ตอนที่ 15 ครั้งแรกที่โดนผู้หญิงหลอก   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 15 ครั้งแรกที่โดนผู้หญิงหลอก
ต๭นที่ 15 ครั้งแรกที่โดนผู้หญิงหลอก ป๋ายปิงเวยที่หลับอยู่ในอ้อมกอดของหลินจื๋อซีฝันเหมือนกันกับเมื่อตอนบ่ายอีกครั้ง เธอและคุณพ่อคุณแม่ของเธอในที่สุดก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำจนได้ ยังมีชายหนุ่มที่มองหน้าของเขาไม่ชัดนั้นอีกหนึ่งคน พวกเขาออกเดินทางไปด้วยกัน ทั้งทำอาหารและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน การนอนหลับครั้งนี้ช่างแสนหวานเสียจริง อีกทั้งความฝันนี้ก็สวยงามมากอีกด้วย หลินจื๋อซีมองดูคนที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเองที่ยิ้มอย่างอ่อนหวาน หญิงสาวคนนี้น่าจะกำลังฝันอยู่เป็นแน่ หลินจื๋อซีมองดูเธอ อย่างเอ็นดูแล้วโน้มตัวลงไปประทับรอยจูบที่หน้าผากของป๋ายปิงเวย กลางคืนยิ่งนานเข้าก็ยิ่งรู้สึกหนาวเย็นมากขึ้น เสียงของสายฝนก็ค่อยๆเบาลงเรื่อย ๆ หลินจื๋อซีไม่ได้ใส่นาฬิกาแล้วก็ไม่ได้นำโทรศัพท์ติดตัวมาด้วย มองไปที่แสงจันทร์มืดมิดภายนอกหน้าต่าง ตอนนี้น่าจะดึกมากแล้ว ก่อนจะออกมาได้กำชับคุณปู่ให้พวกท่านทานข้าวกันก่อน ตอนนี้พวกท่านน่าจะหลับกันหมดแล้ว ดูท่าแล้วคืนนี้ตนเองและเด็กสาวคนนี้ก็คงจะใช้เวลาอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืน หลินจื๋อซีรู้สึกว่ามือขวาของเขาแทบจะไร้ความรู้สึกแล้ว เขาอยากจะปรับท่านอนสักเล็กน้อย แต่ว่าไม่ทันระวังจนทำให้ป๋ายปิงเวยตื่นขึ้นมา ป๋ายปิงเวยนอนอยู่บนหน้าอกที่ราบเรียบของหลินจื๋อซี มือเล็ก ๆโอบกอดเอวของหลินจื๋อซีไว้อย่างแน่นไม่คลาย เธอมองหลินจื๋อซีที่ดูหล่อเหลาคนนี้ด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง หลินจื๋อซีเองก็ไม่หลบสายตาของเธอด้วยเช่นกัน เขาจ้องมองใบหน้าที่ดูสับสนงุนงงของป๋ายปิงเวยที่พึ่งตื่นแล้วพูดขึ้นว่า: “ดูพอแล้วหรือยังหละ” ป๋ายปิงเวยรู้สึกประหลาดใจนึกว่าถึงว่าตัวเองจะคิดอะไรไปไกลเพราะเขา เธอลุกขึ้นมานั่งแล้วมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วพูดขึ้นว่า: “เฮ้อ ฝนดูเหมือนว่าจะเบาลงมากแล้ว พวกเราก็ควรที่จะ…” พูดยังไม่ทันจบก็ถูกหลินจื๋อซีขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน: “เธอจะกลับไปทั้งที่ยังมืดๆอยู่แบบนี้หนะเหรอ ถ้าเธอกลับไปถึงแล้วก็ช่วยเรียกเฉียงให้มารับฉันทีก็แล้วกันนะ” หลินจื๋อซียกสองมือขึ้นไขว้ไว้หลังท้ายทอยของตน แล้วมองไปที่ป๋ายปิงเวยอย่างกวนๆ สายตาของป๋ายปิงเวยมองออกไปทางอื่น พลันตาก็หันไปเห็นน้ำแร่และกล่องยาที่อยู่บนโต๊ะ ตอนที่เธอเข้ามาไม่มีของพวกนี้หนิ เธอมองไปที่ลิ้นชั้นที่เปิดออกอยู่แล้วพูดขึ้นว่า “คุณชายหลิน คุณป่วยหรอ” หลินจื๋อซีพูดไม่ออกจริง ๆกับผู้หญิงคนนี้ ตอนที่ฉลาดก็ฉลาดเสียเหลือเกิน แต่ตอนที่โง่เขลานั้นก็โง่เสียจนทำให้เอือมระอาจริง ๆ “ก็ไม่รู้ว่าใครเหมือนกันที่เมื่อกี้ตัวร้อนอย่างกับเตาไฟ” “ขอบคุณนะคะ คุณชายหลิน ถ้าอย่างงั้นนั่นก็คงเป็นยาที่คุณให้ฉันกิน” พูดจบป๋ายปิงเวยก็จามขึ้นมา หลินจื๋อซีดึงป๋ายปิงเวยเข้ามาไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง เขาช่วยดูแลเธออย่างเอาใจใส่ : “เป็นหวัดแล้วหละสิ นอนลงเถอะนะ” จ๊อก จ๊อก…ท้องของป๋ายร้องออกมาอย่างเสียงดัง หลินจื๋อซีก็รู้สึกว่าตัวเองหิวขึ้นมาเล็กน้อย เขาเอื้อมมือออกไปเพื่อเปิดลิ้นชักอันที่สองแล้วพบเข้ากับบิสกิตอัดแท่งจึงส่งต่อไปให้ป๋ายปิงเวย “กินสิ” “ที่นี่ทำไมถึงมีบิสกิตหนึ่งกล่องได้หละ” ป๋ายปิงเวยมองไปที่หลินจื๋อซีที่นำกล่องบิสกิตออกมาราวกับเล่นกล “เมื่อก่อนฉันก็มาอยู่ที่นี่เป็นบางครั้งบางคราว” หลินจื๋อซีส่งน้ำแร่ให้ป๋ายปิงเวยก็หนึ่งขวด “จริง ๆแล้วที่นี่ก็ค่อนข้างเงียบสงบอยู่มากทีเดียว คุณคงเสพสุขกับบรรยากาศแบบนี้เป็นแน่” ป๋ายปิงเวยเปิดกล่องบิสกิตแล้วเริ่มกินเข้าไปทีละน้อย อาจเป็นเพราะเธอหิวมากจนทำให้เธอคิดว่าบิสกิตอัดแท่งนี้อร่อยเป็นอย่างมาก หลังจากที่กินไปอยู่หลายคำ ป๋ายปิงเวยก็เอาบิตกิตส่งให้กับหลินจื๋อซี “คุณกินสักนิดสิ” หลินจื๋อซีมีท่าทีลังเลอยู่พักหนึ่งแล้วจึงตัดสินใจหยิบบิสกิตขึ้นมาแล้วลิ้มรสมันอย่างมีมารยาทและดูสง่างาม “คิดไม่ถึงเลยว่าขนาดท่าทางการกินของคุณก็ยังดูดีได้” ป๋ายปิงเวยพูดขึ้นมายิ้มๆ จู่ ๆก็ได้รับคำชมจากผู้หญิงคนนี้ หลินจื๋อซีเองก็ค่อนข้างรู้สึกว่ามันแปลกๆอยู่เหมือนกัน แต่ก็ยังคงกินบิสกิตอย่างเงียบ ๆต่อไปและไม่พูดอะไร ป๋ายปิงเวยที่ยังนอนอยู่ในอ้อมกอดของหลินจื๋อซี เธอรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของอุณหภูมิร่างกายในตัวหลินจื๋อซี เธอสงบจิตสงบใจไม่พูดอะไรออกไป เธอรู้สึกว่าหลินจื๋อซีดูแลเธอราวกับเป็นพี่ชายเธอก็ไม่ปาน วิ่งฝ่าสายฝนมาเพื่อค้นหาเธอแล้วยังป้อนยาให้เธอกินอีก หลินจื๋อซี เจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจที่ยิ่งใหญ่แห่งเมือง B ต้องมาขดตัวอยู่ในห้องเล็ก ๆนี้ กินบิสกิตอัดแท่งและดื่มน้ำแร่ร่วมกับเธอ คิดดูแล้วมันช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ ป๋ายปิงเวยติดอยู่ในความคิดของเธอจนไม่รู้เลยว่าหลินจื๋อซีกำลังมองเธออย่างงุนงง เด็กสาวคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ คิดถึงเรื่องรอยเลือดที่เปื้อนบนผ้าปูที่นอนอยู่รึเปล่านะ ถึงแม้ว่าจะมีข่าวลือแพร่กระจายอย่างหนาหูว่าเขานั้นเป็นหนุ่มเพลย์บอย แต่ทว่าจริง ๆแล้วตัวเขาเองนั้นรู้ดีที่สุด แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยแตะต้องตัวผู้หญิงคนไหนเลย ผู้หญิงข้างนอกนั่นต่างล้วนแล้วแต่เป็นแผนการที่เข้าสร้างขึ้นมาเผื่อบังหน้ามานานแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขายังคงคิดถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้านี้ไม่คลาย แท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาเองและเด็กสาวคนนี้หรือไม่นะ “รอยเลือดบนผ้าปูเตียง…” เมื่อหลินจื๋อซีพูดถึงเรื่องนี้ เขาก็จับตามองใบหน้าของป๋ายปิงเวยอย่างระมัดระวัง ป๋ายปิงเวยตื่นตระหนกจนรู้สึกว่าหัวใจพอโตขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าหลินจื๋อซีจะคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา เธอใช้โอกาสนี้เพื่อรับประกันกันความปลอดภัยให้กับตัวเองตลอดไปเลยก็แล้วกัน ป๋ายปิงเวยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูลำบากใจ : “เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ฉันจะไปทำอะไรได้ ช่างมันเถอะ มันผ่านไปแล้ว…” ฟังป๋ายปิงเวยพูดด้วยน้ำเสียงแบบนั้น หลินจื๋อซีเองในใจก็รู้สึกกังวลใจเพิ่มขึ้นไปอีก: “เธอต้องการอะไร ฉันก็ให้เธอได้ทั้งนั้น” ผู้ชายคนนี้เอาจริงงั้นหรอ ป๋ายปิงเวยเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่ให้ความสำคัญกับเรื่องเงินๆทองๆของเขาเสียเมื่อไหร่ “ก็หวังแค่ว่าหลังจากนี้คุณชายหลินจะไม่ทำเรื่องแบบนี้กับเธออีก เช่นนั้นฉันก็จะสามารถทำตามสัญญาของเราต่อไปได้” หลินจื๋อซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ข้างนอกยังมีผู้หญิงอีกจำนวนตั้งไม่รู้เท่าไหร่ที่พยายามจะปีนขึ้นมานอนร่วมเตียงกับเขาโดยที่เขาไม่จำเป็นต้องร้องขอหรือทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่ทว่าผู้หญิงคนนี้กลับหวังว่าเขาจะไม่เข้าใกล้เธอ “ฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยหรือ” หลินจื๋อซีถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ก็เปล่า คุณชายหลินเลือกที่จะแต่งงานกับฉันก็เพราะไม่ต้องการเข้าไปพัวพันไม่ใช่หรอ ดังนั้นฉันเองก็จะไม่เข้าไปพัวพันกับคุณชายหลินเช่นกัน” ป๋ายปิงเวยพูดออกไปด้วยความจริงใจ แต่ทว่าคำพูดเหล่านี้กลับฟังดูแปลกหูสำหรับหลินจื๋อซี น้ำเสียงที่เรียกเขาว่าคุณชายหลินนั้นช่างทำให้หลินจื๋อซีรู้สึกอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก: “ฉันเคยบอกแล้วไงว่าให้เรียกฉันว่าจื๋อซี” “อืม จื๋อซี” ป๋ายปิงเวยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฟังป๋ายปิงเวยเรียกชื่อเขาอย่างแผ่วเบา หัวใจของหลินจื๋อซีก็เหมือนกลับมามีพลังเช่นเดิม เหมือนกับครั้งนี้เป็นการให้คำมั่นสัญญากับเธออีกครั้ง: “วางใจเถอะปิงเวย หลังจากนี้ฉันจะไม่ทำมันอีก” ได้ยินหลินจื๋อซีที่ให้คำมั่นสัญญากับคำขอของเธอแล้ว ในใจของป๋ายปิงเวยเต้นแรงราวกับมีใครจุดพลุเฉลิมฉลองอยู่ในนั้น ดีใจจนไม่รู้ว่าจะดีใจอย่างไรได้อีก หลินจื๋อซีสังเกตได้ว่าหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมอกของตนนั้นรู้สึกตื่นเต้นดีใจ ในใจของเขาก็ยิ่งรู้สึกว่างเปล่ามากยิ่งขึ้น ผู้หญิงคนนี้ไม่ยอมที่จะให้ความสัมพันธ์ใด ๆระหว่างเขาและเธอเกิดขึ้นจริง ๆ… เป็นอีกหนึ่งคืนที่ทั้งสองคนไม่มีแม้แต่คำพูดใด ๆ ได้แต่กอดกันอยู่อย่างนั้น…… เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่ หลินจื๋อซีก็พาป๋ายปิงเวยกลับไปที่บ้านตระกูลหลิน สาวใช้ต่างพากันมองไปที่เสื้อเชิ้ตอันสกปรกของประธาน และชุดกระโปรงที่ดูยับยู่ยี่ของป๋ายปิงเวย ทุกคนต่างล้วนตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น “เสี่ยวชุ่ย เมื่อคืนคุณผู้หญิงเป็นไข้ ต้มน้ำซุปร้อนๆให้เธอได้รู้สึกอบอุ่นร่างกายด้วย” พอพูดเสร็จก็เดินไปที่ห้องนอนเพื่อไปซักและเปลี่ยนเสื้อผ้า ป๋ายปิงเวยก็เดินตามหลังเข้าไปอย่างเงียบๆ เมื่อกลับมาถึงห้องนอน ป๋ายปิงเวยก็เริ่มมีการปวดท้องขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันรู้สึกวิงเวียนหัวอยู่นิดหน่อย ฉันขอไปนอนก่อนนะ” หลินจื๋อซีมองเธอแล้วพยักหน้าตอบรับ เสี่ยวชุ่ยนำน้ำที่ละลายด้วยน้ำตาลทรายแดงมาหนึ่งถ้วย “คุณผู้หญิงคะ ดื่มซุปในตอนที่มันยังร้อนๆอยู่ซักหน่อยนะคะ” “ป๋ายปิงเวยให้เสี่ยวชุ่ยเข้ามาโดยไม่คิดอะไร แล้วดื่มซุปจนหมด หลินจื๋อซีหลังจากที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดสูทสีน้ำตาลเสร็จก็ถามเสียวชุ่ยขึ้นมา: “เสี่ยวชุ่ย ซุปน้ำตาลทรายแดงช่วยไล่ความหนาวเย็นได้อย่างงั้นหรือ” เสี่ยวชุ่ยรับถ้วยซุปคืนมาจากป๋ายปิงเวย แล้วตอบกลับหลินจื๋อซีด้วยความนอบน้อม “คุณผู้ชายคะ สองวันมานี้คุณผู้หญิงมีประจำเดือนค่ะ ซุปน้ำตาลทรายแดงช่วยให้ช่วงท้องน้อยและมดลูกอุ่นยิ่งขึ้นค่ะ” “งั้นหรอ……” ฟังเสี่ยวชุ่ยพูดจบ หลินจื๋อซีก็เข้าใจได้ในทันทีว่า รอยเลือดบนผ้าปูที่นอนนั่นแท้จริงแล้วมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทั่วร่างของหลินจื๋อซีบัดนี้ได้แผ่รังสีความอำมหิตออกมาเหมือนกับอสูรที่ออกมาจากขุมนรกก็ไม่ปาน เสี่ยวชุ่ยมองดูสีหน้าของคุณผู้ชายที่เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำคล้ายโกรธจัด เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรืออย่างไรกัน หลินจื๋อซีรีบวิ่งออกไปจากห้องนอนในทันที “ป๋าย! ปิง! เวย!” หลินจื๋อซีตะโกนเรียกชื่อของหญิงสาวอย่างเน้นคำ นี่ถือเป็นครั้งแรกที่หลินจื๋อซีถูกผู้หญิงคนนึงหลอกได้อย่างแยบยล ถ้าหากว่าเมื่อสักครู่นี่เขาไม่ได้ถามสาวรับใช้หละก็ เรื่องนี้เธอก็คงจะโกหกเขาไปได้ตลอดชีวิตเป็นแน่…… 
已经是最新一章了
加载中