ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
ความรักครั้งใหม่ของลู่อวี่นั้นเป็นไปอย่างช้าๆ เขาคาดเดาไว้แล้วว่าจะต้องผ่านช่วงเวลานี้ไปอีกนาน แต่อาจารย์ลู่นั้นก็ไม่ได้กลัว เรื่องนี้ยิ่งสู้ก็จะยิ่งกล้ามากขึ้น
วันอาทิตย์ก่อนไปร้านเขาไม่ได้ทักหากู้เฟิง แต่เขาก็ไปพร้อมกับโม่เวยฉี มันสมเหตุสมผลดี ตอนที่ไปถึงไม่มีใครอยู่ที่ส่วนรับรอง หญิงสาวครั้งที่แล้วไม่ได้อยู่ ข้างหลังก็มีเพียงอินเสี่ยวเป่ยที่กำลังเล่นเกมอยู่RPGกับเพื่อนอยู่
“ดู ข้างหลังฉันมีคน สามสิบห้าองศาๆ มาเร็วๆ”
“บัดซบ หน้าโง่เอ๊ย เมื่อกี้ฉันกลัวแทบตาย”
“หุบปากเถอะ ตั้งสติไว้”
โม่เวยฉีเดินเข้าไป อินเสี่ยวเป่ยที่สวมเฮดโฟนอยู่จึงไม่ได้ยินเสียงฝีเท้า โม่เวยฉีใช้มุมมือถือจี้เข้าที่หัวของเขา แล้วกล่าวเสียงต่ำ “นี่คือการปล้น อย่าหันหลังมา”
“ปล้นบ้านเอ็งสิ” อินเสี่ยวเป่ยไม่ได้จริงจังกับเรื่องไร้สาระนี่ ดึงเฮดโฟนลง เมื่อเห็นโม่เวยฉีกับลู่อวี่ ก็กล่าวทักทาย “มาแล้วหรือ”
“อือ เล่นก่อนเถอะ ไม่รีบ” โม่เวยฉีกล่าว
“อย่างนั้นคุณสองคนนั่งรอตรงนั้นก่อน เดี๋ยวผมก็จบแล้ว วันนี้สาวน้อยของร้านไม่อยู่ รอสักครู่เดี๋ยวชงกาแฟมาให้พวกคุณเอง” อินเสี่ยวเป่ยกล่าวจบก็หันไปเล่นเกมต่อ ลู่อวี่หันมองรอบก็ไม่เห็นกู้เฟิง
เขาเข้าไปถามอินเสี่ยวเป่ยบ้าง “กู้เฟิงไม่อยู่หรือ”
อินเสี่ยวเป่ยอาศัยจังหวะว่างเงยหน้ามามองเขา แล้วพยักหน้า ไปข้างบนแล้วกล่าว “ข้างบนมีหลายห้อง คุณขึ้นไปแล้วตะโกนเรียกเอาเลยเขาอยู่ห้องไหนสักห้องนั่นแหละ”
เขาพูดรัวมาก แต่ลู่อวี่ก็ยังได้ยินชัดเจน เขาตบไหล่ของอินเสี่ยวเป่ยแล้วกล่าว “ขอบใจ เล่นไปเถอะ”
ลู่อวี่จึงเหยียบบันไดปูนขึ้นไปยังชั้นสอง รูปแบบของตรงนี้เป็นปูนและหินทั้งหมด ดูแล้วเหมือนกับยุคดั้งเดิม การตกแต่งบนผนังและอุปกรณ์บนชั้นวางทำให้ดูน่าขนลุก แต่มันดูเท่ห์มาก
ชั้นบนคือห้องสักขนาดใหญ่ เก้าอี้ต่างวางไปทั่ว เครื่องสักก็เยอะกว่าชั้นล่างมากๆ ชั้นวางมีสีเต็มไปหมด
มีห้องเล็กอีกมาก ลู่อวี่ไม่จำเป็นที่จะต้องตะโกน เพราะห้องนั้นไม่ได้ปิดประตู เขาเจอกู้เฟิงแล้ว
นั่นคือห้องวาดรูป บนพื้นนั้นมีขาตั้งวางอยู่ บนผนังก็แขวนรูปไว้มากมาย บนโต๊ะมีอุปกรณ์วาดรูปวางไว้อยู่ วางไว้เป็นระเบียบมาก
กู้เฟิงนั่งขัดสมาธิหลังพิงกำแพงอยู่ที่พื้น กระดานวาดรูปวางอยู่ที่ขา ก้มหัวลงไปจนทำให้หลังของเขาโค้งลง กล้ามเนื้อโผล่มาให้เห็น ร่างกายของคนคนนี้ดูมีพลังมาก ลู่อวี่ชอบมากๆ
เขาได้ยินเสียงเท้าจึงหันกลับมา เมื่อได้เจอลู่อวี่เขาดูประหลาดไปครู่หนึ่ง
ลู่อวี่เลิกคิ้ว “สวัสดีตอนเที่ยงหัวหน้ากู้”
“ดี” กู้เฟิงทักทายกลับมา ปากของเขายังคาบดินสอไว้อยู่ จังหวะนั้นก็เอามันลงมา และวางมือลงจากภาพด้วยเช่นกัน มือยันกับพื้นแล้วลุกขึ้นยืน
“เธอวาดต่อสิ ไม่ต้องสนฉันหรอก” ลู่อวี่ยืนที่ประตูไม่ได้เข้าไป สายตาหยุดไปที่รูปวาดแต่ละรูปๆ ความจริงแล้วไม่เข้าใจหรอกว่าคือรูปอะไร แต่ให้ความรู้สึกที่สั่นสะท้านดี พลังจากภาพนั้นสะท้อนออกมาจนรับรู้ได้ ส่วนใหญ่คือการวาดลายเส้นแบบจีน ภาพวาดหมึกดำที่มีสีบ้างประปราย เพื่อลดความรุนแรงของรูปวาดลง นอกจากนี้ยังมีรูปสีน้ำมันกับสีน้ำ และยังมีภาพร่างและการวาดจากดินสอด้วย แต่ก็มีไม่มาก
“เธอวาดหมดเลยหรือ” ลู่อวี่ถามเขา
กู้เฟิงกล่าว “ก็เยอะอยู่ แต่ก็มีของคนอื่นด้วย”
“ตัวอักษรนี้เธอก็เขียนหรือ” ลู่อวี่ชี้ไปที่ตัวอักษรสองคำบนกำแพง ความจริงกู้เฟิงไม่บอกก็พอเดาได้ว่าเป็นลายมือเขา ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้รู้สึกว่าเป็นลายมือเขา สัมผัสได้ถึงความดิบเถื่อน ช่างเหมือนกับเขา
กู้เฟิงพยักหน้า “อือ ลองเขียนดู”
ลู่อวี่มองรูปวาดทั่วห้อง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าตัวตนของกู้เฟิงกับภาพในใจของเขานั้นไม่เหมือนกันเลย หากให้บอกว่าแตกต่างอย่างไรก็บอกไม่ได้เช่นกัน แต่ก็มีความแตกต่างไปนิดหนึ่ง สายตาของเขาจ้องมองภาพที่กู้เฟิงเพิ่งวาดเสร็จ เขาใช้ดินสอวาดลิงตัวหนึ่ง ดวงตาคม ฟันแหลม อยู่ในท่วงท่าหมอบตัว มองไปแล้วเหมือนเป็นลิงดุร้ายตัวหนึ่งที่ทำท่าจะกระโดดออกมาจากกระดาษ
“ดูดีมาก” สายตาของลู่อวี่หยุดมองที่รูปวาดนั้น จนกระทั่งกู้เฟิงเดินไปเอารูปนั้นลงมา
กู้เฟิงใช้มือถือถ่ายรูปนั้น ก่อนจะม้วนรูปแล้วส่งให้ลู่อวี่ “ให้เธอ”
ลู่อวี่ชะงักไป “ง่ายๆอย่างนี้เลยหรือ”
“อือ รูปที่คนอื่นสั่งทำ เธอลองดู”
“สักเสร็จก็จะเป็นแบบนี้หรือ” ลู่อวี่กางภาพแล้วจ้องมองอย่างตั้งใจ มองภาพแล้วยิ่งรู้สึกว่ากู้เฟิงที่จริงจังนั้นโคตรเท่ห์
“แน่นอนว่าไม่ ไม่เหมือน” กู้เฟิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่ “นี่ยังไม่ได้ลงสี เพียงแค่ร่างง่ายๆ และผิวเนื้อกับผิวกระดาษก็ต่างกันมาก เป็นความรู้สึกสองแบบ”
“อือ ผลลัพธ์ย่อมดีกว่าตอนนี้หรือ” ลู่อวี่ถาม
กู้เฟิงพยักหน้า “ใช่”
“เท่ห์จัง” ลู่อวี่มองกู้เฟิง ยกนิ้วโป้งให้หนึ่งที “เท่ห์”
กู้เฟิงยิ้มเล็กน้อย แล้วถามเขา “ทำสักอันไหม”
“ไม่ไหว” ลู่อวี่ส่ายหน้า “กลัวเจ็บ”
กู้เฟิงพยักหน้าแล้วกล่าว “ฉันเองก็กลัว”
ตรงกลางคือห้องสัก ส่วนด้านนี้คือห้องนอนและห้องวาดรูปอย่างง่ายๆ กู้เฟิงกำลังเก็บอุปกรณ์วาดรูป ลู่อวี่ไม่ได้ออกไปไหน ยังคงพิงกับประตูอยู่ คนสองคนอยู่ด้วยกันโดยที่คุยบ้างประปราย ทั้งสองคนไม่ใช่คนชอบพูด แต่บรรยากาศก็ถือว่าดี ไม่ได้เยือกเย็นอะไร
เมื่อคุยเสร็จลู่อวี่ถึงได้รู้ว่าแต่เดิมร้านนี้ไม่ได้มีช่างสักแค่สองคน แต่มีอีกห้าคน แต่ไม่ได้ประจำทุกวัน ที่อยู่บ่อยๆก็คืออินเสี่ยวเป่ย อินเสี่ยวเป่ยเป็นลูกศิษย์ของกู้เฟิง และเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียว อยู่กับเขามานานแล้ว
กู้เฟิงให้นมหนึ่งกล่องแก่ลู่อวี่ เจาะหลอดแล้วส่งมาให้เขา ลู่อวี่รับมา จังหวะนั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีเหมือนกัน เป็นกู้เฟิงที่เริ่มถามเขาก่อน “มาได้อย่างไร”
“เพื่อนฉันมาลงสีเพิ่ม ฉันเลยมากับเขา” ลู่อวี่มองกู้เฟิง คิดไปคิดมาจึงกล่าวเพิ่มไปอีก “ที่จริงบอกเธอไปแล้วว่าจะจีบ ถ้าไม่ทำอะไรเลยจะพัฒนาได้อย่างไรกัน”
กู้เฟิงอดไม่ไหวจึงหัวเราะออกมา “ไม่โวยวายหน่าอาจารย์”
“ไม่ได้โวยวายนะ” ท่าทางของลู่อวี่ดูจริงจัง แล้วถามกู้เฟิง “ฉันส่งข้อความมาทำไมเธอไม่ตอบ”
กู้เฟิงกล่าว “ไม่เห็น”
“จะโกหกกันหรือหัวหน้ากู้”
“ไม่ได้โกหก ฉันไม่อ่านข้อความ ไม่อ่านจนแจ้งเตือนก็ไม่สนเลย” กู้เฟิงเปิดหน้าจอมือถือ กดลงไปบนหน้าจอไม่กี่ครั้ง แล้วก็ถามลู่อวี่ “เธอเป็นอะไร”
“ไม่เห็นจริงๆหรือ” ลู่อวี่รู้สึกไม่อยากเชื่อ
“ไม่จำเป็นจะต้องโกหกเธอเลย” กู้เฟิงกล่าวอย่างหนักแน่น
ลู่อวี่มองเขาอย่างสงสัย “แล้วถ้าเธอเห็นแล้ว จะตอบมันไหม”
กู้เฟิงกล่าว “ไม่รู้”
ลู่อวี่คิดว่าเขาเห็นแล้วแต่ไม่รู้จะตอบอย่างไร ไม่ก็เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย สามสิบแล้ว ไม่ใช่เด็กอายุสิบเจ็บสิบแปดที่ต้องมานั่งหยุมหยิมกับเรื่องเล็กแบบนี้ทั้งวัน ลู่อวี่กล่าว “หัวหน้ากู้เพิ่มวีแชทกันเถอะ”
กู้เฟิงไม่ได้ปฏิเสธ ยังคงส่งมือถือให้เขาทำเองแบบเดิม ในใจลู่อวี่เห็นที่เขาส่งมือถือมาให้ง่ายๆอย่างนี้ก็รู้ว่าเขาโสดจริงๆ ในมือถือคงไม่มีอะไรที่เขาจะต้องกลัวว่าจะเห็นเลย
ภายหลังลู่อวี่ไม่ได้นั่งต่อแล้วเดินจากไป โม่เวยฉีลงสีไวมาก ตอนที่ลู่อวี่ลงมาเขาก็ยืนโน้มตัวอยู่ข้างๆอินเสี่ยวเป่ย ตอนนี้ทั้งสองคนนั้นกำลังเล่นเกมกันอยู่
ลู่อวี่โบกมือให้เขา “ไปได้แล้ว”
“เร็วขนาดนี้เลย” ใบหน้าของโม่เวยฉีตื่นตะลึง “ฉันคิดว่าจะต้องรอสักสองสามชั่วโมง เธอสองคนใครกันที่ทนไม่ไหวก่อนเนี่ย”
ลู่อวี่นิ่งคิดไปถึงได้รู้ว่าโม่เวยฉีพูดบ้าอะไรออกมา ลู่อวี่จึงเตะเข้าไปที ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร อินเสี่ยวเป่ยก็พูดขึ้นมาก่อน “แน่นอนว่าต้องไม่ใช่พี่ใหญ่ของผม”
“เธอก็หุบปากไป” แต่ในใจของลู่อวี่ก็อยากมีโอกาสที่ทนไม่ไหวเหมือนกัน แต่จากการใคร่ครวญผ่านสายตาแล้วระยะห่างเช่นนี้กับเรื่องทนไม่ทนยังคงห่างไกลกันอีกเยอะ
กู้เฟิงอยู่ข้างหลังตลอด ได้ยินคำพูดของหัวเขาก็ไม่ได้กล่าวอะไร แต่ลู่อวี่กลับอยู่ไม่สุขแทน เขาหันกลับไปหากู้เฟิงแล้วกล่าว “ไปแล้วนะ”
“อือ” กู้เฟิงตอบกับมาเพียงคำ
ลู่อวี่ไม่สนว่าโม่เวยฉีจะเล่นเสร็จหรือไม่ รีบลากเสื้อเขาแล้วเดินจากไปทันที วันนี้ถือว่าได้อะไรกลับมาเยอะอยู่ รูปหนึ่งรูป แล้วก็ได้เพิ่มวีแชทด้วย
วันนั้นลู่อวี่ลงรูปที่กู้เฟิงให้มาในโมเม้น ข้างล่างนั้นมีคนถามเขามากมายว่ารูปของใคร ลู่อวี่ไม่ตอบ
เพราะไม่รู้เหมือนกันว่าจะอธิบายกู้เฟิงอย่างไร บอกว่าเป็นเพื่อนก็กว้างไป บอกว่าเป็นคนรู้จักก็ไม่ค่อยเหมาะ เขาหากรอบรูปมาใส่รูปแล้ววางไว้ที่หัวเตียง อยากเห็นทั้งตอนตื่นและก่อนนอนในทุกวัน แต่ผ่านไปไม่กี่วันก็เอาลง ลิงนี่มันน่ากลัวเกินไป บางครั้งที่ไม่ได้ตั้งใจมองก็มีสะดุ้งตกใจเหมือนกัน
ลู่อวี่ส่งวีแชทไปถามกู้เฟิง หัวหน้ากู้ ขอรูปอื่นอีกได้ไหม
ครั้งนี้กู้เฟิงตอบกลับมา เพียงคำง่ายๆ ได้
ลู่อวี่ยิ้ม แล้วส่งต่อ ฉันอยากได้แค่รูปของเธอ ได้ไหมหัวหน้ากู้
กู้เฟิงตอบกลับ อือ
ลู่อวี่คว่ำมือถือลง ในใจรู้สึกอบอุ่น กู้เฟิงคนนี้มองดูเป็นคนเย็นชา แต่ยิ่งเข้าใกล้ก็ยิ่งเห็นว่าเขาเป็นคนที่สบายๆมาก เขาไม่ชอบพูด แต่ก็ไม่เคยทำให้เสียบรรยากาศ ไม่เคยมีระยะห่างกับเขา ลู่อวี่บอกตลอดว่าเขานั้นเย็นชา แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความรู้สึก น่าจะเป็นคนสบายๆมากกว่า เหมือนกับว่าไม่ใส่ใจอะไรให้มากความ
ภายหลังลู่อวี่ไปเอารูปจริงๆ วันหยุดในเช้าแรกก็ไปทันที ตอนที่เขาไปถึงร้านยังไม่เปิด เป็นหญิงสาวที่เคยเจอคนนั้นที่มาถึงก่อน เมื่อเห็นเขาก็โบกมือทักทายทันที บอกว่าอรุณสวัสดิ์
ลู่อวี่กล่าว “ฉันมาหากู้เฟิงน่ะ”
“แต่ว่าเช้านี้เขาไม่น่าจะเข้านะคะ ลูกค้ามาช่วงบ่ายกัน เขาไม่น่าจะมาเร็ว คุณมีเรื่องอะไรกับเขาหรือคะ ไม่อย่างนั้นฉันโทรหาเขาให้” หญิงสาวเสิร์ฟน้ำให้เขาแก้วหนึ่ง หยิบมือถือขึ้นมาทำท่าจะโทรออก
ลู่อวี่รีบขัดเธอ “ไม่ต้อง ฉันไม่ได้มีเรื่องอะไร รอเขามาได้”
“ได้ค่ะ คุณจะนั่งตรงนี้หรือไปข้างในก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันหานิตยสารมาให้”
วันนั้นลู่อวี่รอกู้เฟิงอยู่ที่ร้านไปหลายชั่วโมงจริงๆ เขามาตอนเก้าโมง กู้เฟิงมาถึงตอนบ่ายสอง ลู่อวี่นั่งมองหญิงสาวทำเล็บให้คนอื่นอยู่ตรงข้างหน้าร้านตลอด ทำได้สวยมาก มีความสุขแม้จะไม่ได้รับเงิน
ลู่อวี่ถามเธอว่าทำไมไม่เอาเงิน หญิงสาวบอกว่าแค่ฝึกทำเท่านั้น ไม่ได้อยากได้เงินเลย แล้วบอกว่านี่คือร้านสักของลูกพี่ มีชื่อเสียงมาก หากทำเล็บเพื่อเอาเงินนั่นคงเป็นการเอาเปรียบลูกพี่
ลู่อวี่ถามเธอ “ลูกพี่นี่คือกู้เฟิงหรือ”
“ใช่แล้ว”
“พวกเธอทำไมเรียกเขาแบบนั้นล่ะ” ลู่อวี่กล่าวอย่างขำๆ “มันแปลกออก”
หญิงสาวเองก็หัวเราะ “ลองเรียกตามอินเสี่ยวเป่ยน่ะ ทีหลังก็ชินไปเลย เขาเท่ห์มาก หัวหน้า ครู พี่กู้ เรียกพวกนี้แล้วดูไม่เหมาะเลย”
ลู่อวี่ส่งเสียงแค่ “อือ”
หญิงสาวเก็บอุปกรณ์ทำเล็บลง เก็บไว้ในกล่องแล้ววางลงใต้เคาน์เตอร์ ถามลู่อวี่อย่างขำๆ “คุณไม่รู้สึกว่าเขาดูกว้างใหญ่ราวกับทะเลสาบบ้างหรือ”
ลู่อวี่พยักหน้า “ใช่”
ภายหลังก็มีมาอีกสองคน เป็นช่างสักเช่นกัน ต่างนัดกับลูกค้าไว้แล้ว คนหนึ่งดูเงียบๆอีกคนดูสดใส คนหนึ่งนั้นพูดมาก ตอนที่ลู่อวี่พูดเขาจะต่อบทตามทันที
ช่วงเช้านั้นคุยกันอย่างลื่นไหล ตอนเที่ยงลู่อวี่ยังสั่งอาหารมาชุดใหญ่ แล้วทานไปกับพวกเขา อินเสี่ยวเป่ยมักพูดอะไรที่ตรงประเด็นอยู่เสมอ เมื่อทานเสร็จเขาก็นั่งย่อๆบนเก้าอี้แล้วกล่าวกับลู่อวี่ว่า “พี่น่ะไม่มีหวัง”
ลู่อวี่เลิกคิ้วมองเขา “พูดว่าอะไรนะ”
อินเสี่ยวเป่ยส่ายหน้า “พี่อย่าเสียเวลาเลย พี่ไม่มีหวังหรอก”
ลู่อวี่ถาม “ในใจเขามีใครแล้วหรือไง”
อินเสี่ยวเป่ยไม่ตอบรับแต่ไม่ปฏิเสธ กระโดดลงจากเก้าอี้แล้วไปเล่นเกมแทน
บ่ายสองกู้เฟิงเข้ามาพร้อมลูกค้า ลูกค้าคนนี้คงเป็นคนสนิทกัน เขาเห็นลู่อวี่จึงถาม “มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
หญิงสาวตอบ “เช้ากว่าฉันอีก มาตั้งแต่ประตูยังไม่เปิด ฉันบอกว่าจะโทรหาพี่ให้ เขาก็บอกไม่ต้อง”
กู้เฟิงกล่าวกับลูกค้า “รอฉันสักครู่”
เขารีบกวักมือเรียกลู่อวี่ สองคนเดินไปยังห้องภาพวาดนั้น เขาถามลู่อวี่ว่าอยากได้ภาพแบบไหน
ลู่อวี่กล่าว “เป็นรูปของเธอก็พอ ดูสบายหน่อยๆ รูปลิงนั้นมันดุร้ายไป”
กู้เฟิงให้เขาเลือกเอง ลู่อวี่มองไปก็สะดุดกับภาพน้ำมัน รูปนั้นสีดูหม่นๆ ใช้สีเทาเป็นหลัก จุดหลักของภาพคือทะเลสาบ พื้นหญ้ารกร้าง ดูโทรมและอ้างว้าง
“อันนี้ได้ไหม”
กู้เฟิงเอาลงมาให้เขา “เอาไปเถอะ”
ลู่อวี่ได้รูปแล้วก็กลับ หญิงสาวบอกว่ากู้เฟิงจนดึกแล้วก็ยังทำงานไม่เสร็จแน่ๆ ลู่อวี่จึงไม่จำเป็นจะต้องรอ
ตลอดทางกลับบ้านลู่อวี่นึกถึงคำพูดของอินเสี่ยวเป่ยอยู่ตลอด น้ำเสียงที่จริงจังนั่นบอกว่าเขาไม่มีหวังเลย
ไม่มีหวังเลยหรือ ฟังแล้วโคตรทำร้ายกัน ลู่อวี่หัวเราะ แต่ถ้าเขาเชื่อแล้วยอมรับจริงๆ นั่นก็ไม่ใช่เขาแล้ว