ตอนที่ 1   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 1
ตอนที่ 1 --สุขสันต์วันเกิด ขอให้คุณมีชีวิตที่สดใสและใสซื่อเหมือนเมื่อก่อน และตลอดไป ลู่อวี่มองหน้าจอมือถือที่แสดงข้อความจากอีเมล์มาหนึ่งประโยคสั้นๆ แล้วมองชื่อที่แนบท้ายมาสองพยางค์ “หลินหรั่น” ในใจเองก็บอกไม่ถูกว่ารู้สึกเช่นไร เขาดื่มกาแฟที่เพิ่งชงเสร็จ แล้วโดนลวกเข้าที่ปากนิดหน่อย เขาวางแก้วลงแล้วถอนหายใจ กดปุ่มปลดล็อกหน้าจอ แล้วตอบกลับไป --ขอบคุณ พิมพ์ไปเพียงคำเดียวเท่านั้น ลู่อวี่ก็กดส่งทันที ไม่อยากพูดอะไรมาก พูดมากไปนั่นก็ไม่ใช่นิสัยเขา และความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาเองก็คงไม่ต้องมากความกัน แฟนเก่า คนรักเก่า ความสัมพันธ์นี้ พูดอะไรไปก็น่ากระอักกระอ่วนใจทั้งนั้น สายตาลู่อวี่มองเวลา สองทุ่มห้าสิบกว่าใกล้จะสามทุ่มแล้ว ที่พักของเขาอยู่ติดถนน ชั้นที่พักก็ไม่ได้สูงมาก เวลานี้ไฟริมถนนข้างนอกก็สว่างขึ้นมา ข้อความจากลุ่มทำงานยังสว่างขึ้นตลอด ตอนนี้เขากับกลุ่มทดลองใกล้จะถึงช่วงสรุปผลแล้ว ทุกคนในกลุ่มต่างมีท่าทางตื่นเต้นอยู่ตลอด รอเพียงข้อมูลตัวสุดท้ายเท่านั้น ความจริงมันก็นานมากแล้วอยากจะรีบปิดแล้วรีบรับเงินรางวัลไปเร็ว ในกลุ่มมีคนถามเขา อาจารย์ลู่ เมื่อเย็นนี้คนที่ออกมาคนสุดท้ายใช่แกไหม ได้ล็อกห้องทดลองไหม ผมลืมมือถือไว้ที่นั่น ลู่อวี่ตอบกลับ ล็อกแล้ว จะกลับไปเอาหรือ อีกฝ่ายกล่าว ใช่ ผมจะไปเอา คุณอยู่บ้านไหม ผมจะไปเอากุญแจที่คุณ สะดวกไหม ลู่อวี่กล่าว คุณรอฉันที่ประตูทางเหนือก็ได้ ฉันกำลังจะออกไปพอดี สบายมาก ฉันจะไปถึงในสิบห้านาที อีกฝ่ายส่งสติ๊กเกอร์ท่าทางร้องไห้โฮมาให้ ลู่อวี่ยิ้มขำ และปิดโน๊ตบุ๊คลง เขาสวมเสื้อแจ็คเก็ตขนแกะ เป็นครั้งแรกที่ใส่ บนเสื้อนั้นยังคงมีกลิ่นของแกะอยู่ กางเกงสีดำเข้ารูปทำให้ช่วงขายิ่งดูดียิ่งขึ้น ปลายขาเต่อโชว์ข้อเท้าขึ้นมา ไม่ว่าจะมองอย่างไร คนคนนี้ก็ช่างมีเสน่ห์ สิ่งเดียวที่ขัดความสวยอยู่คือรอยแผลเป็นตรงข้อเท้านั่น นูนเป็นรอยขาวขึ้นมาจนเห็นได้ชัด แต่ก็เพิ่มความเซ็กซี่ไปอีกแบบหนึ่ง ลู่อวี่จับผมพลางมองตัวเองในกระจกในใจก็คิดว่า ใส่แบบนี้มันดูสาวเสียจริง เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจับผม ในตอนที่จะออกไปมือยังคว้าผ้าปิดปากสีดำมาด้วย การแต่งตัวตอนนี้ต่างจากเขาในเวลาทำงานอย่างมาก แม้ว่าจะยืนอยู่ตรงหน้า เพื่อนร่วมงานก็ยังมองไม่ออกว่าเป็นเขา ลู่อวี่ยื่นมือมาเกี่ยวผ้าปิดปากลง ก่อนจะหัวเราะออกมา “สวัสดีตอนเย็นวัยรุ่น” “โอ๊ย แม่หก ผมตกใจหมด” เพื่อนร่วมงานค่อยๆก้าวเข้ามา เพิ่งพินิจก่อนจะยิ้มขำแล้วเบิกตากว้างแล้วกล่าว “มองไม่ออกจริงๆนะนี่ แบบนี้ไม่เหมือนตอนปรกติที่เจอกันเลย ไม่เคยคิดว่าคุณจะแต่งตัวเช่นนี้” “ตอนปรกติเป็นแบบไหนกัน” ลู่อวี่ยื่นกุญแจให้กับเขา “ใช้กุญแจเสร็จแล้วก็เก็บไว้ที่คุณ พรุ่งนี้ค่อยเอามาให้ฉัน” “ได้เลย” ฝ่ายตรงข้ามยังคงหัวเราะ มองเขาแล้วกล่าว “ตอนปรกติโคตรหล่อ แต่ก็ยังคงอยู่ในแบบธรรมดา วันนี้คือเท่มาก ใส่แบบนี้คือจะไปทำอะไรกัน” ลู่อวี่หัวเราะแล้วกล่าว “ก็ตามกระแสปรกติ วันนี้แค่ไม่ได้สนใจ แต่ก็ไม่ต่างจากเดิมหรอกหน่า” “รำคาญจริง หลักฐานคาตาแบบนี้แล้วยังจะโกหกอีก” เพื่อนร่วมงานชี้มาที่เขา แล้วโบกมือไปมา “จะไม่ถ่วงเวลางานของคุณแล้ว รีบประชุมแล้วรีบทำอะไรที่ควรทำดีกว่า คุณวางใจได้เลยผมจะเก็บเป็นความลับให้ จะไม่บอกคนอื่นว่าคุณ...เป็นแบบนี้แน่นอน” ลู่อวี่ถาม “แบบไหนกัน” เพื่อนร่วมงานหัวเราะจนตาปิด “อย่าให้ผมตรงไปตรงมานักเลย เป็นแบบไหนในใจคุณรู้ดีหน่าสุดหล่อลู่ ดูสาวมาก” ลู่อวี่หัวเราะ คุยกับเพื่อนร่วมงานอีกไม่กี่คำ ก็เรียกรถทันที เพื่อนร่วมงานโบกมือลาเขา ก่อนจะวิ่งเข้าตึกทดลองไป ลู่อวี่ขึ้นนั่งบนรถแล้ว คนขับก็หันมาถาม “ถนนชวนเฟิงใช่ไหมครับ” ลู่อวี่ส่งเสียงแค่ “อืม” ภายหลังนั้นบนรถก็ไม่มีใครพูดอะไร คนขับมองเขาผ่านกระจกหลังอยู่ตลอด ลู่อวี่ก็ก้มมองมือถือในมือเช่นกัน ทีหลังจึงได้เกี่ยวผ้าปิดปากขึ้น เขาเป็นครูคนหนึ่ง เวลาเข้าเรียนก็อยากให้พวกนักเรียนต่างมองมาที่เขา เขาเป็นจุดศูนย์รวมสายตาของคนทั้งห้อง การสบสายตากับนักเรียนในห้องนั้นก็เป็นเรื่องที่ต้องทำทุกวัน แต่ประหลาดนัก หากเขาถอดชุดทำงานออกเขาก็ไม่ชอบให้ใครมาจ้องเขานัก สายตาของคนอื่นไม่ได้ทำให้เขาลำบาก แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่สบาย จนถึงขั้นคิ้วขมวด ไม่แปลกที่คนขับจะมองสำรวจเขา ถนนชวนเฟิงคือเส้นของคลับ และจุดหมายปลายทางของลู่อวี่ยังเป็นคลับซูฉือ สถานที่นั่นบนถนนชวนเฟิงนี้ถือว่าวุ่นวายมาก คนขับที่ขับผ่านไปมาบ่อยๆย่อมรู้ ว่าคนที่ไปเล่นที่นั่นก็คงไม่ธรรมดาเท่าไหร่ ผู้หญิงที่เหมือนผู้ชาย ผู้ชายที่เหมือนผู้หญิง นี่คือเรื่องที่เห็นบ่อยที่สุด และยังคงมีความแปลกๆอีกมากมาย ที่นั่นถือเป็นที่รวมตัวของความแปลกประหลาดก็ว่าได้ ภายหลังคนขับดูจะทนไม่ไหว มองกระจกหลังแล้วกล่าวถาม “คุณผู้โดยสารฉีดน้ำหอมมาหรือครับ หอมมากเลย” “ฉีดมา” ลู่อวี่กล่าว คนขับถามอีก “คุณเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยXใช่ไหมครับ ปีไหนแล้ว” สายตาของคนขับที่สำรวจและลอบพิจารณานั้นมองเห็นได้ชัดมาก ลู่อวี่ลอบหัวเราะเบาๆอยู่ข้างหลังผ้าปิดปากนั้น “คุณว่าผมอยู่ปีไหนล่ะ” “ปีสามปีสี่กระมัง” คนขับหันมามองเขาอีกครั้ง “มองไม่ออกจริงๆ” ลู่อวี่ส่งเสียง “อือ” เมื่อใกล้ถึงจุดหมายแล้วเขาจึงเก็บมือถือ พยักหน้าแล้วกล่าว “คุณว่าใช่ก็ใช่แหละ” “คลับซูฉือ” เป็นที่ที่ลู่อวี่คุ้นเคยมาก เขามาที่นี่ครั้งแรกตอนอายุยี่สิบ วันนี้เขาอายุสามสิบแล้ว นับไปมาก็ใกล้จะสิบปีแล้ว แต่ก็มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ไม่ได้มาเลย ถึงแม้จะเดินเข้ามาตามเส้นทางยาวๆนั่นแล้วรู้ว่าข้างในได้ตกแต่งใหม่ก็ยังคงสับสน เหมือนไม่แน่ใจว่าตัวเองมาผิดที่หรือไม่ “โอ้สวรรค์ นั่นใครกัน” ห่างจากประตูไม่ไกลมีคนยืนพิงกำแพงเล่นมือถืออยู่ เงยหน้าเห็นเขาก็รีบตรงเข้ามา จ้องมองมาที่ลู่อวี่ที่ยื่นอยู่ข้างนอกนี่ราวกับจะจ้องมันไปครึ่งวัน มือที่ถือมือถือไว้ชี้มาที่ลู่อวี่ “ฉันตาฝาดหรือ” “แกบอกตาฝาดก็คงฝาดแหละ” ลู่อวี่เบี่ยงมือเขาออก ชี้เข้าไปข้างใน แล้วถาม “ตกแต่งใหม่หรือ” “ไม่ตกแต่งก็ไม่ได้ ที่นี่การแข่งขันดุเดือดจะตาย ล้าสมัยไปก็ดึงคนไม่ได้” คนที่พูดอยู่คือเจ้าของร้าน นามสกุลซู ทำให้คนอื่นเรียกเขาว่าซูฉือ แน่นอนว่าเขาไม่ได้ชื่อนี้ มีครั้งหนึ่งที่ดื่มจนเมาแล้วบอกว่าตัวเองชื่อท่ายทู่ แน่นอนมันไม่ได้น่าเรียกเท่าซูฉือ ตอนนั้นเขาอายุได้สามสิบกว่าๆ ท่าทางตอนนั้นถือได้ว่าเป็นหนุ่มหล่อ การที่ได้ชื่อแบบนั้นก็ไม่ได้รู้สึกว่าแย่อะไร ทีหลังพออายุได้สี่สิบแล้วมารวมกับชื่อนี้ก็ขายขี้หน้ามาก ท่าทางไม่ได้ให้เลยสักนิด ลู่อวี่ พวกเขาเรียกเขาว่าเหล่าซู เขามองไปที่ข้างหลังของลู่อวี่แล้วถาม “แกมาคนเดียวหรือ หรือว่าเสี่ยวหลินหาที่จอดรถอยู่ข้างนอก” ลู่อวี่ดึงผ้าปิดปากแล้วส่ายนิ้วไปมา ยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าว “เลิกนานแล้ว” เหล่าซูเลิกคิ้วใส่เขาด้วยท่าทางเล่นใหญ่ “ล้อเล่นหรือว่าจริงๆ” ลู่อวี่มองบนแล้วกล่าว “เลิกมาปีกว่าแล้ว แกว่าพูดจริงไม่จริงล่ะ” เหล่าซูอ้าปากกว้างไร้คำพูด สมองที่แล่นได้ดีของคนนั้นก็ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีเช่นกัน ท้ายที่สุดทำได้แค่ยิ้มเท่านั้น “ฉันก็ว่าทำไมหนึ่งปีนี้แกไม่มาเลย กลัวความรู้สึกเก่าๆจะย้อนมาทำร้ายใช่ไหมล่ะ ช่างมันเถอะน้องชาย รักๆเลิกๆเป็นเรื่องของชะตากรรม เลิกกันก็คือหมดกรรมต่อกันแล้ว อย่าได้คิดกังวลนักเลย” ลู่อวี่พยักหน้า “ไม่ได้กังวลเลยจริงๆ” “แบบนั้นก็ดี อย่างนั้นไปสนุกเถอะ ไม่มีอะไรทำก็มาหาเรื่องสนุกๆทำกับพี่ชายนี่ เป็นโสดแล้วสนุกกว่ากันเยอะนี่แกเคยพูดไว้ใช่ไม่ใช่” เหล่าซูยังคงธุระอย่างอื่นอยู่ พูดคุยกับลู่อวี่ก็รีบเดินจากไป ลู่อวี่หาโต๊ะกลมสำหรับสองคนที่ห่างจากบาร์มาไม่ไกลมาก นักร้องบนเวทีกำลังร้องเพลงร็อกแอนด์โรลที่ดังเมื่อหลายร้อยปีก่อน ไม่ได้มานานแล้วจริงๆ เมื่อได้ยินดนตรีเมื่อครู่ลู่อวี่รู้สึกว่าสมองของตัวเองนั้นสั่นไปเลยทีเดียว พนักงานเดินมาถามเขาว่าต้องการเหล้าอะไร ลู่อวี่กล่าว “เอาเบียร์มาแล้วกัน เบียร์ดำ” “ได้ครับ ต้องการกี่ขวดครับ” “สองขวด” พนักงานยังคงถามต่อ “รับอย่างอื่นเพิ่มไหมครับ” ลู่อวี่ส่ายหน้าแล้วกล่าว “ไม่เอาแล้ว ไม่ก็ในเมนูคงมีราคาถูกที่สุดอยู่ แกเอามาสักอย่างก็ได้” ภายหลังพนักงานกล่าวว่าอะไรลู่อวี่ก็ไม่ได้ยินเช่นกัน นักร้องเปล่งเสียงได้เปลืองพลังมาก หากต้องเขาไปฟังคนพูดชัดๆนั่นก็ไม่ไหว ลู่อวี่เองก็ขี้เกียจ ท้ายที่สุดพนักงานก็วางจานถั่วและปลาหมึกแผ่นมา ตอนที่เขาจ้องมองโต๊ะ ลู่อวี่รู้สึกหมดคำจะพูด กล่าว “แกแค่เอาเหล้ามาก็พอจริงๆ แกที่มันช่างซื่อเหลือเกิน” พนักงานย่อตัวลงมาพูดอะไรลู่อวี่ก็จับใจความไม่ได้ เขาโบกมือให้เขาออกไป ความจริงวันนี้แต่เดิมลู่อวี่ไม่ได้จะมาเพราะอยากดื่มเหล้า แค่อยากได้เหล้าดำมาแค่สองขวดเท่านั้น จะดื่มไม่ดื่มก็คงดูอีกที ความจริงก็ไม่รู้ว่าอยากลืมหรือคำนึงถึงอดีตเหมือนกัน แต่การนั่งเฝ้าโต๊ะคนเดียวแบบนี้ช่างดูโง่งมเหลือเกิน ลู่อวี่คิ้วขมวดด้วยความยุ่งยากใจ ทำไมความรู้สึกอื่นหายไปหมด เหลือเพียงความอับอายเท่านั้นกัน ภายหลังลู่อวี่หยิบถั่วขึ้นทานพร้อมกับเบียร์ดำทั้งสองขวด แล้วก็สั่งมาอีกโหลหนึ่ง และดื่มมันจนเหลือแค่สองขวด ดื่มจนเริ่มกรึ่ม ในหัวเริ่มมีภาพแห่งความสุขที่เคยอยู่ร่วมกับหลินหรั่น ตอนนั้นหลินหรั่นอยู่ที่สถาบันการออกแบบ เขากำลังศึกษาปริญญาโท ทั้งสองคนจะมาดื่มเหล้าด้วยกันบ่อยๆ หลินหรั่นคอแข็งทีเดียว แต่เขาชอบแกล้งเมา ยืมฤทธิ์ของเหล้าเพื่อมีความกล้าในสิ่งที่อยากจะพูด หากพูดเกินไปก็จะบอกว่าเป็นเพราะเหล้าได้ ลู่อวี่ส่ายหัวไปมา นี่เป็นครั้งแรกที่เขามาตั้งแต่เลิกกับหลินหรั่น ก่อนมาไม่ได้คิดอะไรมาก อยากมาก็แค่เปลี่ยนเสื้อแล้วมา แล้วก็คิดได้แล้วว่านี่คงเป็นครั้งสุดท้ายที่มา มาดื่มเหล้าคนเดียว มองยังไงก็เหมือนคนโง่ที่กำลังเจ็บหนัก กับปวดใจเท่านั้น --“ไม่มีโต๊ะแล้วหรือ” พอดีกับช่วงส่งเพลง ด้านข้างก็มีเสียงคุยดังขึ้น เสียงฟังดูแหบ เป็นผู้ชายเสียงทุ้มคนหนึ่ง พนักงานถาม “มากันกี่ท่านครับ” คนนั้นกล่าว “ฉันคนเดียว” พนักงานมองไปรอบๆแล้วกล่าวขออภัย “โต๊ะเล็กไม่เหลือแล้วจริงๆครับ ไม่อย่างนั้นคุณลูกค้าหาที่นั่งได้ตามสบายเลย” สายตาของลู่อวี่มองมือของชายคนนั้น เขาหรี่ตา นิ้วมือยาวมาก แต่มือไม่ได้เล็กเลย เขาเงยหน้ามอง เพราะไฟมืดมากลู่อวี่จึงมองเห็นไม่ชัด ลู่อวี่ดื่มไปมากแล้วจริงๆ หัวเริ่มมึนงง และไม่ชัดเจน ดังนั้นในตอนที่คนคนนั้นกำลังจะเดินไปจึงได้คว้ามือของเขาไว้ เหลือบสายตามองขึ้นแล้วกล่าว “พี่ชาย มารวมโต๊ะกันสิ”
已经是最新一章了
加载中