บทที่12 เพลงโหมโรง   1/    
已经是第一章了
บทที่12 เพลงโหมโรง
บทที่12 เพลงโหมโรง ไม่ว่าจะเป็นแถวๆสำนักเมือง หรือว่าสถานที่เกิดเหตุ แม้กระทั่งในห้องโถงโรงแรม. ไอ้พวกที่ใส่เสือดำกางเกงดำนี้ก็เสมือนวิญญาณภูตผีไม่ไปไหน ไม่มีใครรู้จุดประสงค์ของคนพวกนั้นเป็นอะไร นอนจากตำรวจกับญาติพี่น้องของผู้ได้ความเสียหาย เหมือนยังมีอำนาจฝ่ายที่สามกำลังติดตามทิศทางคดีสังหารในค่ำคืนฝนอย่างใกล้ชิด ในพริบตาที่มองตาที่ด้วยกัน จริมจดจำใบหน้าของคนพวกนี้อย่างเงียบๆ เขาเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมา ทำไมดนวัตถึงติดต่อเขากลับมาตรวจสอบคดีคนตายอย่างกะทันหัน วันรุ่งขึ้นตอนกลางวัน ดนวัตอยู่ในสำนักเมืองเรียกประชุมเกี่ยวกับ 5.25 ประชุมสู้รบชั่วคราวที่ค่ำคืนฝนคดีสังหารเชื่อมโยงติดต่อกันหลายครั้ง สมาชิกหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจเข้าร่วมกันทั้งหมด ถึงแม้ว่าจริมไม่ค่อยสมัครใจ แต่ทนคำข้อร้องที่รุนแรงของดนวัตไม่ไหว ก็ได้แค่ฝืนใจเร่งไปถึงสำนักเมือง ในห้องประชุม มีคนนั่งไว้เยอะแยะ นอกจากชนัต จารุณีและหมอนิติเวชเลศยา แผนกวินิฉัยร่องรอย รวมทั้งเพื่อนร่วมงานแผนกรอยเท้าส่วนหนึ่งก็ปรากฏในห้องประชุม วิ่งวุ่นและทำงานขันแข็งมาทั้งวันความอดทนของหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจแทบจะค่อยๆหายไป ร่างกายและในใจได้รับความกดดันสองชั้น ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ในหน้าไม่ว่าเยอะหรือน้อยก็แขวนไปด้วยความอ่อนเพลียและเหน็ดเหนื่อย ดนวัตประกาศให้กำลังใจเหมือนเดิม ดูทุกคนในที่แห่งนี้ ใบหน้าที่แก่เหมือนผ่านโลกมาอย่างโชกโชนบีบรอยยิ้มออกมาได้อย่างไม่ง่าย “สีหน้าพวกคุณนี้ทำไมถึงขรึมจริงจังชนาดนี้ เหมือนอย่างกับไปร้องไห้งานศพ เรื่องมันยังไม่ได้แย่ขนาดนั้น มีความสุขหน่อย” เพิ่งพูดจบ ข้างล่างก็มีตำรวจคนหนึ่งที่อายุมากก็คล้อยตามด้วยว่า: : “ก็ใช้ล่ะสิ อธิบดีกรมดนวัตยังยืนอยู่ข้างบนอยู่เลย พวกฉันก็ยังไม่มีที่ให้ร้องงานศพเลย” “กลิ้งทวดมึงสิ ถ้ากล้ามาโต้เถียงอีก ยกเลิกวันหยุดปีใหม่ของนาย” ล้อเล่นกันเสร็จ บรรยากาศในห้องประชุมกลับผ่อนคลายลงมาหน่อย ดนวัตหายใจเข้าลึกๆ เริ่มประชุม “คนที่อยู่ในที่แห่งนี้ล้วนเป็นคนกันเอง มีเรื่องบางเรื่อง ฉันก็ไม่อยากปิดบังพวกเธอแล้ว สำนักงานจังหวัดสั่งการลงมา ให้ไขคดีภายในสิบวันนี้ ความกดดันภายนอกฉันกัดฟันทนลงมาแล้ว หลังจากสิบวันถ้ายังไม่สามารถมอบงานอีก ฉันจะเป็นคนแรกถอดเสื้อออกไป พูดเสร็จ ดนวัตมองไปรอยบๆทุกคนที่อยู่ที่แห่งนี้ครั้งหนึ่ง สุดท้ายสายตาก็ตกอยู่ที่ตำแหน่งที่เลศยาอยู่ “เลศยา เธอพูดผลตรวจของศพก่อนเถอะ” เลศยาจบจากญี่ปุ่นมหาวิทยาลัยวาเซดะ ตอนอยู่โรงเรียน เกรดดีเป็นพิเศษ หลังจากกลับมาก็เข้าหน่วยสืบสวนอาชญากรรมเมืองHที่เดียวแล้วได้รับตำแหน่งเป็นหมอนิติเวช คดีสังหารหลายอันของคราวทที่แล้วเธอก็เป็นคนดำเนิดการผ่าตัดชันสูตรพลิกศพ การผ่าชันสูตรพลิกศพและกายวิภาคศพ หมายความว่าสำหรับตัวเครื่องที่เสียชีวิตไปแล้วมาดำเนิดการชันสูตรศพเพื่อที่จะตรวจสอบเหตุผลที่ตายนี่คือวิธีการทางการแพทย์อย่างหนึ่ง ชันสูตรศพสำหรับจัดการสาเหตุการตายที่ไม่ชัดเจนและมีการคัดค้านต่อสาเหตุที่ตายและโต้แย้งในการเกิดอุบัติเหตุทางการแพทย์ที่มีผลกระทบที่ไม่สามารถจะแทนได้ ในคดีอาญา การชันสูตรศพสำหรับการค้นพบคดีจะสำคัญอย่างยิ่ง เลศยาค่อยๆนำผมสีทองยาวๆขยับไปข้างหลัง ค่อยๆลุกขึ้นมา ในใบหน้าที่งดงามปรากฏให้เห็นสีหน้ามุ่งมั่นที่เห็นได้น้อย “ผู้เสียหายชยานี หญิง สามสิบเก้าปี ไม่เคยมีโรคประจำตัว ในเดือนกรกฎาคมวันที่สามก่อนเที่ยงประมาณเจ็ดโมงยี่สิบถูกสังเกตว่าตายที่เวลาที่เกิดเซอยสามเขตเหนือ ผ่านการตรวจเศษเหลือในกระเพาะของผู้ตายแล้ว พวกเราได้รู้ว่าเวลาเกิดเหตุคือเดือนกรกฎาคมในค่ำคืนวันที่สองสิบสิบเอ็ดโมงสิบห้านาทีถึงระหว่างสิบเอ็ดโมงสี่สิบห้านาที สาเหตุที่ตายเป็นเพราะเครื่องจักรกลแล้วหายใจไม่ออก คล้ายคดีฆาตกรรมของคราวที่แล้ว อาวุธคือเชือกป่านที่หนายาวสิบห้ามิลเมตร พูดเสร็จ เลศยาก็เอาเชือกสีเทาขาวลักษณะบางยาวออกมาจากบนโต๊ะท่อนหนึ่ง “เชือกป่านที่คล้ายกัน ในร้านขายเครื่องมือช่างทุกร้านในเมืองHแทบจะมีขายไปหมด “นอกจากนี้แล้ว ในร่างกายของผู้เสียชีวิตปรากฏให้เห็นได้ว่ามีลักษณะฟกช้ำเขียวกระจายอยู่หลายที่ รวมทั้งระดับฟกช้ำไม่เท่ากัน เส้นเอ็นข้างขวาท่อนที่สองและท่อนที่สามยิ่งไปกว่าก็คือกระดูกหักอย่างระดับเบา นี้คือเกิดจากผู้เสียชีวิตได้ประสบการตบตีตอนยังมีชีวิตอยู่ เปรียบเทียบกับอาชญากรรมสามเหตุของคราวที่แล้ว สิ่งที่ชยานีได้ประสบถูกทำร้ายอย่างรุนแรงนี้ยิ่งให้คนขนลุกขึ้นมาจริงๆ ฆาตกรเป็นแบบอย่างบุคลิกที่ต่อต้านกับสังคม มีเอียงโน้มกระทำหฤโหดอย่างแรง ถ้าปล่อยคนแบบนี้ออกไปกระทำความผิดตามอำเภอใจต่อไป เมืองHจะไม่มีความสงบนี้……” “เลศยา…’ จารุณีเห็นหน้าอกของเลศยาขึ้นลงอย่างไม่หยุด ทนไม่ไหวเลยเปิดปากพูดตัดขาดเธอ: “เธอยังสังเกตเห็นอย่างอีกไหม?” หมอนิติเวชก็ไม่ได้เลือดเย็นไร้ความเมตตาไปหมด ถึงแม้จะรักษาสติสัมปชัญญะแล้วกายวิภาคเป็นมารยาที่ดีงานพื้นฐานของหมอนิติเวชทุกคน แต่หลายต่อหลายครั้งที่ต้องเห็นชีวิตที่มีชีวิตชีวาพวกนั้นถูกฆ่าทำร้ายอย่างเหี้อมโหด ไม่ว่าเป็นใครก็ไม่สามารถที่จะรับได้ ความจริงแล้วฆาตกรคือกำลังฆ่าคนหาคนสนุกสนาน ก็เป็นเพราะเอกลักษณ์ของอาชีพ เลศยาถึงได้รู้อย่างชัดเจนว่าผู้เสียหายพวกนั้นก่อนตายได้รับความทรมานอย่างไรบ้าง สักครู่ เลศยาค่อยสงบอารมณ์ลงมาอีกครั้ง ต่อมาก็เอาเอกสารรายงานอีกใบข้างหน้าขึ้นมา “ยังมี พวกเราตรวจพบในเล็บรวมทั้งในผมของผู้เสียชีวิตมีส่วนเศษเหลือของหมึกพิมพ์ไม่น้อย” “หมึกพิมพ์?” “ไม่ใช่หมึกพิมพ์ธรรมดา” พูดจบ เลศยานำรูปภาพหลายใบติดตามลำดับในข้างหลัง ต่อมาสีหน้าขรึมจริงจังพูดว่า: “พวกนี้ล้วนเป็นตอนการพิมพ์ที่ใช้หมึกพิมพ์ในระดับที่มีความบริสุทธิ์ที่สุด ความเหนียวดี ดูความเข้มของสี ถ้าติดขึ้นมาก็จะล้างออกยากมาก ร่องผมของผู้ตายตรวจพบเศษเหลือของหมึกพิมพ์น่าจะอยู่ประมาณครึ่งปีกว่าๆ ฉันคาดการณ์ผู้เสียชีวิตน่าจะทำอาชีพอย่างใดอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับการพิมพ์” ชยานีไม่ใช่คนท้องที่เมืองH มาถึงที่นี่ก็ยังไม่มีอาชีพที่มั่งคงอะไร ไม่มีที่อยู่ที่แน่นอน เวลาทั้งวัน ฝ่ายตำรวจยังไม่สามารถที่จะตรวจสอบข้อความฐานะของผู้ตายได้อย่างชัดเจน หมอนิติเวชเลศยาเสนอเบาะแสนี้ ทำให้เวลาการตรวจสอบของฝ่ายตำรวจหดสั้นลงมาอย่างมาก เสียงพูดเพิ่งจะหยุดลงมา ผู้คนที่อยู่ที่แห่งนี้กลับแสดงสีหน้าที่แตกต่างออกมา จริมจ้องรูปภาพพวกนั้นที่ทดสอบไว้ ตั้งใจคิดหาคำตอบอย่างนาน ในสมองภาพนั้นที่ไม่ชัดเจน กลับค่อยๆกลายเป็นชัดเจนขึ้นมา ในเมืองHมีโรงการพิมพ์ทั้งหมดสามร้านใหญ่ แต่ในตัวเมืองมีโรงงานหัตถกรรมเล็กยิ่งเยอะแยะมากมาย ถ้าสามารถแน่ใจสถานที่ทำงานของผู้ตาย ก็จะมีโอกาสที่สืบหาทีละก้าวทีละก้าวได้อย่างชัดเจนว่าในวันเกิดเหตุชยานีทำอะไรไปบ้าง แล้วได้พบเจอคนอะไร “ได้ รีบไปตรวจสอบชัดเจนแนวโน้มวันเกิดเหตุของผู้ตาย จำเป็นจะต้องแม่นยำถึงชั่วโมง ถึงแม้ว่าที่อยู่ของซอยสามจะเปลี่ยว แต่กล้องวงจรถนนของเขตถนนบริเวณใกล้เคียงตลอดเวลามาก็ดำเนิดการอย่งปรกติ กล้องวงจรน่าจะบันทึกเหตุการณ์ฆาตกรขั้นตอนทั้งหมดที่โยนศพ…” “ อธิบดีกรมดนวัต ฉันก็มีสิ่งค้นพบ!” ในเวลานี้ ในห้องประชุมข้างหลังซ้ายมีคนหนึ่งที่ใส่แว่นกรอบสีดำ ผู้ชายวัยกลางคนที่มีพุงใหญ่เปิดปากพูดกะทันหัน จริมจำคนคนนี้ได้คือผู้รับผิดชอบแผนกวินิฉัยรอยเท้า เมื่อคืนกับจารุณีพวกเขาไปซอยสามไปเก็บรอยเท้าด้วยกัน จารุณีดูแว่ตากรอบดำข้างหลัง ความดีใจของบนหน้าไม่อาจจะปิดบังได้: “พี่เสือ ผลวินิฉัยของรองเท้าออกมายังค่ะ?” “ใช่ หัวหน้าจารุณีมีคำสั่ง พวกเราก็ต้องทำโอทีแน่นอน”แว่นตากรอบดำพยักหน้าให้สัญญาต่อดนวัต อีกสักครู่แนะนำอย่างง่ายๆเหตุการณ์ที่ผ่านมาเมื่อคืนรอบหนึ่ง “คนลึกลับที่จู่โจมชนัตถึงแม้จะหนีไปแล้ว แต่รองเท้าที่เขาเหลือไว้กลับสามารถสะท้อนข้อความออกมาหลายอย่าง “เพราะเก็บรอยเท้าได้สมบูรณ์มาก เพราะฉะนั้นผลวินิฉัยออกมาได้เร็วมาก ผ่านการเปรียบเทียบตรวจสอบ รอยเท้าสี่อันที่เหลือไว้ที่ซอยสามได้สมบูรณ์แบบมาก พวกเราคาดการณ์ส่วนสูงของฆาตกรคร่าวๆอยู่ระหว่าง 175-178เซนติเมตร น้ำหนัก 65-68กิโลกรัม ขาขวาเอียงไปข้างหลังระดับเสื่อมสึกได้รุนแรงมาก ไหล่ขวาต่ำกว่าไหล่ซ้าย แปดอักษรของขาทั้งสองข้างพลิกไปที่ข้างนอก เดินขึ้นมามีลักษณะเอนเอียงข้างขวาค่อนข้างจะชัดเจน…” ชนัตลุกตัวขึ้นมา ทองลองเลียบแบบแบบอย่างการเดินอย่างนี้อยู่รอบหนึ่ง เหมือนกำลังคิดหาคำตอบอะไรอยู่ “ไอ้คนนี้น่าจะถนัดมือขวา เมื่อคืนตอนที่ถึงฉัน ก็ใช้มือขวาเหมือนกัน” แว่นตากรอบดำไม่เร่งไม่รีบ พูดเสร็จแล้วก็ถือโอกาสหยิบเอกสารรายงานอีกแผ่น: “สิ่งที่ควรใส่ใจอย่างพิเศษคือ พวกเรายังยังตรวจสอบออกมาจากรอยเท้าที่ค้นพบว่ามี หินปูน คาร์บอน หินแกรนิต เหล็กออกไซด์ รวมทั้งดินที่หลงเหลือ หินปูนกับหินแกรนิต ล้วนไม่ใช่วัสดุที่พบบ่อยในเขตเมือง ดินที่หลงเหลือที่ผ่านการตรวจสอบ และไม่ตรงกับคุณภาพดินของซอยสาม” “นี่ก็หมายความว่าอีกฝ่ายก่อนที่จะไปซอยสาม ยังเคยไปเขตที่มีปัจจัยเกี่ยวข้องกับพวกนี้” ตอนนี้ จารุณีที่ไม่พูดอะไรก็ลุกตัวขึ้นมาตื่นเต้นอย่างกะทันหัน “หรือพูดอีกได้ว่า คนลึกลับคนนั้นไปซอยสามเพราะพื้นที่นั้นมีวัสดุเหล่านี้เนี่ยเอง!”
已经是最新一章了
加载中