ตอนที่ 9 ความอับอายขายหน้าขององค์รัชทายาท   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 9 ความอับอายขายหน้าขององค์รัชทายาท
ต๭นที่ 9 ความอับอายขายหน้าขององค์รัชทายาท มู่หยู่ฉินจ้องมองเมี่ยวฝูอย่างรังเกียจ ก่อนจะหันมองไปยังน้ำมูลในมือของหญิงสาว ตอนมิมองยังมิเป็นอันใด แต่พอมองนางก็อดไม่ได้ที่จะอาเจียน น้ำมูลนั้นมีสีดำและส่งกลิ่นเหม็น อีกทั้งยังมีบางสิ่งสีเหลืองลอยอยู่บนนั้น และมีหนอนตัวสีขาวชอนไช น้ำมูลที่มีกินเหม็นจนสามารถฆ่าคนให้ตายได้ นางหมุนตัวกลับไปอยากจะอาเจียน แต่ไหนแต่ไรมา นางมักจะถูกเลี้ยงดูจนเสียนิสัย นางเคยได้รับความอับอายเช่นนี้ที่ใดกัน มิว่าอย่างไรนางก็ตั้งใจจะมิดื่มน้ำมูลนี้เด็ดขาด “เดิมที นายหญิงมู่คือผู้ที่แพ้ไม่เป็น ถ้าหากเมี่ยวฝูเป็นฝ่ายแพ้ นายหญิงคงจะจับนางเข้าไปแช่ในกรงหมู การพนันต่อหน้าฝ่าบาทยังมิปฏิบัติตามอีก ท่านมิได้เห็นฝ่าบาทอยู่ในสายตาเลยหรือ? เมี่ยวฝู ข้าพบว่าคำให้การของลู่หลัวมีข้อบกพร่อง หรือว่าพวกเราจะขอให้องค์รัชทายาทไตร่สวนดูอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจับฆาตกรที่อยู่เบื้องหลัง” ซูโม่เอ๋อทำเป็นไม่รู้ว่าเรื่องราวพวกนี้เป็นแผนการของมู่หยู่ฉิน จนถึงปัจจุบันมิได้เปิดโปงนาง นางให้เพียงสาวใช้คนเดียวต้องรับโทษนางก็มิได้รับการลงโทษที่นางสมควรจะได้ ให้นางดื่มน้ำมูลเสียหน่อย นับว่าเป็นการลงโทษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมี่ยวฝูเพลานี้ไม่ได้อ่อนแออย่างเมื่อก่อน นางชื่นชมเมี่ยวฝูมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากว่ามิดื่มนางก็จะถูกเปิดเผยเปลือกนอกที่ปลอใๆของหนังออก ก่อนหน้านี้นางมักจะเห็นท่าทีที่ขี้ขลาดของเมี่ยวฝู ถึงแม้ว่าซูโม่เอ๋อจะเคยปกป้องนาง แต่ก็ไม่อยากเข้าใกล้นางผู้ที่ประคองไม่ไหว นางมิอยากเป็นเพื่อนด้วย จนเพลานี้ซูโม่เอ๋อเห็นเมี่ยวฝูกลายเป็นคนเข้มแข็ง เต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาด มีความกล้าหาญและอุบาย นางจ้องมองเมี่ยวฝูอย่างพิจารณา ในใจคิดในที่สุดหญิงสาวคนนี้ก็ตื่นขึ้นมานี่ถึงจะคุ้มค่าในการคบค้าสมาคมด้วย วาจาของซูโม่เอ๋อนั้นราวกับฟ้าผ่าลงกลางใจของมู่หยู่ฉินและองค์รัชทายาท มู่หยู่ฉินกัดฟันแน่น สายตาขององค์รัชทายาทนั้นเลวร้ายจนสามารถยิงทะลุคนได้ เขาจ้องมองไปยังมู่หยู่ฉินอย่างข่มขู่ ร่างกายของเขามีความกดดันและบีบบังคับประทุขึ้นมา กดดันจนทำให้หัวใจของมู่หยู่ฉินตกตะลึง อีกนิดเดี๋ยวนางก็แทบจะล้มลงกับพื้น การแสดงออกนี้ขององค์รัชทายาทเห็นได้ชัดว่านางต้องดื่มน้ำมูล เช่นนี้เมี่ยวฝูและซูโม่เอ๋อก็จะมิไล่ตามต่อไป องค์รัชทายาททำเพื่อปกป้องตนเอง การเยาะเย้ยของผู้อื่นนางมิกลัว แต่ทว่านางกลัวการคุกคามขององค์รัชทายาท การดื่มน้ำมูลในเพลานี้นับว่าเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าหากไม่มีชีวิตต่อไปถึงจะเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ พลันมู่หยู่ฉินก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะจ้องมองน้ำมูลด้วยความขยะแขยง กลิ่นเหม็นและกลิ่นอันหน้าสยดสยองลอยเข้าจมูกของนาง เมื่อใดกันที่นางจะต้องมารับความอัปยศเช่นนี้ น้ำตาในดวงตาของนางไหลออกมา “เอาล่ะ ข้ายอมรับความพ่ายแพ้จากการพนัน ดื่มก็ดื่ม เปิดดวงตาสุนัขของพวกเจ้าดูให้ดีเถิด” หลังจากเอ่ยจบ นางก็หยิบแก้วน้ำมูลสัตว์ขึ้นมาและจ้องมองหนอนตัวสีขาวที่อยู่ภายในอย่างโศกเศร้า ก่อนจะกัดฟันกวาดตามองไปยังพวกเมี่ยวฝู หลังจากนั้นจึงปิดตาลง นางเงยหน้าดื่มน้ำมูลลงไปราวกับว่ากำลังจะตาย พอน้ำมูลเข้าไปในปาก นางก็ไออย่างรุนแรงหลังจากนั้นจึงปิดปากของนางและอาเจียนออกมาอย่างทุกข์ทรมาน นางอาเจียนปฏิกูลสีขาวออกมา กองอาเจียนนั้นของนางยังมีหนอนกำลังเคลื่อนไหว สีหน้าของมู่หยู่ฉินเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาณ นางยังรู้สึกว่ามีหนอนตัวหนึ่งถูกกลืนลงไปในท้อง นางรู้สึกขยะแขยงจนแทบจะตาย อยากจะเอาหัวของตนเองชนกำแพงให้ตายไปเสีย เมื่อไหร่กันที่นางจะต้องมารับความอัปยศอดสูถึงเพียงนี้ ในเพลาที่นางดื่มเสร็จ กลุ่มคนก็หัวเราะเยาะกันดังสนั่น “ช่างกล้าดี คิดไม่ถึงว่าจะดื่มน้ำมูลจริงๆ” “เจ้าวางใจเถิด ข้าจะนำเรื่องราวความกล้าหาญของเจ้าในวันนี้บอกกับทุกคน ให้ผู้คนองค์หญิงองค์ชายทั้งราชวงศ์จิ้นรู้ เมื่อถึงเพลานั้นบรรดาองค์หญิงองค์ชายก็จะรู้สึกว่าเจ้ากล้าหาญ พวกเขาคงจะชื่นชมเจ้าเป็นแน่ ไม่นานเจ้าก็จะมีชื่อเสียงแล้ว” ซูโม่เอ่อสาดเหกือลงไปบนบาดแผลของมู่หยู่ฉินอีกรอบหนึ่ง เพลานี้ใบหน้าของมู่หยู่ฉินดูน่าเกลียดน่ากลัวกว่าแม่นมทั้งสองคนเสียอีก นางมิเข้าใจความหมายของซูโม่เอ๋อ มิต้องรอให้ประกาศออกไป ไม่นานนักนางก็มีชื่อเสียงที่อัปยศไปทัวร์ทั้งแขวน บุตรสาวคนโตของสิงปู้ซ่างซุ คิดมิถูงว่าจะดื่มน้ำมูลต่อหน้าองค์รัชทายาท ช่างเป็นความอัปยศและหน้าอับอายอย่างยิ่ง ถ้าหากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไปชื่อเสียงของนางก็คงจะป่นปี้ ต่อไปอย่าคิดที่จะสู้หน้าผู้ใด คาดว่านางคงจะขายไม่ออก ชายผู้ใดอยากจะสู่ขอนายหญิงผู้ที่ดื่มน้ำมูลที่น่าขายหน้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมากเล่า? ถึงแม้ว่าจะมีคนกล้าสู่ขอนาง ฝ่ายตรงข้ามก็คงจะมิใช่คนมีชาติตระกูลเท่าใดนัก นางจะต้องยอมรับเสียงหัวเราะเยาะ คนอื่นคงจะใช้เรื่องนี้มาทำให้หนังอับอายไปชั่วชีวิต สิ่งนี้น่าอับอายและแย่มาก นี่ล้วนเป็นเพราะเมี่ยวฝูทำร้าย นางจะต้องแก้แค้น ถ้านางมีล้างแค้นนี้นางสาบานว่าจะมิเป็นคน ใบหน้าของเย็นชาตั้งแต่ต้นจนจบวันนี้ความอัปยศของนับว่าเป็นอันใด ก่อนหน้านี้พวกนางทำให้ตนเองอับอายยิ่งกว่านี้เสียอีก นางเพียงแค่ได้ดอกเบี้ยอีกรอบเท่านั้นหนังแท้พร้อมไม่ไหวที่จะอยู่ด้านหลัง รู้สึกตื่นตกใจจากเสียงหัวเราะยอดของ ทุกคนชื่อเสียงของนางพังทลายลงมองสายตาของนางรู้สึกรังเกียจและมิมีความปรานี ราวกับว่าถ้าหากอยู่ติดนางร่างกายของเขาก็จะเหม็นไปด้วย เขาจ้องมองมู่หยู่ฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำเตือน พลันนางก็เอ่ย “เจ้าอย่าภาคภูมิใจมากเกินไป มิช้าไม่เร็ว วันหนึ่งเจ้าก็จะตกอยู่ในมือของข้า” เมื่อได้ยินคำนี้แล้ว พลันเมี่ยวฝูก็ทำเป็นเหมือนมิได้ยิน นางเอ่ยถามเสียงดัง “อันใดกัน? องค์รัชทายาทพระองค์จักถอนหมั้นกับหม่อมฉัน หรือเป็นเพราะว่าพระองค์มิมีมนุษยธรรม ไม่อยากผูกมัดกับหม่อมฉัน พระองค์ช่างแน่วแน่จริง มิสามารถมีบุตรได้ ราวกับว่าจะบอกความจริง พระองค์วางใจถิด หม่อมฉันจะมิทอดทิ้งพระองค์ หม่อมฉันจักดูแลรักใคร่พระองค์และจักหาแพทย์ที่ดีมารักษาพระองค์ ตระกูลของหม่อมฉันก็คือตระกูลทางการแพทย์ ถึงแม้ว่าหมอฉันคือผู้ที่ไร้ความสามารถและมิถนัดด้านการแพทย์ แต่น้องสาวที่สองของหม่อมฉันบี้หรุง คือดาวดวงใหม่ในวงการแพทย์ ถ้าหากอาการของฝ่าบาทมิดี สามารถไปหานาง” “เจ้า!” องค์รัชทายาทเหตุใดจะรู้ว่านางโง่เง่าถึงเพียงนี้ เพียงแค่เสียงเรียกของนาง ก็ส่งเสียงด้านหมายจับผู้คนรอบข้างออกมา ทุกคนได้ยินถ้อยคำของนางชัดเจน แต่ละคนจ้องมององค์รัชทายาทอย่างตกตะลึง อันใดกัน องค์รัชทายาทของพวกเขามิมีมนุษยธรรม เขาเป็นชายที่ไร้สมรรถภาพงั้นเหรอ! เมี้ยวฝูแสดงให้เขาเห็นฟันขาวด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนและดูไร้เดียงสา ล้วนรู้สึกว่านางทุบดีคนโดยมิตบหน้า ใบหน้าของเมี่ยวฝูกำลังยิ้ม แต่โดยธรรมชาติความรังเกียจของนางกำลังพุ่งไปถึงดอกฝ้าย มิสามารถหนีได้ เมื่อถูกคนจำนวนมากสงสัย ใบหน้าขององค์รัชทายาทก็โกรธมาก เขากำหมัดแน่นพลางจ้องมองเมี่ยวฝู แทบอยากจะบีบคอนางให้ตาย ใบหน้าของนางยิ้มอย่างลึกซึ้ง จนเขามิสามารถลงมือได้ ท่าทีนั้นของนางยังคงดูเย่อหยิ่ง เรากับไก่ที่ตีแพ้แล้วยังคงมีความภาคภูมิใจ เมี่ยวฝูหัวเราะเยาะออกมา นางยังคงมิยอมปล่อยไป “เมื่อครู่นี้ผู้ใดพนันกับข้า แพ้แล้วก็ต้องดื่มน้ำมูลในห้องรวมมิใช่หรือ?” ผู้คนอื่นก็คิดขึ้นมาได้ โดยเฉพาะพวกคนที่เกลียดชังมู่หยู่ฉิน ทันใดนั้นก็ทยอยกันส่งเสียง “ใช่แล้ว เต็มใจที่จะพนันก็ต้องรับความพ่ายแพ้ บนข้อมือของเมี่ยวฝูมีสัญลักษณ์พรหมจรรย์ เจ้าจักต้องดื่มน้ำมูล ข้าจะสั่งให้คนไปตักน้ำส้วมมาบัดเดี๋ยวนี้!” “พวกเจ้า!” มู่หยู่ฉินโกรธจนใบหน้าดำคล้ำทั้งหน้า คิดมิถึงว่าพวกนางจะคิดจริงจังเกี่ยวกับการพนัน จะให้นางดื่มน้ำมูลที่สกปรกและกลิ่นเหม็นต่อหน้าองค์รัชทายาท แล้วองค์รัชทายาทจะมองนางเช่นไร “น้ำมูลมาแล้ว กำลังร้อนอยู่เลย รีบมาดื่มในขณะที่ยังร้อนเถิด” ผู้ที่เอ่ยคือเด็กสาวชื่อซูโม่เอ๋อ นางเพิ่งตามมาทีหลัง นางเป็นบุตรสาวของหู้ปู้ซ่างซู แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยรังแกเมี่ยวฝู ก่อนหน้านี้นางยังเคยปกป้องเมี่ยวฝู นางรู้สึกดูถูกดูแคลนมู่หยู่ฉิน มิอยากจะคบค้าสมาคมกับพวกนาง เมื่อครู่นี้ ผู้ที่เรียกให้คนไปนำน้ำมูลมาก็คือนาง ดูแล้วนางแทบทนไม่ไหวที่จะเห็นความอัปยศของมู่หยู่ฉิน หลังจากเอ่ยจบก็หันไปส่งยิ้มให้แก่เมี่ยวฝู เมี่ยวฝูก็ยิ้มและยกคิ้วตอบให้แก่นาง “ซ่างกวนเมี่ยวฝู เจ้ากล้าพูดเรื่องไร้สาระได้อย่างไร ถ้าเจ้าทำความผิดต่อไปอีก เจ้ารอเถิด” องค์รัชทายาทตะโกนเรากับฟ้าร้อง เขาจ้องมองเมี่ยวฝูอย่างดุเดือด ผู้คนจำนวนมากที่ล้อมรอบก็ถูกเขาจ้องมองอย่างคุกคามด้วยเช่นกัน “นางพูดจาเหลวไหล ต้องการใส่ร้ายข้า ผู้ใดกล้าเผยแพร่เรื่องนี้ออกไป ข้าจักตัดลิ้นมันเสีย!” องค์รัชทายาทเอ่ยจบก็เดินจากไปอย่างโกรธเกรี้ยวแต่ทว่าหากเขาไม่อธิบายก็มิมีอันใดแต่ทว่าการอธิบายนี้ทำให้ทุกคนเชื่อว่าพูดความจริงองค์รัชทายาทมีให้ทุกคนเผยแพร่ออกไปนั้นก็ชัดเจนแล้วว่ากลัวคนรู้ความจริง คิดไม่ถึงเลยว่าชายผู้สูงศักดิ์อย่างองค์รัชทายาทกลับไร้ค่า จักเป็นผู้ชายที่มิมีสมรรถภาพ ตำแหน่งสูงเพียงใดมีเงินทองมากมายเพียงใดใบหน้าหล่อเหลาเพียงใดก็มีประโยชน์ ในสายตาของทุกคนเขาก็เป็นเพียงของไร้ค่า แน่นอนว่าผู้คนฉลาดก็จะมิเชื่อเมี่ยวฝู แต่อย่างไรก็ตามไม่มีชายคนใดที่โง่เขลาถึงเพียงนั้นหากบอกเรื่องนี้แก่เขาโดยตรงพวกเรารู้ว่านางใส่ร้ายองค์รัชทายาท แต่ข่าวเชิงลบนี้ก็แพร่กระจายออกไปราวกับเกรดหิมะ ทุกคนมิสนใจว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ เพียงแค่ส่งต่อเรื่องตลก ไว้เล่าเป็นเรื่องราวที่คุยกันระหว่างดื่มชาหลังมื้ออาหาร อย่างไรก็ตาม เมี่ยวฝูนี้กล้าหาญเป็นอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าจะกล้าเอ่ยถึงองค์รัชทายาทเช่นนี้ จะต้องถูกองค์รัชทายาทเกลียดชังเป็นแน่ 
已经是最新一章了
加载中