บทที่ 1 การสังหารในคืนฝนตก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 1 การสังหารในคืนฝนตก
บทที่ 1 การสังหารในคืนฝนตก บทนำ ฤดูร้อนของเมือง H ฝนเทกระหน่ำไม่หยุด ตุนท์ลากกระสอบใบใหญ่ เดินไปเดินมาด้วยความเหนื่อยล้าอยู่บนถนนภายในซอยเล็กๆ ผู้สูงอายุวัย 60 ปีอีกทั้งยังมีขาขวาที่พิการ ทำให้เขาหางานที่มั่นคงได้อย่างยากลำบาก เขาเป็นคนเก็บขวดพลาสติกและลังกระดาษขึ้นมาจากถังขยะก่อนที่พนักงานทำความสะอาดจะมา พวกนี้มันก็ได้มากลายเป็นหนึ่งในไม่กี่แหล่งที่มาของรายได้ไปแล้ว ซอยที่สาม เป็นสถานที่ที่ตุนท์ชอบมามากที่สุด หลังจากฝนหยุดตก สภาพถนนที่ย่ำแย่ทำให้พนักงานทำความสะอาดเมืองไม่สามารถหลีกเลี่ยงมันได้ ขยะในถังกองพะเนินราวกับภูเขา มันง่ายมากที่จะหาเจอของล้ำค่า “อ้อย วิ่งไปไหนแล้ว?” ตุนท์เพิ่มความเร็วจนมาถึงปากทางของซอย ปากของเขาก็ตะโกนชื่อของหลานสาวเสียงดังลั่น หลังจากที่ลูกชายลูกสะใภ้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์จนเสียชีวิต ลูกสะใภ้ก็ทิ้งหลานสาวที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาอยู่เล็กน้อยไปอย่างใจดำ และได้หนีไปไกลแล้ว ทุกครั้งที่ถึงเวลานี้ อ้อยที่อายุเจ็ดขวบมักจะออกไปรอคุณปู่กลับบ้านที่หน้าปากทางเสมอ เพื่อช่วยแบ่งเบากระสอบที่หนักอึ้งของเขา ปู่หลานที่หน้าสงสารสองคนนี้ เป็นญาติเพียงคนเดียวของกันและกันในโลกนี้แล้ว แต่ทว่า วันนี้อ้อยกลับยังไม่ออกมา ปากทางเข้าซอยใหญ่อย่างนี้ จึงเต็มไปด้วยความเงียบสงบ “เหมียว!” ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องบางอย่างดังขึ้น ตัดผ่านท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ทำให้ตุนท์ตกใจจนสะดุ้งโหยงไปครั้งหนึ่ง ภายในซอย แมวดำตัวหนึ่งกำลังจ้องมองตุนท์ด้วยความระมัดระวัง หลังจากนั้นก็เหมือนกับว่าได้รับความตกใจเหมือนกัน จึงกระโจนเข้าไปในความมืดอย่างรวดเร็ว หายไปไม่เห็นเงา “เจ้าสัตว์เดรัจฉาน ทำข้าตกใจเกือบตาย!” ด่าออกไปสองสามประโยค ตุนท์ก็เปิดไฟฉายเดินเข้าไปในซอยต่อไป ภายในซอยที่สกปรก มีถังขยะเหล็กขนาดใหญ่หกใบวางเรียงรายกันอยู่ ตุนท์พลางนับในใจ และพลางเดินไปข้างหน้า “ใบที่2 ...ใบที่ 3 ...ใบที่4...” จนถึงตอนที่เดินมาถึงตรงกลางของซอย เขาก็พลันหยุดกะทันหัน ถังขยะเหล็กใบที่4 หายไปแล้ว แต่กลับถูกแทนที่ด้วยกระเป๋าเดินทางใหม่เอี่ยมใบหนึ่ง กระเป๋าเดินทางใหญ่ผิดปกติ ภายในนั้นกลับตุงออกมาเพราะสิ่งที่อยู่ด้านในนั้น ไม่รู้ว่ายัดอะไรเข้าไป ไม่ว่าของที่อยู่ด้านในนี้จะไม่มีมูลค่าเลยแม้แต่น้อย ทว่ากระเป๋าเดินทางใบนี้ ก็สามารถขายได้ในราคาที่ไม่เลวเลย ตุนท์ก้มตัวลง หาซิปจนเจอ ค่อยๆ รูดซิปของกระเป๋าเดินทางออกอย่างช้าๆ ขั้นตอนทั้งหมดล้วนไม่ราบรื่นเลย หยาดฝนมันส่งผลกระทบต่อการมองเห็นของเขา ความรู้สึกที่ได้จากของที่อยู่ภายในกระเป๋าเดินทางนั้นเป็นของแข็ง ทำให้เขายิ่งคาดหวังกับของที่อยู่ภายในนั้นมากขึ้น “มันหนักจริงๆ ไม่รู้ว่า...” ยังพูดไม่ทันจบ ตุนท์ก็เหมือนกับถูกบีบคอเอาไว้ก็ไม่ปาน ไม่มีทางที่จะเปล่งเสียงออกมาได้เลย ภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ดุจดั่งนรกอเวจี ภายในกระเป๋าเดินทางที่ใหญ่อย่างนี้ แท้ที่จริงแล้วถูกยัดร่างผู้หญิงที่เปลือยเปล่าร่างหนึ่งเอาไว้ ทั่วทั้งร่างของหญิงสาวนั้นเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำสีม่วงคล้ำ มือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้ด้านหลัง ดวงตาของความสับสนที่เต็มไปด้วยความกลัวอย่างสุดขีด ใบหน้าซีกซ้ายของเธอคล้ายกับว่าถูกกัดฉีกกระชากของสัตว์ที่ดุร้าย บนแก้มที่แข็งทื่อมีเลือดเนื้ออยู่เบาบาง ผู้หญิงคนนี้ไม่มีสัญญาณของชีวิตมานานแล้ว บนหน้าอกที่เปลือยโล่งถูกสลักตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัวด้วยความโหดร้ายทารุณ: ช่วย ช่วยฉันด้วย! ตุนท์ตกใจจนล้มลงไปกับพื้น อุจระปัสสาวะราดเต็มไปหมดแล้ว ไม่นานหลังจากนั้น มือและขาก็พยายามเอาตัวลุกขึ้นมา ลากขาที่พิการตะบึงไปยังปากทางของของซอยนี้ “อ้อย อ้อย! หนูอยู่ไหน?” ทว่าสิ่งที่ตอบเขากลับมานั้น มีเพียงเสียงฝนซ่าๆ ที่ตกลงมารอบๆ เท่านั้น เนื้อหา ด้านหน้าสถานีรถ ณ เมือง H สองข้างทางได้ปลูกต้นไม้ดอกไม้เอาไว้อย่างเป็นระเบียบ ลมพัดคราหนึ่ง กลิ่นหอมก็ลอยออกไปหลายสิบลี้ ชายคนหนึ่งลากกระเป๋าเดินทางค่อยๆ เดินออกมาจากทางออกของสถานีรถ มือข้างหนึ่งซุกเอาไว้ในกระเป๋ากางเกง ภายใต้ผมหน้าม้าที่ยุ่งเหยิง ท่าทางดูอดหลับอดนอนและมองไปรอบๆ ไม่หยุด เดินไปไม่กี่ก้าว ชนัตยืนอยู่ตรงประตูทางออกของสถานีรถ ชูป้ายไฟขึ้นสูงที่เขียนเอาไว้สองตัว “จริม” สายตาที่รอคอยคอยมองกระแสผู้คนที่หลั่งไหลออกมาจากสถานีรถอยู่ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวที่เดินผ่านข้างๆ กายของเขา ได้ชะลอฝีเท้าให้ช้าลงโดยบังเอิญ มองผู้ชายที่ใส่แว่นกันแดดสีดำ รูปร่างสูงใหญ่เท่สง่าคนนี้ ก้มหน้าบ่นกระซิบกระซาบกันตลอดเวลา “สมัยนี้ แฟนคลับมันบ้าคลั่งขนาดนี้เชียวหรือ?” ชนัตกลับไม่ใช่แฟนคลับแต่อย่างใด มาที่นี่ก็ไม่ใช่มาเพื่อตามดารา เขาไม่อยากจะอธิบายอะไรให้มากความ เขาในตอนนี้กำลังร้อนใจไม่เป็นสุขมาก เป็นตำรวจมานานขนาดนี้ ชนัตได้ประสบพบเจอกับคดีที่จัดการได้ยากที่สุดตั้งแต่เป็นตำรวจมาเจ็ดปีมานี้ วันที่ 25 เดือน พฤษภาคม พนักงานบริษัทเอฟ เคของเมือง H ชื่อปิติมาถูกคนพบเป็นศพอยู่ในซอยที่ห่างจากบริษัทประมาณหนึ่งกิโลเมตร ร่างกายเปลือยเปล่า พบว่ามือทั้งสองข้างถูกมัดเอาไว้ข้างหลัง บริเวณคอเป็นรอยแผลที่ถูกมัดแน่นน่าหวาดกลัวรอยหนึ่ง รายงานการชันสูตรศพพบว่า ปิติมาตายในช่วงเช้ามืดเวลาประมาณตีสามสิบนาทีจนถึงตีสี่ สาเหตุการตายคือการขาดอากาศหายใจที่เกิดจากกลไกภายนอก ร่างกายของผู้ตายเต็มไปด้วยบาดแผลที่ดูทรมาน บริเวณหน้าอกด้านซ้ายของเธอยังถูกคนใช้อาวุธที่แหลมคมสลักตัวอักษรสองตัว “ช่วยด้วย” เอาไว้อีกด้วย ทางด้านตำรวจพบไม้แกะสลักรูปคนอยู่ไม่ไกลจากที่พบศพ ตั้งใจวางเอาไว้ในท่าเดียวกันกับผู้ตาย อีกทั้งด้านหลังของไม้แกะสลักรูปคนนี้ยังใช้ปากกาแดงเขียนชื่อของผู้ตายเอาไว้อีกด้วย เห็นได้ชัดว่านี่เป็นคดีฆาตกรรมที่มีการวางแผลเอาไว้ล่วงหน้า ไม่ว่าจะเป็นไม้แกะสลักรูปคน หรือตัวอักษรสองตัว “ช่วยด้วย” ที่ถูกสลักเอาไว้บนหน้าอกของผู้ตาย ทั้งหมดนี้ราวกับว่ากำลังยั่วยุทางฝั่งตำรวจเป็นอย่างมาก พอคดีนี้เกิดขึ้นก็ดึงดูดความสนใจของสังคมในทุกวงการเป็นอย่างมาก เป็นครั้งแรกที่หน่วยสืบสวนอาชญากรรมของเมือง H ใช้มนุษย์เป็นตัวไขคดีฆาตกรรม ทว่าการตายของปิติมากลับเป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ภายในเวลาหนึ่งเดือนหลังจากนั้น เมือง H ก็เกิดคดีฆาตกรรมผู้หญิงอีกสองคนติดต่อกัน ช่วงระยะก่อนและหลังของคดีมักจะเกิดขึ้นในตอนที่ฝนตกหนัก ทำให้เกิดความยากลำบากเป็นอย่างมากต่อการทำงานของหน่วยสืบสวนอาชญากรรม ฆาตกรก็ยังจงใจทิ้งตัวอักษรยั่วยุไว้บนร่างกายของผู้ตายเต็มไปหมด อีกทั้งในที่เกิดเหตุใกล้กับผู้ตายก็ยังมีไม้แกะสลักรูปคนเอาไว้เหมือนกัน คืนฝนตก ตุ๊กตาไม้แกะสลักรูปคน สลักตัวอักษร ที่มาของสามคำนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย แต่มันกลับเป็นดั่งฝันร้ายที่วนเวียนอยู่บนท้องฟ้าของเมือง H ลักษณะของสามคดีฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้น วิญญาณของคนบริสุทธิ์ทั้งสามที่ตายไป ฆาตกรที่ก่อคดียังคงลอยนวลอยู่ ทำอะไรตามอำเภอใจไม่เกรงกลัวใครอีกทั้งยังยั่วยุอำนาจสูงสุดของตุลาการ เขาอยู่ที่ไหน? เป้าหมายของเขาคืออะไร? เขาจะยังคงก่อคดีอย่างต่อเนื่องหรือไม่? ทั้งหมดทั้งมวลนี้ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลย ผ่านการปรึกษาหารือ หน่วยสืบสวนอาชญากรรมของเมือง H ตัดสินใจที่จะจัดการกับคดีฆาตกรรมทั้งสามคดีนี้ ตั้งชื่อเป็น 5.25 คดีฆาตกรรมอย่างต่อเนื่องในคืนฝนตก ภายในเทศบาลเมืองก็ได้ตั้งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจขึ้นมา ไขคดีฆาตกรรมนี้อย่างสุดกำลัง แต่ทว่า ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์แล้ว การสืบสวนกลับไม่มีความคืบหน้าใดเลย ภายใต้ความยากลำบาก หัวหน้าของหน่วยสืบสวนที่มีชื่อว่าดนวัตกลับไม่ได้รีบร้อนดุด่าแต่อย่างใด แต่คำแนะนำคนหนึ่งให้เข้าไปอยู่ในหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ เป็นที่เข้าใจกันว่าคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาอาชญากรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งชำนาญในเรื่องการเขียนคดีอาชญากรรมและจิตวิทยา ช่วงเวลาที่ไปเรียนต่ออยู่ต่างประเทศได้ช่วยตำรวจในท้องที่ไขคดีหลายต่อหลายครั้ง มีความร่วมมือจากเขาแล้ว ดนวัตรเชื่อว่าหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจจะต้องสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างแน่นอน เพียงแต่ว่า ให้บุคคลที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่มาเข้าร่วมหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ ชนัตรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่เลย เขา จะทำได้เหรอ? “ดนวัตส่งนายมาเหรอ?” เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นมาอย่างฉับพลัน ชนัตหันกลับไป มองแวบหนึ่งก็สังเกตเห็นวัยรุ่นสีหน้าท่าทางเย็นชาที่ลากกระเป๋าเดินทางกำลังมองตัวเองอยู่ อายุเขาประมาณยี่สิบห้าปี ส่วนเสื้อยืดสีดำและกางเกงขาสั้น ผิวขาว รูปร่างผอม ผมก็ไม่ค่อยเรียบร้อย ราวกับว่าเพิ่งตื่นขึ้นมา “นายคือ จริมเหรอ?” หากตัดสินจากรูปลักษณ์ภายนอกเพียงอย่างเดียว วัยรุ่นที่อยู่ตรงหน้านี้ ดูยังไงก็ไม่เหมือนกับผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยาอาชญากรรมที่ล้ำลึกเลยแม้แต่น้อย ชนัตมองดูด้านหลังของวัยรุ่นคนนี้ด้วยความผิดหวัง หวังให้เป็นคนอื่นที่เดินออกมา จริมเพียงแค่พยักหน้า ไม่พูดอะไร เหมือนกับว่าเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้เห็นจนเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ชนัตถือโอกาสเก็บป้ายไฟเอาไว้ ความสงสัยบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม “ท่านดนวัตบอกว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญท่านหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าจะอายุน้อยขนาดนี้” “ไม่กล้ารับหรอกครับ” เสียงพูดทุ้มต่ำ บวกกับสีหน้าที่เย็นชา จริมไม่ได้แสดงออกอะไรมากนักกับการต้องรับของชนัต “ฉันชื่อชนัต เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยสืบสวนอาชญากรรมของเมือง H เชื่อว่าท่านดนวัตรคงบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้นายฟังคร่าวๆ แล้ว เรื่องหลังจากนี้ พวกเราจำเป็นต้องร่วมมือร่วมใจทำงานร่วมกันนะ” ชนัตยื่นมือออกไปลดความกระอักกระอ่วนลง สายตาก็ตกไปอยู่ที่มือข้างขวาของจริมอย่างไม่รู้ตัว เวลานี้ก็เป็นช่วงฤดูร้อนพอดี อุณหภูมิด้านนอกของเมือง H สูงถึง 35 องศา จริมไม่เพียงแต่สวมเสื้อผ้าสีดำเท่านั้น มือข้างขวายังสวมถุงมือหนังสีดำอีกด้วย หนังของถุงมือเวลาแสงแดดส่องลงมา เขาไม่รู้สึกร้อนบ้างเหรอ? จริมลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงได้ยกมือขึ้นมา จับมือกับชนัตเป็นสัญลักษณ์สักครู่ “ผู้เชี่ยวชาญ พวกเรากลับไปที่หน่วยกันก่อนเถอะ” ชนัตกำลังคิดที่จะนำทางไป แต่กลับเห็นจริมลากกระเป๋าไป เหมือนกับต่างคนต่างเดินไปข้างหน้า เจ้าเด็กคนนี้ ช่างเป็นเหมือนกับบรรพบุรุษจริงๆ ชนัตหยิบเอากุญแจรถของตัวเองออกมา เดินออกไปจากกลุ่มคนที่เบียดเสียด แกว่งไปแกว่งมา เหมือนกับว่าจริมจะคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมรอบๆ สถานีรถเป็นอย่างมาก ร่างกายผอมเล็กเคลื่อนไหวไปมาอยู่ท่ามกลางฝูงชนมากมาย น หมุนตัวสองสามรอบก็หายไปแล้ว นึกถึงสิ่งที่ดนวัตฝากฝังเอาไว้ก่อนหน้านี้ ชนัตรีบผลักฝูงชนออกไปข้างหน้า รอจนถึงออกมาจากสถานีรถก็พบว่า ที่แท้จริมก็ยืนอยู่ข้างรถของตนแล้ว ชนัตยิ้มอย่างจนปัญญา หยิบเอากุญแจรถเตรียมที่จะขึ้นรถไป กำลังเปิดประตูรถออกมาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เขาและจริมเจอหน้ากันไม่ถึง 10 นาที เด็กคนนี้รู้ได้ยังไงว่ารถคันที่จอดอยู่บนถนนเป็นของตัวเอง? “กุญแจรถของคุณ” จริมนั่งอยู่ฝั่งข้างๆ คนขับ ไม่เงยหน้าขึ้นแม้แต่น้อย “เครื่องหมายรถออดี้ใหญ่ขนาดนั้น เตะตาเกินไปแล้ว เมื่อกี้อยู่ในสถานีรถก็เหมือนกัน คุณทำตัวให้มันไม่เป็นจุดที่น่าสนใจจะได้ไหม?” “ได้ ครั้งต่อไปจะระวังให้มากกว่านี้” ภายในความประทับใจ หลังจากที่พบกันกับจริมนี่เป็นครั้งแรกที่ได้คุยกันเกินสิบคำ “เอาแฟ้มเอกสารมาให้ผม” “อะไรนะ?” “เอกสารของคดีฆาตกรรมอย่างต่อเนื่องในคืนฝนตกไง” จริมเพิ่มน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น ดวงตาที่มืดมนคู่นั้นเหมือนกับคืนสู่สภาพปกติเล็กน้อย “ดนวัตเพียงพูดกับผมคร่าวๆ เท่านั้น ผมต้องการลายละเอียด หากมีรูปภาพของที่เกิดเหตุด้วยจะดีมาก” รูปร่างหน้าตาของชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างก็ประมาณยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปี ทว่าหากพูดถึงหัวหน้าหน่วยสืบสวนอาชญากรรม ดนวัตนั้น รูปร่างหน้าตาถึงแม้จะดูเด็ดเดี่ยวกว่าท่านดนวัต ทว่าเวลาอารมณ์เสียอย่างนี้ก็เหมือนกันทุกอย่าง ชนัตพูดอยู่ในใจ เป็นไปได้หรือไม่ว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างๆ นี้จะเป็นความผิดพลาดเมื่อตอนที่ท่านดนวัตยังเป็นวัยรุ่น? กำลังยื่นมือออกไปจะไปหยิบเอกสาร ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้น หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดไปที่ปุ่มรับสาย รับสายได้เพียงประเดี๋ยวเดียว สีหน้าของชนัตก็ค่อยๆ ซีดเผือด ชั่วขณะนั้นหน้าผากก็เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเล็กๆ ไหลพรากลงมา “ให้ตายเถอะ!” เขาเสียบกุญแจรถ สีหน้าของชนัตก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมาเป็นอันมาก “หน่วยสืบคดีทางนั้นส่งข่าวมาแล้ว บริเวณใกล้เคียงกับเขตเหนือพบศพผู้หญิงอีกราย พวกเราต้องรีบไปเดี๋ยวนี้”
已经是最新一章了
加载中