บทที่ 107 ฉันไม่ยกโทษให้คุณ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 107 ฉันไม่ยกโทษให้คุณ
บทที่ 107 ฉันไม่ยกโทษให้คุณ “ไม่สนหรอก หนูกับอ้อยจะขี่หลังคุณ แล้วก็ขี่ด้วยกันด้วย คุณหาวิธีมา ถ้าหากว่าไม่ได้ หนูจะไปเรียกแม่มา พวกเราจะไปกันตอนนี้เลย พวกเราไม่เอาคนเจ้าชู้มาเป็นพ่อหรอก” เพ็ญนีติ์ไม่สามารถหัวเราะออกมาดังๆได้ ก็เลยเดินลงไปแบบเงียบๆ ลูกรักทั้งสองของเธอ เวลายิ่งผ่านไปเธอยิ่งรักพวกเขา “งั้นก็ได้ จะให้พวกหนูขี่นะ นั่งบนบ่าคนละข้างเนอะ” ปุรินแอบเศร้าเล็กน้อย “โอเค แบบนี้ค่อยได้หน่อย” อ้อยตอบด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ตอนเพ็ญนีติ์เดินมาถึงข้างล่าง ในห้องโถงชั้นล่างปุรินกำลังโค้งตัวให้อ้อยกับส้มปีนขึ้นมาบนบ่าของเขา นี้เป็นครั้งแรกที่เห็นปุริมทำแบบนี้ จนกระทั่งเห็นเขาเจ็บก็ยังพยายามเพราะเขาถูกอ้อยกับส้มทำ ขาเล็กๆทั้งสองรีบวิ่งมากระโดดขึ้นบ่าของปุริน “รีบลุกขึ้น วนห้องรับแขกสิบรอบ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วหนูจะไม่ยกโทษให้คุณ” “ไม่ได้ ต้องวิ่งห้าสิบรอบ ไม่งั้นหนูจะไม่ยกโทษให้คุณ” สิบรอบของส้มก็ว่าเยอะแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าอ้อยจะเยอะกว่า ดูแล้วปล่อยให้ปุริมโดนกดดันแบบนี้ดีแล้ว “อ้อย มาปรึกษากันเถอะ ทำแบบที่พี่สาวบอกเนอะ” “ไม่ได้ วันนี้คำพูดพี่สาวไม่เป็นใหญ่ หนูเป็นน้องสาวคำพูดต้องเป็นใหญ่สิ ยังไงก็ต้องห้าสิบรอบ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณวางพวกเราลง พวกเรามีขาของตัวเอง เดินเองได้ ไม่ต้องมีพ่อมาส่ง” นี่เป็นการใช้อำนาจของส้ม ปุรินถอนหายใจไปครั้งหนึ่ง มองไปทั้งสี่ด้าน คนรับใช้ที่บ้านก็ถูกส่งกลับ วันนี้เขาเลยต้องเข้าครัวเอง เขาสังเกตเห็นเงาตรงพรมบันได ไม่มีใครรู้จักบ้านนี้ดีไปกว่าเขา “เพ็ญนีต์ คุณลงมา คุณคิดว่าใช่ความคิดเห็นของคุณไหม” เพ็ญนีติ์ยิ้มแล้วมองไปที่ห้องรับแขกเห็นทั้งสามคนมีผู้ใหญ่หนึ่งคนเด็กสองคน “ปุริน เมื่อคืนฉันยังไม่ได้ออกมาจากห้องเลย คุณน่าจะรู้ดีกว่าใคร คนที่เจอเด็กๆตื่นก่อนก็เป็นคุณไม่ใช่ฉัน” “ใช่สิพ่อ พวกหนูเพิ่งจะเห็นแม่ที่นี้เอง คุณพูดอะไรเกี่ยวกับความคิดเห็นของแม่พวกหนูหรอ ” ไม่เห็นการตอบสนองไปสักครู่ปุริมก็เอาเรื่องขี่บ่าไปในความคิดเห็นของเพ็ญนีติ์ ส้มมองปุริมอย่างไม่ละสายตา ดูเหมือนจะทะเลาะกัน ดูแล้วเรื่องของทฤนห์เป็นเรื่องที่มีผลกระทบที่ไม่ดีต่อเด็กจริงๆ พวกเขาก็เชื่อปุริมมาตั้งนานแล้ว มันเป็นบาปกรรมของตัวเอง สร้างปัญหาให้ตัวเอง ถ้ารู้ตั้งแต่แรกเขาคงไม่มารบกวนทฤนห์ตั้งนานแล้ว “โอเค ไม่ใช่ความคิดเห็นของแม่พวกหนู เพ็ญนีติ์ คุณกลับห้องไปงีบก่อนสักงีบเถอะ เดี๋ยวข้าวเช้าเสร็จแล้วจะให้อ้อยกับส้มไปเรียกคุณนะ” ใบหน้าของผู้ชายคนนี้ไม่ได้ทำให้ใครหวาดกลัวเลย แม้แต่กับอ้อยและส้มนั้นก็เหมือนกัน ถ้าให้สั่งสอนเด็กสองคนนี้น่าจะทำไม่ได้ ตั้งแต่เล็กใช้ชีวิตแบบมีผู้ปกครองคนเดียวพวกเขาดูแลตัวเองได้ตั้งนานแล้ว แถมรู้การโต้ตอบอีก ยังไงคงจะไม่ให้โอกาสปุริมหรอก เพ็ญนีต์ยิ้ม เขาคงไม่อยากเตรียมอาหารต่อหน้าเธอ ไม่งั้นแล้วคงไม่ให้เธอไปหรอก ยังไงเธอก็ไม่ไปแล้วเดินลงมาพร้อมรอยยิ้ม “ฉันเพิ่งตื่นนอน คนกำลังมีชีวิตชีวาคงไม่กลับไปนอนแล้ว ถ้านอนอีกคงจะเป็นหมูแล้ว ฉันอยากดื่มชาตอนเช้า” ปุริมสีหน้าเย็นชา บนบ่ามีเด็กนั่งอยู่สองคน แม้ว่าอ้อยกับส้มจะตัวไม่หนัก แต่เด็กสองคนรวมกันก็น้ำหนักไม่เบาเลย ต้องแบกพวกเธอรอบห้องรับแขกห้าสิบรอบ ขณะเดียวกันก็ดูคึกคักดี ขนาดยังไม่เริ่มบนหน้าผากของปุรินก็มีเหงื่อออกแล้ว เวลานี้เขาคงคิดว่านักออกแบบ ออกแบบห้องรับแขกนี้มาใหญ่เกินไปแล้ว “ขี่ไป รีบหน่อย” ส้มตะโกนออกมา ได้ความรู้ที่เรียนโรงเรียนอนุบาลมาใช้ เสียงนี้ทำให้ปุริม “หัวเราะ” แล้วยิ้ม ส้มทำแบบนี้น่ารักมากเลย ทำให้เขาคิดขึ้นมาได้ว่า แต่ก่อนตอนเขาเคยร่วมโปรแกรมกับเด็กๆ มีพ่อคนหนึ่งพูดว่าเขากับเด็กจะร่วมกับสร้างประสบการณ์ด้วยกัน แล้วพ่อคนนั้นก็ยังพูดอีกว่าเด็กตั้งแต่เล็กจะมีสิ่งที่ชอบที่สุดคือการได้ขี่หลังพ่อ แต่เขาไม่ได้อยู่กับเด็กๆมาตั้งห้าปีกว่าแล้ว พอคิดแบบนี้ เขาก็คิดว่าห้าสิบรอบยังน้อยไปเลย “นั่งดีๆนะ พ่อจะเริ่มออกตัวแล้วนะ” “เย้ พ่อเร็วเข้า” เร่งพ่อ ยังไงส้มก็ไม่ปล่อยพ่อแน่ๆ ใครทำให้ลูกสาวของแม่เป็นอะไรไปแม่คงไม่มีความสุขแน่ๆ แม่ไม่ได้พูดอะไร แต่ส้มกับอ้อยรู้ว่าไม่จะไม่มีความสุข ดังนั้นแล้วต้องพาพวกเธอไปด้วยกัน แต่วันนี้ตอนเช้าที่ตื่นมาก็เห็นพ่อเลย พ่อมานั่งบนหัวเตียงรอพวกเธอตื่นตั้งนานแล้ว พอเห็นเขา ส้มกับอ้อยก็ไม่ยอมมองเขาเลย แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าพ่อจะหาวิธีการเล่านิทานได้ เล่าเรื่องสโนว์ไวท์ได้ดีกว่าคุณครูอนุบาลอีก ฟังไปไม่ต่ำกว่าสิบรอบพวกเธอกับหันหน้ามาฟังพ่อเล่านิทานโดยไม่รู้ตัว ผ่านไปแล้วผ่านไปอีก ในที่สุดพ่อก็ใช้การเล่านิทานเอาชนะใจพวกเธอทั้งสองคนได้ แต่เหมือนเท่านี้จะยังไม่พอ พวกเธอจะเอาหน้าที่แม่เสียไปกลับมาให้ได้ ถึงแม้ว่าพวกเธอจะยังเด็ก ถึงแม้ว่าคำพูดของพวกเธอไม่ได้สำคัญอะไร แต่สำหรับแม่แล้วไม่เหมือนกัน เหมือนจะไม่เพียงห่วงแต่แค่หน้าแม่ แต่มันรวมถึงจิตใจของแม่ด้วย เรื่องพวกนี้ละเอียดอ่อนมาก พวกเธอเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ไม่ได้เข้าใจแบบชัดเจน พวกเธอหวังแค่ว่าจะให้อะไรกลับมาหาแม่บ้าง ถ้ามีให้เลือกระหว่างพ่อกับแม่แค่สองตัวเลือก ยังไงแม่ก็จะเป็นอันดับหนึ่งเสมอ เพราะว่าแม่เลี้ยงพวกเธอมาตั้งแต่เด็กจนโต ปุริมแบกเด็กสองวิ่ง ถ้าเขาไม่บาดเจ็บคงจะวิ่งได้เร็วกว่านี้ แต่ก็คงไม่เร็วมาก พวกเด็กๆมีความสุขก็ดีแล้ว สำหรับผู้หญิงที่นั่งบนโซฟาแล้ว เขาทำเป็นมองข้ามไม่สนใจเธอ ทำเหมือนเธอเป็นผักกาดขาวอันใหญ่มองไม่เห็นอะไร แบบนี้เขาสบายใจขึ้นเยอะเลย หนึ่งรอบ สองรอบ สามสิบกว่ารอบผ่านไปอย่างง่ายดาย แต่ตอนรอบที่สี่สิบ ขาของเขาเกิดเจ็บขึ้นมา ความเจ็บปวดมันรุนแรงจนทำให้ตัวเขาสั่น จนยืนไม่ไหวและกลัวว่าจะล้มลง เพราะถ้าล้มลงคงไม่ใช่แค่เขาแต่ยังมีอ้อยกับส้มด้วย “พ่อ เป็นอะไรรึป่าว” “อ่อ ไม่เป็นอะไรหรอก” ตอนนี้เขารู้แล้วว่าทำไมเพ็ญนีติ์ถึงชอบเด็กสองคนนี้มากขนาดนี้ เพราะเป็นห่วงคนอื่นมาก ความเป็นห่วงนี้ทำให้เขารู้สึกถึงความอบอุ่นและห่วงใยแบบที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน แบบใช้เงินก็ซื้อมาไม่ได้ นานมาแล้ว นานมากแล้วที่ไม่มีคนห่วงใยเขาแบบนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเด็กเล็กทั้งสองคนนี้ เสพความสุขตรงนั้นไม่ขยับไปไหนเลย ที่จริงแล้วสองมือเล็กๆนั้นก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากไม่ได้สะอาดอะไร แต่ที่เขาต้องการคือไม่ใช่การเช็ดเหงื่อบนหน้าแต่เป็นการที่เด็กๆทำออกมาจากใจเพื่อเขา ก็ตามที่ที่พวกเธอจะทำ มือเล็กๆนี้ช่างอ่อนนุ่มมาก ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยได้รับความรู้สึกแบบนี้มาก่อน ชั่วพริบตาเดียว ในที่สุดเขาก็หลงรักความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกของเด็กๆที่มอบให้เขา เขาชอบการกระทำแบบนี้ “พ่อ โอเคแล้วนะ เช็ดสะอาดแล้ว ยังเหลืออีกกี่รอบ” “แปดรอบ แต่ว่าพ่อเหนื่อยจนเดินไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้ค่อยมาต่อดีไหม” ที่จริงแล้วขาของเขาก็ยังเจ็บอยู่ แต่เขาแค่ไม่พูดออกมาเพราะกลัวว่าเด็กจะเป็นห่วง แต่เพื่อไม่ให้ขาเจ็บหนักไปมากกว่านี้ เขาจำเป็นต้องเลือกว่าวันหลังค่อยมาแบกเด็กๆวิ่งต่อ โดยไม่กลัวที่จะลำบากเพราะเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องปกติที่พ่อลูกเขาเล่นกัน แค่เขาเข้าไปอยู่ในโลกของเด็กๆช้าไป ตอนนี้เขาจะค่อยๆเติมเต็มเข้าไปใหม่ “โอเค หนูจำได้นะ ว่าวันหลังพ่อจะมาต่อแน่ๆ แต่ตอนนี้รีบไปเตรียมข้าวเช้าให้พวกเราก่อน” “รับทราบ” ปุริมย่อตัวลงเพื่อให้เด็กๆกระโดดลงไป แต่ในขณะนั้นก็ทำให้เขารู้สึกอ้างว้างทันที เด็กๆเอาชนะหัวใจเขาได้ในระยะเวลาอันสั้น “พ่อ ปิ้งขนมปังเสร็จรึยัง หนูอยากกินแล้ว” ส้มหิวแล้ว ตอนหิวแค่หมั่นโถวอันเดียวก็หอมแล้ว “เสร็จแล้ว พ่อไปทอดไข่อีกสักสองสามใบ แล้วก็ปิ้งแฮมอีกสักหน่อยก็กินข้าวกันได้แล้ว” “เย้ๆ งั้นพวกหนูกับแม่จะไปรอที่โต๊ะอาหารนะ พ่อรีบๆหน่อยนะ อย่าทำให้พ่อครัวต้องขายหน้า” เขาเปลี่ยนมาเป็นพ่อครัวแล้ว พอได้ยินเขาก็ยินยอมที่จะเป็น เพื่อเด็กสองคนนี้จะให้ทำอะไรเขาก็ยอมเพราะชอบมากๆ เพ็ญนีติ์แอบมองอย่างเงียบๆ ปุริมที่อยู่เด็กๆดูเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย เป็นอีกด้านหนึ่งที่ทำให้เธอไม่สามารถเชื่อได้ว่าเขาจะอดทนดูแลเด็กๆได้ สักครู่เดียวในห้องอาหารก็มีกลิ่นไข่ทอดกับแฮมลอยเข้ามา ในบ้านนี้มีครบทุกอย่าง แต่ก่อนตอนที่เธออยู่ที่นี้ก็ได้จ้างแม่บ้านมาเตรียมอาหารให้ทุกวัน วันละสามมื้อ แต่วันนี้เป็นปุริมที่ทำครัวเอง พอนึกถึงเรื่องนี้เธอก็เพิ่งเห็นว่าตั้งแต่เธอตื่นมาคนในบ้านก็มีแค่พวกเขาสี่คน ไม่มีคนอื่นเลย “ปุริม คนในบ้านคนอื่นๆล่ะ” เธอนั่งบนเก้าอี้บนโต๊ะอาหารแล้วตะโกนถามปุรินที่อยู่ในครัว “อ่อ หยุดงานกันทั้งหมดเลย ผมก็เลยต้องทำครัวเอง” เขาพูดแบบน่าสงสาร แต่ว่าคนงานจะลางานได้ก็เป็นการตัดสินใจของเขานะ สักครู่เดียวอาหารเช้าก็ถูกยกมา เด็กๆส่งเสียงร้องอย่างดีใจ แล้วได้โยนเรื่องที่ไม่สบายใจใส่ก้อนเมฆไปแล้ว กินอาหารเช้าอย่างมีความสุข อ้อยเช็ดปาก “พ่อ วันนี้พวกหนูต้องไปโรงเรียนอนุบาลไหม” “คุณครูให้พวกหนูลาแล้วใช่ไหม” ส้มพูดออกมาอย่างไม่วางใจ เป็นคำถามที่ตั้งใจถามมาก ปุริมอยากจะยิ้มออกมาแต่ก็กลั้นเอาไว้ ถ้าเขาออกหน้าคุณครูโรงเรียนอนุบาลจะกล้าไม่ตกลงหรอ แค่บอกก็รีบตกลงแล้ว “พ่อ รีบตอบพวกหนูสิ” ส้มเขย่าแขนของเขา ทำให้มือที่กำลังทำอาหารสั่น ตะเกียบที่คีบไข่ทอดอยู่ก็ตกลงไป “เพ้ง” น้ำมันหยดกระเด็นไปบนหน้าของอ้อย
已经是最新一章了
加载中