บทที่ 19 ไม่ได้กลับมาทั้งคืน   1/    
已经是第一章了
บทที่ 19 ไม่ได้กลับมาทั้งคืน
บ๗ที่ 19 ไม่ได้กลับมาทั้งคืน เถียนจิ้งได้แต่นอนพลิกไปพลิกมา เรื่องเมื่อตอนเย็นที่ซูเที๋ยนเที๋ยนพูดออกมาทำให้เธอจับใจความได้สองอย่าง ข้อแรก ความสัมพันธ์ของซูยี่กับเสวียนเสวียนนั่นดีมาก ข้อที่สอง ตอนนี้ไม่รู้ว่าเสวียนเสวียนเธอไปอยู่ที่ไหน? หลังจากซูยี่รับโทรศัพท์สายนั้นก็รีบออกไปทันที หรือว่าจะเป็นจริงอย่างที่ซูเที๋ยนเที๋ยนทาย ว่าเสวียนเสวียนเธอกลับมาแล้ว? หรือว่ามีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับเสวียนเสวียน? ดูเหมือนว่าการวิเคราะห์ของยัยเด็กซูเที๋ยนเที๋ยนนั่นจะเป็นเรื่องจริง เธออดไม่ได้ที่จะคิดว่า ถ้าเสวียนเสวียนกลับมาแล้วจริงๆ ซูยี่จะหย่ากับเธอรึเปล่า? เธอแค่ใจลอยนิดหน่อย แต่ไม่ได้ถึงกับทุกข์ใจอะไร เพราะยังไงการที่เธอแต่งงานกับซูยี่ก็เพราะว่ามีแผนการอยู่ในใจ ไม่ใช่เพราะว่ารักหรืออะไร เพราะฉะนั้นเธอก็เลยไม่ได้รู้สึกเจ็บปวด เธอเป็นผู้หญิงที่ใจกล้าคนหนึ่ง ถึงต้องหย่ากันจริงๆเธอก็ยอมรับได้ คิดไปคิดมาเธอก็เริ่มรู้สึกง่วงนอน แล้วก็ค่อยๆหลับไป อาจจะเพราะว่าอากาศค่อนข้างเลวร้าย เธอจึงนอนหลับไม่ค่อยสบาย เลยตื่นขึ้นมากลางดึกหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายเธอตาปรือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาซูยี่ เสียงปลายสายตอบกลับมาแค่ ขออภัยค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ วันที่สอง หลังจากที่เธอตื่นนอนแล้วลงมาชั้นล่าง ก็เห็นสายตาอาฆาตแค้นที่จ้องมาที่เธอ ที่แท้ พอเงยหน้าขึ้นมามองก็เป็นสายตาที่เคียดแค้นของซูเที๋ยนเที๋ยนนั่นเอง เธอเห็นว่าซูเที๋ยนเที๋ยนนั้นเหมือนคนที่นอนไม่หลับทั้งคืน มีรอยคล้ำใต้สองตา สีหน้าเต็มไปด้วยความทุกข์ใจ ทำเหมือนสามีออกไปมีเมียน้อยยังงั้นแหละ เถียนจิ้งไม่รู้จะพูดอะไร ซูยี่ไม่กลับบ้านทั้งคืน เธอก็เลยนอนไม่หลับทั้งคืนยังงั้นเหรอ? ทำลายตัวเองจนสภาพเป็นแบบนี้เลยเหรอ? จะอุ้มอกกลุ้มใจไปทำไมกัน? ยัยเด็กคนนี้ก็ชอบสร้างเรื่องปวดหัวให้จริงๆเลย ทั้งๆที่ตัวเองยังคิดไม่ซื่อกับซูยี่ซะด้วยซ้ำ เพราะกลัวว่าตัวเองจะได้เป็นแค่คุณหญิงที่สามแห่งตระกูลซูไปตลอดชีวิต เฮ้อ….. “อรุณสวั…..” เธอยังพูดไม่ทันจบ ก็โดนซูเที๋ยนเที๋ยนตัดบทด้วยความโกรธ “แปดโมงแล้ว พี่ชายฉันหายไปเกิน12ชั่วโมงแล้ว เธอยังจะมีอารมณ์มาสวัสดีตอนเช้าอีกงั้นเหรอ?” ซูเที๋ยนเที๋ยนโกรธจนตาแดงก่ำไปหมด สายตาราวกับแมวป่ายังไงยังงั้น เถียนจิ้งถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร “พี่ชายลูกไม่ได้หายตัวไปซะหน่อย เขาแค่ออกไปจัดการธุระที่สำคัญต่อเขามากๆก็เท่านั้นเอง ยัยเด็กคนนี้นี่ ขอร้อวเถอะ เลิกนิสัยเหมือนเด็กซักที” ซูเที๋ยนเที๋ยนโกรธจนหน้าสั่น เธอกัดฟันแล้วพูดว่า “เถียนจิ้ง ทำไมเธอถึงไร้หัวใจขนาดนี้? เมื่อคืนพี่ชายฉันถึงกับสั่งให้คนทำโจ๊กมาให้เธอคนเดียว เธอไม่เป็นห่วงเขาแม้แต่นิดเดียวเลยงั้นเหรอ?” ในที่สุดเถียนจิ้งก็ยอมรับออกมา “ฉันไม่ได้ไม่เป็นห่วงเขา แต่ว่าเมื่อคืนพี่ชายของเธอไม่ให้โอกาสฉันเล่นแม้แต่นิดเดียว เมื่อคืนฉันโทรไปหาเขาแล้ว แต่เขาปิดเครื่อง” ซูเที๋ยนเที๋ยนโมโหกว่าเดิม “เขาปิดเครื่อง เธอก็ยังนิ่งได้อยู่อีกเหรอ? เธอติดต่อเขาไม่ได้ เธอยังใจเย็นแบบนี้อยู่อีกงั้นเหรอ?” “เขาโตแล้ว ทำไมฉันจะวางใจไม่ได้ล่ะ?” “แต่ว่าเขาปิดเครื่อง” เธอระเบิดอารมณ์โกรธออกมาจนเหมือนไก่ชน “บางทีอาจจะเพราะว่าโทรศัพท์เขาแบตหมด หรือไม่ก็ตกน้ำจนพังไปแล้วก็ได้” “เถียนจิ้ง ฉันไม่เคยเจอผู้หญิงที่ไหนใจดำเท่าเธอมาก่อน เธอจะเหมาะกับเป็นภรรยาพี่รองฉันได้ยังไง? ยังไงก็ไม่เหมาะสม!” ซูเที๋ยนเที๋ยนขี้หน้าเธอแล้วด่าออกมา เถียนจิ้งยักไหล่เบาๆแล้วก็เดินไปเทน้ำดื่ม แล้วก็ตอบด้วยเสียงนิ่งเรียบว่า “ถ้าฉันไม่เหมาะสมแล้วยังไงล่ะ? พี่รองของเธอตกลงแต่งงานกับฉันเองนิ” ประโยคนั้นทำให้ซูเที๋ยนเที๋ยนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แต่จ้องหน้าเถียนจิ้งอยู่แบบนั้น ที่จริงเถียนจิ้งก็ไม่ได้ไม่เป็นห่วงซูยี่ แต่ว่าเธอมีสติมากกว่าซูเที๋ยนเที๋ยน แล้วอีกอย่างเธอก็วิเคราะห์มาแล้วว่า ซูยี่ไปทำธุระ ยังไงก็ไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นแน่นอน คนที่ไม่แยแสอะไรและน่าเกรงขามอย่างเขานั้น ไม่ไปทำให้คนอื่นเกิดอุบัติเหตุก็ถือว่าบุญมากแล้ว พอเถียนจิ้งดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้ว ก็หันไปมองซูเที๋ยนเที๋ยนที่กำลังโกรธจนหน้าแดง ยัยเด็กคนนี้ดูท่าจะโกรธมาก หายใจฟึดฟัด ช่างน่าเสียดายที่พ่อของเธอตั้งชื่อให้เธอว่าเที๋ยนเที๋ยน เที๋ยนที่แปลว่าหวานเนี่ยนะ? ท่าทางของเธอตอนนี้ดูยังไงก็ไม่หวานเลยแม้แต่นิดเดียวเลยนะ? ซูเที๋ยนเที๋ยนโมโหจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องเถียนจิ้งอยู่แบบนั้น เถียนจิ้งถือโอกาสนี้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “ไม่ต้องโกรธแล้ว ถ้าผู้หญิงโกรธแบบนี้บ่อยๆจะหน้าเหี่ยวเร็วนะ” เธอไม่ให้โอกาสยัยเด็กคนนี้ได้พูดอะไรต่อ เธอพยายามหาทางหลีกเลี่ยงให้เธอใจเย็นลง แล้วหลังจากนั้นค่อยแหย่เธอต่อ ในที่สุด ประโยคนี้ก็ทำให้คนอย่างซูเที๋ยนเที๋ยน ที่รักความงามของตัวเองจนแทบถวายชีวิตตั้งสติได้แล้วก็เอามือจับหน้าของตัวเอง “พูดไปเรื่อย ฉันหน้าเหี่ยวตรงไหน?” เถียนจิ้งทำสีหน้ารู้สึกผิด “เที๋ยนเที๋ยน เธอก็อายุปูนนี้แล้ว ตีนกาก็เริ่มมาแล้ว แถมใต้ตาก็ดำมาก หางตาก็มีแต่ตีนกา ผิวตรงแก้วก็เริ่มลอกเป็นขุยแล้วด้วยนะ” ซูเที๋ยนเที๋ยนโดนเธอหลอกจนหน้าเสีย ลูบหน้าตัวเองแล้วพูดเสียงดังว่า “ใช่ที่ไหนล่ะ? หุบปากเดี๋ยวนี้เลยนะ ห้ามพูดอะไรไปเรื่อย ผิวฉันน่ะนุ่มชุ่มชื้นจะตาย” เถียนจิ้งส่ายหน้า “ถ้าไม่เชื่อฉันก็ไปส่องกระจกได้เลย ใช่สิ ช่วงนี้ฉันใช้มาส์กหน้าตัวนึงอยู่ เธออยากลองดูไหม? ใช้ดีมากเลย เป็นของที่บริษัทพวกฉันพึ่งพัฒนาออกมา เดี๋ยวฉันเอามาให้ลองดีไหม?” ซูเที๋ยนเที๋ยนส่ายหัว แล้วก็พูดอย่างภูมิใจว่า “ไม่เอา ฉันไม่อยากได้พวกขยะจากบริษัทเธอหรอก! สกินแคร์ของฉันต้องแพงมากๆเท่านั้น ขยะจากบริษัทเธอน่ะ ฉันรังเกียจ” “ก็ได้ ถือว่าฉันเข้าข้างตัวเองมากเกินไปก็แล้วกัน” เถียนจิ้งก้มลงมองนาฬิกาข้อมือตัวเอง “ไม่คุยกับเธอแล้ว ฉันต้องไปทำงาน วันนี้ฉันเป็นประธานการประชุมตอนเช้า อาหารเช้าผู้ช่วยคงจะซื้อเตรียมไว้ให้ฉันแล้วล่ะ” พอเธอก้าวเท้าออกไปสองก้าว ก็หันกลับมาเตือนด้วยความหวังดีอีกครั้ง “เที๋ยนเที๋ยน รีบกลับห้องไปมาส์กหน้าบ้างนะ ผิวเธอน่ะโดนเธอกระทำจนแย่ไปหมดแล้ว สิ่งที่ดูแพงที่สุดสำหรับผู้หญิงเราน่ะก็คือใบหน้า ฉันล่ะทนเห็นเธอเป็นแบบนี้ไม่ได้จริงๆ” พอพูดจบ ก็วิ๊งตาให้เธอหนึ่งที ใบหน้าเล็กๆของซูเที๋ยนเที๋ยนโกรธมาก ถ้ายื่นกะละมังให้เธอ เธอคงจะอ้วกออกมาเป็นเลือดแน่นอน เถียนจิ้งเดินไปถึงประตู แล้วก็สูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปอย่างสบายอกสบายใจ คฤหาสน์ตระกูลซูนี่ช่างบรรยากาศดีจริงๆ อากาศก็สดชื่นมากเลย พอเธอเดินไปถึงโรงจอดรถ ก็มีคนขับรถมาต้อนรับ “อรุณสวัสดิ์ครับคุณหญิงรอง คุณชายรองสั่งให้ผมไปรับไปส่งคุณที่ทำงานครับ” เถียนจิ้งยิ้มแล้วพยักหน้า “อรุณสวัสดิ์ค่ะ ถ้างั้นรบกวนด้วยนะคะ” เธอพึ่งก้าวขึ้นรถยังไม่ทันจะปิดประตู ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถแล่นเข้ามา ทันใดนั้นก็มีรถคันนึงขับเข้ามาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเธอก็มองเห็นหน้าผู้ชายที่หายตัวไป 12ชั่วโมง 
已经是最新一章了
加载中