ตอนที่ 71 รับมือตามสถานการณ์

ตอนที่ 71 รับมือตามสถานการณ์ ดวงตาของจิดาภาแสดงออกถึงความเย็นชา เมื่อครู่เธอได้สบตากับเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ที่เธอสัมผัสได้นั้น ในแววตาเด็กคนนั้นเต็มไปด้วยทะเยอทะยาน ซึ่งหากคนแบบนี้เข้ามาในวงการบันเทิง สุดท้ายแล้วคนประเภทนี้ก็จะหลงลืมตัวเอง โดยเฉพาะคนที่ผ่านการถูกฝึกฝนจากชเยศและทีปินา "รอให้พวกเขาออกไปก่อน แล้วเราค่อยไปหาคุณชเยศกัน" จิดาภาตัดสินใจ แล้วเดินไปยังห้องพักผ่อนอย่างเงียบๆ แต่ไม่คิดว่าทีปินาจะย้ายของในห้องพักผ่อนออกไปจนหมดแล้ว เมื่อเห็นจิดาภาเดินเข้ามา เธอจึงทำเป็นประหลาดใจและเอ่ยถามเธอไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ “ทำไมวันนี้คุณเข้ามาบริษัทล่ะ? ฉันว่าจะทำเซอร์ไพรส์คุณเสียหน่อย” เธอโบกมือให้พวกคนงานทำงานกันต่อไป มองดูของที่ถูกขนออกไปทีละอย่าง พี่นัฎโมโหมากเสียจนจะพุ่งตัวเข้าไปหา แต่ถูกจิดาภารั้งเอาไว้เสียก่อน “นี่มันหมายความว่าอะไร?” จิดาภาพยายามระงับความโมโห ยังไม่ถึงจุดจบตอนสุดท้าย เธอก็ไม่อยากทำให้งูตื่นเสียก่อน “ไม่มีอะไรนี่ ก็บริษัทเซ็นชื่อคนใหม่ แต่ก็มีการจำกัดเงื่อนไข คุณคนเดียวก็คงไม่จำเป็นต้องใช้ห้องพักผ่อนใหญ่ขนาดนี้หรอกมั้งคะ เพราะฉะนั้น ผู้ที่อาวุโสในวงการบันเทิงอย่างคุณ ก็เสียสละเสียหน่อยแล้วกัน!” “แล้วห้องพักผ่อนของจิดาภาล่ะ?” พี่นัฎเอ่ยถาม เธอไม่ถูกชะตากับทีปินามาตั้งแต่แรกแล้ว “ทางนั้นค่ะ” ทีปินาชี้ไปยังห้องพักผ่อนห้องเล็กที่อยู่ตรงข้าม แล้วจากนั้นเธอก็เดินกระแทกไหล่จิดาภา เหยียบรองเท้าส้นสูงของจิดาภาแล้วเดินออกไป “นี่มันจะเกินไปแล้ว บริษัทตั้งใหญ่โต จะเป็นไปได้อย่างไรที่แม้กระทั่งห้องพักผ่อนจะต้องให้มาแบ่งกันใช้แบบนี้ มันตั้งใจแกล้งกันชัดๆ” จิดาภาได้เพียงแต่ อืม ตอบกลับแล้วเดินออกไป ตะโกนเรียกทีปินาที่ยังไม่ทันได้เข้าไปในลิฟท์ “รอก่อน ฉันมีเรื่องจะถามคุณ” “อะไรคะ?” ทีปินาหันกลับมามองด้วยสายตาเหยียดหยาม ในสายตาของเธอนั้น จิดาภาได้กลายเป็นคนที่ล้มเหลวพ่ายแพ้ไปแล้วสำหรับเธอ ผ่านการมอบรางวัลครั้งนี้ไป จิดาภาก็ควรจะรับรู้ได้แล้วว่าเธอไม่สามารถกลับมาอยู่ตรงนี้ได้อีก พอถึงตอนนั้น การที่จะเฉดหัวไล่ให้จิดาภาออกไปจากบริษัทก็คงไม่ใช่เรื่องยาก “ฉันอยากให้คุณตอบคำถามฉันให้ชัดเจน ว่ารายการนักแสดงภาพยนตร์ยอดนิยมเชิญแค่ชนิศาแค่คนเดียวหรือ?” จิดาภาจ้องมองไปยังหน้าของเธอ แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาและประชดประชัน ทีปินาขมวดคิ้ว “ก็คนเดียวน่ะสิ!” เธอก้าวถอยหลังไป คอยสังเกตดูการปฏิกิริยาการแสดงออกของจิดาภา “ทำไมกัน? คุณคิดว่าบริษัทเราจะมีใครไปได้อีกหรือคะ? คุณอย่างนั้นหรือ? อย่าเพ้อเจ้อไปหน่อยเลย!” “รายการนักแสดงภาพยนตร์ทางฝ่ายนั้นเขาเชิญแค่ชนิศา แล้วอีกอย่างเขาก็มีแนวโน้มที่จะได้รางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม ส่วนคุณ ก็คงไม่มีวาสนากับงานใหญ่ๆแบบนี้” ชเยศเดินออกมาจากลิฟท์ แล้วหยุดยืนอยู่ตรงข้างๆทีปินา เมื่อเห็นหน้าของสองพี่น้องนี้แล้วเธอก็รู้สึกขบขัน หวังเป็นอย่างยิ่งที่จะให้พวกเขาคงรักษาปฏิกิริยาแบบนี้ไว้ให้ได้ตลอด “ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะขอแสดงความยินดีก่อนล่วงหน้าเลยแล้วกัน” จิดาภาเองก็ไม่อยากจะพูดอะไรออกไปอีก คำโกหกของคนเหล่านี้เธอได้ยินมามากพอแล้ว หน้าของพวกเขาเธอก็มองมามากพอแล้วเช่นกัน “คุณจิดาภา ผมได้ยินมาว่าคุณหาคนไปช่วยคุณคุยเรื่องสัญญาภาพยนตร์ข่าว คุณไปหาใครมาช่วยคุณกัน?” ชเยศเดินเข้าไปแล้วรั้งเธอเอาไว้ “คุณรู้กฎของบริษัทเรานี่ หากในระหว่างสัญญาคุณไปทำธุรกิจกับบริษัทอื่น นั่นเท่ากับว่าคุณทำผิดกฎ จำนวนเงินที่คุณต้องจ่ายหากผิดสัญญาเป็นสิบล้านเชียวนะ” “ฉันไม่ได้ทำผิดสัญญา” จิดาภาสะบัดมือของชเยศออก แล้วรักษาระยะห่างระหว่างเขาไว้ “พี่นัฎทำงานมีประสิทธิภาพสูงขนาดนี้สามารถทำงานทั้งผู้ช่วยพิเศษและผู้จัดการฉันไปได้ในขณะเดียวกัน ไม่ได้เลยหรือคะ?” ในใจของเธอนั้นรู้ดี เรื่องของสัญญาถือว่าเป็นความดีความชอบของจิรภาส เขาเป็นสามีของเธอ จึงเป็นคนไปคุยเรื่องสัญญาในนามของเธอ ซึ่งก็ไม่ถือว่าเป็นการทำผิดกฎอะไร “ได้ข่าวว่าคนของบริษัทKBไปหาคุณอีกแล้ว เป็นเพราะคุณกับพวกเขามีข้อตกลงอะไรกันไว้ใช่ไหม?” ชเยศจ้องมองไปยังใบหน้าของเธอ แต่กลับเห็นเพียงแต่ความเย็นชาบนใบหน้าเธอเพียงเท่านั้น จิดาภาคนก่อนไม่ได้เป็นแบนนี้... “จิดาภา คุณเปลี่ยนไปมากนะ” “ใช่หรือคะ? นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าคุณเองก็ไม่เคยเข้าใจฉันจริงๆเสียมากกว่า คุณชเยศ” เธอเอ่ยย้ำชื่อของเขา ราวกับเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ การหยั่งเชิงของชเยศ จิดาภาเข้าใจเป็นอย่างดี สงครามระหว่างเขากับเธอได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว มองเบื้องหลังที่ค่อยๆห่างออกไปของจิดาภา ชเยศขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่ามีบางอย่างที่ไม่ชอบใจนัก “พี่ว่า ทำไมจิดาภาถามถึงเรื่องจัดหมายเชิญนั่น? เธอจะไปรู้อะไรมาหรือเปล่า?” ทีปินาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ชเยศ แกส่งคนคอยตามไว้แล้วกัน ตรวจสอบให้แน่ชัดว่าเธอจะเข้าร่วมงานมีทติ้งกับแฟนคลับ แล้วไม่ว่าจะแลกด้วยค่าตอบแทนอะไรก็ตาม จะต้องไม่ให้เธอมาปรากฏตัวอยู่บนพรมแดงในคืนนั้นเด็ดขาด!” “ผมเข้าใจแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไป ผมจะไม่หวนกลับไปสนใจกับความรู้สึกเมื่อก่อนอีกแล้ว” ชเยศกำหมัดแน่น ดวงตาแดงก่ำ เขาไม่เคยเข้าใจจิดาภาเลยอย่างนั้นหรือ? จิดาภาและพี่นัฎเดินมาขึ้นรถ “พี่นัฎ คนที่ฉันให้พี่ช่วยตามหาพี่หาเจอหรือยังคะ?” “อืม เตรียมไว้พร้อมหมดแล้วล่ะ ชุดก็เตรียมไว้ตามขนาดตัวของเธอแล้ว เธอวางใจได้ เรื่องนี้คนในบริษัทก็ไม่มีใครรู้” จิดาภาปรึกษาหารือกับพี่นัฎถึงขั้นตอนและแผนการทั้งหมด แล้วจึงกลับไปยังคฤหาสน์ เมื่อถึงประตูด้านหน้าเธอเห็นรถของ จิรภาสจอดอยู่แล้ว “กลับมาแล้วหรือครับ?” เมื่อจิรภาสเห็นจิดาภาที่มีใบหน้าราวกับภูเขาน้ำแข็งเช่นนั้นจึงเอ่ยทักเธอขึ้นด้วยรอยยิ้มที่แสนเอ็นดู “คุณรอฉันอยู่หรือคะ?” จิดาภามองไปยังเขาที่เปลี่ยนเป็นชุดคู่รักเรียบร้อยแล้ว “ขอโทษทีนะคะ ฉันเสียเวลากับที่บริษัทมากไปเสียหน่อย” “เด็กโง่ ให้ผมรอคุณนานแค่ไหนก็ได้อยู่แล้ว” เขาโอบไหล่ของจิดาภาอย่างเบามือ แล้วจูบไปยังหน้าผากของเธอ “ผมไปเจอกับทางผู้จัดงานก่อนล่วงหน้า มีเรื่องต้องคุยกันนิดหน่อย ตอนกลางคืนผมจะเป็นแขกพิเศษที่จะต้องขึ้นเวทีด้วย ส่วนเรื่องของคุณนั้นผมจัดการเรียบร้อยแล้ว คุณเพียงแค่ขึ้นเวทีไปอย่างสวยงามแค่นั้น จะไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่นอน” เพื่อที่จะคุยกับเธอเรื่องนี้ เขาถึงตั้งใจรอเธอกลับมาจนถึงตอนนี้ “ขอบคุณนะคะ สามีของฉัน” จิดาภาที่กำลังรู้สึกเครียดและกังวลในตอนแรก ได้รับคำปลอบโยนจากจิรภาสแล้ว เธอกลับรู้สึกสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ “ถ้าอย่างนั้นผมไปก่อนนะ แล้วตอนกลางคืนเจอกัน” เขายังไม่อยากจะปล่อยมือเธอเอาเสียเลย หากเป็นไปได้ เขาอยากจะให้จิดาภาอยู่แต่ในบ้านตลอดไป ให้เขาได้เห็นและชื่นชมความสวยงามของเธอเพียงคนเดียว แต่เขารู้ดีกว่าใครๆ ว่าความงามของจิดาภานั้นพร่างพราวกว่าดาวบนท้องฟ้าเสียอีก เธอสมควรที่จะได้ยืนเฉิดฉายอยู่บนเวทีใหญ่ๆ ในคืนนั้น ขบวนรถมากมายที่จอดต่อกันอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้างาน แสงไฟเป็นประกายแวววาวประกอบกับเสียงดนตรีอันแสนไพเราะ ทำให้งานspecial nightในค่ำคืนนี้ยิ่งใหญ่เป็นอย่างมาก พรมแดงยาวถูกโรยด้วยผงระยิบระยับสีทอง ตั้งแต่ด้านหน้าทางเข้าไปยังประตูงานด้านในตรงบริเวณผนังที่ตั้งไว้สำหรับเซ็นชื่อ พิธีกรถือไมโครโฟนปรากฏตัวขึ้น พร้อมทั้งนักข่าวและช่างภาพอีกนับร้อยที่รายล้อมกันอยู่ตรงสองข้างของทางเดิน รอต้อนรับดาราศิลปินที่จะเดินเข้ามายังด้านในงาน เวลาผ่านไป เหล่าบรรดาศิลปินดาราค่อยๆทยอยลงจากรถแล้วเดินเข้ามายังด้านใน ส่วนบรรดาแฟนคลับของพวกเขาก็ตะโกนร้องเรียกชื่อของดาราคนที่ตัวเองชื่นชอบ “ต่อไป ขอเชิญคุณชนิศา และคู่ควงของเธอในค่ำคืนนี้ หรือก็คือคู่หมั้นของเธอคุณชเยศนั่นเองค่ะ” เสียงปรบมือดังขึ้น พร้อมด้วยการปรากฏตัวของชนิศาด้วยชุดสีขาว ลงจากรถมาแล้วส่งยิ้มไปยังเบื้องหน้า พร้อมกับชเยศที่มาด้วยชุดสูทสีเทา ยืนอยู่ข้างๆเธอ ทั้งสองคนราวกับเป็นคู่ที่ฟ้าดินสร้างมาให้เป็นคู่กัน ดึงดูดสายตาของผู้คนได้เป็นอย่างมาก