ตอนที่ 5   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 ความจริงตอนที่ลู่อวี่พูดออกไปก็รู้สึกตื่นตระหนกอยู่ แต่เดิมก็ยังคงลืมความรู้สึกสดใหม่จากเขาไม่ได้ ยังคงคิดถึงคนที่นั่งดื่มเหล้าด้วยกันในวันนั้นอยู่ตลอดเวลา เหมาะเจาะกับที่โม่เวยฉีอยากจะสักพอดี เขาถึงได้พูดมันออกไปตรงๆ แต่เมื่อจะต้องติดต่อจริงๆก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา แท้จริงแล้วเขาไม่ได้สนิทอะไรกันเลย เพียงแค่นั่งตรงข้ามกันเพียงไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ไม่แน่ว่าอีกฝ่ายอาจจะลืมกันแล้วก็ได้ “โทรไปเลยปู่ลู่” โม่เวยฉีนั่งไม่ติดแล้ว คอยกระตุ้นให้ลู่อวี่โทรไปนัดท่าเดียว ลู่อวี่หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตหนัง โม่เวยฉีเมื่อเห็นก็ขำขึ้นมาทันที “ร้านนี้ฉันถามแล้ว เป็นร้านที่ถามแรกๆเลย เสี่ยวเต่าก็ทำที่นั่น ฉันเห็นความเท่ห์จากพวกเขาเลยตัดสินใจที่จะสัก” ลู่อวี่จ้องเขาตาโต “เขาสักที่ก้นเหมือนกันหรือ” “ไม่ใช่ ดูนี่ สักที่ก้นบ้านไหนจะเห็นได้กัน” โม่เวยฉีดึงคอเสื้อของตัวเองลงแล้วชี้ลงไป “เขาสักตรงนี้ ไหปลาร้านี่” “ถามแล้วพูดอะไรต่อ” ลู่อวี่ถาม โม่เวยฉีหัวร่อ “คิวของพวกเขายาวมาก ขอนัดฉันอีกสามเดือนให้หลัง บ้านมันสิ รูปแค่ขนาดฝ่ามือให้รอไปสามเดือน ล้อกันเล่นหรือ” ลู่อวี่ไม่ได้สนเขาอีก เพราะได้กดโทรออกแล้ว เสียงดัง “ตู๊ดตู๊ด” ผ่านไปสักครู่ก็มีคนรับสาย ถาม “ใครครับ” แผนที่ลู่อวี่ใช้เปิดต่างล่มไม่เป็นท่า เพราะว่าเสียงที่ได้ยินนี้ยังดูเด็กอยู่มาก เสียงที่เขาได้ยินคืนนั้นไม่ใช่แบบนี้ ปลายสายเหมือนกับเริ่มรำคาญที่เขาไม่ตอบแต่ก็ถามมาอีกครั้ง “ใครครับ” “ไม่ใช่เบอร์กู้เฟิงหรือ” ลู่อวี่มอหน้าจอ กับเบอร์ที่อยู่บนนามบัตร ก็ไม่ได้ผิดอะไร ฝั่งนั้นตอบกลับ “ใช่แล้ว คุณโทรหาใครล่ะครับ เขาติดธุระอยู่ มีเรื่องอะไรคุณพูดมาเลย เดี๋ยวผมจะบอกเขาแทนคุณเอง” ตอนนี้ลู่อวี่รู้สึกอายมากจริงๆ ความสัมพันธ์ของคนสองคนระหว่างเขากับกู้เฟิงคงยังไม่สามารถโทรหาโดยตรงได้ขนาดนี้ หากจะฝากคนบอกต่อนั่นก็น่าเกลียดไป ตอนที่เขากำลังจะบอกว่าไม่ต้องแล้ว อีกฝ่ายก็เร่งขึ้นมา “พี่ชายเร็วๆหน่อย ประหยัดเวลานิดหนึ่ง ผมก็ยุ่งนะครับ คุณจะสัก หรือว่าเป็นเรื่องส่วนตัว หากต้องการจะสักทางเราก็...” เหมือนว่าปลายสายมีใครพูดแทรกเขาขึ้นมา ลู่อวี่ได้ยินเขาพูดว่า “หะ ไม่รู้จัก ไม่มีเลขคิวด้วย” “คุณอยากสักใช่ไหม” เขาถาม ลู่อวี่ส่งเสียง “อืม” “สักตัวล่ะ พี่ใหญ่” เขาตะโกนอยู่ปลายสาย แล้วมากล่าวกับลู่อวี่ “หากคุณอยากสักร่างกายก็มาที่ร้านแล้วเพิ่มเพื่อนวีแชทผมเหอะ หรือว่ารู้จักเจ้าของร้านอยู่แล้ว คุณรู้จักกู้เฟิงไหม” คนที่คุยอยู่ด้วยน่าจะยังเด็กอยู่ ฟังแล้วน่าจะยี่สิบต้นๆ ลู่อวี่ทำให้ปากเขาเริ่มพูดรัวเหมือนปืนกล อยากจะขำขึ้นมาทันที โม่เวยฉีที่อยู่ข้างๆก็ขำขึ้นมาเช่นกัน ลู่อวี่กล่าว “คิดว่ารู้จักนะ” “รู้จักก็บอกว่ารู้จักสิ ไม่รู้จักก็วางไป คิดว่าน่าจะรู้จักคือเรื่องบ้าอะไรกันเล่า” ปากของน้องชายทางปลายสายรัวมากจริงๆ พูดได้เร็วมากๆ “ถ้าคุณรู้จักพี่ใหญ่ผมคุณก็ทักวีแชทเขาไปคุยตรงๆเลย หากไม่มีก็รอสักครู่เดี๋ยวผมจะส่งไอดีวีแชทไปให้ ถ้าคุณอยากจะนัดก็เพิ่มผม เพิ่มแล้วก็คุยเรื่องสักนะเรื่องไร้สาระไม่ต้อง” โม่เวยฉียังคงหัวเราะอยู่ข้างๆ ลู่อวี่จึงเตะเข้าไปทีหนึ่ง แล้วกล่าวกับปลายสาย “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าจะนับว่ารู้จักกันได้ไหม ไม่อย่างนั้นเธอก็ไปถามเขาสิ ฉันชื่อลู่อวี่ ถ้าเขารู้สึกว่ารู้จักฉันก็จะสัก แต่ถ้าเขาไม่รู้จักก็ช่างมัน” เสียงอีกฝ่ายตะโกนดังจากปลายสาย “พี่ใหญ่ ลู่อวี่พี่รู้จักไหม รู้จักก็จะสัก ไม่รู้จากก็ช่างมันนะ” ฝั่งนั้นพูดว่าอะไรลู่อวี่ก็ไม่ได้ยินเหมือนกัน ได้ยินแค่คนปลายสายบอกว่า “รอสักครู่” ในมือถือก็ไม่มีเสียงอะไรอีก ผ่านไปครึ่งนาทีได้ ปลายสายก็มีเสียงแหบๆที่เขาเคยได้ยินมาก่อน “สวัสดีตอนเที่ยง” ตาของโม่เวยฉีเป็นประกาย ลู่อวี่กระแอมไปอยู่ในลำคอ แล้วกล่าว “สวัสดีตอนเที่ยง กำลังยุ่งอยู่หรือ ขอโทษนะ”   “ไม่” เสียงของคนที่อยู่ปลายสายนั้นน่าฟังมาก “เธออยากสักหรือ” “ไม่ใช่ฉัน เพื่อนฉันน่ะ” ลู่อวี่กล่าว “สักตรงไหน ขนาดเท่าไหร่” ปัญหานี้ทำให้ลู่อวี่ยากที่จะเอ่ยปาก เขาชี้ไปที่โม่เวยฉี แล้วบอกกับปลายสายเอง “แนวตั้งและแนวนอนมากกว่าสิบเซนติเมตร สักที่...น่องขา” กู้เฟิงเงียบไปหลายวิ น้ำเสียงที่ตอบกลับมาอีกครั้งนั้นดูขำขันอยู่ในที “อือ” พวกเขานัดกันทางมือถือแล้วว่าเป็นวันหยุดหน้า กู้เฟิงให้เขาเพิ่มวีแชทของอินเสี่ยวเป่ย ให้บอกกับเขาว่าต้องการรูปแบบไหน ลู่อวี่จึงให้โม่เวยฉีเพิ่มวีแชทของเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง เมื่อเพิ่มไปแล้วถึงได้รู้ว่ากิจการของพวกเขานั้นเป็นที่โด่งดังมาก ในโมเม้นนั้นเหมือนจะลงรูปใหม่ในทุกๆวัน เป็นรูปใหม่จากห้องทำงานทั้งหมด ลู่อวี่กวาดสายตาไปมา ทุกรูปเท่ห์มาก ความจริงลู่อวี่ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องการสักเท่าไหร่ ในความคิดของเขาการสักคือรูปหางมังกรไม่ก็หัวหมาป่าสีดำจางๆ แต่รูปของพวกเขานั้นสวยมากๆ ไม่เหมือนกับการสักที่เขาคิดไว้เลย “รู้สึกว่าการไปเพื่อสักหัวหมาดูจะเป็นการสิ้นเปลืองน่าดู คนระดับนี้มาวาดหมาให้ฉัน ฮือ” โม่เวยฉีตอนที่กล่าวมานั้นรู้สึกถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ เหลือบตามองลู่อวี่ พิจารณาความสัมพันธ์ของเขากับคนที่เพิ่งโทรหาไป “อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปแล้ว” ลู่อวี่กล่าว “ไม่ได้ นัดเป็นนัด” โม่เวยฉีถอนสายตากลับไป และดูโพสต์บนโมเม้นของอินเสี่ยวเป่ย “ฉันคาดเดาได้เลยว่าถ้าทำเสร็จจะไม่มีการโพสต์รูปของฉันแน่นอน เพราะมันคงน่าเกลียดไป” ลู่อวี่ขี้เกียจจะสนใจเขาแล้ว จึงปล่อยเขาพูดอยู่คนเดียวตรงโซฟาไป วันหยุดผ่านไปแล้ว ลู่อวี่ก็กลับเข้าร่างอาจารย์ที่จืดชืดอีกครั้ง วันพุธตอนบ่ายนี้เขามีสอน โรงเรียนอื่นเวลานี้ยังไม่เปิดกัน แต่โรงเรียนเขาเริ่มไปแล้วสองสัปดาห์ นักเรียนต่างบ่นกันระนาว ดังนั้นจึงไม่มีแรงที่จะร่ำเรียนเลย ดูไม่สมัครใจสักนิด ไม่ได้โทษนักเรียนเลย อากาศอบอ้าวขนาดนี้ แม้แต่ลู่อวี่ที่เพิ่งออกจากออฟฟิศมาก็ร้อนแทบตาย คาบแรกหลังพักเที่ยงคือเรื่องที่ลำบากที่สุด แต่ตารางเรียนออกมาเช่นนี้แล้ว เขาประจำวิชาเสรีเพื่อเป็นทางเลือกแก่คนที่หนีวิชาภาคบังคับมา ดังนั้นจึงไม่สามารถเลือกช่วงเวลาเช้ามาได้เลย “หลับกันหมดเลย ความจริงฉันก็ง่วงน้า แต่ก็ต้องเข้าสอนเนี่ย” ลู่อวี่จัดการโน๊ตบุ๊คเสร็จแล้ว แต่ภาพตรงหน้าก็ยังคงก้มหัวหลับกันหมด รู้สึกจนใจ“พวกเธอทำให้ฉันเริ่มง่วงแล้วเนี่ย” “มาเคาะโต๊ะเคาะเก้าอี้ด้วยกันมา เคาะให้ตื่นมาเรียน ถ้าพังก็โทษฉันเลย” ลู่อวี่เปิดเพลงในโน้ตบุ๊ค เพลงเฮฟวีเมทัลดังไปทั่วห้อง คนที่หลับอยู่ต่างสะดุ้งตื่นกันหมด หัวหน้าห้องเป็นผู้ชายที่ชอบหยอกล้อ นั่งอยู่ที่นั่งตัวแรกนั้นก็ถูกปลุกข้าเช่นกัน เขายันตัวนั่งพิงเก้าอี้ ตายังเปิดไม่เต็มที่ มองที่ลู่อวี่แล้วกล่าว “สุดหล่อลู่ครับอย่าแกล้งกันเลย หัวจะระเบิดแล้ว” “ระเบิดยัง ระเบิดได้จะดีมากเลย อย่ามาแอบหลับในคาบฉันนะ หากผู้อำนวยการมาจะว่าฉันสอนไม่ได้เรื่องเอานะ” คนที่หลับไปตื่นขึ้นมาเกินครึ่งแล้ว ลู่อวี่จึงลดเสียงลง “มา ฟังเพลงจบก็มาเริ่มเรียนกัน” “ครูสอนดีที่สุดเลยครับ เปลี่ยนเป็นครูคนอื่นก็ไม่มีเพลงร๊อคสิครับ นี่ยังดังอยู่ในหูผมอยู่เลย” หัวหน้าห้องยืนขึ้น หันหลังไปตบมือดังๆ แล้วตะโกนเสียงดัง “ร่าเริงหน่อย มีแรงกันแล้วแหละ หลับกันไปคนละรอบแล้วนี่” ลู่อวี่จ้องมองเขา เขารีบส่งยิ้มกลับมาให้ลู่อวี่ “สุดหล่อลู่จะเอาใบเช็คชื่อไหมครับ” “ใบเช็คชื่อไม่จำเป็นหรอก ไม่ได้มีเรื่องอะไรขนาดนั้น แต่ถ้ามีเรื่องอะไรก็หาหัวหน้าห้องเอาแล้วกัน” ลู่อวี่กวาดมองเขา ก่อนจะปิดเพลงแล้วเริ่มทำการสอน ความจริงนักศึกษานั้นใส่ใจกับคาบเรียนของเขามาก ตลอดที่สอนลู่อวี่ไม่ได้หน้าตึงตลอด บางคราก็หยอกล้อขำขันกันบ้าง ครูแบบนี้มักเป็นที่ชอบของนักศึกษา โดยเฉพาะลู่อวี่ยังอ่อนวัยอยู่ ช่องว่างจึงแคบลง นักศึกษาจึงกล้าที่จะคุยเล่นกับเขา เพราะอาจารย์ลู่ไม่ได้เคร่งนัก คนที่เป็นอาจารย์โดยที่อายุยังน้อยแบบลู่อวี่นั้นมีน้อยมาก โดยปรกติพวกเขาที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาชั้นปริญญาเอกก็ไม่ได้มีคาบสอนกันทั้งนั้น แม้แต่ลู่อวี่ตอนนี้ในหนึ่งอาทิตย์ก็เหลือคาบไม่มากแล้ว เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับการทดลอง ทำบทเรียน ตามโครงงานไปเรื่อยๆ เขาถือว่าเริ่มสอนเร็วมาก ว่างเพียงหนึ่งปีเท่านั้นหัวหน้าก็มอบหน้าที่สอนให้ทันที ถึงแม้จะเป็นแค่วิชาเสรี แต่ก็ไม่เลว ค่าแรงที่แต่เดิมมีน้อยก็ได้เพิ่มมาสองพันกว่าๆอีกด้วย ลู่อวี่หมดคาบสอนแล้ว เดินจากทางเดินที่อบอ้าวเข้าไปออฟฟิศหนึ่งเดียวที่มีเครื่องปรับอากาศอยู่ ขณะนั้นรู้สึกว่ารู้ขุมขนทั่วร่างกายได้เปิดออกหมด เขานั่งที่โต๊ะของตัวเองเงยหน้าแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ “อาจารย์ลู่สอนเสร็จแล้วหรือคะ” ในออฟฟิศยังเหลือครูอีกสองสามคน คนอื่นถ้าไม่มีสอน ก็คงขอตัวกลับบ้านไปก่อนแล้ว โต๊ะทำงานของเสี่ยวเหลียงนั้นติดกับลู่อวี่ พวกเขาเข้าโรงเรียนมาปีเดียวกัน ความสัมพันธ์เองก็ไม่ได้แย่ “ครับ หากสอนต่อต้องได้ขาดน้ำตายแน่” ลู่อวี่กล่าวด้วยรอยยิ้มข่มขื่น “โรงเรียนพวกเราวางแผนเรื่องเครื่องปรับอากาศมาทุกปี ปีนี้ผ่านไปแล้ว ก็รอดูปีหน้ากัน” เสี่ยวเหลียงให้น้ำแก้วหนึ่งกับลู่อวี่ โดยวางไว้บนโต๊ะของเขา “ขอบคุณครับ” ลู่อวี่ดื่มไปครึ่งแก้วแล้วกล่าว “เครื่องปรับอากาศคงน่าจะหมดหวังไปแล้วครับ เข้าโรงเรียนมาไม่กี่วันก็อาจจะดีขึ้น” เสี่ยวเหลียงยิ้มน้อยๆ ตอนนี้เธอยังไม่รับผิดชอบการสอนใดๆ เพราะยังไม่มีความสามารถในเรื่องนี้ขนาดนั้น ลู่อวี่เหลือเวลาอีกสองชั่วโมงที่จะเลิกงาน ใช้เวลาที่เหลือในการเตรียมเอกสารสำหรับการสอนพรุ่งนี้ เพิ่งทำPPTไปได้ไม่มากเท่าไหร่ มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะก็ดังขึ้นมา ตอนทำงานลู่อวี่ชอบทำทีเดียวจนเสร็จ ไม่เคยละความสนใจมาให้เรื่องอื่นก่อน ดังนั้นเขาจึงเพียงกวาดตามองเท่านั้น เห็นตัวเลขและข้อความที่อยู่บนหน้าจอก็ชะงักนิ่งไป แต่ก็แค่ชะงักเท่านั้น จนกระทั่งเขาทำงานเสร็จ ถึงได้หยิบมือถือขึ้นมาดูข้อความนั้น ได้ใจความว่า แค่ของขวัญชิ้นเดียวก็ไม่ได้หรือ ลู่อวี่ตอบกลับเขา ขอบใจ แต่ไม่จำเป็น เบอร์นี้เขาคุ้ยเคยเป็นอย่างดี หลินหรั่นใช้เพียงเบอร์เดียวมาโดยตลอด ไม่เคยเปลี่ยน แต่หลังจากที่เลิกกันลู่อวี่ก็ลบออกจากรายชื่อผู้ติดต่อแล้ว แต่ก็เบอร์ของเขาก็ใช้ว่าจะจำไม่ได้ คาดว่าแม่น่าจะติดต่อหลินหรั่นแล้ว ให้เขามาเอานาฬิกาและของอย่างอื่นกลับไป “เลิกงานแล้วค่ะอาจารย์ลู่” เสี่ยวเหลียงบอกกับเขา “ครับ ไปก่อนเลย ผมบันทึกเอกสารก่อน” ลู่อวี่กล่าว ในออฟฟิศมีแค่เขาที่ยังอยู่ ลู่อวี่เองก็ไม่ได้มีเวลามานั่งคิดเรื่องในอดีตมากขนาดนั้น เมื่อเที่ยงเขาร้อนมากจนไม่อยากทานอะไร ตอนนี้จึงเริ่มหิวจริงๆขึ้นมาแล้ว รีบเก็บของเพื่อจะไปทานข้าวทันที แฟรชไดร์อยู่ในกระเป๋าเสื้อแล้ว ปิดโน๊ตบุ๊คลง ลู่อวี่ยืนขึ้นเตรียมล็อกประตูเพื่อออกไปข้างนอก ทันใดนั้นมือถือที่อยู่ในนกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้นมา เขามองมันใบหน้านิ่วลง เป็นหลินหรั่นนั่นเอง ลู่อวี่ตัดสายไม่รับ และไม่ลังเลที่จะบล็อกเบอร์นั้นในทันที
已经是最新一章了
加载中