ตอนที่79 หลายจิตใจ หลายความคิด

ตอนที่79 หลายจิตใจ หลายความคิด “เรื่องที่พวกเราแต่งงานกันแล้ว คนอื่นๆไม่รู้ เขาจะมีความคิดเห็นหลากหลายก็เป็นเรื่องปกติ” จิดาภาไม่ได้สนใจคอนรอบๆข้างว่าจะมีคนสังเกตเห็นพวกเธอหรือเปล่า เธอเอื้อมมือไปจับมือของจิรภาส “ฉันไม่อยากกลายเป็นภาระของคุณเลยค่ะ จิรภาส ฉันรู้ว่าคุณอยากช่วยฉัน แต่บางที ฉันก็อยากจะเป็นร่มที่คอยคุ้มกันและปกป้องคุณบ้างมากกว่านะคะ” คำพูดเหล่านี้ทำให้นัยน์ตาของจิรภาสสั่นไหวไปชั่วครู่หนึ่ง “ฉันรู้ค่ะว่าสิ่งที่ฉันพูดไปมันอาจจะดูเป็นเรื่องตลก คุณที่เปรียบเหมือนเจ้าชายแห่งวงการบันเทิง ไม่จำเป็นต้องมีฉัน แต่จะต้องมีซักวันที่ฉันจะไปยืนอยู่ข้างๆคุณให้ได้” เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงมาพูดกับเขาแบบนี้ คำพูดเหล่านี้ทำเอาเขาอยู่ในอาการตกตะลึง รู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วพยายามปรับอารมณ์ของตัวเองให้กลับมาเป็นปกติ “หากไม่ใช่ที่นี่ ผมคงจะ...” “ถ้าอย่างนั้นเรากลับบ้านกันเถอะค่ะ” จิดาภาอ้อนเขา “ได้สิครับ กลับบ้านกัน” เขาจูงมือเธอออกไป มือของทั้งสองประสานกันแน่น ......... ข่าวที่ออกสู่สาธารณะของบริษัทเคเอฟนั้นสร้างความวุ่นวายไม่น้อย ชเยศไม่ได้นอนเลยทั้งคืน เขายุ่งกับการคิดหาทางตอบโต้กับผู้บริหารของบริษัทที่ไม่พอใจกับเรื่องนี้ ในขณะที่จิดาภาได้รับความสนใจจากภายนอกมากขึ้น sjก็ถูกผลักให้เป็นที่สนใจ แม้ว่าเรื่องที่ทีปินาถูกไล่ออกจากตำแหน่ง ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรเสียเลย แม้กระทั่งมีหุ้นส่วนที่จะขอถอนหุ้นออกไป เนื่องจากพวกเขามองไม่เห็นความหวังในตัวของชเยศอีกต่อไปแล้ว “คุณชเยศ ช่วงบ่ายมีการอบรมคนใหม่ คุณ...” “คนใหม่อะไรกัน? สภาพผมตอนนี้ยังมีกะจิตกะใจจะไปเซ็นสัญญากับคนใหม่อีกหรือ?” ชเยศลุกขึ้นแล้วกวาดเอกสารบนโต๊ะหล่น ในวินาทีต่อมา เขาหันกลับมามองยังเลขาที่ดูท่าจะตกใจไม่น้อย “คือครั้งที่แล้ว ที่คุณ คุณทีปินาพาเข้ามาที่บริษัทน่ะค่ะ” “ให้พวกเขาเข้ามา!” ชเยศกำหมัดแน่น สวรรค์คงไม่ทรมานเขาเช่นนี้หรอก ในเมื่อตอนนี้จิดาภาดังขนาดนี้แล้ว เขาก็จะปั้นจิดาภาออกมาอีกซักคน แบบนี้ถึงจะพอกำจัดวิกฤตเหล่านี้ไปได้บ้าง หลังจากที่ผ่านการคัดเลือกและสัมภาษณ์แล้วนั้น เขาให้คนที่ดูมีความสามารถที่สุดคนหนึ่งในนั้นอยู่ต่อ “ชื่ออะไร?” “ฉันชื่อ Sherry ค่ะ” เด็กผู้หญิงคนนั้นตอบกลับด้วยความตื่นเต้น “ผมจะจัดผู้จัดการส่วนตัวให้คุณ ต่อจากนี้ไป คุณจะเป็นศิลปินใหม่ที่จะได้รับการฝึกฝนจากบริษัท กลับไปเตรียมตัวซะ อย่างช้าสุดก็ปลายเดือนเก้า คุณจะต้องเข้าร่วมทีม” “ขอบคุณค่ะคุณชเยศ” Sherryยิ้มออกมาด้วยท่าทางไร้เดียงสา เขามองเห็นเงาของจิดาภาอยู่ในตัวของเด็กผู้หญิงคนนี้ แต่นั่นเป็นเพียงการเลียนแบบเพียงเท่านั้น ชเยศเห็นเธอเดินออกไปแล้วนั้น ในหัวของเขาปรากฏภาพตอนที่จิดาภาค่อยๆไต่ขึ้นมาจนมีชื่อเสียงในที่สุด ในตอนนั้นเธอก็เป็นคนหนึ่งที่มีความคิดง่ายๆ...แต่เมื่อไหร่กันที่เธอเปลี่ยนเป็นคนใจดำเช่นนี้ เขาจะต้องควบคุมเวลาให้ดี เพื่อฝึกฝนให้Sherry กลายเป็นจิดาภาในแบบฉบับวัยรุ่นเช่นนี้ หลังจากนั้นไม่กี่นาที ชนิศาก็เดินเข้ามา ได้ยินข่าวเรื่องของ Sherry จึงเอ่ยถามเขาขึ้น “คุณจะฝึกศิลปินใหม่อย่างจิดาภาอีกคนหนึ่งจริงๆหรือคะ?” “นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะกำจัดวิกฤตในตอนนี้ได้” เขาตอบออกมาอย่างจริงจัง “คุณไม่คิดถึงผลที่จะตามมาเลยหรือคะ? ถ้าต่อไปเธอจะเป็นเหมือนจิดาภา ที่ทิ้งคุณล่ะ? คุณจะใช้แรงเพื่อหมดไปกับการฝึกหัดคนใหม่ สู้ให้คุณมาคิดว่าจะผลักดันฉันอย่างไรไม่ดีกว่าหรือคะ....” “คุณชนิศา ทำไมตอนนี้คุณถึงพูดไม่รู้เรื่องแบบนี้กัน” “คุณชเยศ คุณตื่นได้แล้วค่ะ ตอนนี้คนที่ยังอยู่ข้างๆคุณเหลือเพียงแค่ฉันคนเดียว” ชนิศาไม่ได้มองเขา น้ำเสียงที่พูดก็แสดงถึงความเย็นชา “พี่คุณพูดถูก ในสายตาคุณ คุณมองเห็นแต่ตัวเอง ตอนนั้นที่คุณทิ้งจิดาภา ฉันน่าจะดูคุณออกตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว” “พอแล้ว!” ชเยศตบโต๊ะด้วยความโกรธ “ผมคบกับคุณทำเพื่อคุณขนาดไหน แม้แต่จิดาภาผมก็ทิ้งเธอเพื่อมาหาคุณ!” “ถ้าอย่างนั้นคุณก็ควรจะใช้sjมาประคองฉันสิถึงจะถูก” ความโลภของชนิศานั้นเป็นเพราะเขาที่ทำให้เธอเป็นเช่นนี้ ซึ่งทำให้เขารู้สึกสะเทือนใจเป็นอย่างมาก “เป็นแบบนี้ต่อไป แม้แต่ตำแหน่งของผมก็จะรักษาไว้ไม่ได้อยู่แล้ว จะทำแบบนั้นได้อย่างไร!” เสียงทะเลาะของพวกเขาทั้งสองคนดังไปถึงข้างนอก ซึ่งSherryที่ขณะนั้นอยู่ตรงหน้าประตูได้ยินทุกอย่างอย่างชัดเจน ใบหน้าไร้เดียงสาปรากฏรอยยิ้มเย็นชาขึ้น เธอจดจำทุกคำพูดของพวกเขา แล้วหันหลังเดินออกจากsjไป นับตั้งแต่ที่ห้องพักผ่อนของจิดาภาถูกคนใหม่ๆยึดไปใช้แล้วนั้น เธอก็แทบจะไม่ได้เข้ามาที่บริษัทอีกเลย ในเมื่อตอนนี้sjก็ไม่ได้จัดงานอะไรให้กับเธอ ตอนนี้งานที่อยู่ในมือของเธอนั้น ล้วนมาจากจิรภาสที่ไปคุยให้เธอในฐานะผู้ช่วยของเธอทั้งนั้น บวกกับสถานการณ์ของบริษัทกับทีปินาเองนั้นได้แตกหักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากเธอปรากฏตัวที่บริษัทคงจะดึงดูดผู้คนให้คิดไปต่างๆนานา รางวัลนักแสดงนำหญิงอยู่ตรงหน้า เธอไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว แต่ชนิศากลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เธอคิดว่าจิดาภามีเจตนาที่จะไม่ปรากฏตัวออกมา เพื่ออยากจะหลอกล่อให้ชเยศทรมานใจ หลังจากที่ทะเลาะกับชเยศไปแล้วนั้น ชนิศาจึงกดโทรออกหาจิดาภา “ฉันอยากจะเจอคุณ ตอนนี้!” “ทำไมฉันจะต้องรับปากคุณด้วย” จิดาภารู้สึกขบขันกับน้ำเสียงที่ดูหยิ่งยโสของเธอช่างดูโง่เขลาเสียเหลือเกิน “ที่บริษัทกำลังวุ่นวาย พี่ทีปินาก็ออกไปแล้ว ชเยศเองก็กำลังยุ่ง ยุ่งวุ่นวายกับการหาคนใหม่เพื่อมาแทนเธอไง” ชนิศาเล่าเรื่องของSherryให้เธอฟัง ในใจนึกอยากจะให้จิดาภาออกตัวเพื่อขัดขวางเรื่องนี้ “ถ้าบริษัทคิดจะปั้นจริงๆ แม้ว่าเขาจะไม่มีฝีมือทางด้านการแสดง แต่ก็สามารถอาศัยหน้าตาความเป็นวัยรุ่นของตัวเองอยู่บนเส้นทางนี้ พอถึงตอนนั้น...คงจะจัดการได้ยากแล้วนะ” จิดาภาถึงกับต้องนวดขมับ “เหมือนกับคุณอย่างนั้นหรือ? เรื่องแบบนี้ฉันไม่สนใจ” “จิดาภา ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลังคอยช่วยเหลือเธอกันแน่ เธอถึงได้อวดดีได้ขนาดนี้! หรือจริงๆเธอหาช่องทางนี้ไว้ตั้งนานแล้วสินะ” “ฉันคิดไม่ผิดแน่ ที่เธอเรียกร้องจะกลับมา คงจะต้องไปมีอะไรกับใครแล้วแน่ๆ ความสามารถอย่างเธอ กล้าต่อรองกับsj คุณธาวินบริษัทsuperก็จะมาดึงตัวเธอไปอยู่ด้วยก็ตั้งหลายครั้ง เธอไปนอนกับใครมาแล้วอย่างนั้นหรือ?” ชนิศาพูดไป แล้วก็กดบันทึกเสียงไปด้วยขณะเดียวกัน แต่สิ่งทิ่จิดาภาตอบกลับไปนั้นทำให้ชนิศาอึ้งไป “ฉันไม่ได้ร้ายแบบคุณนะคะ ที่แม้แต่ตัวเองยังเอามาใช้ในทางธุรกิจเลย” จิดาภาพูดจบแล้วก็วางสายไปเลยทันที เธอขี้เกียจจะคุยกับชนิศาแล้ว ผู้หญิงคนนี้มีความคิดที่เพี้ยนๆ ไม่มีอะไรปกติเลยซักอย่าง “ชนิศา?” พี่นัฎเดินเข้ามา เห็นจิดาภาที่เพิ่งจะวางสายโทรศัพท์ไป เธอตอบกลับ แล้วมองดูเอกสารในมือของพี่ณัฎ “ทีมงานทางนั้นมีข่าวคราวมาแล้วหรือคะ?” “นี่เป็นกำหนดการการถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้ที่รองผู้กำกับส่งมาให้น่ะ พี่ดูแล้ว ไม่มีปัญหาอะไร เพียงแต่...” พี่นัฎพูดทิ้งไว้แค่นั้น แล้วถอนหายใจออกมา “คุณชเยศให้เธอเข้าไปที่บริษัทน่ะ” จิดาภานึกถึงน้ำเสียงเมื่อซักครู่ที่ชนิศาพูดกับเธอนั้น จึงลุกขึ้นยืน “ได้สิคะ ไปตอนนี้เลยแล้วกัน” เธอไม่ได้สนใจความคืบหน้าของความสัมพันธ์ทั้งคู่อยู่แล้ว เพียงแค่อยากจะรีบจัดการในเรื่องของการถ่ายทำ แล้วอยู่ให้ห่างจากเรื่องภายในของบริษัทไว้เป็นดีที่สุด ชเยศจะหาเธอเรื่องอะไรกัน? หรือเป็นเพราะชนิศาไปฟ้องอะไรเขาอีกอย่างนั้นหรือ? จิดาภาปัดความคิดเหล่านั้นทิ้งไป แล้วอ่านรายละเอียดในมือต่ออย่างเงียบๆ ไม่นาน รถก็มาจอดอยู่ใต้ตึกของบริษัท มองดูสถานที่ที่คุ้นเคย แต่ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยอีกต่อไปแล้ว เมื่อเงยหน้าขึ้นมา เด็กวัยรุ่นผู้หญิงรูปร่างสูงโปร่งคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเธอ พี่นัฎเห็นดังนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วเอ่ยถามจิดาภา “คนนี้ใช่คนที่คุณชเยศกำลังจะปั้นมาแทนที่เธอหรือเปล่าน่ะ?”