ตอนที่ 2
ตอนที่ 2
ลู่อวี่ดื่มมากจนมึนแล้ว แม้กระทั่งไปคว้าข้อมือใครให้มาร่วมโต๊ะด้วย ในมือรู้สึกถึงความอุ่นและสากแห้ง ลู่อวี่คิดอยู่ในใจ เขาไม่ใช่คนขี้เล่นอะไรเลย
คนคนนั้นก้มหน้ามองเขา ลู่อวี่กล่าว “นั่งสิ ฉันคนเดียว”
อีกฝ่ายพยักหน้า กล่าว “ขอบคุณมาก”
ลู่อวี่มองคนนั้นที่นั่งลงตรงข้ามเขา พอดีที่กับที่เพลงบีทหนักดังขึ้น ไฟสว่างขึ้น จนมองเห็นคนตรงหน้าได้ชัดเจน นิ้วมือของลู่อวี่เขี่ยโต๊ะไปมาเบาๆ ในใจของเขาผิวปากหวือ
--เท่ห์
บอกไม่ได้ว่าหล่อขนาดไหน แต่มองแล้วให้ความรู้สึกที่โตมาก ไถข้างจนเห็นหนังศีรษะ คิ้วหนาดกดำ เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ ตอนที่สายตาลอบพิจารณา มันช่างเหมาะเจาะกับสัมผัสความสวยงามของลู่อวี่
คนคนนั้นสั่งเหล้าเสร็จแล้ว พนักงานจึงเดินจากไป ลู่อวี่ยกแก้วในมือแล้วกระแทกลงกับโต๊ะเบาๆจนเกิดเสียง ก่อนจะรีบกล่าวกับคนตรงหน้า “ลู่อวี่”
ฝ่ายตรงข้ามยังไม่มีเหล้า กวาดตามองบนโต๊ะ ยกแก้วน้ำเย็นที่ยังไม่ได้ดื่มขึ้นมา เสียงแก้วที่กระทบกันบนโต๊ะดังขึ้นเบาๆ ลู่อวี่ได้ยินเขากล่าวว่า “กู้เฟิง”
นักร้องบนเวทีร้องเพลงอกหักที่บาดใจมาก เสียงร้องดังรวมเข้าไปด้วย ดังนั้นความจริงลู่อวี่ฟังทันแค่ “กู้” เท่านั้น เสียงข้างหลังถูกกลบไปแล้ว เลยทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงแค่ดื่มเพื่อกลบเกลื่อนความขัดเขินเท่านั้น ชื่อไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น
ภายหลังเหล้าของคนคนนั้นก็มา คนสองคนต่างฟังเพลงบนเวทีผลัดกันดื่มไปมา สายตาของลู่อวี่ลอบมองคนตรงข้ามเป็นครั้งคราว มองเพียงสองวิ แล้วหันหลบไป หลังจากที่ได้สังเกตคนตรงหน้านั้นดูเป็นคนสบายๆเลยทีเดียว เป็นความสบายที่มีชีวิตชีวา ดูผ่อนคลายอยู่ในที สายตาของพวกเขาหันมาสบกันบ้าง คนคนนั้นไม่ได้สนอะไร เพียงสบแค่เล็กน้อยแล้วเบี่ยงสายตาไป ไม่ได้จงใจ และไม่ได้ขัดเขิน
ในใจของลู่อวี่คิดว่า ถ้าเขาอ่อนกว่านี้สักสิบปี ตอนนี้คงจะตื่นเต้นและกังวลเพื่อหาช่องทางการติดต่อแน่
เพลงที่ทรมานคนนั้นได้จบลง ลู่อวี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพลงใหม่ยังคงไม่เริ่ม นักร้องบนเวทีไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน เพราะดื่มไปมากสมองของลู่อวี่เริ่มอืดลง ช่วงเวลาแห่งความเงียบนั่นทำให้จดจ้องอยู่ที่ฝ่ายตรงข้าม สายตาจึงบรรจบกันอีกครั้ง คนคนนั้นมองมาที่เขา ทันใดนั้นก็กล่าวออกมา “ฉันแค่มาดื่มเหล้า ไม่ได้มีนัดหมายอื่น หากมันรบกวนเธอก็บอกกันได้ ฉันจะเปลี่ยนที่”
ลู่อวี่กะพริบตาปริบๆ ผ่านไปครึ่งวันถึงได้รู้สึกตัวว่าเขาพูดอะไร ตอนนั้นเขารู้สึกอับอายขึ้นมา ก่อนจะส่ายหัวไปมา “ฉันเองก็ไม่ได้นัด เธอไม่ต้องคิดมากหรอก”
“แบบนั้นก็ดี” คนตรงหน้าหัวเราะออกมา ก่อนจะยิ้มบางๆ ยื่นแก้วมาชนกับลู่อวี่ “เช่นนั้นก็ตามสบายเลย”
หากเป็นช่วงปรกติลู่อวี่ต้องรู้สึกขัดเขินและไม่มองต่อเป็นแน่ แต่วันนี้เขาดื่มไปมาก ทั้งหมดนั้นทำไปตามใจ เขารู้สึกว่าคนตรงข้ามนั้นเป็นอาหารตา ดูดี มาก เขาไม่สายตาที่จ้องมาเลย เหมือนว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ได้สนใจ นานแล้วที่เขาไม่คนดื่มเหล้าด้วย กับหลินหรั่นนั่นก็ผ่านมานานมากแล้ว ยิ่งกับคนแปลกหน้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เป็นประสบการณ์ที่ไม่ลองมาก่อน เป็นความรู้สึกที่สดใหม่สำหรับเขา มีความหมายมากทีเดียว
นักร้องคนสุดท้ายลงไปจากเวทีเมื่อไหร่เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ดนตรีเปลี่ยนไปเป็นเพลงอบอุ่นและฟังสบายๆ ไฟก็เปลี่ยนเป็นไฟสีเหลืองนวล
บรรยากาศช่วงเที่ยงคืนนำพาความเหงาและท่าทางที่พร้อมล่าให้กับหนุ่มสาว
กู้เฟิงมองคนตรงข้ามที่คือพี่ชายสุดหล่อที่ดื่มจนเมาแล้ว เขาดื่มไปไม่ได้น้อยเลย กู้เฟิงจึงเอ่ยเตือนสติ “ดื่มเหล้าให้พอดี”
ลู่อวี่จับแขนแล้วหยีตา นิ้วชี้ที่จมูกของตัวเอง กล่าว “ฉันดื่มน้อยมาก”
เขาเริ่มพูดไม่ชัด แต่ก็ยังคงพูดต่อ “น่าจะสองปีแล้วที่ฉันไม่ได้ดื่มเหล้าเลย วันนี้เป็นครั้งแรก... รูปร่างเธอโดนใจฉันมากเลย...”
ไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ เขาก็กล่าวต่อ “ฉันชอบผู้ชายแบบ...เธอโกนผมอย่างไรกัน เท่ห์มากเลย”
กู้เฟิงกล่าว “เธอก็โกนสิ”
“ฉันทำไม่ได้ ที่ทำงานไม่ให้ทำ...” ตัวลู่อวี่เองก็ไม่รู้ว่าเสียงพูดของตัวเองเริ่มล่อแล่ ดื่มไปเยอะมากเสียงจึงเริ่มแหบแต่ฟังดูน่าขันดี ”ฉันเป็นอาจารย์”
กู้เฟิงขมวดคิ้ว จ้องมองที่เขา
“ไม่เหมือนหรือ” ลู่อวี่หัวเราะ ชี้ที่ตัวเอง “เป็นบุคลากรที่ดีเลย...อาจารย์...”
กล่าวจบก็เรอออกมาหนึ่งที น่าขันมาก แต่ก็ไม่ได้ตลกไปเสียหมด
กู้เฟิงขำ แต่ไม่ได้กล่าวอะไร
รูปลักษณ์ของลู่อวี่คงไม่ต้องพูดถึง ทุกคนต่างเรียกว่า “สุดหล่อลู่” จนเป็นเรื่องปรกติ ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล แต่หล่อจริงๆ ตอนนี้ดื่มมากจนแขนแนบไปกับโต๊ะ ในคลับนั้นต่างมีผู้ล่าที่คอยจับจ้องชิ้นเนื้อนี้อยู่ แต่เพราะมีคนนั่งอยู่ตรงข้ามจึงไม่มีใครเข้ามา ทุกคนต่างรู้ว่ามีเจ้าของแล้ว แต่ความจริงพวกเขาคุยกันไม่กี่ประโยคเท่านั้น ต้องคอมองอยู่ตลอดถึงจะได้รู้ว่าพวกไม่ได้รู้จักกัน หรือก็คือไม่เคยรู้จักกันเลย
จังหวะนั้นเองที่มีคนเข้ามา โน้มตัวลงมาตรงหน้าลู่อวี่ เป่าลมหายใจมาแล้วถาม “ดื่มสักแก้วไหม”
ลู่อวี่ลืมตามองเขา แล้วโบกมือไปมา “ไม่เอา”
“อย่าหยาบคายนักเลย รอจนดึกขนาดนี้คงไม่ใช่แค่มาดื่มจนเมาหรอกกระมัง” คนคนนี้ยังคงไม่ยอมแพ้ กล่าวเสียงเบา พร้อมยื่นมือมาดึงสร้อยคอของลู่อวี่ และส่งสายตาหลอกล่อ ”บนล่างผมได้หมด แล้วแต่คุณเลย”
ประโยคนี้กระซิบที่ข้างหูลู่อวี่ กู้เฟิงจึงไม่ได้ยิน เขาเห็นแค่คิ้วของลู่อวี่ขมวดเท่านั้น ดังนั้นลู่อวี่จึงนั่งหลังตรงเพราะอย่างหนีออกจากปากคนนั้น กู้เฟิงถอนหายใจ เขากล่าว”ไม่ต้องล้วงอะไรทั้งนั้นล่ะน้องชาย ตรงนี้ยังมีคนนั่งอยู่”
“หือ พวกคุณรู้จักกันหรือ” คนนี้มองกู้เฟิงเต็มตา ยืนขึ้นแล้วกล่าวยิ้มๆ “ไม่ได้เห็นพวกคุณคุยกันเลย ไม่อย่างนั้น... ด้วยกันไหม”
กู้เฟิงไม่ได้มองเขาอีก กล่าวเพียงประโยคเดียวเท่านั้น “คนที่คุณชวนเขาไม่ไป คุณก็ไม่เถอะ”
ในคลับต่างมีภาพคนที่กำลังเชื้อเชิญกันอยู่ หากไม่ยอมก็ไม่ได้มีใครบังคับอะไรกัน คนนี้เองก็จากไปอย่างเสียใจเช่นกัน กู้เฟิงกล่าว “กลับบ้านเถอะ อาจารย์ของประชาชน”
ลู่อวี่คว้ามือถือขึ้นมาดูเวลา แล้วพยักหน้า “ควรไปได้แล้วสินะ”
จังหวะไปคิดเงินนั้นเหล่าซูยืนอยู่ที่แคชเชียร์พอดี ตอนมาลู่อวี่มาคนเดียว แต่ตอนกลับกลายเป็นสองคน สายตาของเหล่าซูลอบมองทั้งสองอยู่สองรอบ คนที่อยู่แวดวงนี้ห้ามปากมากอยู่แล้ว เพียงแค่ทักทายยิ้มๆเท่านั้น “จะไปแล้วหรือ”
“อื้อ คิดเงินเลย” ลู่อวี่กล่าว
ทั้งสองคนนั่งโต๊ะเดียวกัน ใบเสร็จจึงรวมกัน กู้เฟิงยื่นบัตรไปให้พี่ชายที่อยู่หน้าแคชเชียร์ “รูดบัตร”
ลู่อวี่รีบดึงบัตรออกจากกระเป๋าแล้วโยนไปทันที “ใบนี้”
“เฮ้ย อย่าแย่งกัน” เหล่าซูมองพวกเขาอย่างขำๆ “จะรูดของใครก็แค่รูด ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย”
เขารู้จักลู่อวี่มานาน สบสายตาของลู่อวี่เขาก็รับบัตรของลู่อวี่มาโดยธรรมชาติ แล้วส่งมันให้พนักงาน “รูดอันนี้แล้วกัน เหมือนกันนั่นแหละ”
ลู่อวี่ยืนที่บาร์เพื่อรอเซ็นชื่อ คุยกับเหล่าซูไม่กี่ประโยค ได้ใบเสร็จแล้วก็หันหลังกลับแต่ก็มารู้ว่ากู้เฟิงเดินไปแล้ว ลู่อวี่บอกลากับเหล่าซู เหล่าซูจึงกล่าวอะไรเล็กน้อย “ช่วงเวลาใบไม้ผลิน่ะ สนุกไปกับมันเถอะ”
ลู่อวี่รู้ว่าเขาคิดไปไกล แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเกินเลย เลิกกันปีกว่าแล้ว อย่าให้ใครมาปกป้องตัวเอง และยังกล่าวอย่างปรารถนาดี ไม่มีอะไรนอกจากนั้นเลย ลู่อวี่โบกมือลาแล้วหันหลังกลับ
พลางเดินพลางคิด หรือเมื่อครู่ควรให้เบอร์ไปกันนะ
แต่เมื่อออกมา ก็เห็นคนยืนพิงกำแพงอยู่ข้างประตู กำลังก้มหน้าสูบบุหรี่อยู่ ลู่อวี่มองไป คนคนนั้นก็มือขึ้นมา “ตรงนี้”
ลู่อวี่เดินเข้าไป แล้วถาม “รอฉันหรือ”
“อืม” กู้เฟิงตอบกลับมา
ลู่อวี่ยิ้มขึ้นมา ยิ้มจนตาโค้ง เวลายิ้มนั้นดูดีทีเดียว เขากล่าว “ฉันไม่ได้นัดนี่ นับถือเลย”
กู้เฟิงเองก็ยิ้มตาม ยื่นนามบัตรจากกระเป๋าเสื้อมา แล้วกล่าว “เหล้าวันนี้ ขอบคุณมาก ว่างๆก็ติดต่อฉันมา จะได้ตอบแทนเธอบ้าง”
“เกรงใจ ไม่เป็นไรหรอก” ลู่อวี่โบกมือไปมา “ฉันเองก็ขอบคุณที่ดื่มเหล้ากับฉันวันนี้เช่นกัน วันนี้วันเกิดฉันน่ะ ยังดีที่มีเพื่อนร่วมด้วย”
กู้เฟิงชะงักนิ่ง แล้วกล่าวว่า “สุขสันต์วันเกิด”
โชคชะตาของคนที่ไม่รู้จักกัน คนแปลกหน้าคนนี้กำลังกล่าวสุขสันต์วันเกิดต่อหน้าเขา ดูเป็นฉากที่น่าตลกอยู่บ้าง ลู่อวี่รับรู้ได้ว่าในใจอยากหัวเราะมากแค่ไหน
เขายิ้มออกมาจริงๆ ยิ้มนามบัตรมาโบกไปมา แล้วถามกู้เฟิง “แล้วเธอจะตอบแทนอะไรฉันล่ะ
กู้เฟิงพ่นควันออกมา แล้วกล่าว “ฉันเองก็ทำอะไรอย่างอื่นไม่ได้ แต่ถ้าอยากสักก็มาหาฉัน”
รอยสักกับเขาเป็นเรื่องที่ห่างไกลกันมาก แต่อาชีพนักสักเขารู้สึกว่าเป็นอาชีพที่เท่ห์มาก และก็เริ่มรู้สึกสนิทใจกับกู้เฟิงขึ้นมาบ้างเช่นกัน ลู่อวี่พยักหน้า “ได้เลย”
ฉากพูดคุยของโชคชะตานี้ต้องจบลงแล้ว ลู่อวี่เองก็ต้องกลับบ้านแล้วเช่นกัน ในมือของเขาก็กำนามบัตรนั้นไว้ แต่เขายังไม่ได้ก้มลงไปมอง ตอนที่กู้เฟิงจะจากไป ลู่อวี่ก็ส่งเสียงเรียกไว้ก่อน “เฮ้”
กู้เฟิงหันหน้ามา ขมวดคิ้วเล็กน้อย
ลู่อวี่ถามเขา “เธอชื่อกู้ กู้อะไรนะ เมื่อครู่ฉันฟังไม่ถนัด”
กู้เฟิงมองเขา ตอบกลับไปแผ่วเบา “กู้เฟิง --–เฟิงที่แปลว่าทัศนียภาพ”