บทที่ 4 ฉันแต่ง   1/    
已经是第一章了
บทที่ 4 ฉันแต่ง
บ๗ที่ 4 ฉันแต่ง ตามที่คาด ทันทีที่เข้าไปในห้องโถงก็เห็นความยุ่งเหยิง เศษแก้วกระจัดกระจายไปทั่วพื้น กลิ่นไหม้ยังคงอบอวลในอากาศ เถียนจิ้งเห็นเถียนโม่เซียนพ่อของเธอยืนหันหลังให้ประตู ยืนอยู่ที่หน้าต่างกระจกบานยาว ภายใต้ดวงอาทิตย์ เธอเห็นผมสีขาวของพ่อดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เธอเดาได้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นบ้าง ก้าวเข้าไปถามแผ่วเบา “คุณพ่อคะ คุณโอเคไหมคะ” เถียนโม่เซียนได้ยินเสียงของลูกสาว แต่กลับไม่ได้หันกลับมาทันที หยูจิงหยิงค่อนข้างกังวลล่วงหน้า เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น มีใครเข้ามาที่บ้านเหรอ มีปัญหาอะไร” เหอลี่หย่านั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับยาทาเล็บด้วยท่าทีที่ค่อนข้างพึงพอใจ “จะใครซะอีกล่ะคะ ใช้จมูกคิดยังคิดออกเลย เมื่อครู่ตระกูลโม่เพิ่งจะมาถอนหมั้นน่ะสิ” เหอลี่หย่าเป็นภรรยาคนที่สองของเถียนโม่เซียน เป็นภรรยาน้อยคนที่สองของตระกูลเถียน และก็เป็นแม่เล็กของเถียนจิ้ง ซึ่งที่จริงแล้วแก่กว่าเถียนจิ้งไม่กี่ปี สิบปีของการแต่งงานเข้ามา ด้วยเพราะได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษจากเถียนโม่เซียนจึงค่อนข้างเหิมเกริม ระหว่างนัยยะ แสดงท่าทีเย้ยหยันอย่างคนเป็นใหญ่ในบ้าน คำพูดของเธอ เถียนจิ้งได้ฟังแล้วรู้สึกผิด แต่เดิม เธอกับโม่ลี๋ฮ่าวต่างเหมาะสมกันมากเป็นกิ่งทองใบหยก พ่อก็มีความสุขมาก เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกลัวว่าพ่อจะเสียใจและผิดหวัง เธอเดินไปข้างหน้า ส่งเสียงเล็ก “คุณพ่อคะ เมื่อครู่ตระกูลโม่คงพูดในสิ่งที่เลวร้ายมากแน่ หนูทำให้คุณพ่อผิดหวัง” เถียนโม่เซียนรักและเอ็นดูลูกสาวเสมอ เขาถอนหายใจ มองดูลูกสาว เขาถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “เด็กโง่ พ่อไม่สนใจสิ่งที่คนอื่นพูดหรอก พ่อสนใจแค่ความสุขของหนู เดิมที่พ่อหาลี๋ฮ่าวเด็กคนนั้นมาให้หนูเพราะรู้สึกว่าเหมาะกับหนู สามารถทำให้หนูมีความสุขได้ ใครจะรู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น วันนี้พ่อเห็นภาพของหนูถูกนักข่าวรุมล้อมที่ประตูโรงพยาบาลทางทีวี ที่คุณชายรองซูพูดเป็นความจริงใช่ไหม เด็กในท้องของหนูเป็นของเขาเหรอ” เถียนจิ้งสีหน้าซีดขาว ส่ายหน้าแล้วพูดออกมาตามตรง “ไม่ใช่ค่ะ เขาแค่ออกหน้าช่วยฉัน” เหอลี่หย่าอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ย “ดูไม่ออกเลยนะว่าดอกไม้งามจิ้งจิ้งจะมีผู้คุ้มครองมากมาย เรื่องอื้อฉาวทั้งหมดที่เกิดขึ้นยังอุตส่าห์มีเหลยเฟิง(เหลยเฟิงเป็นแบบอย่างบุคคลที่อุทิศตนเพื่อประชาอย่างสุดจิตสุดใจที่คนจีนทุกคนรู้จัก เขาช่วยเหลือผู้อื่นอย่างเต็มที่ตลอดชีวิตที่ไม่ยาวนักของเขา)ออกมาช่วยแบกหม้อดำงั้นเหรอเนี่ย ลูกชายคนที่สองของตระกูลซูคนนี้มีสมองยาวหรือไง หรือว่าเขาเลี้ยงปลาเอาไว้ในสมอง” หยูจิงหยิงทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป “ลี่หย่า พูดให้น้อยลงหน่อย เธอคิดว่าบ้านหลังนี้ยังยุ่งเหยิงไม่พอเหรอ” ด้วยเพราะได้รับความโปรดปราน เหอลี่หย่าจึงไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เธอสมควรได้รับเลยสักนิด ยังพูดอย่างเย็นชา “ฉันพูดความจริง!” หยูจิงหยิงไม่สนใจเธอ ก้าวไปข้าวหน้าและพูดแผ่วเบา “ถึงแม้ว่าเด็กจะไม่ใช่ของคุณชายรองซู แต่คุณชายรองซูบอกว่าจะแต่งงานกับจิ้งจิ้งของเรา และจะยอมรับว่าเด็กคนนี้เป็นของเขา” มีความประหลาดใจในดวงตาสีเข้มของเถียนโม่เซียน แล้วจากนั้นเขาก็ตื่นเต้น “เป็นความจริงเหรอ” ไม่นาน เขาก็ลดความตื่นเต้นลงมาและตบไหล่ของลูกสาว “จิ้งจิ้ง ลูกคิดว่ายังไง พ่อตามใจลูก เพราะฉะนั้นพ่อจึงสนับสนุนสิ่งที่หนูเลือกตัดสินใจ หนูไม่เต็มใจแต่งก็ไม่ต้องแต่ง เรื่องอื้อฉาวก็ไม่สำคัญ สำหรับเด็กในท้องของหนู ถ้าหนูคลอดเมื่อไหร่ พ่อก็ยินดีที่จะเลี้ยงลูกของหนูด้วย เวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่างเอง” เขาพูดอย่างนั้น เหอลี่หย่าก็เริ่มไม่ยินดีอีกต่อไป ยืนขึ้นทันทีด้วยอารมณ์ที่ถูกเร้า แล้วแผดเสียงออกมา “ทำไมถึงจะไม่เต็มใจ มีอาหารตกลงมาจากท้องฟ้าขนาดนี้ยังจะไม่เต็มใจอีกเหรอ นี่ไม่ใช่ว่าโง่หรือไง จิ้งจิ้งตอนนี้ชื่อเสียงเสื่อมเสียแล้ว มีคนมาแต่งงานด้วยก็ดีเท่าไหร่ นอกจากนี้อีกฝ่ายยังเป็นถึงคุณชายรองตระกูลซูด้วย จิ้งจิ้งต้องแต่ง!” เถียนจิ้งขมวดคิ้วอย่างค่อนข้างเอือมระอา เถียนโม่เซียนเอ็นดูเถียนจิ้งเสมอ เมื่อเห็นเธอขมวดคิ้วเขาก็เอ่ยประโยคที่ไม่ค่อยจะออกจากปากออกมา “ลี่หย่า พูดให้มันน้อยลงหน่อย!” เหอลี่หย่าหน้ามุ่ยอย่างคับข้องใจ พูดเสียงงุบงิบ “ฉันพูดความจริงนะ ฉันก็เป็นคนปากตรงกับใจแบบนี้ ตอนนี้บริษัทเถียนของเรากำลังมีปัญหาทางด้านการหมุนเวียนเงินทุน ถ้าจิ้งจิ้งแต่งงานออกไป แล้วจากนั้นก็ให้คุณชายรองตระกูลซูค้ำประกันกับธนาคารให้ ปัญหาทางการเงินของบริษัทได้รับการแก้ไข ชื่อเสียงของจิ้งจิ้งก็จะได้รับการฟื้นฟู เด็กในท้องก็จะได้เกิดมาด้วยชื่อเสียงที่เหมาะสม เป็นเรื่องที่ดีที่สุดของทั้งสองฝ่าย ครั้งนี้เป็นเพราะเรื่องอื้อฉาวของจิ้งจิ้ง หุ้นของบริษัทถึงได้ตก...” เถียนจิ้งรู้สึกกังวลกับเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทเถียน ถึงแม้ว่าคำพูดหลังจากนั้นของเหอลี่หย่าเธอจะไม่ได้ยินอีกก็ตาม หันไปมองเหอลี่หย่าอย่างเย็นชา ความเย็นแปรปรวนเป็นแม่น้ำที่ไหลตรงไปหาเธอ “คุณพูดพอหรือยัง บ้านนี้มีแค่คุณพ่อที่คุ้นเคยกับคุณ คนอื่นไม่มีหน้าที่ต้องมาคุ้นเคยกับคุณ คุณเป็นผู้อาวุโสนะ หรือว่ายังต้องให้ฉันสอนว่าการเคารพผู้อื่นเขาปฏิบัติกันยังไง” เหอลี่หย่าตกตะลึงกับท่าทีเย็นชาของเธอ หลังจากสะดุดไปครู่หนึ่งก็พูดว่า “สายตาแบบนั้นของเธอคืออะไร จะกินคนรึไง ฉันแค่พูดความจริง เธอต้องดุร้ายขนาดนี้เลยเหรอ” เถียนจิ้งไม่อยากเถียงกับเธอ แต่ตอนนี้เธอมากวนน้ำให้ขุ่นเข้าไปอีก เธอจึงต้องผสมโรงไปกับเธอเท่านั้น ความโมโหแข็งแกร่งขึ้น ดวงตาของเธอส่องประกายแสงวาบพลางยิ้มเยาะ “มีบางอย่างที่เดิมทีฉันไม่อยากจะพูด ไม่ใช่ว่าพยายามปกป้องคุณ แต่ไม่อยากเพิ่มความอึดอัดใจให้คุณพ่อ คุณหาเรื่องเอง ในเมื่อคุณชอบพูดความจริงมากนัก ทำไมคุณไม่บอกคุณพ่อล่ะว่านักข่าวที่หน้าประตูโรงพยาบาลวันนี้คุณเป็นคนหาเข้าไป” ในห้องโถงพลันเงียบสงัดลง บรรยากาศกดต่ำหดหู่ลงเหมือนความตาย หลังจากที่เหอลี่หย่าได้สติตอบสนอง สีหน้าก็กลายเป็นสีแดง แผดเสียงออกมาโดยจิตใต้สำนึก “นังแพศยา เธอเห็นด้วยตาตัวเองหรือไงว่าฉันเป็นคนหานักข่าวเข้าไป ทำไมเธอปรักปรำฉันขนาดนี้ ตั้งใจทำให้ฉันอับอายงั้นเหรอ” แล้วจึงแสร้งพูดทำเป็นให้เถียนโม่เซียนสงสาร “ที่รักคะ คุณก็ไม่สนใจลูกสาวของคุณเลย ทำเป็นใหญ่คับบ้าน ปากมากไม่หยุด เธอ...” เถียนจิ้งก้าวขึ้นมายืนต่อหน้าเธอกับพ่อ สำนวนงดงามทุกคำ “คุณไปหานักข่าวที่เป็นบริษัทเดียวกับน้องสาวของฉัน ข้อมูลนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วบริษัทของพวกเขาแล้ว อยากให้ฉันโทรหาน้องสาวเพื่อพิสูจน์ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะโทรตอนนี้เลยเอาไหม” เธอแกล้งทำเป็นเอาโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มกดโทรออก ที่จริงแล้วเธอไม่มีน้องสาวเลย รอบนี้ สิ่งที่เธอเล่นกับเหอลี่หย่าเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยา เธอแสร้งทำเป็นว่าเป็นความผิดของเหอลี่หย่า แล้วก็เป็นไปตามที่คาด เธอด่าด้วยความโกรธ “เธอบ้าไปแล้วเหรอ ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดถึงอะไร ไม่สมเหตุสมผลเลย!” เมื่อพูดจบก็หันกลับเข้าไปในห้องแล้วยังกระแทกประตูปิด และได้แสดงสีหน้าให้ทุกคนเห็นแล้ว เถียนจิ้งรู้ว่าพ่อเอ็นดูเธอ การโวยวายใหญ่โตไม่ใช่เรื่องดี ยังไงก็เป็นคนในครอบครัว เธอไม่อยากให้พ่อลำบากใจ กดหัวคิ้วเบาๆแล้วเก็บโทรศัพท์มือถือไป หันไปข้างบนเพื่อดูข่าวการเงิน หลังจากดูข่าวแล้วก็โทรหาเลขาฯของพ่ออีกครั้งเพื่อยืนยันว่าบริษัทมีปัญหาจริง เธอผ่อนลมหายใจหนัก กัดริมฝีปากเศร้าโศก บริษัทมีปัญหาเรื่องเงินทุนหมุนเวียน ทำไมเธอถึงไม่เคยสังเกตเห็นเลย ไม่สงสัยเลยว่าทำไมช่วงนี้สีหน้าคุณพ่อดูแย่ลง อารมณ์ร้อนขึ้นทุกวัน ในตอนที่เธอกำลังรู้สึกแย่และโทษตัวเอง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น มันเป็นเบอร์แปลกที่ส่งข้อความเข้ามา เนื้อหาของ SMS เป็นเผด็จการที่เกินความคาดหมายอย่างมาก “ฉันคือซูยี่ คิดให้ดีแล้วตอบกลับฉัน!” ในตอนนั้นเองได้มีเสียงทะเลาะกันข้างล่าง... ตอนนี้เธอยืนอยู่ที่หน้าต่างเห็นเหอลี่หย่ากำลังอารมณ์เสีย ดูเหมือนจะหนีออกจากบ้าน มันเป็นปกติวิสัยของเธอ ทุกครั้งที่ทะเลาะกับคุณพ่อก็จะหนีออกจากบ้าน และพ่อก็รักเธอ คอยโน้มนาวเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เอาแต่ตามใจเธอ ในตอนนี้เธอโกรธจนสะบัดหลุดออกจากคนรับใช้ที่จับไว้ “ฉันทำอะไรผิดเหรอ ถ้าไม่ใช่ฉันที่เป็นคนเรียกพวกนักข่าวมา คุณชายรองตระกูลซูจะตกลงแต่งงานกับเถียนจิ้งได้ยังไง ที่ฉันให้เถียนจิ้งแต่งงานกับคุณชายรองตระกูลซูมีอะไรไม่ถูก เธอเสียสละแค่คนเดียวแต่ช่วยเหลือเราได้ทั้งครอบครัว มีอะไรที่ผิดอีก อ้อ แต่ว่า ไม่สามารถพูดได้ว่าเธอเป็นผู้เสียสละ คุณชายรองตระกูลซูที่จะแต่งงานกับเธอนั่นต่างหากที่เสียสละ...” เมื่อพูดจบก็ขึ้นรถและขับออกไปทันที เถียนโม่เซียนกังวลว่าภรรยาจะเกิดอุบัติเหตุจึงขับรถตามไป บ้านหลังนี้ มันยุ่งเหยิงไปหมด เถียนจิ้งยืนกอดอกอยู่ที่หน้าต่าง ลมพัดเย็นเอื่อยเข้ามา เป็นเวลานาน เธอถอนหายใจยาว เอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วส่งข้อความกลับไปที่เบอร์นั้น เพียงสองคำเท่านั้น “ฉันแต่ง” 
已经是最新一章了
加载中