ตอนที่ 3   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 3
ตอนที่ 3 ลู่อวี่กลับถึงบ้านตอนตีสามครึ่ง ท้องฟ้าจะสว่างแล้ว ถอดเสื้อแจ็คเก็ตออก เสื้อยืดตัวในชื้นเล็กน้อย ปลายเดือนแปดอากาศก็ยังคงร้อนอยู่ แจ็คเก็ตหนังนี่น่าเกลียดแล้ว ยังไม่ระบายอากาศอีก อบอ้าวจนทรมาน เขารีบเข้าไปอาบน้ำก่อนจะมานอนที่เตียง วันที่สองไม่ใช่วันหยุด และเขายังมีคาบสอน รู้สึกว่ายังนอนไปไม่มากนาฬิกาปลุกก็ดังขึ้นเสียแล้ว ลู่อวี่ยืดเวลาไปอีกสิบนาทีสุดท้ายก็ยอมตื่นขึ้นมา หน้านิ่วคิ้วขมวดรู้สึกว่าหัวเหมือนจะระเบิด ดื่มเหล้าไปมากมายและนอนไปเพียงสามชั่วโมงเท่านั้น ช่างสามารถจริงๆ ตอนเข้าคาบเรียนนักเรียนที่นั่งแล้วหน้าถามเขา “อาจารย์ลู่เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือครับ” ลู่อวี่พยักหน้าแล้วกล่าว “อื้อ นอนไม่หลับน่ะ” “อาจารย์ลู่ที่นอนไม่หลับ นี่กังวลอะไรหรือเปล่าครับ” นักศึกษานั่งอยู่ประจำที่แล้วพูดคุยกับเขา ลู่อวี่ยังอายุน้อยอยู่ นักเรียนจึงไม่ได้มีระยะห่างอะไรกับเขา ลู่อวี่กล่าว “ฉันกังวลว่าสอบปลายภาคพวกเธอจะผ่านกันไปอย่างไร ดูจากการบ้านที่พวกเธอส่งกันมา ปลายภาคต่อให้ปล่อยๆบ้าง พวกเธอก็ดูไม่น่าผ่าน” ช่วงว่างหลังจากเลิกคาบลู่อวี่นอนนาบไปกับโต๊ะพร้อมกับหลับตาน้อยๆ และเริ่มนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เขาอดนึกถึงเรื่องบ้าบอคอแตกในเมื่อคืนไม่ได้ ตอนแรกคิดว่าคงเป็นค่ำคืนที่เศร้ามาก ไม่คิดว่าความรู้สึกจะมาถูกคนแปลกหน้ากวนให้กระจายอย่างนี้ และท่าทางของคนแปลกหน้านั้น... ก็ดีเสียด้วยสิ ลู่อวี่นึกถึงตอนที่คนนั้นบอกว่าตัวเองชื่อ “กู้เฟิง” ในปากคาบบุหรี่ไว้ สีหน้าเรียบนิ่ง ใบหน้าของลู่อวี่แนบลงไปกับแขน มันยากมากที่ปกปิดความชื่นชอบที่มีต่อคนคนนี้ หลายปีที่มีใครอยู่ข้างกาย อะไรที่ชอบมองก็ต้องอดใจไม่ให้มอง หนุ่มหล่อที่เดินผ่านหากมองไปก็รู้สึกไม่ดีต่อคนข้างๆ หลังจากที่เลิกกันไปก็ไม่ได้เปิดหูเปิดตาเลย นี่เจอได้นี่เจออย่างยากเย็น พูดไปสองวันยังไม่น่าพอเลย เมื่อสอนเสร็จลู่อวี่ก็ต้องไปห้องทดลองเพื่อตรวจสอบอีกรอบ และกวาดสายตามองปลาน้อยที่อยู่ในตู้รักษาอุณหภูมิ ต่อจากนี้เขาไม่มีคาบแล้ว เขาอยากกลับไปนอน มือถือดังขึ้น เขาปรายตามอง นั่นคือแม่ของเขาเอง หมอสวี “สุดหล่อลู่เย็นนี้กลับบ้านไหม” ลู่อวี่ไร้หนทางแล้ว “อย่ามาแหย่ฉันเลยท่านหัวหน้า ลู่คนหล่อ สุดหล่ออะไรกัน จะติอะไรท่านก็แค่พูดมาตรงๆเลย” “ไม่ได้จะติ ยังไม่ถึงวันหยุดเลย ถามแกหน่อยว่าจะกลับบ้านมาไหม” ปลายสายกล่าว “กลับครับ กลับ” ลู่อวี่รับปากกลับไป “ได้ เย็นนี้เจอกัน” หมอสวีกล่าวจบก็รีบตัดสายไปตามอำเภอใจ แต่เดิมลู่อวี่อยากกลับไปนอน แต่มันคงเป็นไปไม่ได้แล้ว ทุกครั้งที่หมอสวีถามว่าจะกลับหรือไม่กลับนั่นหมายความว่าเขาต้องกลับ และลู่อวี่เองก็ไม่ได้กลับมาสักพักแล้ว เขาไม่ได้ต่อต้านอะไรกับการกลับบ้าน ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ก็ไม่ได้แย่อะไร หลังจากที่เลิกกับหลินหรั่น หมอสวีก็ถามถึงบ้างเป็นครั้งคราว นั่นทำให้เขารู้สึกจำใจอยู่บ้าง ไม่ใช่ไม่อยากกลับบ้าน แต่เรื่องที่เกี่ยวกับหลินหรั่น เขาไม่ได้อยากได้ยินมันอีกแล้วจริงๆ มาถึงบ้านแล้วหลังจากที่เขาหาที่จอดรถอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง ทำให้ใจของลู่อวี่เริ่มสงบ เมื่อเขาขึ้นบ้านไปกับข้าวก็ต่างวางบนโต๊ะไว้บนแล้ว พ่อของเขานั่งอยู่ที่โต๊ะตรงนั้น สองมีที่วางไว้บนโต๊ะนั้นกำลังเล่นมือถืออยู่ “นั่งหลังตรงอะไรขนาดนั้น” ลู่อวี่ที่เปลี่ยนรองเท้าอยู่ถามขึ้น “อืม กลัวว่าจะไปทำร้ายกระดูกคอตัวเองเข้า ไม่กี่วันนี้ปวดคอมากเลย” พ่อกล่าว “จะรักษากระดูกคอต้องเงยหน้าขึ้นสิ นั่งหลังตรงแต่ก้มหน้า ทำแบบกระดูกสันหลังมันก็ไม่ตรงหรอก” ลู่อวี่เดินไปนวดหลังคอให้กับพ่อของเขา ขมวดคิ้วลง “แข็งอะไรขนาดนี้ พรุ่งนี้ฉันนัดหมอนวดให้ แล้วทีหลังก็ไปตามเวลานัดนะ” “คงต้องไปนวดสักหน่อย ช่วงนี้มึนหัวบ่อยๆเหมือนกัน” พ่อวางมือถือลง แล้วหันหน้ามองเข้าไปในครัว “ยังไม่เสร็จหรือ ฉันทานข้าวได้หรือยัง” หมอสวีถือจานเนื้อแกะมาแล้ววางลงบนโต๊ะ แล้วกล่าวกับลู่อวี่ “เห็นแกวนรถอยู่ที่ข้างล่างนานเป็นครึ่งวัน วนจนหิวล่ะสิ ไปล้างมือแล้วมาทานเถอะ” “ตอนแรกก็หิว แต่วนไปสามรอบก็เริ่มอิ่มเลย ครั้งหน้าจะไม่ขับรถกลับมาแล้ว หาที่จอดรถเหนื่อย” ลู่อวี่ล้างมือไปก็บ่นไป น้ำยาล้างมือมีกลิ่นนมแรงมาก ล้างแล้วก็ยังมีกลิ่นหวานลอยตามมา “น้ำยาล้างมือพ่อซื้อมาหรือ” “อือ นักเรียนให้มา ใช้ดีนะ เดี๋ยวแกก็เอาไปสักขวดสิ” พ่อคีบตะเกียบไปมา ไม่ปกปิดความในใจที่อยากทานข้าวเลยสักนิด “โอ้ พ่อยังได้รับของจากนักเรียนอยู่หรือ พัฒนานี่อาจารย์ลู่” ลู่อวี่ยิ้มขำก่อนจะเดินมานั่ง แล้วลงมือทานข้าว “ตอนแรกก็ไม่ได้อยากได้หรอก แต่กลิ่นมันหอมจริงๆ” พ่อเองก็ขำขึ้นมา คุณพ่อลู่เมื่อก่อนนั้นเป็นอาจารย์ เป็นอาจารย์ประจำชั้นของชั้นมัธยมปลายอยู่หลายปี มีนักเรียนที่เรียนจบไปแล้วมาเยี่ยมอยู่บ่อยๆ แล้วก็ชอบเอาของใช้ไม่ก็ของกินมาให้เสมอๆ แพงขึ้นมาหน่อยก็บุหรี่เหล้าชาแต่เขาก็ไม่ได้รับมาหรอก คืนกลับไปหมด บ้านเขาสองคนเป็นครูอีกคนเป็นหมอ เป็นอาชีพสายความรู้ทั้งนั้น เมื่อคุยกันก็ไม่มีการขัดแย้งใดๆ การเติบโตของลู่อวี่นั้นเกิดจากอิสระที่พ่อแม่ให้มาเต็มที่ แม้แต่ปีนั้นที่ลู่อวี่บอกว่าตัวเองเป็นเกย์แม่ก็ทำหน้าไม่อยากเชื่อ ทีหลังก็มาถามเขาอย่างมีน้ำโห “เป็นเพราะพวกฉันให้อิสระแกมากไปหรือ แกถึงได้เปลี่ยนไป” นั่นเป็นครั้งแรกที่ลู่อวี่ได้เห็นพ่อแม่โมโห พวกเขาสับสนไปหมด ปฏิเสธกับคำพูดของเขา แต่เพราะรู้ความมากอยู่ พบเห็นและได้รับรู้มาก็เยอะ ลู่อวี่ค่อยๆอธิบายกับพวกเขาด้วยเหตุและผล ก็ยังรับฟังกันได้เข้าใจ เวลาผ่านมานานมากแล้วไม่ได้มีอะไรที่รับได้ยากขาดนั้น เขาชอบเพศเดียวกันเรื่องนี้ที่บ้านก็ไม่ได้เสียใจอะไร เพียงแค่บรรยากาศในบ้านย่ำแย่ไปชั่วขณะ แต่ภายหลังก็ค่อยๆกลับมาเป็นปรกติ เขากับหลินหรั่นอยู่ร่วมกันมาห้าปี พอถึงสองปีให้หลัง หลินหรั่นมาบ้านเขาราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ความสัมพันธ์กับพ่อแม่ของเขาก็ไม่ได้แย่อะไร เมื่อทานเสร็จหมอสวีก็ปอกผลไม้รอ วางลงบนโต๊ะน้ำชาพร้อมกับกล่องกล่องหนึ่ง ลู่อวี่เงยหน้ามองแม่ ใช้สายตาถามว่านี่คืออะไร แม่สบตากับแล้วกล่าว “เสี่ยวหลินส่งมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ของขวัญวันเกิดนั่นแหละ ให้เอาให้แก ฉันขี้เกียจจะใส่ใจกับความสัมพันธ์ของพวกแกเหลือเกิน บอกให้เขาเอาให้เอง เขาก็วางแล้วเดินออกไปเลย” ใบหน้าของลู่อวี่เรียบเฉย รับไว้แล้วเปิดออก แค่มองเขาก็ขำ กิจการค้าไม้คงไปได้ดี นาฬิกานี้ภายในประเทศก็ออกมาขายประมาณแปดหมื่น หากขายออกไปก็ได้คืนมาประมาณ หกเจ็ดหมื่น ลู่อวี่ถาม “เขากลับมาแล้วหรือ” “มาถึงบ้านขนาดนี้ก็ต้องกลับมาแล้วแหละ แต่จะกลับไปอีกไหมฉันก็ไม่ได้ถาม ไม่อยากถามมาก น่าอายอยู่นะ” หมอสวีหยิบส้มมาปอกที่มือ แล้วมองมาที่ลู่อวี่ ลู่อวี่พยักหน้า “ไม่ต้องถามเลย” “รู้ว่าแกไม่อยากพูด ฉันจึงส่งของให้แกเฉยๆ ไม่ต้องระวังขนาดนั้น” หมอสวียิ้มน้อยๆ ก่อนจะปอกส้มแล้ววางในมือลู่อวี่ “ผ่านมานานขนาดนี้พวกแกยังไม่บอกอะไรกับฉันเลย พวกแกตอนนี้คืออย่างไรกัน ถามก็ไม่ให้ถาม ตัวเองก็ไม่พูด ทำเหมือนพวกฉันมีเวลาว่างมาฟังอยู่ตลอด” พ่อเองก็มากระซิบถามอยู่อีกด้าน “ใช่ ไม่ได้อยากยุ่งเลย แค่อยากรู้พวกแกโกรธกัน หรือว่าเลิกกันไปแล้ว...” เมื่อวานลู่อวี่ดื่มไปเยอะแถมยังไม่ได้นอนดีๆด้วย ปวดหัวมาทั้งวัน ทานข้าวเสร็จก็อยากพักสักหน่อยแต่ก็ปวดหัวยิ่งกว่า เขาหลับตาอยู่ที่โซฟานั้น นวดขมับไปมา ปีกว่าๆที่เขาไม่เคยคุยกับพ่อแม่เรื่องของเขาและหลินหรั่น ไม่อยากพูด เหตุผลนั้นง่ายมาก รู้สึกเหมือนเสียหน้า ครั้งแรกที่พาหลินหรั่นกลับมาบ้านด้วย มั่นใจมากว่าคนที่รักษาสัญญาอยู่ก็คือเขา และสุดท้ายตอนนี้คนที่ต้องมานั่งตอบคำถามอยู่มันก็ยังเป็นเขา ลู่อวี่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา ปิดมันไว้ตั้งแต่เริ่มจนตอนนี้ เขาถอนหายใจออกมายาวๆ “เขามาถึงที่บ้านทำไมถึงไม่ถามกันนะ...” “ถามแล้ว แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไร” พ่อจิบชา มองเขาแล้วกล่าวต่อเบาๆ “แกไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด... พวกฉันค่อยถามต่อคราวหน้า” “อย่าเลย” ลู่อวี่นวดที่สันจมูกอีกครั้ง ทานส้มเข้าไปซีกหนึ่ง แล้วหันกลับมามองที่พ่อแม่แล้วกล่าว “พวกฉันเลิกกันนานแล้ว” เวลาผ่านมาก็นานแล้ว ความรู้สึกยุ่งยากในคราแรกตอนนี้ก็นึกไม่ออกแล้ว ถึงแม้น้ำเสียงของเขาจะเรียบๆ ฟังดูไม่ได้ใส่ใจอะไรแล้ว ความจริงในใจของผู้ใหญ่ทั้งสองก็มีเตรียมใจ แล้วก็เดาไว้แล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังมองหน้ากัน และไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน “เป็นโชคชะตาที่น่าแค้นเหมือนกัน มันไม่มีทางไปต่อแล้ว ทุกอย่างหายไปกับสายลมแล้ว” ลู่อวี่กล่าวจบก็นึกขำ และทานส้มอีกซีก “ก็แค่นี้ ไม่มีอะไรแล้ว” ละครยังคงเล่นต่อไป ในบ้านเงียบไปพักใหญ่ สุดท้ายก็เป็นหมอสวีที่เปิดปากก่อน “ฉันเคยบอกแล้วเรื่องของแกมันไม่มั่นคงกันเลย เมื่อก่อนพวกแกสองคนก็ดูจะพึ่งพากันดี แต่ตอนนี้ก็กลายเป็นเช่นนี้ แกก็สามสิบแล้วฉันจะไม่พูดอะไรมาก เรื่องของตัวเองคิดเองก็พอ” ลู่อวี่พยักหน้า “รับทราบแล้วแม่” หมอสวีจ้องตาเขา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เรื่องนี้กดดันลู่อวี่มาปีกว่า ไม่เคยอยากบอกกับที่บ้านมาตลอด ตอนนี้ที่บอกไปแล้วก็ไม่คิดว่าจะสบายๆกว่าที่เขาคิดไว้นัก สิ่งที่คล้ายกับเดิมพันอยู่ในใจ ก็ไม่ได้หายไปไหน ลู่อวี่กล่าว “ของของเขาที่มีอยู่ในบ้านก็โยนๆทิ้งไปนะ ไม่ก็พวกแม่นัดเขามาเอาเองเลย แล้วก็นาฬิกานี่ด้วย คุณนายสวีเก็บไว้เองเลยครับ ฉันไม่เอา” เรื่องนี้ลู่อวี่ก็ไม่เสียเวลาคิด เขาเอาไปไม่ได้ แม้แต่หลินหรั่นยังไม่กล้าให้เขาต่อหน้า เพราะในใจรู้ดีว่าลู่อวี่ไม่รับไว้แน่ๆ เรื่องนี้หลินหรั่นก็เคยบอกเขา ว่าชื่อเธอไม่ได้เรียกเฉยๆ แต่บางเวลาเธอก็โหดร้ายจริงๆ ตอนแรกคืนนี้ลู่อวี่จะนอนที่บ้าน แต่ตอนนี้ไม่อยากแล้ว ตอนคุยกับพ่อแม่ไปเรื่อยเปื่อย ก็หาเหตุผลที่จะไปด้วยเช่นกัน แต่ก็มีสายจากโม่เวยฉีเข้ามาพอดี ลู่อวี่รับสายแล้วถามเขา “มีเรื่องอะไร” โม่เวยฉีหวีดเสียงแหลมของเขามาตามสาย “อาจารย์ลู่ออกมาร้องเพลงกัน คืนนี้ฉันอยากดื่ม และต้องดื่มเยอะแน่เธอช่วยไปส่งด้วยสิ” เรื่องนี้ในตอนปรกติลู่อวี่ไม่ไปแน่ แต่วันนี้เขาโคตรอยากออกไปข้างนอก เขาจึงถามสถานที่ไป หลังจากนั้นก็บอกฝันดีพ่อแม่แล้วออกมาเลย ลมค่ำนี้ก็ยังร้อน พัดมาโดนหน้าก็ยิ่งเพิ่มความยุ่งยากใจเข้าไปอีก ลู่อวี่เข้าร้านค้าซื้อหมากฝรั่ง และซื้อน้ำเย็นมาขวดหนึ่ง หลายปีมานี้หมากฝรั่งพัฒนาไปไกลมาก แต่ลู่อวี่ก็ยังชอบดับเบิ้ลมินท์รสดั้งเดิมอยู่ กลิ่นมินท์ที่กระจายไปทั่วปาก และดื่มน้ำเย็นตามเข้าไป แล้วจะรู้สัมผัสของน้ำแข็งในปากได้อย่างทันที เรื่องยุ่งยากในใจหายไปแล้ว ตอนนี้เย็นลงไปเยอะแล้ว พอใจเย็น ทุกอย่างมันก็ดีมากๆ โม่เวยฉีส่งตำแหน่งมาให้ในวีแชทของเขา ลู่อวี่ตอบกลับเขา OK รอปู่ลู่คนนี้ก่อนจ้ะ
已经是最新一章了
加载中