บทที่ 18 ใจลอย
บ๗ที่ 18 ใจลอย
พูดได้ว่า ทันทีที่ซูยี่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู ตัวของเขาก็สั่นไปทั้งตัว
ซูเที๋ยนเที๋ยนพยายามเดาว่าเป็นใครกันที่โทรมา แต่ว่าซูยี่ก็ลุกขึ้นยืน และออกไปรับโทรศัพท์ที่อื่น
เธอตบอากาศ อย่างอารมณ์เสีย
ซูยี่รับโทรศัพท์ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาซักคำ
คนที่อยู่ตรงนั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี สีหน้าของซูยี่ยิ่งดูตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเขาก็เดินไปหยิบกุญแจรถแล้วก็ออกจากบ้านไป
ซูเที๋ยนเที๋ยนตะโกนตามหลังไปว่า “พี่รอง พี่จะไปไหนน่ะ?”
“พี่รอง ไม่กินข้าวแล้วเหรอ? ถ้าจะออกไปข้างนอก ก็ต้องพกร่มไปด้วยนะ”
แต่ว่าซูยี่ไม่ได้สนใจพวกเราเลยแม้แต่นิดเดียว ร่างสูงรีบวิ่งฝ่าฝนไป จากนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถมาจากลานหน้าบ้าน แล้วเสียงเครื่องยนต์นั้นก็ค่อยๆจากไป
ในห้องอาหาร ที่โต๊ะอาหารขนาดใหญ่ เหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้น บรรยากาศดูเบาบางขึ้นมาทันที
เถียนจิ้งไม่ได้พูดอะไรออกมา ตอนที่เธอกำลังจะกลับห้องไปพักผ่อนนั้น
ซูเที๋ยนเที๋ยนก็พูดจาออกมาอย่างเย็นขาว่า “แม่ใหญ่ แม่ว่าเมื่อกี้ใครโทรหาพี่น่ะ?”
หานชิงเสว่กำลังรับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย เธอกินข้าวไป พลางเอ่ยปากถาม “ใครล่ะ?”
ซูเที๋ยนเที๋ยนรู้สึกยินดีที่จะทำให้เถียนจิ้งเกิดความทุกข์ “ต้องเป็นพี่เสวียนแน่นอน”
หานชิ่งเสว่เกือบจะสำลักน้ำซุป “แค่กแค่ก….”
เธอจงใจมองหน้าเถียนจิ้ง แล้วพูดเสียงต่ำว่า “อย่าพูดไปเรื่อย”
ซูเที๋ยนเที๋ยนหัวเราะอย่างไม่สนใจแล้วพูดต่อ “หนูก็ไม่ได้พูดไปเรื่อยนิ ถึงแม้ว่าเมื่อกี้จะไม่เห็นเบอร์โทรศัพท์ แต่เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของพี่รองก็มั่นใจได้ว่า 80%ของคนที่โทรมาคือพี่เสวียนแน่นอน 20%คือคนโทรมาพูดเกี่ยวกับเรื่องของพี่เสวียน”
เถียนจิ้งค่อยๆขมวดคิ้วแน่น ซูเที๋ยนเที๋ยนจงใจพูดชื่อเสวียนเสวียนออกมา เธอก็ไม่ได้โง่ ประสาทก็ยังดีอยู่ ใช้จมูกทายยังทายได้เลยว่าผู้หญิงที่ชื่อเสวียนเสวียนนนี้คงจะเป็นแฟนของซูยี่แน่นอน…….
ซูเที๋ยนเที๋ยนคอยสังเกตท่าทีของเถียนจิ้งอย่างระมัดระวัง แล้วพูดต่อ “พี่รองของฉันแคร์เสวียนเสวียนมากเลยล่ะ”
หานชิ่เสว่ถอนหายใจออกมา แล้วพูดออกมาอย่างจำใจ “แคร์แล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้พี่รองของลูกแต่งงานแล้ว เขาเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ตอนนี้จิ้งจิ้งคือพี่สะใภ้ของลูก”
คำพูดนิ่งเรียบนี้กลับแฝงไปด้วยความยุแยง
หลังจากนั้น ซูเที๋ยนเที๋ยนก็หัวเราะหึออกมา แล้วก็ท้าวแขนสองข้างบนโต๊ะ โน้มตัวไปข้างหน้า จงใจพูดเสียงดังให้เถียนจิ้งได้ยิน “เชอะ เธอเป็นสะใภ้บ้านไหนกันเหรอ? ถ้าเกิดว่าพี่เสวียนกลับมาแล้วล่ะก็ หนูรับรองได้เลยว่าพี่รองต้องหย่ากับเธอแน่นอน”
“ยัยเด็กคนนี้ อย่าพูดมั่วๆนะ”หานชิ่งเสว่ทำเป็นแกล้งพูดดี
เถียนจิ้งสงบนิ่งต่อการยั่วยุของพวกเขามาก จำนวนข้อมูลเพียงเท่านี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้เธอโกรธหรอก ใครจะไม่เคยมีแฟนบ้างล่ะ?
ซูยี่ก็เคยมี เถียนจิ้งเองก็เคยมี ทำไมต้องไปยึดติดกับอดีตอะไรมากมายขนาดนั้นล่ะ? ไม่เบื่อกันรึไง?
พอคิดถึงจุดนี้ เธอก็กลับมายิ้มได้เหมือนเดิม แล้วก็พูดจาทิ่มแทงออกมาว่า “แค่ไม่ได้หย่ากันตั้งแต่วันแรก ฉันก็คือพี่สะใภ้ของเธอ”
“หึ เมื่อไหร่ที่พี่เสวียนกลับบ้าน พี่รองต้องเลิกกับเธอแน่นอน” ซูเที๋ยนเที๋ยนโกรธจนหายใจไม่ออก โกรธจนกำหมัดแน่น
เถียนจิ้งค่อยๆลุกขึ้นยืน แล้วโน้มตัวไปข้างหน้าเหมือนที่เธอทำเมื่อกี้ แล้วก็ค่อยๆพูดชัดๆทีละคำ “ถ้ายังงั้นคงต้องรอให้พี่เสวียนของเธอกลับมาก่อนถึงจะรู้ พอเธอกลับมาแล้ว หย่าหรือไม่หย่า ก็คงจะเป็นเรื่องของฉันกับพี่รองของเธอตัดสินใจเพียงสองคน เข้าใจไหม? เด็กน้อย?”
พอพูดจบ เธอก็คลี่ยิ้มออกมา “แม่ใหญ่ หนูขึ้นไปอ่านหนังสือข้างบนก่อนนะคะ”
แผนการยั่วยุของซูเที๋ยนเที๋ยนไม่ได้ทำให้เถียนจิ้งโกรธ แถมยังทำให้ตัวเองโมโหเองจนจะเป็นจะตาย ทันใดนั้นเธอก็ทุบกำปั้นลงที่โต๊ แล้วก็จ้องไปที่แผ่นหลังของเถียนจิ้งอย่าโกรธแค้น
มื้อนี้หานชิ่งเสว่กินจนอิ่มแปล้ รู้สึกว่าวันนี้อาหารอร่อยดีจริงๆ เจ้าเด็กซูเที๋ยนเที๋ยนก็ยอดเยี่ยมจริงๆ จัดการยัยผู้หญิงชั้นต่ำนั่นได้เจ็บแสบมาก ถ้ายังทะเลาะกันแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ บ้านนี้ถึงจะค่อยมีอะไรน่าสนใจหน่อย
ฝนด้านนอกยังคงตกอยู่
เถียนจิ้งนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียง แต่ก็อดใจลอยไม่ได้