ตอนที่ 29 งานเลี้ยงอาหารค่ำ (สาม)
1/
ตอนที่ 29 งานเลี้ยงอาหารค่ำ (สาม)
หัวใจบอกต้องการนาย
(
)
已经是第一章了
ตอนที่ 29 งานเลี้ยงอาหารค่ำ (สาม)
ตนที่ 29 งานเลี้ยงอาหารค่ำ (สาม) “เธอมีสิทธิ์ไรมาบอกว่าฉันแย่งของของเธอ ใช้ความสามารถอะไรในกานปีนขึ้นไปยืนอยู่จุดนั้น มีความสามารถอะไรไหนเธอลองพูดมาให้ฟังสิ ข่าวที่ออกมาสองวันนี้ทุกคนก็เห็นกันหมดแล้ว เราก็คนในบริษัทเดียวกัน ทำไมเธอต้องซ่อนด้วยล่ะ” เสียงของจันทร์สุดาที่เหมือนกับเสียงรัวกลอง เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างโกรธ พูดอย่างไม่ใช่สมอง กมิดากวาดสายตามองเธอ เธอคิดว่าจันทร์สุดาต้องบ้าแล้วแน่ๆ “ฉันเป็นข่าวได้ยังไง ทำไมถูกนักข่าวถ่ายไว้ ไม่ใช่ว่าเธอรู้ดีที่สุดเหรอ ทำไม ตอนนี้เธอวางแผนที่จะติดต่อกับประธานปริพลเหรอ เขาไม่ใช่คนที่จะพูดอะไรง่ายๆ” หรือเธอยังอยากจะตอกกลับ ที่เปิดเผยเรื่องตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานใส่ร้ายข่าวนี้ให้กับเธอ แล้วก็ไม่ดูว่านักข่าวที่เขียนมั่วเป็นใคร ตอนนี้บริษัทกลัวว่าก็คงที่จันทร์สุดาที่กล้าทำเรื่องนี้ “ฉันจะรู้ได้ยังไง”จันทร์สุดามีอาการสั่นเล็กน้อย พุดขวางขึ้นว่า “เกี่ยวอะไรกับฉัน ไม่มีใครต้องพึ่งพาใครมาที่นี้เพื่อหลอก อยู่ที่บริษัท ทุกคนขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของทุกคนเอง” เริ่มพูดถึงพละกำลังแล้ว ชนิกานต์ที่ยืนอยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมา ทนไม่ได้ที่จะต้องพูดเหน็บแนม “ถ้าเธอจะพูดถึงพละกำลังแล้วละก็ กมิดาตอนอายุสิบเจ็ดก็ได้เล่นหนังที่ได้รางวัลถ้วยหมีทองมากที่สุด สิบรางวัลของเธอยังไม่เทียบเท่ากับถ้วยหมีทองเลย” เมื่อพุดถึงเรื่องนี้ ก็ทำให้กมิดาขมวดคิ้วขึ้นมา สีหน้าเหมือนรู้สึกอายเล็กน้อย หลังจากรับรางวัลหมีทอง ในตอนที่เธอยังมีอายุน้อย แต่ตอนนี้แยกไม่ออกเลย หรือว่าตอนที่อายุน้อยตระกูลปรียนิตย์ของเธอจะมีชื่อเสียงมาก จันทร์สุดามองแค่แวบเดียวก็ดูความกลัวของกมิดาออก เธอเป็นผู้หญิงที่ชอบแทงคนด้วยมีด เหมือนกับที่จับพิรุจของกมิดาได้ ยับยั้งสีหน้าอาการทั้งหมด น้ำเสียงอ่อนนุ่ม แต่คำพูดก็ยิ่งร้ายกาจมากขึ้น “คุณชนิกานต์ คุณพูดเรื่องนี้ไม่ค่อยดีเลย ตอนแรกเริ่มนั้นที่มีชื่อเสียงมาก ก็จะไม่ต้องถูกตรวจสอบเรื่องทางบ้าน” “ครึกครื้นจังเลย” เสียงที่แทรกมาในฝูงชน ได้ขัดจังหวะจันทร์สุดาเอาไว้ กมิดาเงยหน้าขึ้น หันไปทางเสียงอย่างตื้นตัน เธอไม่ชอบให้คนนอกพูดถึงเรื่องของครอบครัวเธอต่อหน้า มันทำให้ใจเธอเจ็บ คนที่รู้ก็ไม่เยอะ หนึ่งในนั้นคือจันทร์สุดา ตอนนี้เธอถูกทำร้ายด้วยมีดในมือเธอ ร่างสูงของปริพลแม้ว่าจะยืนอยู่กับกลุ่มศิลปินชายของบีไวส์ก็ยังโดดเด่นออกมา ในขณะนี้ สีหน้าของเขาเรียบนิ่ง เดินไปข้างกมิดา จันทร์สุดาเห็นปริพล เปลี่ยนความคิดขึ้นมาทันที พูดออกมาด้วยเสียงนุ่ม “ประธานปริพล พวกเราเพิ่งจะพูดกันถึงเรื่องที่กมิดาได้รับรางวัลหมีทอง ทุกคนต่างสงสัยกันว่าหลังจากนั้นทำไมถึงหายไปจากวงการบันเทิง เดิมทีเป็นโอกาสที่ดีเลย” “เหรอ” ปริพลหันไปกวาดสายตามองคนพูด รู้สึกคุ้นนิดหน่อย ในมือของกมืดายังถือเค้กไว้ มือที่จับจานไว้บีนไว้แน่น เหมือนกับว่าต้องการจะบดขยี้ จันทร์สุดาต้องการจะพูดอะไร เธอรู้ทุกอย่าง คนในบริษัทที่รู้เรื่องราวของครอบครัวเธอก็ไม่น้อย ทุกคนไม่ได้โง่ เธอพูดถึงเรื่องนี้ แค่อยากให้เธออับอายต่อหน้าของปริพลเท่านั้น” “แต่ถึงแม้ว่าบ้านฉันเกิดปัญหา การทำงานก็สำคัญ ยังต้องดูแลบ้าน ดังนั้นตอนนั้นเลยไม่ได้ถ่ายหนัง”เธอกัดฟันพูด ประโยคนี้ออกมา “ใช่เหรอ เกิดเรื่องใหญ่อะไร โอกาสดีขนาดนี้ถึงสละได้” เธอกดดันกมิดาเข้าไปอีก เหมือนอยากจะให้กมิดาพูดออกมาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น อุบัติเหตุครั้งนั้น ไม่ใช่ว่าไม่สามารถพูดได้ เพียงแต่เคยเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ตอนนี้กลับเอาความลับในมือมาแบ่งปัน ตอนนั้นมีดเล่มแรกที่แทงทะลุหัวใจของคุณอย่างไร้ความปราณี ไม่สนใจเลือดของคุณ มันเรียกว่าเพื่อนเหรอ “ทำไม กฏที่ศิลปินไม่ควรถามเรื่องครอบครัว ที่บริษัทบีไวส์ไม่มีเหรอ” คำพูดของปริพลทำลายบรรยากาศที่แปลกก่อนหน้านี้ไป ทุกคนที่ได้ยินน้ำเสียงอย่างนี้ที่เป็นน้ำเสียงที่เยือกเย็น ทั้งหมดนี้คือคำวิจารณ์แบบผู้นำจริงๆ จันทร์สุดาตกตะลึง เห็นได้ชัดว่ายังไม่ปรับตัวว่าปริพลผู้ผู้บริหารสูงสุดคนใหม่ของบริษัทบีไวส์ เธอพูดอย่างระมัดระวังว่า “ประธานปริพลคะ ที่จริงแล้ว ไม่ได้มีกฏเขียนไว้...........” “ตอนนี้มีแล้ว” ปริพลก็ไม่ได้ให้จันทร์สุดาได้อธิบายจบ แต่พูดการตัดสินใจของตัวเองออกมา “เข้าใจกันแล้วใช่ไหม” ทุกคนต่างตะลึง ตอบสนองกลับทันที และสายตาของปริพลก็ไปหยุดอยู่ที่จันทร์สุดา สายตาที่เย็นเฉียบราวคมมีดในฤดูหนาว จันทร์สุดารีบตอบกลับด้วยอาการที่สั่นเทาอยู่ในใจ “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” กมิดาที่ยังอยู่นความว่างเปล่า ไม่รู้ว่าทำไมปริพลถึงช่วยเธอ คงเพราะเห็นแก่หน้าของคุณย่า คนรอบๆก็เริ่มออกกันไป เมื่อชนิกานต์ก็พากลุ่มของตัวเองออกไปยังหันมาที่คอของตัวเอง ย้ำเตือนไม่ให้กมิดาลืมที่จะช่วยให้เธอได้เจอกับปริพลเพื่อพูดคุยกันเล็กน้อย ในใจของกมิดามีเรื่องกังวล เพียงแต่บังคับให้หัวเราะ เป็นการตอบกลับ “คุณสนิทกับเอเหรอ” หางตาของปริพลเหลือบไปมองผู้หญิงคนนั้น จึงถามขึ้น “ไม่สนิท เมื่อก่อนก็ไม่เคยพูดกันสักคำ” คิดคิดเรื่องที่เมื่อครู่ทุกคนช่วยเธอพูด เห็นได้ว่าเธอก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เลยพูดเสริมขึ้นว่า “ต่อไปจะสนิท” ปริพลขมวดคิ้วเล็กน้อย “คนที่เข้ามาหาอย่างไม่มีเหตุผล เธอระวังตัวเองหน่อย” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ กมิดาพึมพำและตอบด้วยเสียงเบาว่า “ไม่ใช่เพราะว่าคุณให้ฉันใส่เครื่องประดับนี้เหรอ” น้ำเสียงที่เหมือนยุงของร่างบางที่เขาได้ยิน ทำให้เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไม ให้เธอเป็นพรีเซนเตอร์ กลับเปลี่ยนเป็นความผิดเหรอ “ไม่ใช่ว่าคุณยุ่งเหรอ ไม่ต้องสนใจเรื่องฉันหรอก” กมิดาคิดว่าอยู่ด้วยกับเขา ทำให้คนรอบข้างต่างมองเธอ รู้สึกไม่สบายใจเลย “เมื่อกี้คุณย่าโทรศัพท์มา ให้ฉันมาบอกเธอว่า อย่าใส่รองเท้าส้นสูง” กมิดามองรองเท้าที่สูงสิบสองเซนของตัวเอง ตอบอย่างสิ้นหวังว่า “ฉันก็ไม่ได้...........” “ถึงจะไม่จริง จะหลอกก็หลอกให้เนียนหน่อย ชั้นสองมีระเบียงไปนั่งที่นั้น ไม่ต้องมีปัญหาแล้ว ผมทำธุระเสร็จ จะไปหาคุณ” ไม่รู้ทำไม น้ำเสียงออกคำสั่งอย่างนี้ กลับทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างไม่เคยมีมาก่อน เธอพยักหน้าช้าๆ หลังจากนั้นก็มองหลังของปริพลที่ไกลออกไป ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที นานแล้วที่ไม่มี ระเบียงชั้นสองที่ปริพลบอกเป็นทางเดินลึก เป็นระเบียงกระจกแบบปิด เงยหน้าขึ้นไปก็จะเห็นดาว บรรยากาศไม่เลวเลย ด้านในเหมือนเป็นห้องอุ่นๆ กระจกไม่รู้ว่าทำจากอะไร อุณหภูมิด้านนอกเป็นสองเท่าของที่นี้ และไม่มีหมอก กมิดานั่งลงบนโซฟา ครู่หนึ่งพนักงานก็เข้ามา เอานมร้อนแก้วหนึ่งและเค้กชิ้นหนึ่งให้เธอ “คุณปริพลส่งมาให้ค่ะ ถ้าคุณยังต้องการอะไรก็เรียกดิฉันได้ ดิฉันอยู่ด้านนอก” ยังเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนละเอียดอ่อน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่ 29 งานเลี้ยงอาหารค่ำ (สาม)
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A