ตอนที่85โชคดีอะไรอย่างนี้เนี่ย
1/
ตอนที่85โชคดีอะไรอย่างนี้เนี่ย
หลงรักสามีจอมปลอม
(
)
已经是第一章了
ตอนที่85โชคดีอะไรอย่างนี้เนี่ย
ตอนที่85โชคดีอะไรอย่างนี้เนี่ย “โอเค”ฉากนี้มันแปลกเกินไปหน่อยซึ่งนั่นทำให้เพ็ญนีติ์รู้สึกยิ่งมองยิ่งอึดอัดใบหน้าของปุริมหมองลงและก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก “ปุริม,นายไม่ให้หรอ”พนินีที่ดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงรังษีความเย็นที่แผ่ออกมาจากปุริมจึงอุ้มอ้อยหันไปทางเขา “เปล่า,ไม่ใช่อย่างนั้น” “งั้นทำไมนายไม่พูดอะไรเลยหล่ะ?ฉันหน่ะเอ็นดูเด็กทั้งสองคนนี้มากนะ” “เอ็นดูก็ดีแล้ว,ต่อไปก็จะให้พวกเขาไปอยู่กับเธอบ่อยๆ” “อ้อ,นี่ไม่ใช่นายจะตกลงได้ฝ่ายเดียวฉันอยากให้เพ็ญนีติ์เห็นด้วยด้วยจะได้มั้ย” และยังเป็นเสียงอ่อนหวานละมุนหูที่ใครก็ไม่อาจปฎิเสธได้ลงผู้หญิงอะไรทำไมถึงน่ารักอย่างนี้เมื่อวานในตอนกลางคืนจิณณะกลับจงใจพาเธอไปที่ห้องของโรงแรมซึ่งเขาเคยค้างคืนกับผู้หญิงคนอื่นเจ้าจิณณะนี่มันคิดยังไงกันแน่นะ? คนแบบเจ้านี่คนที่เพ็ญนีติ์ถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไง “เจ้,นี่เจ้ยังไม่ได้กินข้าวเลยนะ”นาราที่อยู่ข้างๆร้องเตือนขึ้นมาอยย่างถูกจังหว่ะพอดี “โอ๋ยฉันอิ่มแล้วแหล่ะ,แม่ทูลหัวไม่งั้นคุณก็ทานข้าวกับคุณน้าคนนี้ไปเถอะแล้วค่อยให้แด่ดดี๊จ่ายตัง”หน้าน้อยๆของอ้อยหันมาทางพนินีพูดอย่างเป็นกันเองแม้ว่าจะเจอกันครั้งแรก บริกรนำคนทั้งกลุ่มไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะใหญ่ตัวหนึ่งอ้อยรีบมุดออกจากอ้อมกอดของพนินีเด็กน้อยทำตาประกายมองไปที่แขนที่เมื่อยล้าของพนินีและไม่ว่าจะพูดยังไงเธอก็ไม่ยอมให้พนินีออุ้ม “มามี๊,มามี๊ต้องนั่งข้างๆอ้อยกับส้มนะ” นี่เป็นเรื่องปกติทุกๆครั้งเวลาทานข้าวเพ็ญนีติ์จะต้องนั่งระหว่างกลางของเด็กน้อยทั้งสอง พนินีนั่งตรงข้ามกับพ็ญนีติ์เธอยิ้มก่อนจะพูด“แล้วแดดดี๊หล่ะ,ไม่สนใจแล้วหรอ?” “นี่…..”ส้มขมวดคิ้วเล็กน้อยจากนั้นก็ดึงปุริมมาตรงที่นั่งข้างๆเพ็ญนีติ์“แดดดี๊ก็ต้องนั่งกับหม่ามี๊ฉันจะนั่งข้างๆแดดดี๊เองแล้วอ้อยก็นั่งข้างหม่ามี๊อย่างนี้ดีมี่ย?” “ไม่ดีๆ,ส้มมานั่งตรงข้างๆหม่ามี๊นี่มาเร็วหม่ามี๊เคยชินกับการนั่งกับพวกหนูแล้วถ้าส้มไม่มานั่งข้างๆหม่ามี๊แล้วหม่ามี๊ทานไม่อิ่มจะทำยังไง”เมื่อเพ็ญนีติ์ได้ฟังข้อเสนอของส้มแล้วเธอก็หยั่งรู้ได้ถึงความในใจของปุริมว่าใจของเขามีใครอยู่ในนั้นเธอเองรู้ดีกว่าใครว่ายังไงเขาก็อยากนั่งข้างๆพนินีที่อยู่ตรงข้ามนั่น ครองรักกันมาหลายปีเธอเองเป็นคนที่ไร้สาระมากที่สุดคนนึงซึ่งตอนนี้ปุริมก็คงจะเกลียดเธอเข้ากระดูกดำแน่ๆซ้ำยังเกลียดที่เธอทำให้พนินีเข้าใจเขาผิดแต่ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่โอกาสที่ดีที่จะพูดนอกจากเวลากินข้าวนี้เธอก็คงไม่ได้พูดออกมา ปุริมลังเลเล็กน้อยพนินียิ้มออกมาพร้อมพูด“ปุริม,นายไปนั่งกอดส้มอยู่ตรงนั้นไม่ดีกว่าหรอ” เสียงอ่อนโยนนั้นทำให้ปุริมรู้สึกว่าหากเขานั่งกอดส้มอยู่ตรงนี้มันก็จะไม่ดีแต่ถ้าไม่กอดไว้นั่นก็จะยิ่งไม่ดีเข้าไปอีก “เจ้อย่าเพิ่งไปยุ่งกับเขาเลยรีบกินดีกว่าหิวมาทั้งวันแล้วไม่ใช่หรอมาๆมีสลัดหัวหอมที่เจ้ชอบด้วยนะ” “ขอบใจจ่ะ”พนินีเริ่มจัดการเริ่มทานสลัดจานเล็กๆและกินค่อยๆกินทีละคำๆพนินีคุ้นเคยกับอาหารดังกล่าวในต่างประเทศเธอกินอย่างละเมียดละไมและเมื่อหลังจากทานสลัดเสร็จเรียบร้อยแล้วเธอก็เริ่มทานอาหารเย็นในขณะนั้นปุริมนั่งข้างๆส้มซึ่งก็ได้นั่งแยกระหว่างเขากับเพ็ญนีติ์ มื้อนี้เนื่องจากมีพนินีที่ปรากฎตัวขึ้นมาราวพายุทำให้ปุริมพูดน้อยไปถนัดตาแม้จะมีเจ้าสองตัวน้อยที่นั่งข้างๆแต่กลับรู้สึดอึดอัดแปลกๆ เพ็ญนีติ์ไม่ได้พูดอะไรจนเด็กสองคนทานเสร็จก็จับมือเด็กทั้งสองก่อนจะพูด"คุณพนินี,ปุริมเธอสองคนทานกันไปก่อนนะเดี๋ยวฉันพาเด็กๆไปเข้าห้องน้ำก่อน" ปุริมโบกมือของเขาในมือไม่รู้ว่ามีบุหรี่อยู่มากน้อยอาจเป็นเพราะสถานที่สาธารณะประเภทนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้สูบบุหรี่เขาจึงทำได้แค่เล่นบุหรี่ในมือวนไป ไปกันเถอะเขามาเพื่อไล่ล่าเธอกับลูกไม่ควรจริงๆเขาให้ไม่ได้อย่างที่เธอต้องการ หากว่าให้ไม่ได้งั้นก็ไม่ต้อง ในขณะที่คิดอยู่นั้นภายในใจของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความเจ็บปวดนั้นก็เจ็บราวกับโดนถลกหนังอย่างไรอย่างนั้นนั่นทำให้เธอไม่อยากจะอยู่แค่อยากที่จะไปให้ไกลจากเขาก็เท่านั้น หม่ามี๊คะห้องน้ำอยู่ทางนั้นค่ะ"เพราะว่าได้มากที่นี่กับนภนต์ในตอนบ่ายแล้วดังนั้นอ้อยกับส้มจึงจำได้ว่าห้องน้พอยู่ตรงไหน “พวกเราไปกลับไปเข้าห้องน้ำที่ห้องกันเถอะ” "ได้ค่ะหนูเชื่อฟังหม่ามี๊"ส้มสัมผัสได้ว่าเพ็ญนีติ์รู้สึกไม่ดีดังนั้นเธอจึงเลือกที่จะฟังเพ็ญนีติ์ ในขณะที่รีบเดินไปที่ประตูลิฟต์อยู่นั้นก็มองย้อนกลับไปเห็นนารากำลังยืนขึ้นในขณะที่โต๊ะตัวใหญ่นั้นเหลือเพียงสองคนนั่นก็คือปุริมกับเพ็ญภัทร์ที่นั่งตรงข้ามกันอยู่แต่ก็นั่งด้วยความเงียบงันที่งสองไม่ได้พูดอะไรกันแม้แต่คำเดียวแต่ว่าสองตานั่นยังคงมองซึ่งกันและกันภาพที่เห็นตรงหน้านั้นแม้จะดูเงียบแต่กลับเข้ากันได้ดีเพ็ญนีติ์มองภาพนั้นอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันหลังกลับ "หม่ามี๊หม่ามี๊ร้องไห้หรอคะ" “เปล่าค่ะลูกแมลงมันบินเข้าตาหม่ามี๊หน่ะค่ะ”เธอยกมือขึ้นมาขยี้ตาหัวใจกับตาของเธอตอนนี้ไม่ต่างอะไรกันเลยมันต่างเปียกปอนด้วยกันทั้งคู่ ไปดีกว่าเธอไม่อยากที่จะก้าวเข้าไปในโลกของปุริมอีกต่อไปแล้ว เมื่อกลับมาถึงห้องเพ็ญนีติ์ก็เริ่มเก็บของต่างๆ "หม่ามี๊หม่ามี๊เก็บของทำไมคะ?" "อ่อเราจะกลับบ้านกันจ่ะ" “ไม่เอาเรายังไม่ได้ไปเที่ยวอุทยานธรณีภูเขาไฟกันเลย”อ้อยทักท้วงขึ้น"หม่ามี๊อ้อยไม่อยากกลับ" “โถ่ลูกอย่าเสียงดังเลยหม่ามี๊ไม่สบายเลยต้องกลับไปหาคุณหมอค่ะ”เหตุผลที่เธอใก้มันมากพอที่จะทำให้ลูกๆที่รักของเธอไม่อยากทิ้งเธอไปไหน “หม่ามี๊ไม่บายหรอคะ”อ้อยสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาฉับพลัน มือลูบที่ท้องก่อนจะพูด“หม่ามี๊ปวดท้องค่ะ” “โอเคค่ะงั้นให้หม่ามี๊ดีขึ้นก่อนแล้วพวกเราก็มากันใหม่ดีมั้ยคะ”น่าเศร้าจริงๆเธอยังเที่ยวที่ที่นี่ไม่หนำใจเลยได้แค่ว่ายน้ำเพียงช่วงบ่ายก็เท่านั้น “ได้สิจ้ะหม่ามี๊รับปากเดี๋ยววันหลังจะพาลูกๆมาเที่ยวกันอีกนะคะ” ตอนขามาก็ไม่ได้เอาอะไรมาเยอะในเวลานั้นเพียงแค่เพื่อจะหนีจากปุริมได้แต่นภนต์ดันบอกความลับซะได้เธอจึงหนีในตอนนี้ก็เพื่อจะหนีปุริมอีกนั่นแหล่ะ พนินีกลับมาแล้วเธอก็ต้องคืนปุริมให้เธอพวกเขามองตาของกันและกันด้วยความรักและเธอก็คงจะไม่จำเป็นอีกต่อไป เธอทำทุกอย่างโดยไวพาเด็กๆลงลิฟต์ก็ประมาณสองทุ่มกว่าแล้วนั่นก็น่าจะพอทันรถเมล์ขบวนสุดท้ายพอดี ต้องเร็วต้องไปให้เร็วที่สุดไม่อย่างนั้นคืนนี้พวกเขาต้องนอนข้างทางแน่ๆ “หม่ามี๊ที่นี่สวยจังเลยค่ะส้มชอบที่นี่จัง” เธอจิ้มลงบนจมุกของส้มอย่างแผ่วเบา“ดีเลยงั้นรอหม่ามี๊มีเงินก่อนแล้วเรามาซื้อบ้านใกล้ๆแถวนี้แล้วก็พาลูกกับอ้อยมาอยู่ที่นี่ตกลงมั้ยจ้ะ” “อ้อตกลงมากๆเลยแหล่ะค่ะหม่ามี๊คะแล้วมามี๊จะมีเงินเมื่อไหร่?” “นั่น…..”หน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อยนี่มันพูดไม่ออกจริงๆ เธอเองก็อยากมีเงินนะแต่มันก็หายากเสียจริงและอีกอย่างเธอก็ยังไม่มีเคล็ดลับในการหาเงินด้วย “มามี๊นั่นมันแดดดี๊กับแม่ทุลหัวนี่คะ”ในขณะที่เพ็ญนีติ์กำลังมองฉากกลางคืนด้านนอกของลิฟต์อยู่นั่นเองอ้อยก็พูดขึ้นพร้อมชี้มือไปยังลิฟต์ฝั่งตรงข้าม เมื่อหันกลับไปมองเธอก็พบกับปุริมที่กำลังหันหลังให้อยู่และก็ยังมีพนินีที่ยืนอยู่ข้างๆด้วยแต่ไม่มีนารามีเพียงเขาสองคนยืนอยู่ในลิฟต์กันและไม่อาจรู้ได้ว่าเขาสองคนกำลังคุยอะไรกันอยู่แต่เมื่อดูจากตรงนี้ดุเหมือนว่าร่างแันเพรียวผอมของพนินีที่อยู่ข้างๆกัยปุริมนั้นจะไม่ได้ยืนได้ด้วยตัวเองแต่ด้วยเหมือนว่ากำลังพิงซบกันอยุ่อย่างไรอย่างนั้น “......”เมื่อเห็นภาพนั้นแม้ว่าลิฟค์จะผ่านไปแล้วแต่ภาพนั้นก็ยังชัดในสายตาของเพ็ญนีติ์ดวงตาของเธอยิ่งชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำตาขึ้นไปอีก "หมามี๊พวกเราไม่ใช่ว่าลงไปข้างล่างตึกเพื่อรอแดดดี๊หรอคะ" "เปล่าจ่ะแดดดี๊กัยแม่ทูลหัวเขามีธุระต้องคุยกันเขายังไม่กลับมีแต่พวกเราที่กลับก่อน" “ทำไมเป็นอย่างนั้นหล่ะคะหม่ามี๊หนูอยากให้หม่ามี๊กับแดดดี๊ไปด้วยกัน “หม่ามี๊ไม่สบายไงคะ”เธอยิ้มยากเย็นเธอไม่อาจหาเหตุผลที่ดีกว่านี้ได้เลย “หม่ามี๊ปวดท้องเรารีบไปกันเถอะ”ส้มถอนหายใจออกมาแล้วก็ไม่พูดอะไรขึ้นอีก เพ็ญนีติ์ถอนใจอยู่ชั่วครู่การที่จะหลอกเด็กทั้งสองคนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย เร็วเธอต้องไปให้ไวเลยเพราะว่าปุริมกลับไปที่ห้องแล้ว เธอได้เพียงแต่หวังให้เขาไปห้องของพนินีถ้าเป็นอย่างนั้นกว่าเขาจะพบว่าเธอหนีกลับไปแล้วนั้นนั่นมันก็สายเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะขาไปหรือขามานั่นก็ทำให้เธออึดอัดในใจทั้งคู่ มีรถแท็กซี่อยู่หน้าโรงแรมเพียงแค่ใหเไปป้ายรถเมล์ที่ใกล้ที่สุดและถนนที่สุดเมื่อคนขับได้ยินว่าเธอจะไปป้ายรถเมล์จึงบอกว่า“คุณผู้หญิงสามารถเดินไปได้นะครับมันไม่ได้ไกลมาก” “ฉันอยากไปให้ไวหน่อยฉันกลัวว่าจะไปทันรถเมล์ดที่ยงสุดท้ายหน่ะ” “ทันอยู่แล้วครับอีกตั้งสิบนาทีกว่ารถเมล์เที่ยวสุดท้ายจะมา” เมื่อเธอได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจมากอย่างโล่งใจแค่ให้ทันเที่ยวสุดท้ายเท่านั้นแหล่ะแค่ให้ได้หนีจากปุริมได้ในทันทีก็พอแล้ว เราสองคนก็เจ็บทั้งคู่เธอไม่อยากบอกความจริงกับเขาและเขาไม่ควรที่จะจำอ้อยกับส้มได้ตอนนี้จะทำยังไงดีหล่ะ? เขาไม่อาจให้บ้านแก่เด็กๆได้ก็ไม่ควรที่จะมากระตุ้นเด็กๆ เมื่อเธอขึ้นรถมาได้ก็ภาวนาให้รถออกไปในทันทีปุริมหากว่าเขาตามมาไม่ทันนั่นก็พิสูจน์ได้แล้วว่าทั้งในสายตาและหัวใจของเขามีเพียงพนินีคนเดียวเท่านั้น แล้วจิณณะน้องชายของเขาหล่ะ? เมื่อนึกถึงผู้ชายที่ร้ายกาจราวปีศาจนั้นในใจของเพ็ญนีติ์ก็คิดอะไรแปลกๆขึ้นมาว่าผู้ชายตนนั้นมีึวามลับอะไรที่ซ่อนเอาไว้กันและเธอก็ไม่อาจที่จะเข้าใจจิณณะได้เลยแต่ในทางกลับกันจิณณะเหมือนจะรู้จักเธอไม่เสียหมด ในที่สุดรถก็เริ่มเคลื่อนที่เธอมองโรงแรมที่ออกมาในความมืดนั้นผ่านกระจกปุริมสุดท้ายก้ไม่ได้กลับไปแต่นั่นมันก็ดีแล้วการเดินทางของเธอมันจะได้ง่ายขี้น ขณะที่รถเคลื่อนตัวไปเด็กๆก็ค่อยๆหลับซบมาที่เธอ ใกล้จะตายที่นี่ห่างจากตัวเมืองดรัลแค่นั่งรถเมล์ประมาญสองชั่วโมงเท่านั้นที่จริงแล้วมันสะดวกมากที่จะกลับมาอีกและในอนาคตเธอจะพาลูกๆกลับมาอีกแน่นอน ในครั้งนี้ไม่ได้พาไปเล่นหรือดูอะไรเท่าไหร่เลยเธแก็ต้องพาพวกเขาหนีออกมาแล้ว เธอลูบใบหน้าน้อยๆของอ้อยเจ้าตัวน้อยหลับไปอย่างเงียบๆนี้นั่นแน่นอนว่าจะต้องฝันดีแน่ๆมุมปากของเข้าตัวยน้อยกระตุกออกเป็นรอยยิ้มขึ้นมา เธอมองดูอ้อยและส้มเงียบๆเธอไม่อาจจะวางสายตาจากลุกๆของเธอได้เลย “หม่า….มี้แดด….ดี๊”มีเสียงละเมอขึ้นมาซึ่งนั่นก็คือการเรียกหาเธออีกที่งยังเรียกหาปุริมด้วย ปุริมนายนี่มันช่างโชคดีอะไรอย่างนี้เด็กยังคงพิมพ์เขาไว้ในใจแม้ในความฝันก็ยังคงละเมอถึงชื่อของเขา
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่85โชคดีอะไรอย่างนี้เนี่ย
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A