ตอนที่76 สถานการณ์พังทลาย

ตอนที่76 สถานการณ์พังทลาย “ฉันนึกไม่ถึงจริงๆว่าคุณจะกล้าทำขนาดนี้ เห็นแก่เมื่อก่อนตอนที่คุณคบกับชเยศฉันขอเตือนคุณไว้อย่างนะ คิดจะจับคุณจิรภาสล่ะก็ มองดูตัวเองเสียก่อนว่าฐานะคู่ควรหรือเปล่า” เท่าที่เธอมองดูแล้วนั้น แม้ว่าจิดาภาจะสวย พอจะมีฐานะอยู่บ้าง แต่ผู้ชายระดับอย่างจิรภาสนั้นไม่มีทางตกหลุมรักจิดาภาตั้งแต่แรกเห็นอย่างแน่นอน คำพูดประชดประชันเหน็บแนมของทีปินานั้นทำให้การแสดงออกของจิดาภานั้นเปลี่ยนไป เธอหยุดเท้าตัวเอง แล้วหันกลับมาหาทีปินา “คุณไม่ควรจะมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวของศิลปินเลยนะคะ อย่างคุณน่าจะไปเป็นคนเขียนบทละครเสียมากกว่า แบบนี้คนอื่นๆก็จะได้ใช้ชีวิตตามความคิดของคุณได้ยังไงล่ะ ฉันขอเตือนพวกคุณเป็นครั้งสุดท้าย ว่าอย่ามาก้าวก่ายชีวิตของฉันอีก ถ้าไม่อย่างนั้น ครั้งต่อไปฉันคงไม่ปล่อยไปเฉยๆแน่” ทีปินารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก เธอพยายามที่จะไม่พูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไป อยากจะรอดูวันพรุ่งนี้ว่าหากจิดาภาเจอข่าวแบบนั้นแล้ว เธอจะเสียใจ จะลำบากซักเพียงไหนกัน เมื่อเห็นอาการเช่นนั้นของทีปินาแล้ว จิดาภาก็รู้เลยว่าเธอจะต้องมีแผนร้ายๆอะไรอีกแน่ๆ “พี่พอแล้ว พูดให้มันน้อยๆหน่อย เดี๋ยวนักข่าวมาเห็นจะแย่เอา” ชเยศเข้ามาขวางระหว่างพวกเธอทั้งสองคน มองไปยังจิดาภาด้วยความลำบากใจ “หากคุณไม่อยากไปงานมีทติ้งแฟนคลับ คุณบอกผมก็ได้ ทำไมจะต้องใช้วิธีแบบนี้ สิ่งที่คุณทำวันนี้มันส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทมากนะ” “ฉันว่าฉันถามคุณชัดเจนแล้วนะคะ ว่าฉันได้รับจดหมายเชิญด้วยหรือเปล่า” เธอมองไปยังชเยศด้วยสายตาอันแสนเย็นชา “แต่ดูเหมือนคุณจะสนใจแต่คุณชนิศา เพราะฉะนั้นตัวคุณเองก็ไม่ได้ใส่ใจในสิ่งที่ฉันพูดเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันว่าบริษัทคุณคงจะต้องถึงจุดจบแล้วล่ะมังคะ?” “จิดาภา คุณระวังคำพูดของคุณหน่อยนะ!” ชเยศตวาดเสียงดัง ไฟความโมโหถูกจิดาภาจุดประกายขึ้นมา ความอิจฉาจากสายตาที่มองเธออย่างน่าทึ่งบนเวที กับการมองเห็นความเหมาะสมกันระหว่างเธอกับจิรภาสยิ่งทำให้เขารู้สึกโมโหมากยิ่งขึ้น “คุณอยากจะไปจากsj แล้วไปเซ็นสัญญากับบริษัทอื่นไม่ใช่หรือ? เป็นบริษัทKB หรือบริษัทsuperกันล่ะ พวกเขาให้คุณเท่าไหร่?” “นั่นมันก็เป็นเรื่องของฉันค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องมาใส่ใจเรื่องพวกนี้ วางใจเถอะค่ะ ฉันจะรอเห็นผลลัพธ์จากสิ่งที่พวกคุณทำไว้ก่อน ฉันถึงจะไปจากที่นี่” เมื่อเธอพูดจบ รถสปอร์ตคันหรูสีน้ำเงินก็มาจอดอยู่ตรงที่เธอยืนอยู่ เธอจึงเปิดประตูขึ้นรถไปอย่างไม่ลังเล หลังจากที่มองรถที่ขับออกไปแล้วนั้น ไม่ต้องบอกว่าชนิศาเองรู้สึกเกลียดชังจิดาภามากแค่ไหน เพราะเธอเองก็กำลังกัดริมฝีปากเพื่อควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่เช่นกัน เสียงของทีปินาดังขึ้นข้างๆหูเธอ “ช่างมันเถอะ ชเยศ อย่าไปโต้เถียงกับมันเลย ถ้าจะไปก็ปล่อยมันไป แต่ฉันจะรอดูว่าข่าวในวันพรุ่งนี้คงจะสั่งสอนมันได้ไม่น้อย ว่านอกจากsjแล้ว มันก็ไม่มีที่ไปแล้ว” จู่ๆชนิศาก็รู้สึกปวดท้องขึ้นมา เธอเพียงส่งยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วดึงมือของชเยศ “ชเยศ ที่พี่ทีปินาพูดมาก็ถูก เรากลับกันเถอะค่ะ” “ได้สิ...ทำไมหน้าคุณซีดขนาดนี้?” ชเยศที่เพิ่งจะสังเกตเห็นสีหน้าของเธอเอ่ยถามขึ้น “ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คงจะนอนไม่พอน่ะ” “เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวจะต้องจัดการเรื่องคืนนี้อีก” ในใจของเธอนั้นกำลังหัวเราะอย่างเยือกเย็น เธออยากจะรอดูเกมในวันพรุ่งนี้เสียจริงๆ จิดาภากลับมาถึงบ้าน ก็เห็นจิรภาสกำลังนั่งเหม่ออยู่ตรงโซฟา เพื่อไม่ให้นักข่าวรู้เรื่องความสันพันธ์ของพวกเธอ ทั้งสองคนจึงต้องแยกกันกลับมา หลังจากที่จิดาภาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วนั้น เธอจึงเดินมายังด้านหลังเขา เอื้อมมือไปกอดเอวเขาอย่างอ่อนโยน “เป็นอะไรไปคะ? คุณจิรภาส” จิรภาสก้มหน้าลงมอง แล้วจับมือเธอไว้ ค่อยๆหันมาหาเธอ นัยน์ตาของเขาสะท้อนภาพเธอให้เห็น “ไม่มีอะไรครับ ผมคงจะดื่มแชมเปญมากไปหน่อย” “จริงหรือคะ?” จิดาภาหันกลับมารินชาร้อนให้เขา แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยน “จิรภาส ฉันหวังว่าฉันจะสามารถเป็นที่พึ่งของคุณ อยากให้คุณภูมิใจ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่จะแบ่งปันแต่ความสุขให้คุณอย่างเดียวนะคะ” เวลาที่เขารู้สึกเหนื่อย เธอก็พร้อมที่จะให้เขายืมไหล่นี้ของเธอ พึ่งพาอาศัยกัน คอยสนับสนุนกันเป็นสิ่งที่สามีภรรยาควรจะมีมากที่สุด หากจิรภาสคอยแต่จะปกป้องเธอเพียงฝ่ายเดียว ภรรยาอย่างเธอก็คงจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้เอาเสียเลย “ผมปิดบังอะไรคุณไม่ได้เลยสินะ” จิรภาสยิ้มออกมา แล้วก้มลงจูบที่หน้าผากของเธอ “แล้วคุณตั้งใจจะบอกสาเหตุกับฉันไหมคะ?” เธอเอียงหน้าขึ้นมามองเขาด้วยรอยยิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน จิรภาสจึงเล่าเรื่องที่ทีปินากำลังเตรียมจะซื้อข่าวให้เธอฟัง เขาก็อยากรู้เช่นกันว่าเมื่อจิดาภารู้เรื่องนี้แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร แต่เธอกลับสงบนิ่งมากกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก “ถึงว่าล่ะ ว่าทำไมเธอถึงพูดจาประชดประชันแดกดันฉันเช่นนั้น แล้วยังบอกว่าฉันจะต้องไปคุกเข่าขอร้องเธออย่างแน่นอนอีก” เธออยู่ในวงการนี้มาหลายปี วิธีสกปรกๆของทีปินานั้นมีมากกว่าที่เธอเคยเห็นมาเสียอีก “ยังไม่ได้รับการอนุญาตจากคุณเลย แต่ผมส่งคนไปจัดการเรื่องนี้แล้วนะ เพราะถึงอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องส่งผลกระทบต่อเค.เอฟอยู่แล้ว” จิรภาสเป็นคนที่แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวอยู่แล้ว จิดาภาเข้าใจความหมายของเขาดี หากไม่ใช่เพราะเธอขอร้องเขาไว้ บริษัทsjคงจะปิดฉากไปนานแล้ว “โอเคค่ะ ในเมื่อคุณมีหลักฐานแล้ว คุณเองก็อย่าไปใส่ใจเรื่องนี้มากนักเลยนะคะ ฉันเชื่อความสามารถของคุณ ว่าคุณจะต้องจัดการเรื่องนี้ได้อย่างยุติธรรมแน่ๆค่ะ” เธอส่งรอยยิ้มออกมาด้วยความอบอุ่น ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่สำหรับจิรภาสนั้น เรื่องนี้กลับไปเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา หากจิดาภากับเขาไม่รู้จักกัน และไม่ได้แต่งงานกัน และหากเขาถูกทีปินาหลอกใช้จริงๆ...นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เขารู้สึกโมโหมาก “จิรภาส วันนี้ฉันมีความสุขมากๆ คุณเห็นรูปที่เราถ่ายด้วยกันแล้วใช่ไหม?” จิดาภาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา แล้วส่งรูปนั้นให้เขา แต่เมื่อเห็นหน้าจอมือถือของเขาสว่างขึ้นนั้น รูปนั้นปรากฏตั้งเป็นรูปหน้าจอของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอรู้สึกตกใจแล้วหอมแก้มเขาไปด้วยความเขินอาย “ดูภรรยาผมสิ เป็นแบบนี้แล้วผมคงจะปล่อยเธอไปง่ายๆไม่ได้เสียแล้ว” น้ำเสียงของเขากล่าวออกมาด้วยโทนเสียงต่ำแล้วอุ้มร่างของจิดาภาขึ้นมาตรงไปยังห้องนอนทันที รองเท้าของจิดาภาหล่นอยู่พรม แขนของเธอเกี่ยวคล้องเขาไว้ แล้วเอ่ยถาม “ไปไหนคะ?” “ไปทำในสิ่งที่อยากทำไงครับ...” ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีอะไรมาเทียบกับรอยยิ้มของจิดาภาได้อีกแล้ว ภรรยาของเขาเขาจะปกป้องให้ดีที่สุด ใครที่คิดร้ายกับเธอ ก็คงจะต้องเตรียมตัวรับกับสิ่งเหล่านั้นให้ดี ทีปินาใจจดจ่อเฝ้ารอด้วยความตื่นเต้นตลอดทั้งคืน ก่อนหน้านี้เธอเองก็เคยได้ยินเรื่องราวของจิรภาสมามากมายเหมือนกัน สำหรับพวกศิลปินผู้หญิงที่จะหลอกใช้ชื่อเสียงของเขาเหล่านั้น เขาจะไม่ไว้หน้าคนเหล่านั้นเลย จิรภาสที่อยู่ในวงการนี้แค่เพียงคำพูดเดียวของเขาก็สามารถตัดสินชีวิตในเส้นทางนี้ของศิลปินคนนั้นได้ นั่นเป็นเพราะความสามารถที่เด็ดขาดเช่นนี้ และเขาก็ได้กลายเป็นบุคคลที่เย็นชาราวกับภูเขาน้ำแข็ง ข่าวซุบซิบนินทาของเขาจึงแทบจะไม่มีออกมาให้ได้เห็นเลย พวกศิลปินสาวๆเหล่านั้นก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหาเขาไปทำไม แต่ท่าทางเย็นชาของเขาเช่นนี้กลับเป็นเหตุบังเอิญที่ค่ำคืนนี้ชุดที่เขาทั้งสองสวมใส่นั้นดูเข้ากันเสียอย่างนั้น แล้วยังร่วมถ่ายรูปกับเธอต่อหน้าสาธารณะเช่นนั้นอีก ดูราวกับมีความหมายลึกซึ้งอย่างไรอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าจะเชื่อว่าจิดาภาจะไม่ใช้ผลประโยชน์จากเขา แต่ดูเหมือนจะเต็มใจที่ถูกเขาใช้เสียมากกว่า เมื่อได้รับแรงกดดันจากทั้งสองฝ่ายเช่นนี้ เธอทำได้เพียงให้ร้ายจิดาภา ไม่ได้ไตร่ตรองถึงจุดประสงค์ของจิรภาสเลย อย่างไรก็ตามเรื่องนี้กลับกลายเป็นโอกาสให้จิรภาสได้ทำอะไรเพื่อจิดาภาได้บ้าง ทีปินากดไล่หาข่าวดังครั้งแล้วครั้งเล่า แล้วก็ได้เห็นชื่อของจิดาภา เธอกำลังรู้สึกตื่นเต้น แต่กลับพบว่าประเด็นที่พูดถึงนั้นไม่ได้เป็นไปในแบบที่เธอคาดหวังไว้ ราวกลับลมนั้นเปลี่ยนทิศทางไปโดยสิ้นเชิง “บริษัทที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุดในวงการ จ้องทำลายศิลปินในสังกัด” “ประเด็นข่าวดัง ผู้จัดการดังทีปินาวางแผนสร้างเรื่องอื้อฉาว” “จิดาภาถูกใส่ร้าย คนวางแผนคือพี่สาวของอดีตคู่หมั้น”