บทที่ 3 จิตสัมผัส   1/    
已经是第一章了
บทที่ 3 จิตสัมผัส
บทที่ 3 จิตสัมผัส ในสมองของจริมปรากฏภาพผู้หญิงออกมาไม่หยุด ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมา เขาและผู้หญิงคนนี้ก็ผสานร่างกัน ความตระหนักรู้ของเขาหมุนกลับด้าน กลับไปกลับมา วางทัพซ้อนกันเป็นชั้นๆ ตรงหน้าปรากฏเป็นความมืดที่ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน จริมถึงได้เห็นว่าตัวเองนั้นถูกมัดทั้งสองมือสองเท้าเอาไว้แน่น ไม่สามารถขยับตัวได้เลย ภายในห้องที่คับแคบมืดสนิท ไม่มีลมจากข้างนอกเข้ามา ด้านนอกตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก ใบหน้าสลัวๆ ของคนผู้หนึ่งยืนอยู่ตรงหน้า ในมือแกว่งอะไรบางอย่างไม่หยุด อันตรายค่อยๆ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กำลังคิดที่จะอ้าปากขอความช่วยเหลือ กำปั้นและฝ่ามือก็ร่วงกราวลงมาราวกับเม็ดฝนไม่หยุด อีกฝ่ายสวมถุงมือและถุงเท้า ความรู้สึกเจ็บปวดเกือบจะทำลายจิตวิญาณทั้งหมดของจริม ฝนยิ่งตกก็ยิ่งแรงขึ้น ภายใต้เสียงฟ้าร้องที่ดังเลื่อนลั่น คนนั้นก็พุ่งเข้ามากะทันหัน กัดฉีกกระชากแก้มด้านซ้ายของจริมไปคำใหญ่ ตามมาด้วยเลือดสดกับเสียงกรีดร้องที่แผ่กระจายไปทุกทิศทาง ความกลัวและความเจ็บปวดทำให้จริมเกือบคิดจะยอมแพ้แล้ว ในขณะที่ใกล้จะหมดลม เชือกเส้นใหญ่ที่เย็นเยือกเส้นหนึ่งก็พาดมารัดที่คอจากด้านหลัง ความรู้สึกขาดอากาศหายใจก็กวาดผ่านร่างกายทั้งหมดของเขาอย่างรวดเร็ว.... ความรู้สึก สายตาและรอบๆ ที่เกิดเหตุทั้งหมดค่อนข้างสลัวๆ ผิดปกติ จริมเริ่มปวดเส้นประสาทขึ้นมาเบาๆ ผ่านไปเป็นเวลานาน เขาเพิ่งจะรู้สึกตัวดึงสติออกมาจากความเจ็บปวด เพราะว่าผู้หญิงคนนี้ตายไปแล้ว สูญเสียสัญญาณชีพจรและกระทบต่อความรู้สึกไปแล้ว จิตสัมผัสในครั้งนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นความโชคร้ายอย่างยิ่ง จิตสัมผัส ความสามารถของจริมเกิดขึ้นในตอนที่เขาอายุสิบเก้าปี เขาทุกข์ทรมานมาสิบเก้าปี ตั้งแต่ที่ฟื้นขึ้นมาจากห้อง ICU ตอนนั้นอายุเจ็ดขวบปี จริมก็ได้พบว่าตัวเองไม่เหมือนกับคนทั่วไป ทุกครั้งที่มือขวาเข้าใกล้ตนอื่นในระยะเวลาอันสั้น ก็จะสามารถรับความรู้สึกที่เหมือนกันกับอีกฝ่ายได้ สามารถรับรู้ความรู้สึกของก้าวเดินที่พร้อมกันของอีกฝ่ายทันที ประสบการณ์ ความคิด หรือแม้กระทั่งความทรงจำภายในสมองที่กำลังปรากฏขึ้นในช่วงหนึ่งของอีกฝ่าย ไม่ว่าจริมจะปรารถนาหรือไม่ก็ตาม นักจิตวิทยา ซีคมุนท์ ฟร็อยท์ เรียกเหตุการณ์ประเภทนี้ว่า “จิตสัมผัส” มนุษยนิยม คาร์ล โรเจอร์ส เป็นผู้ก่อตั้งคือการนำความสามารถเช่นนี้มาตั้งชื่อเป็น “ก้งฉิง” ทุกคนล้วนเคยมีช่วงเวลาที่หยั่งรู้อยู่เสมอ เพียงแค่ประสิทธิภาพและระดับความแข็งแรงของแต่ละคนไม่เหมือนกัน โดยอาศัยจิตสัมผัส จริมจึงสามารถอาศัยสภาพแวดล้อมของที่เกิดเหตุและสัมผัสกับสภาพศพของผู้หญิงคนนี้ในจิตสัมผัสได้ เพียงแต่ประสิทธิภาพของจิตสัมผัสแบบนี้รวมทั้งระดับแรกเริ่ม ระดับความรุนแรงก็ไม่สู้ในตอนที่ใช้มือขวาสัมผัสกับคนที่มีชีวิตอยู่ อีกทั้งจิตสัมผัสที่ไม่สมบูรณ์สำหรับการรับภาระของเส้นประสาทก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย แต่ว่าอยากจะรู้ลายละเอียดที่ลึกกว่านี้ เพื่อประกอบการเขียนโปรไฟล์และวิเคราะห์ทางด้านจิตวิทยา จริมจำเป็นจะต้องเข้าไปในสถานการณ์ก่อนตายของศพผู้หญิงคนนี้ให้ลึกเข้าไปอีกก้าว ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าร่างกายของเขานั้นยากที่จะแบกรับความเจ็บปวดในจิตสัมผัสที่ลึกเข้าไปอีกได้ ความรู้สึกที่ขาดอากาศหายใจก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จริมยังคงหลับตาแน่นสนิท พยามมองหาเบาะแสที่สำคัญจากภาพที่เลือนรางนี้ .... จริมยังคงคุกเข้าอยู่ที่พื้น มือขวาห้อยอยู่กลางอากาศ เหมือนกับหินแกะสลักก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย เป็นครั้งแรกที่จารุณีเห็นคนกำลังใจลอยอย่างนี้อยู่ข้างๆ ศพ เธอไม่กล้าเข้าไปรบกวน ก็เลยต้องใช้สายตาสอบถามชนัตว่าเรื่องนี้ที่แท้มันเป็นยังไงกันแน่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา กลับเป็นสายตาประหลาดใจระคนสงสัยของอีกฝ่ายเช่นเดียวกัน เพื่อนร่วมงามที่อยู่บริเวณรอบๆ ก็ทยอยกลับกันหมดแล้ว จารุณีกำลังกระวนกระวายอยู่ว่าจะเข้าไปรบกวนเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ดีหรือไม่ จนมาถึงเวลานี้ จริมก็ลุกขึ้นมากะทันหัน ใช้มือปกป้องลำคอของตัวเอง ใบหน้าแดงก่ำ คลื่นไส้ไม่หยุด จารุณีเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชี้ไปยังชนัตที่อยู่ข้างๆ พูดอย่างรวดเร็วว่า “พาเขาไปที่อื่นก่อน อย่าเข้ามายุ่งกับที่เกิดเหตุ!” หลังจากได้ยินเสียงด่าแล้วประโยคหนึ่ง ก็รีบพุ่งเข้าไปข้างหน้าลากจริมวิ่งออกไปข้างหน้า ตำรวจคนใหม่เวลาที่เห็นสถานที่เกิดเหตุครั้งแรก ก็จะรู้สึกไม่สบายเท่าไหร่ ผลกระทบของที่เกิดเหตุ ก็ไกลเกินกว่าที่จะบันทึกภาพเอาไว้ในแฟ้มคดี เห็นได้ชัดว่าจารุณีเห็นจริมเป็นคนพนักงานใหม่อย่างนี้ไปแล้ว ครึ่งนาทีหลังจากนั้น เสียงอาเจียนที่เหมือนกับจะฉีกหัวใจกระชากปอดออกมานั้นดังออกมาจากมุมตึกของซอย ตำรวจหลายนายหยุดชะงักฝีเท้าลง มองตามเสียงไป ในสายตาเต็มไปด้วยความดูแคลน สำหรับพวกเขาแล้ว จริมเป็นเพียงมือใหม่ที่มีแต่ทฤษฎีเท่านั้น แต่ว่าแม้แต่ศพก็ยังไม่เคยเห็น คนแบบนี้นอกจากจะก่อปัญหาเพิ่มแล้ว ก็คงจะไม่ได้ช่วยอะไรในการไขคดีแม้แต่น้อย ไม่นานหลังจากนั้น ชนัตพยุงจริมออกมาจากที่เกิดเหตุ เด็กหนุ่มสีหน้าซีดเผือดผู้นี้ที่อยู่ข้างๆ ทำให้เขานึกถึงตัวเองในตอนที่เพิ่งสวมเครื่องแบบตำรวจในครั้งแรก บางที จริงๆ แล้วในสามปีที่อยู่ในเมือง H ก็ค่อนข้างสุขสบาย จนกระทั่งมีผู้คนมาฝากความหวังในการไขคดีไว้ที่พวกตำรวจ “เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นยัง?” น้ำเสียงชนัตยากที่จะช้าแบบนี้ได้ ในทางกลับกันเป็นจริมที่สายตาเย็นชา “ผมสบายดี” เพื่อให้แน่ใจว่าจริมจะไม่อาเจียนออกมาอีก ชนัตจึงเปิดประตูรถให้เขาเข้าไป ศพของผู้หญิงคนนั้นก็ถูกนำกลับไปที่เทศบาลเมืองแล้ว รอชันสูตรศพในขั้นตอนต่อไป ที่เกิดเหตุก็เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจบางส่วนที่ยังเก็บหลักฐานและรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่ จารุณีถือถุงเอกสาร ขึ้นรถไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ตอนที่มองไปทางจริม สีหน้าของเธอก็มืดคล้ำทันที ในใจของจริมก็รู้ดี ภาพลักษณ์ของตนเองในใจของคนพวกนี้ ที่เมื่อกี้อาเจียนอย่างบ้าคลั่งไม่หยุดอยู่ตั้งนาน มันก็พังทลายลงมาในที่สุด เหตุฆาตกรรมครั้งที่สี่ที่เกิดขึ้น ทำให้หน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจมาถึงทางตัน และจะตามมาด้วยข้อสงสัยของการคำวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชนและความรับผิดชอบของผู้บังคับบัญชาระดับสูงสุด “หัวหน้า พวกพี่ถวิตล่ะครับ?” “กลับไปแล้ว” จารุณีนั่งพิงอยู่ที่นั่งด้านหลังของรถอย่างสงบ คว้าโอกาสเวลาพักผ่อนนี้ไว้แน่น “ก็ไม่รู้ว่านักข่าวกลุ่มนั้นได้ยินข่าวมาจากไหน ไม่นานก็มากันหมดแล้วนี่ไม่เพียงต้องจัดการกับพวกตาแก่ในสถานีตำรวจยังต้องจัดการกับสื่อมวลชนด้วย” “พวกคนชั่ว มีแต่อยากจะให้เรื่องวุ่นวายนี้ยิ่งใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งดี พวกเขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าพวกเราจะจับฆาตกรได้หรือเปล่า” ชนัตหยิบน้ำแร่ขวดหนึ่งออกมา ส่งให้จริมที่อยู่ข้างๆ “หลายคนที่เห็นที่เกิดเหตุครั้งแล้วก็ต้องเป็นอย่างนี้ทุกคน อย่าใส่ใจเลย เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการในทันทีก็คือจับฆาตกรให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ พวกเราเชื่อในความสามารถของนาย” จริมไม่อยากจะอธิบายอะไรมาก เพียงแค่เปิดขวดน้ำแล้วดื่มไปคำใหญ่ เขาเคยเห็นที่เกิดเหตุที่น่าสลดแบบนี้มามากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ในทางตรงกันข้าม คดีฆาตกรรมอย่างต่อเนื่องในคืนฝนตกมันดูแปลกประหลาดเกินไป จิตสัมผัสไม่นานมานี้ก็ไม่ได้ทำให้รู้อะไรมากขึ้นเลย แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาคุ้ยเคยกับวิธีการก่อคดีของฆาตกร ทั้งที่ฆาตกรไม่เหมือนฆ่าคนเพื่อความสนุก และก็ไม่เหมือนแก้แค้นสังคมที่บริสุทธิ์ ตุ๊กตาไม้ที่พบในเกิดเหตุรวมถึงตัวอักษรที่สลักเอาไว้บนหน้าอกของผู้ตายเหมือนกับว่าจะชี้ไปที่ผู้ก่อเหตุ ทว่าคิดอย่างละเอียดกลับไม่ตรรกะอะไรเลยแม้แต่น้อย เลือกก่อเหตุในคืนฝนตก ชี้ให้เห็นว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นคนมี่มีความคิดละเอียดรอบคอบ จะต้องมีความสามารถทางด้านสอดแนมแน่นอน ทว่ามันทำอย่างนี้ การกระทำที่วางตำแหน่งของตุ๊กตาไม้มันดูขัดแย้งกันมาก พฤติกรรมที่ไม่จำเป็นอย่างนี้ก็เพียงเพื่อทิ้งเบาะแสให้ทางตำรวจ ถึงอย่างไรก็.... ไม่ถูก! ตุ๊กตารูปคน! จริมชี้ไปที่หันกะทันหัน ในหัวก็ปรากฏช่วงเวลาที่แตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยบางส่วนขึ้นมา “พวกคุณเจอตุ๊กตาไม้รูปคนอยู่ในที่เกิดเหตุไหม?” “ไม่... ไม่นะ” ชนัตและจารุณีเกือบจะหันมามองจริมพร้อมกัน “เป็นไปไม่ได้!” จริมเปิดแฟ้มเอกสารของคดีสามคดีที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ออก “คดีฆาตกรรมสามคดีก่อนหน้านี้ ตุ๊กไม้รูปคนอยู่บริเวรใกล้กับศพ อีกทั้งยังถูกวางท่าทางให้เหมือนกับศพอีกด้วย” “จริงๆ ก็ใช่ แต่ว่าจุดนี้มันสำคัญมากเหรอ?” ในมุมมองของชนัต ระยะเวลาความห่างของคดีครั้งที่สามและครั้งที่สี่มันสั้นมาก นี่คงจะสุดความสามารถของฆาตกรแล้ว ในเมื่อแม้แต่เวลาก่อคดียังเปลี่ยน ถ้าอย่างนั้นช่วงเวลาการเกิดคดีจะเปลี่ยนแปลงก็ไม่น่าแปลกใจอะไร “ไอ้คนสารเลวคนนั้นอีกด้านหนึ่งก็เพียงแค่มีความสุขเวลาที่ได้ฆ่าคน ส่วนอีกด้านก็เพื่อท้าทายอำนาจกฏหมาย ก็แค่นั้นแหละ วางตุ๊กตารูปคนเอาไว้ บางทีก็แค่ดึงจุดสนใจเท่านั้น” “ไม่ถูก!” น้ำเสียงของจริมดูเด็ดเดี่ยว ดวงตาสะลึมสะลือที่อดหลับอดนอนในขณะนั้นก็เหมือนกับสายตาของเหยี่ยมที่แหลมคม “สำหรับฆาตกร ตัวอักษรที่สลักเอาไว้บนหน้าอกของผู้ตายและตุ๊กตารูปคนเหมือนกัน มีความรู้สึกที่แข็งแกร่งของพิธีกรรม จงใจทิ้งพวกนี้เอาไว้จริงๆ แล้วก็สามารถยั่วยุทางตำรวจได้ แต่ก็สามารถเปิดโปงตัวเองได้เหมือนกัน ในเมื่อยังคงเสี่ยงสลักชื่อเอาไว้บนหน้าอกของผู้ตาย ถ้าอย่างนั้นก้ไม่ไม่เหตุผลที่จะไม่ทิ้งตุ๊กไม้รูปคนเอาไว้ นอกเสียจากว่า....” “นอกเสียจากว่าฆาตกรในตอนที่กำลังก่อเหตุได้เจอกับสิ่งที่คาดไม่ถึง บังคับให้เขาต้องเปลี่ยนแผน” จารุณีที่นั่งอยู่เบาะหลังก็ลุกขึ้นตัวตรงทันที แต่เพราะว่าไม่ระวังก็เลยชนกับเพดานรถ น้ำตาของความเจ็บปวดก็ไหลออกมา “รีบกลับไปที่เทศบาลเมือง คนเก็บขยะที่พบศพคนนั้นจะต้องรู้อะไรบางอย่าง!”
已经是最新一章了
加载中