ตอนที่55ค้นพบบ่อน้ำแห้ง
1/
ตอนที่55ค้นพบบ่อน้ำแห้ง
วิวาห์ร้าย แต่งกับผี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่55ค้นพบบ่อน้ำแห้ง
ตอนที่55ค้นพบบ่อน้ำแห้ง ฉันเห็นว่าซูหลินที่อยู่ด้านบนตัวเล็กลงเรื่อยๆฉันกับเทียนปูหยู่กำลังตกลงไปด้านล่างไม่หยุดเมื่อคิดไปถึงว่าพวกเราจะต้องตกลงไปท่ามกลางมือแห้งเหี่ยวที่น่าขยะแขยงและถูกพวกมันฉีกกระจุยจนเลือดเนื้อเละเทะฉันก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้น แต่เทียนปูหยู่กลับใช้แขนทั้งสองข้างกอดตัวของฉันเอาไว้แน่นราวกับต้องการจะฝังตัวฉันเข้าสู่อ้อมอกและพยายามไม่ให้พวกมือเหี่ยวแห้งเหล่านั้นสัมผัสตัวฉันได้ ในตอนที่ใกล้จะตกลงสู่แม่น้ำความโมโหและความกลัวทั้งหมดของฉันก็รวมเข้าด้วยกันและกลายเป็นเสียงร้องตะโกนแสดงความโมโหออกมา:“อ๊าก___” ฉันลืมตาขึ้นในทันทีและลุกนั่งขึ้นมาซูหลินอยู่ที่ข้างกายของฉันไม่รู้ว่าเขาจุดกองไฟขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ฉันหอบหายใจออกมาอย่างรุนแรงและมองไปยังเทียนปูหยู่ที่นอนอยู่ข้างกายคิ้วของเขาขมวดแน่นเข้าหากันเปลือกตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะตื่นตามขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้รู้ว่าที่แท้ผีเองก็สามารถนอนหลับได้เช่นกัน ทันใดนั้นเองภายในสมองของฉันก็ปรากฏภาพก่อนหน้าขึ้นฉันกับเทียนปูหยู่กอดเข้าหากันหลังจากนั้นซูหลินก็ปล่อยเชือกและพวกเราก็ตกลงจากผา...... ไม่ไม่ใช่ผาแค่แม่น้ำป้องกันเมือง เมือซูหลินเห็นว่าพวกเราฟื้นขึ้นมาแล้วเขาก็รีบร้อนขยับเข้ามาที่ด้านหน้าของฉันด้วยใบหน้าร้อนรนและเอ่ยถามขึ้น:“เป็นยังไงบ้างบาดเจ็บหรือเปล่า?” ฉันมองไปยังซูหลินที่ตรงหน้าภายในใจยังคงมีความกลัวเหลืออยู่และรีบถอยหลังห่างออกมาจนกระทั่งชนเข้ากับเทียนปูหยู่ที่เพิ่งจะลุกนั่งขึ้นมาด้านหลัง:“หึฉันบาดเจ็บหรือเปล่านายไม่รู้หรือไง?นายเป็นคนปล่อยพวกเราตกลงมาเองไม่ใช่เหรอ!” เมื่อพูดจบฉันก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อยจึงใช้มือนวดเข้าที่หัวของตัวเอง เมื่อมองไปที่ซูหลินอีกครั้งฉันก็พบว่าเขากำลังขมวดคิ้วอยู่ด้วยท่าทีสงสัย:“เธอกำลังพูดอะไร?” ในระหว่างที่ฉันกำลังจะเถียงซูหลินกลับไปอยู่ๆเทียนปูหยู่ก็หยุดตัวฉันเอาไว้:“เจ้าพักให้ดีก่อนเถอะเมื่อสักครู่คงจะเป็นเพียงภาพหลอน” “ถ้าแบบนั้นนี่คือซูหลินตัวจริงเหรอ?” เมื่อได้ยินฉันพูดจบซูหลินก็ขยับเข้ามาด้วยใบหน้าไม่พอใจนัก:“นี่ใครกันล่ะที่เป็นลมไปบนสะพานฉันเถอะที่ลาพวกเธอออกมา!นี่พอตื่นขึ้นมาก็กลับกรอกไม่รู้จักกันแล้วเหรอ!” จากนั้นฉันก็ได้รู้ว่าที่แท้ฉันก็เป็นลมไปบนสะพานดังนั้นทุกสิ่งที่เพิ่งได้พบเจอไปเมื่อสักครู่นั้นต่างก็เป็นเพียงภาพหลอนอยู่ๆฉันก็คิดอะไรขึ้นมาได้และก้มหน้าลงมองไปที่เท้าของตัวเองหลังจากนั้นฉันก็ได้พบว่ารองเท้ายังอยู่ดีครบทั้งสองข้างในตอนนั้นฉันถึงยอมรับความจริงนี้ได้ แต่ว่าซูหลินกลับไม่ยอมหยุดและขยับเข้ามาพูดถามอย่างเย้ยหยันขึ้น:“เป็นอะไรไป?กลัวว่าตอนนี้จะยังฝันอยู่เหรอ?แล้วในฝันฉันเป็นพวกคนเลวหรือไง?” เมื่อได้ยินที่ซูหลินพูดแม้ว่าฉันจะรู้สึกโมโหขึ้นมาแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรกลางวันคิดเพ้อตกกลางคืนหลับฝันการที่ฉันสามารถฝันถึงสิ่งเหล่านี้ได้ไม่รู้เลยว่าในยามปกติตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่กัน...... ในตอนนั้นเองอยู่ๆฉันก็นึกถึงเรื่องหนึ่งในความฝันขึ้นมาทันใดนั้นฉันก็รู้สึกร้อนระอุขึ้นที่สองแก้มทันทีฉันมองไปยังเทียนปูหยู่และเอ่ยถามขึ้น:“แบบนั้น......พวกเราสองคนฝันเหมือนกันหรือเปล่า?” ดูเหมือนว่าเทียนปูหยู่จะมองความคิดของฉันทะลุปรุโปร่งและมองมาที่ฉันอย่างสงบนิ่งไร้ท่าทีร้อนรนก่อนจะพูดประโยคอ้อมค้อมออกมาเป็นครั้งแรกในชีวิต:“แล้วเจ้าอยากให้เหมือนกันหรือไม่?” ฉันก้มหน้าลงด้วยความอับอายและไม่ไปสนใจอะไรเขาอีกพร้อมกับรีบหาหัวข้อการสนทนาอื่นเพราะอยู่ๆฉันก็นึกขึ้นมาได้ภายในความฝันฉันถูกเทียนปูหยู่จูบไปด้วย! แต่ว่าในตอนนี้ภายในหัวของฉันเป็นดั่งก้อนดินเหนียวมันเอาแต่คิดภาพตอนที่เทียนปูหยู่จูบฉันอยู่แบบนั้นแล้วมันจะไปคิดอะไรอย่างอื่นออกอีก แต่ไม่นานซูหลินก็ช่วยฉันเอาไว้ ซูหลินนั่งอยู่ข้างกองไฟก่อนจะเอากิ่งไม้ใส่เข้าไปเป็นฟืนและเริ่มพูดขึ้นมา:“ฉันพบว่าแม่น้ำป้องกันเมืองใต้สะพานนั้นพอตกกลางคืนแล้วก็จะปล่อยแก๊สชนิดหนึ่งออกมามันสามารถทำให้คนสลบเข้าสู่ฝันไปได้”เขาพูดไปพร้อมกับใช้กิ่งไม้ชี้มาทางพวกเราทั้งสอง“เหมือนอย่างพวกเธอทั้งสองคน” ในระหว่างการพูดคุยฉันก็ค่อยๆเข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องราวทั้งหมดที่แท้ในตอนที่ฉันกับเทียนปูหยู่รอซูหลินอยู่บนสะพานก็ถูกแก๊สพิเศษที่แม่น้ำปล่อยออกมาห้อมล้อมอย่างหนาแน่นและเพราะแบบนั้นพวกเราถึงสลบไปหลังจากนั้นซูหลินก็ต้องเอาผ้าขนหนูชุบน้ำให้เปียกชื้นปิดหน้าเอาไว้ถึงได้สามารถพาพวกเราทั้งสองลงมาจากสะพานได้อย่างปลอดภัย ในตอนนั้นฉันเพิ่งคิดขึ้นมาได้และมองไปยังสภาพภายรอบที่แท้ตอนนี้พวกเราได้มาถึงอีกฝั่งของสะพานดอกท้อหรือก็คือทางชานเมืองฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือแล้วนั่นเอง แน่นอนว่าฉันยังคงหันย้อนมองกลับไปที่สะพานดอกท้อด้วยความกลัวและก็พบว่ามันกลับยังคงสงบนิ่งพาดผ่านสองฝั่งของแม่น้ำป้องกันเมืองราวกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ฉันพยายามที่จะลุกยืนขึ้นและกระโดดไปมามั่วๆเล็กน้อยก่อนจะพบว่านอกจากร่างกายของตัวเองจะนิ่งแข็งเพราะการนอนที่พื้นเป็นระยะเวลานานก็ไม่ได้มีการบาดเจ็บที่บริเวณอื่นส่วนเทียนปูหยู่รอยแผลที่ถูกเถาวัลย์โจมตียังไม่หายดีข้อมือและข้อเท้าของซูหลินเองก็เริ่มตกสะเก็ดแล้ว ฉันไม่อยากจะเสียเวลาต่อไปให้มากนักจึงลุกขึ้นมาเตรียมเริ่มหาบ่อน้ำในความทรงจำแต่เทียนปูหยู่กลับยังนั่งนิ่งอยู่ที่ข้างกองไฟโดยไร้การขยับเขยื้อน เพียงแต่เมื่อฉันยังเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าวซูหลินก็รีบเรียกฉันเอาไว้ก่อน:“ไม่ต้องหาแล้วพวกเธอสองคนนอนหลับไปนานขนาดนั้นฉันจะนั่งอยู่เฉยๆได้ยังไงโถ่”เขายื่นมือชี้ไปที่ทิศทางหนึ่ง“นั่นไม่ใช่หรือไง” ฉันมองไปตามทิศทางที่เขาชี้ก่อนจะพบว่ามีบ่อน้ำหนึ่งปรากฏอยู่ในสายตาของฉัน ด้านบนของบ่อน้ำถูกปิดเอาไว้ด้วยก้อนหินขนาดใหญ่โดยรอบเต็มไปด้วยเศษหินและหญ้าแห้งเห็นได้ชัดว่ามันรกรุงรังกว่าบริเวณข้างๆเล็กน้อยฉันมองไปยังบ่อน้ำนั้นและอยากจะเดินเข้าไปดูแต่กลับก้าวขาไม่ออก ฉันหันหน้ากลับไปหาเทียนปูหยู่ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจขึ้นมาว่าฉันกำลังร้องขอความช่วยเหลืออยู่ดังนั้นจึงลุกยืนขึ้นและเดินเข้ามาที่ข้างกายจากนั้นก็จูงมือฉันเดินไปด้วยกัน ฉันยืนอยู่ข้างบ่อน้ำและหายใจอย่างหนักหน่วงฉันมักจะรู้สึกว่าอยู่ๆก้อนหินใหญ่ตรงหน้านี้ก็จะแตกออกจากนั้นจ้าวซิ้วก็จะโบยบินขึ้นมาจากภายในบ่อน้ำและพาฉันตกลงไปด้วย ฉันขยับไปด้านหลังด้วยความลังเลเล็กน้อยแต่เทียนปูหยู่กลับกันอยู่ที่ด้านหลังของฉันราวกับเข้าใจดี ฉันเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าเล็กน้อยในบริเวณห่างไกลปรากฏแสงสีขาวนวลขึ้นมาดูเหมือนว่ายามค่ำคืนก่อนรุ่งสางจะผ่านไปแล้วอีกไม่นานฟ้าก็จะสว่างขึ้น เมื่อคิดไปถึงว่าฟ้าจะสว่างไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงได้เริ่มเฝ้ารอคอยขึ้นมา ในตอนแรกฉันไม่ได้กลัวกิ่งต้นท้อที่กระจายอยู่โดยรอบแต่กลับเริ่มกลัวบ่อน้ำที่ยังไม่รู้อะไรตรงหน้าฉันไม่กล้าให้เทียนปูหยู่ย้ายหินก้อนนั้นออกจะพูดไปแล้วมันก็เป็นเพราะฉันไม่แน่ใจว่าด้านในมีอะไร แต่ว่าฉันรู้ดีแม้ว่าฉันจะหนีต่อไปอีกเท่าไหร่หินก้อนนั้นก็จะต้องถูกย้ายออกไปและศพของจ้าวซิ้วเองก็จะต้องถูกนำออกมาจากบ่อน้ำนั่นเช่นกัน ซูหลินจุดบุหรี่ม้วนหนึ่งขึ้นก่อนจะนั่งขัดสมาธิลงบนกองหญ้าแห้งโดยไม่ได้พูดอะไรและไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่ก้าวเดียว “ซูหลินทำอะไรน่ะ?”ฉันถามขึ้นอย่างไม่เข้าใจ แต่ซูหลินกลับกระทำราวกับคนแก่ที่มากด้วยประสบการณ์เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาและกลั้วคอพูดขึ้น:“รอให้ฟ้าสาง” ฉันถูกท่าทางงดงามของซูหลินทำเอารู้สึกไม่ถูกไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้กับมันดีฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเขาจะต้องรอให้ฟ้าสว่างขึ้นก่อนแต่เทียนปูหยู่กลับกระทำแบบเดียวกับซูหลินเพียงแต่เทียนปูหยู่ไม่ได้นั่งลงแต่กลับเดินมาที่อีกฝั่งและยืนสงบอยู่ตรงนั้นราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ “ทำไมไม่รอให้ฟ้าสางล่ะ?หรือว่าพวกเธอกลัว?” ซูหลินมองมาที่ฉันอย่างดูถูกก่อนจะสูบบุหรี่เข้าไปอีกครั้ง:“เธอมันโง่จริงนะขนย้ายศพตอนกลางคืนศพก็ได้กลายเป็นผีดิบมาทำร้ายเธอพอดิสิ!” ฉันนิ่งไปทันทีและได้ยินเพียงเสียงหลอบขำของเทียนปูหยู่หลังจากนั้นเทียนปูหยู่ก็เดินเข้ามากันฉันเอาไว้ที่ด้านหลังและพูดขึ้นกับซูหลินอย่างสงบนิ่ง:“พอเถอะอย่ากระทำเกินกว่าเหตุเลย” ในตอนนั้นฉันถึงได้สติกลับมาแต่สำหรับการที่ซูหลินพูดตะโกนเมื่อสักครู่ทำให้ในใจของฉันเกิดความไม่สบายใจขึ้นฉันจึงไม่สนใจอะไรซูหลินอีกและเดินไปในบริเวณที่สะอาดด้วยกันกับเทียนปูหยู่เพื่อรอฟ้าสาง ช่วงเวลาของการคิดเพ้อเจ้อมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอเพียงไม่นานฉันก็เห็นแสงสีทองปรากฏขึ้นจากอีกฝั่งของขอบฟ้าเมื่อมันทะลุผ่านหมู่เมฆสาดส่องลงมาบนใบหน้าฉันก็รีบยกมือขึ้นมากันเอาไว้หลังจากนั้นก็เห็นว่าตัวของเทียนปูหยู่เริ่มโปร่งใสขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเห็นแบบนั้นฉันก็ได้สติขึ้นมาและรีบหาร่มคันนั้นภายในหนังสือหยินมาให้กับเขาแต่ว่าดูเหมือนเทียนปูหยู่จะคิดอะไรอยู่ตลอดเวลาเขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กๆสีหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังฉันจึงไม่อยากจะรบกวนเขาและถือมันสูงเอาไว้ด้วยตัวเองเพื่อปกปิดให้เขาอยู่ภายใต้เงา หลังจากนั้นหมู่เมฆที่ขอบฟ้าก็เริ่มสดใสขึ้นมาท้องฟ้าสว่างจ้าเทียนปูหยู่เองก็ฟื้นตัวกลับมาเป็นเช่นเดิมเขารับร่มในมือของฉันไปโดยไร้เสียงรวมทั้งใช้อีกมือหนึ่งลูบแขนที่เริ่มชาของฉัน ในตอนนั้นเองฉันก็ได้ยินเสียงของซูหลินที่อยู่ด้านหลังลุกยืนขึ้นมาและปัดกางเกงของตัวเองไม่หยุด:“โอเคแล้วพวกเราเริ่มกันเถอะ!” เมื่อพูดจบเทียนปูหยู่ก็เดินเข้าไปยังไม่ทันรอให้ซูหลินทำอะไรเทียนปูหยู่ขยับนิ้วมือเบาๆก้อนกินที่ปิดอยู่ด้านบนบ่อน้ำก็ขยับออกมาข้างๆราวกับโฟมที่เบาบาง “ท่านเทียนปูหยู่ถ้าหากท่านอึดอดทนขนาดนี้ก็รบกวนช่วยนำศพออกมาทีเถอะครับ!”ไม่รู้ว่าซูหลินอิจฉาหรือว่าริษยาเขาถึงได้เริ่มพูดจาหยอกล้อเทียนปูหยู่ขึ้น ฉันเริ่มจะทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจึงเดินเข้าไปขู่ที่ข้างกายของซูหลิน:“ถ้ายังพูดอีกเชื่อไหมว่าฉันจะผลักคุณลงไปตอนนี้เลย!” ซูหลินมองมาที่ท่าทางของฉันก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีความคิดหลังจากนั้นก็เริ่มมองไปทางบ่อน้ำ ฉันเองก็ประหลาดใจขึ้นมามากเกินจะอดทนฉันจับมุมผ้าของเทียนปูหยู่เอาไว้พร้อมกับมองไปทางบ่อน้ำดูเหมือนว่าก้นบ่อจะไม่ลึกมากนักแต่ว่าเพราะแสงส่องลงไปไม่ถึงทำให้ก้นบ่อยังคงเต็มไปด้วยความมืดมิด จนกระทั่งซูหลินนำกระบอกไฟฉายอันหนึ่งออกมาพวกเราถึงสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในบ่อได้แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ฉันผิดคาดก็คือภายในบ่อน้ำนี้ไม่มีน้ำและดูจากท่าทางแล้วก็น่าจะแห้งมาหลายสิบปีแล้วด้วยหรือก็สามารถบอกได้ว่าหลังจากที่จ้าวซิ้วตายไปเดิมทีบ่อน้ำแห่งนี้ก็ไม่เคยเปียกชื้นมาก่อน ถ้าแบบนั้นทำไมจ้าวซิ้วถึงบอกกับฉันว่ารอบกายของเธอเต็มไปด้วยน้ำกัน? “บ่อน้ำนี้อยู่ใกล้กับแม่น้ำป้องกันเมืองขนาดนั้นทำไมถึงแห้งไปได้?”ฉันเอ่ยถามออกมาด้วยความอยากรู้ความจริงสิ่งที่ฉันต้องการจะถามจริงๆก็คือจะเป็นไปได้ไหมว่าศพจะลอยตามกระแสน้ำภายในบ่อไปยังในแม่น้ำป้องกันเมือง ซูหลินไม่ได้พูดอะไรออกมาแต่กลับส่งกระบอกไฟฉายมาให้ฉันจากนั้นก็เอาเชือกออกมาจากภายในกระเป๋าสะพายและนั่นก็ทำให้ฉันนึกถึงภายในฝันขึ้นมาเดิมทีฉันคิดว่าซูหลินไม่มีเชือกดังนั้นจึงมั่นใจว่ามันเป็นความฝันแต่ว่าเมื่อเห็นเชือกของซูหลินอยู่ๆฉันก็เริ่มรู้สึกถึงความทรงจำที่เลือนรางขึ้นมา เมื่อเห็นซูหลินถือเชือกมาที่ทางฉันฉันก็ขยับถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวก่อนจะชนเข้ากับร่างของเทียนปูหยู่ในทันทีฉันมองไปที่เทียนปูหยู่ด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อยดูเหมือนเทียนปูหยู่จะเข้าใจความหมายของฉันเขาจึงส่งสายตามั่นคงกลับมาให้และปล่อยให้ฉันเกาะติดอยู่ที่ตัวของเขาโดยไม่ได้ดันออก
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่55ค้นพบบ่อน้ำแห้ง
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A