ตอนที่17 กู้ชื่อเสียง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่17 กู้ชื่อเสียง
ต๭นที่17 กู้ชื่อเสียง จื่อเหยียนรีบค้อมศีรษะปาดเหงื่อเย็นบนใบหน้าด้วยสีหน้าตำหนิตนเอง กล่าวกับฮูหยินใหญ่ด้วยความเคารพนอบน้อมพร้อมแสดงความรู้สึกผิดมหันต์อย่างยิ่ง “ฮูหยินใหญ่เป็นผู้ยุติธรรมมาโดยตลอดเจ้าค่ะ นางแต่ไรไม่เคยลอบหักอาหารเสื้อผ้าของคุณหนู บ่าวยึดคำสั่งฮูหยินถ่ายทอดลงไปแล้ว อาจเป็นไปได้ว่าสาวรุ่นเล็กเหล่านั้นลอบหักเสื้อผ้าอาหารของคุณหนูลับหลังนายเจ้าค่ะ ขอโปรดฮูหยินไว้ใจบ่าวจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มงวดให้ความเป็นธรรมกับคุณหนูใหญ่เจ้าค่ะ” เห็นได้ว่าคำพูดเหล่านี้ ทั้งยกยอฮูหยินใหญ่ ทั้งตัดสินแทนเมี่ยวฝู คนที่ไม่รู้คงจะเชื่อคำพูดของจื่อเหยียนจริง เมี่ยวฝูมองพวกนางเล่นละครอย่างเย็นชาอีกทั้งไม่ได้คาดหวังว่าพวกนางจะดีกับตนจริงๆ เกาซื่อยอกย้อนเล่นงานฮูหยินใหญ่ไปหนึ่งคำรบ ภายในใจรู้สึกคลายความฉุนเฉียว จึงถือโอกาสรามือกล่าวอย่างทื่อด้าน “ ในเมื่อบ่าวไพร่ละเลย จื่อเหยียนเจ้าต้องตรวจสอบให้ชัดเจน อย่าปล่อยให้ฮูหยินใหญ่เป็นแพะรับบาปเด็ดขาด ข้อหาทารุณกรรมลูกบุญธรรมลับหลัง พี่หญิงใหญ่เป็นสตรีตระกูลชั้นสูงมีการศึกษา หากแบกรับข้อหานี้ ในวันหน้าจะพบปะเหล่าฮูหยินในเมืองหลวงได้อย่างไร เกรงว่าหากถึงยามที่ผู้คนไม่เหลียวแลนางจะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย” “อี๋เหนียงรองกล่าวถูกแล้วเจ้าค่ะ บ่าวน้อมเชื่อฟังคำสั่งสอน” จื่อเหยียนค้อมศีรษะ ความเกลียดชังอันเย็นยะเยือกปะทุออกมาจากนัยน์ตา ความเกลียดชังนั้นคล้ายดังเกาทัณฑ์ที่ยิงลั่นใส่เกาซื่อและเมี่ยวฝูอย่างดุเดือด เมี่ยวฝูไม่เคยคาดหวังว่าฮูหยินใหญ่จะปฏิบัติกับนางด้วยดี และก็ไม่ได้คาดหวังว่าในจวนแห่งนี้จะมีคนออกหน้าเพื่อนาง เกาซื่อกล่าวเช่นนี็เพียงแค่เพราะนำนางมาเป็นตัวเบี้ยเพื่อปะทะกับฮูหยินใหญ่ก็เท่านั้น นางไม่ได้ห่วงใยตนจากใจจริง นางเองก็ไม่ได้เชื่อว่าบิดาจะนำเหตุผลนี้มาตำหนิฮูหยินใหญ่ เดิมทีบิดาก็ลำเอียง ทั้งใจจืดใจดำกับนางเป็นที่สุด ดังนั้นนางจึงคร้านที่จะตามถามเรื่องนี้สืบต่อ มองทุกคนด้วยใบหน้าจริงจัง ท้ายที่สุดได้กล่าวกับซ่างกวนหมิง “ท่านพ่อ ข้ามิใช่คนช่างฟื้นฝอยหาตะเข็บ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องกล่าวกับทุกคนให้ชัดเจน ซึ่งคือเรื่องเสียพรหมจรรย์ ข้าคิดว่าเพื่อคิดเผื่อชื่อเสียงอันดีงามของวงศ์ตระกูล ขอโปรดให้ท่านพ่อออกคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ใดยกเรื่องเสียพรหมจรรย์ขึ้นมาอีก ถ้าหากพี่ชายใหญ่กับน้องห้าบีบคั้นไม่ปล่อยวาง พูดถึงทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้ว่าข้ามิได้สูญเสียพรหมจรรย์แต่ก็อาจจะถูกผู้อื่นเข้าใจผิดไปได้ แล้วผู้อื่นจะคิดเกี่ยวกับตระกูลซ่างกวนอย่างไรกันเจ้าคะ? คงคิดว่าตระกูลซ่างกวนปกครองเรือนไม่เข้มงวด เบื้องบนคือแม่ทัพ เบื้องล่างเป็นสาวใช้ ทุกคนล้วนเป็นผู้ไม่รักษาประเพณีมารยาท ไม่ว่าผู้ใดกระทำผิดก็ล้วนมีความอัปยศเสื่อมเสียชื่อเสียง ไม่ลงโทษผู้กระทำผิดก็อาจจะได้รับผลกระทบตามมา ซึ่งผลกระทบสำหรับตระกูลอาจไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้นะเจ้าคะ” “ดังคำพังเพย พวกเราต่างแซ่ซ่างกวนล้วนเป็นคนลงเรือลำเดียว หากทุกคนไม่ร่วมแรงร่วมใจพายเรือลำนี้ให้ดี มีคนคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเอง ก่อความวุ่นวายบนเรือและท้ายที่สุดเมื่อเรือพลิกคว่ำ ทุกคนก็จะตายกันหมด เมื่อมองไปเห็นตระกูลที่มีประวัติศาสตร์นับร้อยปีเหล่านั้นที่หลงเหลือรอดมาก็เป็นเพราะร่วมแรงใจเพื่อวงศ์ตระกูลจึงได้มีวันนี้ และเป็นเพราะการกระทบกระทั่งเรื่องผลประโยชน์ภายใน ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง จึงได้เสียสิ้นไปภายในไม่กี่ชั่วอายุคน เพื่ออนาคตและชื่อเสียงอันรุ่งโรจน์ของตระกูลซ่างกวนพวกเรา ข้าคาดหวังว่าบิดาจะออกคำสั่งที่ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถกล่าวถึงเรื่องในวันนี้อีกเจ้าค่ะ!” คำพูดที่เมี่ยวฝูกล่าวออกมาทำให้ซ่างกวนหมิงตะลึงตะลาน เขาคิดไม่ถึงเลยว่าบุตรสาวไร้ค่าคนนี้จะสามารถกล่าวเหตุผลอันใหญ่โตเช่นนี้ได้ เขายังไม่ทันเอ่ยวาจา ทันใดนั้นฮูหยินผู้เฒ่าที่นั่งบนตำแหน่งผู้นำสูงสุดยกถ้วยกระเบื้องชาขึ้นไว้ในมือ มองเมี่ยวฝูด้วยสายตายกย่องพลางพยักศีรษะด้วยความเคร่งขรึม “เด็กคนนี้กล่าวได้สมเหตุสมผล คนหนึ่งเจริญร่วมรุ่งโรจน์ คนหนึ่งตกต่ำพลอยล่มจม หากพวกเจ้าคิดแต่แย่งชิงอำนาจภายใน เช่นนั้นใครก็อย่าได้คิดมีคืนวันที่ดี ตระกูลซ่างกวนข้านอกจากให้กำเนิดพ่อเจ้าซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่แล้ว ที่เหลือก็เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาแพทย์ สิ่งที่ต้องต่อสู้ในระหว่างพวกเจ้าพี่น้องคือวิชาแพทย์ เพื่อหยั่งลึกทักษะแพทย์ของตนจึงไม่ใช่เรื่องน่าหยาบกระด้างอันใด หลังจากวันนี้เป็นต้นไป ไม่อนุญาตให้ผู้ใดกล่าวถึงเรื่องในวันนี้อีก หากใครกล่าวถึงก็ถือว่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้าผู้เฒ่า ยิ่งเสว่ เจ้าเข้าใจกระจ่างแล้วใช่หรือไม่?” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวกับฮูหยินใหญ่เรียบๆ ในดวงตาเจือแววย้ำเตือนสายหนึ่ง ผู้อื่นเมื่อได้ยินพลันตกตะลึงกระทันหัน วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นทิศตะวันตกหรือไร ฮูหยินผู้เฒ่าจึงได้ชมเชยเมี่ยวฝู ฮูหยินใหญ่เมื่อได้ยินฮูหยินผู้เฒ่ากำลังซักซ้อมนาง เป็นการให้นางจัดการอุดปากลูกสาวลูกชาย สีหน้านางพลันทะมึนขึ้นจ้องถลนไปยังซ่างกวนหมิงเลี่ยและซ่างกวนหนิงเจินในทันใด “เจ้าทั้งสองพูดจาโผงผาง ต่อแต่นี้ไปไม่อนุญาตให้กล่าวถึงเรื่องนี้อีก ถึงแม้จะแค่ล้อเล่นก็ไม่ได้ เมี่ยวฝูเป็นพี่สาวคนโตของพวกเจ้า พวกเจ้าจะต้องเอานางเป็นเยี่ยงอย่าง ร่วมสามัคคีศึกษาวิชาแพทย์ แข่งขันช่วงชิงเพื่อส่งเสริมวิชาแพทย์ตระกูลซ่างกวนเสีย” ซ่างกวนเลี่ย ซ่างกวนหนิงเจินรีบค้อมศีรษะรับโดยไม่พูดไม่จา ทว่าเมื่อได้ยินว่าจะต้องยึดเมี่ยวฝูเป็นเยี่ยงอย่าง มุมปากคนทั้งสองยกขึ้นอย่างดูแคลน ซ่างกวนกนิงเจินบ่นพึมพำเบาๆด้วยความคับข้อง “หากพวกเราต้องเรียนรู้เฉกเช่นคนไร้ค่านี่จะต้องกลายเป็นเยี่ยงไรกันเจ้าคะ นางมีความสามารถอันใด ล้วนไม่เป็นสักอย่าง ในบ้านหลังนี้วิชาแพทย์ของผู้ใดก็ดีกว่านางทั้งนั้น อาศัยอะไรต้องให้พวกเราเรียนรู้จากนาง ควรจะเป็นนางที่เรียนรู้จากพวกเราจึงจะถูกเจ้าค่ะ” แม้เสียงจะเบา แต่ทุกคนล้วนได้ยินอย่างชัดเจน ฮูหยินใหญ่จ้องซ่างกวนหนิงเจินตาถลน ซ่างกวนหมิงกระแอมเสียงเบา จึงเริ่มวางตัวในฐานะผู้นำครอบครัว บิดาไม่ได้ทดสอบวัดระดับวิชาแพทย์ของพวกเจ้าเสียนาน ไม่รู้ว่าระยะนี้วิชาแพทย์ของพวกเจ้ามีความก้าวหน้าหรือไม่?” กล่าวจบ เขามองไปยังซ่างกวนปี้หรงด้วยใบหน้าอันเมตตา ซ่างกวนปี้หรงไม่ได้กล่าว ซ่างกวนหนิงเจินรีบเอ่ยชมเชยนาง “ท่านพ่อ ท่านสามารถทำการทดสอบได้ตามต้องการ วิชาการฝังเข็มของพี่รองระยะนี้มีความรุดหน้ายิ่ง นางเชี่ยวชาญทุกตำแหน่งจุดฝังเข็มมานานและเข้าใจวิธีการใช้จุดฝังเข็มเพื่อรักษาด้วยเจ้าค่ะ ครั้งก่อนท่านแม่เป็นหวัดลมหนาว ใช้ยาไปหลายเทียบก็ยังไม่เห็นว่าดีขึ้น โชคดีที่พี่รองฝังเข็มให้ท่านแม่ไม่กี่ตำแหน่ง ไข้ลมหนาวของท่านแม่ก็ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว พี่รองเป็นอัจฉริยะวิชาแพทย์จริงๆ ไม่ว่าสิ่งใดล้วนสามารถเรียนรู้ได้หมดเลยเจ้าค่ะ” ได้ยินซ่างกวนหนิงเจินอวดสรรพคุณของตน ซ่างกวนปี้หรงพลันหน้าแดง รีบยกยอซ่างกวนหนิงเจิน น้องสาวถ่อมตนเสียจริง วิชาแก้พิษของเจ้าเองก็ก้าวหน้าไม่น้อย ครั้งก่อนอาสะใภ้โจวโดนงูพิษกัดที่สวนบุปผา โชคดีที่น้องไหวมีไหวพริบในสถานการณ์ฉุกเฉินรู้จัดการใช้ไข่ไก่แก้พิษ เลือดพิษของอาสะใภ้โจวจึงถูกขับออกโดยที่คนปลอดภัย” ซ่างกวนหมิงเมื่อได้ยิน ก็มองไปยังซ่างกวนหนิงเจินด้วยความชื่นชม “ลูกใช้ไข่ไก่แก้พิษงูได้อย่างไรหรือ?” ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำในตระกูลแพทย์ แต่เขากลับไม่สามารถด้านนี้ ตั้งแต่เล็กเขาชื่นชอบฝึกวรยุทธ์ ต่อมาเขาสอบได้เป็นจอหงวนฝ่ายบู๊ จึงได้เข้าสู้เส้นทางการเป็นทหาร ในที่สุดประสบความสำเร็จเป็นแม่ทัพใหญ่ เกี่ยวกับวิชาแพทย์กลับไม่มีความรู้แม้แต่น้อย เมี่ยวฝูชมละครฉากบิดาเมตตากับบุตรสาวกตัญญู ภายในใจเจ็บปวดยิ่ง รู้สึกไม่สบอารมณ์ ในเวลานี้ซ่างกวนหนิงเจินเหลือบมองนางอย่างย่ามใจ จากนั้นกล่าวด้วยความภาคภูมิ “วิธีนั้นข้าเคยเห็นมาจากหนังสือโบราณ เพียงแค่ลองดูเท่านั้นเจ้าค่ะ นึกไม่ถึงว่าจะใช้การได้จริง วิธีนี้เจาะรูบนไข่ไก่ ให้รูที่เจาะทาบตรงกับปากแผล ใช้เวลาสักครู่ไข่แดงและไข่ขาวจะค่อยเปลี่ยนเป็นสีดำ ข้าก็จะรีบเปลี่ยนไข่ไก่ดูดพิษจากปากแผลไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไข่ไก่หยุดเปลี่ยนเป็นสีดำเจ้าค่ะ วันนั้นข้าเปลี่ยนไข่ไก่ไปถึงแปดฟอง พิษงูของอาสะใภ้โจวจึงถูกดูดออกมาหมดเจ้าค่ะ” “หนิงเจินยอดเยี่ยมจริงๆ ตั้งแต่วัยเยาว์ก็มีพรสวรรค์วิชาแพทย์ เห็นเจ้ามีอนาคตไกลเช่นนี้ หน้าตาของข้าที่เป็นพ่อก็พลอยมีรัศมีไปด้วย พวกเจ้าจะต้องฝคกฝนวิชาแพทย์ให้ดีเพื่อตระกูลซ่างกวน เลี่ยเอ่อร์ หากเจ้าไม่ชอบวิชาแพทย์ก็มาติดตามพ่อไปค่ายทหารร่ำเรียนพิชัยสงคราม ตราบใดที่พวกเจ้าเต็มใจเรียนรู้ ในฐานะที่เป็นพ่อจะระดมทั้งตระกูลสนับสนุนสุดความสามารถ ในฐานะที่เป็นพ่อจะเสาะหาอาจารย์เชี่ยวชาญแพทย์เก่งๆหลายคนมาให้กับพวกเจ้าอีก ลูกหลานตระกูลซ่างกวนของข้าจะต้องโดดเด่นที่สุดในเมืองหลวง” ซ่างกวนหมิงลูบตอหนวดเครา มองไปทางฝั่งพวกซ่างกวนเลี่ยด้วยความพึงพอใจและชื่นชม 
已经是最新一章了
加载中