บทที่ 25 ดาวเด่น   1/    
已经是第一章了
บทที่ 25 ดาวเด่น
บ๗ที่ 25 ดาวเด่น เถียนจิ้งเปิดข้อความดู มีแค่สามคำ“ตำแหน่งเต็ม” เธอรีบตอบกลับ “ขอร้องละ ช่วยฉันซักครั้งเถอะนะ ฉันจะตอบแทนบุญคุณเธอแน่นอน” ทางนั้นก็ยังคงตอบกลับมาสามคำว่า “ตำแหน่งเต็ม” เธอมองโทรศัพท์แล้วส่ายหัว โอเค โอเค บริษัทเธอตำแหน่งงานเต็ม บริษัทเธองานยุ่งมาก ไม่สมัครก็ไม่สมัคร ใช่แล้ว เธอตัดใจแล้วและตั้งใจทำงานต่อไป ยุ่งมาทั้งวัน ข้าวเย็นก็กินกับสวูหมิ่นมาจากที่บริษัท พอถึงบ้าน ก็เอาเท้าแช่น้ำบรรเทาความเหนื่อยล้า แล้วก็เอนตัวลงนอนด้วยจิตใจที่อิ่มเอมกำลังจะเตรียมตัวเข้านอน หลังจากเอนตัวลง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้น เธอขมวดคิ้วด้วยความสงสัยและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เพราะว่าตอนนี้กำลังท้องอยู่ เธอก็เลยเอาโทรศัพท์ไปวางให้ไกลจากหัวเตียงวางไว้ที่โซฟา เปิดดูข้อความ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นซูยี่ที่ส่งข้อความมา เธอเปิดดูและยิ่งขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม คิดไม่ถึงว่าเขาจะส่งตารางการทำงานมาให้ อาหารเช้า การประชุมเช้า อาหารกลางวัน งานประมูลตอนบ่าย โดยรวมแล้วก็คือส่งตารางงานที่ละเอียดยิบมาให้ ความคิดแรกของเธอก็คือ ซูยี่ท่านประธานผู้เยือกเย็นคนนี้ก็ยุ่งจนเสียสติไปแล้วแน่ๆ ไม่ระวังก็เลยส่งมาผิดแน่นอน พอคิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ส่งหน้ายิ้มกลับไป และหยอกกลับไปว่าคุณซู คุณส่งข้อความให้ผิดคนแล้วค่ะ ครั้งนี้ซูยี่ตอบข้อความกลับมาอย่างเร็ว แต่ว่าข้อความนั้นทำให้เถียนจิ้งต้องอดยิ้มออกมาไม่ได้ “ไม่ผิดหรอก รายงานตารางงานให้คุณฟังเป็นการแสดงความเคารพคุณ” เถียงจิ้งมองดูข้อความนี้ และไม่รู้ว่าจะตอบกลับยังไงดี รายงานตารางงานงั้นหรอ ถึงแม้ว่าในข้อความจะมีแค่สิบคำเท่านั้น ยังคงสไตล์ความเย็นชาเอาไว้ แต่กลับรู้สึกถึงความอบอุ่นจากตรงนั้น มองดูโทรศัพท์ และจับหน้าจอไว้ ริมฝีปากของเถียนจิ้งก็ค่อยๆยิ้มขึ้นมา หลังจากนั้น เธอก็ตอบกลับไปสองคำ “รับทราบ” ซูยี่ที่อยู่อังกฤษนั้นตอนนี้กำลังอยู่ในโรงแรม และฟังตารางการทำงานอยู่ เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและวางลงเป็นพักๆ เลขาผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆเขานั้นทำตาโต เมื่อกี้เธอตาฝาดรึเปล่วนะ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นท่านประธานยิ้มออกมา ตอนที่เธอกำลังสงสัยอยู่นั้น ท่านประธานก็ใช้สายตาที่เยือกเย็นมองไปที่เธอ เธอตกใจและรีบกลับมาที่แผนการทำงานเหมือนเดิม รอจนรายงานแผนการทำงานเสร็จ คนกลุ่มนึงก็เดินออกมาจากโรงแรม และยังมีอีกคนนึงที่ตกค้างอยู่ที่โรงแรม ไม่ยอมกลับบ้าน คนนี้ก็คือเฉียวมู่เซิน ร่างกายที่สูงยาวของเขายืนพิงอย่างขี้เกียจอยู่ที่ข้างหน้าต่าง ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขากำลังพิจารณาอะไรบางอย่าง และคอยจ้องมองหน้าของซูยี่เป็นระยะๆ ซูยี่รู้สึกถึงสายตาที่มองมานั้นไม่ค่อยปกติ เขายักคิ้วและพูดว่า “ไม่เหนื่อยหรอ จะให้มอบหมายงานให้ทำอีกดีมั้ยนะ” ผู้ชายที่ยืนขี้เกียจอยู่เมื่อกี้จู่ๆก็วิ่งอย่างตลกขึ้นมาข้างหน้า “ไม่ ไม่เอา ผมเหนื่อยมากแล้ว ปล่อยผมไปซักครั้งเถอะนะ” ซูยี่ไม่มองเขา แค่พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า “ออกไป เดี๋ยวนี้” เฉียวมู่เซินอดกลั้นความอยากรู้อยากเห็นเอาไว้ไม่ได้ ในที่สุดก็ตัดสินใจเข้าไปนั่งบนโต๊ะในออฟฟิศและถามว่า “เมื่อกี้ใครส่งข้อความมาหานายหรอ พี่สะใถ้ใช่มั้ย” ซูยี่มองขึ้นมาด้วยความรำคาญ ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความมืดมิด เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการอยากรู้อยากเห็นของตัวเองเฉียวมู่เซินก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องว่าสายตามืดดำที่จ้องมานั้นหมายความว่ายังไง เขาถามต่อไปอย่างไม่กลัวตายว่า “ต้องเป็นพี่สะใภ้แน่ๆ เป็นยังไงบ้าง มีความสุขกับชีวิตแต่งงานมั้ย เมื่อกี้นายยิ้ม นายยิ้มจริงๆ ฉันมองเห็น นายกับพี่สะใภ้เข้ากันได้ดีเลยใช่มั้ยละ” เมื่อกี้เขาเห็นซูยี่ยิ้มออกมาจริงๆ เขาไม่เห็นเขายิ้มออกมาแบบนี้นานมากแล้ว นานมากจนวันนี้เขาคิดว่าวันนี้ได้เจอโชคลาภ เดี๋ยวออกไปข้างนอกเขาจะไปซื้อลอตตารี่ดู อืม ตัดสินใจแบบนี้แหละ สีหน้าของซูยี่ได้เปลี่ยนมาอึมครึมเหมือนเมฆที่กำลังก่อตัว พูดออกไปอย่างน่ารำคาญว่า “นายพูดมากเกินไปแล้วนะ” “พี่ซู่ ตอนที่นายยิ้มมันดูสบายตามากเลย ถึงยังไงก็ดูดีกว่าสภาพนายตอนนี้เยอะเลย เพราะฉะนั้น ที่ผมอยากพูดก็คือ ชีวิตคนเรามันสั้น ทำไมต้องคอยให้ตัวเองอดกลั้นตลอดเวลา เรื่องที่ผ่านมาแล้ว มันก็ผ่านไปแล้ว ยังไงก็กลับมาไม่ได้โดยสิ้นเชิง ดังนั้น ก็ควรจะทิ้งไปเหมือนการทิ้งขยะ” เฉียวมู่เซินที่รู้ว่าตัวเองพูดผิดก็รีบหุบปากทันที และคิดว่าอุณหภูมิห้องลดลงไป เป็นอย่างที่คิดไว้ ซูยี่ชักสีหน้าใส่เขา เฉียวมู่เซินตกใจจนตกลงมาจากโต๊ะ และรีบพูดขึ้นว่า “ขอโทษ ขอโทษ ผมพูดผิด พูดตรงเกินไป ปากผมมันไปไวหน่อย แสดงออกไม่ค่อยเก่ง” ซูยี่ได้ฟังเขาพูดเรื่อยเปื่อยก็ยิ่งโกรธเข้าไปอีก ขมวดคิ้วและตะโกนออกมาว่า “ออกไป” เฉียวมู่เซินไม่กล้าที่จะต่อการกับเขาอีก เขารีบออกไป แค่พริบตา ก็มาถึงวันฉลองครบรอบบริษัทแล้ว ซู่ยี่ได้ออกไปทำงานนอกสถานที่ได้ห้าวันแล้ว ทุกวันเขาจะรายงานตารางให้เถียนจิ้งฟัง เถียนจิ้งเมื่อเห็นข้อความที่เขาส่งมาเธอก็จะคอยตอบกลับเช่นกัน และจะพูดคุยถึงเรื่องในบ้านอีกนิดหน่อย และแน่นอนว่าท่านประธานที่เย็นชาก็จะตอบกลับแบบเย็นชา แต่เธอก็ไม่โกรธเพราะทุกคนต่างมีนิสัยของตัวเอง เธอคิดว่าซูยี่เป็นคนนิสัยแบบนั้น เพราะเธอเกิดมาเป็นคนที่ชอบพูดมากชอบแสดงออก ถ้าหากว่าเปลี่ยนเธอให้เย็นชาแบบซูยี่ละก็ เธอคงจะอึดอัดตาย ดังนั้น เธอเคารพตัวตนของทุกคน ยิ่งไปกว่านั้นคนนี้คือสามีของเธอ เธอจะแค่เคารพอย่างเดียวไม่ได้เธอยังต้องปรับตัวให้ชินอีกด้วย งานฉลองครบรอบวันนี้ พนักงานบริษัททุกคนต้องแต่งตัวสวยหล่อมาร่วมกิจกรรม งานในวันนั้นยังเชิญแขกผู้กิตติมศักดิ์มาจากทั่วโลกอีกด้วย แต่เธอกับพ่อของเธอบอกไปแล้วว่าเนื่องจากซูยี่ไปทำงานนอกสถานที่จึงไม่สามารถเข้าร่วมได้ เถียนโม่เชียนตบไหล่เธอเบาๆ และพูดว่า “ไม่เป็นไรนะ ปีหน้าพวกเราค่อยนัดกับเขาล่วงหน้า” แค่คำพูดคำเดียว ก็ทำให้เถียนจิ้งหัวเราะได้ “โอเค หนูไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน” เถียนโม่เชียนพยักหน้า “อืม พ่อเลือกชุดราตรีไว้ให้แล้ว แต่งตัวสวยๆนะ อีกเดี๋ยวลูกพ่อจะต้องกลายเป็นดาวเด่นในงานแน่นอน” เถียนจิ้งยิ้มและเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว มองดูแผ่นหลังของเธอ จากตรงที่ไม่ไกลมากนักสายตาที่อิจฉาริษยาของเหอลี่หย่าก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น ตาแก่นี่ทำไมถึงใส่ใจลูกสาวขนาดนี้แถวยังหวังให้นังนี่กลายเป็นดาวเด่นของงาน ดี เดี๋ยวเธอก็จะได้ทำให้ตาแก่นี่สมหวัง ทำให้ลูกสาวของเขากลายเป็นดาวเด่นของงาน ดาวเด่นของการถูกดูถูก เหอะเหอะ
已经是最新一章了
加载中