาอาจจะคิดไม่ถึงว่าแม่ของเขาได้ลงมือทำอะไรแล้วก็จะทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ภายในห้องที่อบอวลไปด้วยแสงแดด แสงส่องมาที่เขา มันช่างดูอบอุ่นแสงสีเหลืองสดใสของผู้ชายที่ฉันรัก ฉันมองไปที่ใบหน้าของเขาขณะที่เขากำลังหลับใหล เขาหลับตาแน่นขนตาสั่นเล็กน้อย “ศรัณฉันไปก่อนนะ คุณอย่าโทษฉันเลย” ฉันก้มลงไปกระซิบที่หูของเขา กลิ่นตัวของเขาเป็นกลิ่นเดียวที่ทำให้ฉันมีความสุขฉันติดมันมากฉันหลับตาลงและสูดดมกลิ่นกายของเขา น้ำตาไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีดีมันถึงไหลออกมา ฉันอยู่ข้างๆศรัณรู้สึกถึงความอบอุ่นสุดท้ายที่ฉันจะได้รับจากเขา ฉันแค่ประนีประนอมชั่วคราว ภายภาคหน้าฉันจะกลับไปหาคุณ ศรัณคุณอย่าเกลียดฉันนะ ฉันได้แต่พูดมันในใจอีกครั้งและอีกครั้ง ศรัณ ศรัณ อย่าโทษฉันเลย รอบข้างไม่มีเสียงอะไรเลย เหมือนไว้อาลัยให้กับความรักของเราฉันบีบมุมของเสื้อของเขาแน่น ฉันไม่เต็มใจที่จะจากเขาไป ผู้ชายคนนี้ทำให้ฉันประทับใจเป็นอย่างมาก เขาทำให้ฉันตกลงไปในหลุมจนไม่สามารถกลับออกมาได้อีก แหวนเพชรบนนิ้วของเขาส่องแสงเจิดจ้าราวกับว่ามันจะทำให้ฉันเจ็บตา ฉันอยู่อีกสักพัก และหันหลังกลับเดินจากไป ฉันกลัวว่าสุดท้ายแล้วฉันจะไม่กล้าเดินจากมา พระเจ้ารู้ว่าฉันหลงใหลผู้ชายคนนั้นมากจนไม่มียาอะไรที่จะมารักษาได้แล้ว เมื่อออกมาจากห้องก็พบรัมภ์รดาและบอดี้การ์ดของเธอรออยู่ที่หน้าประตูห้อง “ไปได้แล้ว ก็นับได้ว่าได้ทำความต้องการของคุณแล้ว หลังจากนี้ต้องทำอย่างไรในใจคุณรู้ดี” รัมภ์รดามองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า ถอนหายใจและส่ายหน้าออกมาก เธอยิ้มออกมาอย่างเยอะเย้ย บางทีเธออาจจะคิดว่าความรักของเราเป็นเรื่องตลก คนที่อยู่ข้างหลังผลักฉัน เป็นสัญญาณว่าฉันควรจะไปได้แล้ว ฉันหันไปรอบๆและมองไปที่ศรัณเป็นครั้งสุดท้าย ห้องที่เต็มไปด้วยแสงแดด ที่รักของฉันลาก่อน ฉันดึงสายตากลับมา ตอนนี้ฉันถูกบังคับให้ขึ้นเครื่องบินกลับประเทศแล้ว หัวใจของฉันค่อยๆตกลงมาทีละนิด ทีละนิด บรรยากาศตอนเช้าที่เราอยู่ด้วยกันค่อยๆหายไป รอยยิ้มของเขาที่มันจะยิ้มให้ฉันเสมอ
已经是最新一章了
加载中