ตอนที่ 629 ตอนนี้ถือตัวเดี๋ยวต่อไปก็จะดีขึ้น   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 629 ตอนนี้ถือตัวเดี๋ยวต่อไปก็จะดีขึ้น
#ตอนที่ 629 ตอนนี้ถือตัวเดี๋ยวต่อไปก็จะดีขึ้น เขาไม่เคยเป็นคนที่จิตใจดีแบบนี้ ทำไมครั้งนี้......นัชชามองเขาด้วยความสงสัย ตอนที่เธอเห็นนัยน์ตาเป็นประกายของเขา สุดท้ายก็เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดูเหมือนว่าระหว่างสาวน้อยคนนี้กับชนัยจะมีอะไร ดราณีไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ที่ไหน เพียงแต่ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง ชนัยได้ call มาบังคับเธอ ไม่ต้องใช้คนขับรถ จะให้เธอมารับเขาไป เดาว่าได้คิดตัดสินใจลงโทษเธอแล้ว หลังจากทำงานที่มูตี้คลับเฮาส์ ไม่ได้เงินไม่ต้องพูดถึง เธอต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำทุกวัน ทุกครั้งที่เพื่อนของชนัยมา เธอต้องไปรับแขกที่ห้องส่วนตัว ไม่ต้องพูดว่าลำบากมากแค่ไหน แต่แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจ ควรมาก็ต้องมา เธอไม่อยากยั่วโมโหตาแก่ท่านั้น ไม่งั้นไม่เป็นผลดีต่อเธออีก ดราณีเดินตามหลังทั้งสองมาอย่างน่ารัก ไม่ได้พูดและไม่ได้ทิ้งไว้ด้านหลัง ทำตัวเงียบๆพอมาแล้วก็รู้ว่าเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์ เตชิตพาเธอไปที่ห้องโถงงานเลี้ยง ความห่างยังพอเห็นชนัยกำลังชนแก้วกับคนอื่น แล้วดื่มได้อย่างเพลิดเพลิน เตชิตเหลือบมองสาวน้อยข้างๆอย่างใจเย็น แล้วเรียกเขาคนนั้น “ชนัย” คนถูกเรียกได้ยินเข้า ก็รีบยกแก้วขึ้นมาดื่ม มองตามเสียงไป ปากก็พึมพำกับตัวเอง “พี่เตชิตไปไหนมา พวกเรากำลังตามหาพี่อยู่นะ พี่......” พูดได้ครึ่งเดียว จู่ๆก็เก็บปากที่แวววาวไปด้วยแอลกอฮอล์ ดวงตาดอกท้อที่เอ่อล้นหรี่ลง มองสาวน้อยที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ผ่านไปไม่กี่วินาที ก็ขมวดคิ้วอย่างไม่แยแส “ทำไมเธอมากับพี่และพี่สะใภ้?” “เจอพอดีเลยพามาด้วย” เตชิตตกอยู่ในห้วงความคิด “แกก็ด้วย ให้คนมาหาก็ไม่อธิบายว่าอยู่ไหน เดี๋ยวสาวน้อยก็โดนขโมยไปหรอก” รอยยิ้มบนใบหน้าของชนัยหุบลง เดินไปคว้าตัวคนมาอยู่ข้างๆตน “บอกว่าเธอโง่ก็จะหยาบคาบ แม้แต่สถานที่ก็หาไม่เจอ” ในใจดราณีเต็มไปด้วยความโกรธ กล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกไปอย่างหมดหนทาง จึงได้แต่มองข้อมือเสื้อตัวเองอย่างขุ่นเคือง เขาไม่อยากทำตัวอยู่ในระดับเดียวกับเขา! นัชชาเห็นท่าทางและการพูดคุยของทั้งคู่ จู่ๆก็รู้สึกว่าไม่ได้ขัดแย้งกันอย่างที่ตัวเองจินตนาการขนาดนั้น พอเห็นแบบนี้แล้ว ทั้งคู่ก็มีความปรองดองกันอยู่นะ? “ชนัย ใครอ่ะ จะไม่แนะนำหน่อยหรอ?” ปรัณเข้าไปใกล้ ใบหน้าเต็มไปด้วยคำว่า ‘ซุบซิบ’ สองพยางค์ “เด็กคนนี้เป็นนักเรียนอยู่ใช่ปะ?” ดราณีได้ยินเหมือนเรียกตัวเอง ไม่ได้คิดอะไรมาก จึงพยักหน้าอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะ ชื่อดราณี ยังเป็นนักเรียนค่ะ” “โอ้ว” ปรัณหมดคำจะพูดอย่างช่วยไม่ได้ เข้าไปข้างหูของชนัยแล้วเอ่ยแซวออกมาแบบที่ได้ยินกันแค่สองคน “ชนัย แกนี่โหดเหี้ยมจริงๆนะ” “……” ชนัยวางแก้วในมือลงบนถาดของพนักงาน “จะแนะนำอะไร นี่เป็นบอดี้การ์ดคนใหม่ที่ฉันจ้างมา ไม่ได้หรอ?” บอดี้การ์ดผู้หญิง...... ทุกคนยกเปลือกตาขึ้นมา โชคดีที่พูดประโยคนี้ออกมาได้นะ “โอเคนะ ฉันไปละ วันอื่นค่อยมาดื่มกับพวกนายใหม่” ชนัยพูดไปด้วยแล้วก็ถือเสื้อคลุมตัวนอกของชุดสูทที่หลังเก้าอี้มาด้วย เตชิตพ่นออกมาหนึ่งที “เร็วขนาดนี้กลับแล้วหรอ?” “อืม” “พอเธอมาก็รีบไปเลย ขนาดนั้นเลยนะ ” “......” ได้ยินดังนั้น คนที่หน้าหนาอย่างชนัยไม่เคยรู้สึกกระวนกระวายมาโดยตลอด “คืนนี้ฉันมีธุระ กลับไปพักน่ะ” พูดจบ เขาก็มองดราณีข้างๆอย่างไม่สบอารมณ์ “อึ้งอะไรอยู่ ไม่รู้หรอว่าต้องช่วยฉัน!” คำพูดแบบนี้ ท่าทางแบบนี้ ไม่ต้องพูดว่าดราณีหงุดหงิดแค่ไหน เตชิตยังรู้สึกว่าเขาน่ารำคาญเลย มองเห็นแผ่นหลังทั้งสองเดินออกไป นัชชาก็คว้านิ้วเตชิตไว้เบาๆ แล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” “ไม่มีอะไรหรอก” นัชชายังคงวางใจไม่ลง “ปรัณไม่ควรไปแกล้งผู้หญิงคนนั้นนะ?” ยังไงความแตกต่างของทั้งสองดูแล้วจะต่างกันอย่างมากจริงๆ เตชิตฟังคำพูดแล้วทำได้แต่ยิ้ม “คุณวางใจได้ ผมว่าผู้หญิงคนนั้นก็แกล้งชนัยไม่ต่างกันมากหรอก” อารมณ์ของน้องชายตัวเองเขารู้ดีที่สุด สำหรับชนัย ถ้าเป็นคนไม่สำคัญและคนที่เขาเกลียดจะไม่มีท่าทางแบบเมื่อครู่นี้แน่นอน นัชชาค่อนข้างไม่เข้าใจว่าทำไมเป็นเช่นนั้น “ทำไม?” “ถ้าเป็นความสัมพันธ์ธรรมดา คุณคิดว่าชนัยจะให้เธอมางานแต่งพวกเราหรอ?” นัชชาถึงจะถึงบางอ้อ จริงด้วย ทำไมเมื่อครู่เขาคิดไม่ถึงนะ การเชิญมางานแต่งของเธอและเตชิตนั้นเป็นคนที่สนิทชิดเชื้อเท่านั้น คนธรรมดาชนัยคงไม่มีทางพามาด้วยอย่างแน่นอน หรือว่าชนัยจะอะไรๆกับสาวน้อยคนนั้น...... ข้อสันนิษฐานที่ชัดเจนแวบเข้ามาในสมอง นัชชาค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจ “เขาคงไม่......” เตชิตโอดครวญเบาๆ “ตอนนี้ถือตัวเดี๋ยวต่อไปก็จะดีขึ้น” —— อีกด้านหนึ่ง ดราณีใช้แรงอย่างมหาศาลในการแบกชนัยไปที่ลิฟต์ ทำไมเรียกว่าแบกน่ะหรอ? เพราะว่าชายหน้าไม่อายคนี้เกือบจะทิ้งน้ำหนักเจ็ดสิบเปอร์เซ็นใส่ร่างของเธอ หนักเกินไปแล้ว คนที่ดูแล้วผอมกินอะไรเข้าไปกันแน่ถึงได้หนักขนาดนี้? ดราณีสูงเพียงร้อยหกสิบกว่าเซนติเมตร ร่างกายเธอเตี้ยกว่าชนัยเกือบสองช่วงศีรษะ เธอหนักเพียงสี่สิบสี่กิโลกรัม แขนเล็กคล้องตัวเขาไว้ ดูเหมือนจะโดนทับอยู่ตลอดเวลา หน้าประตูลิฟต์ปิดจะมีกระจกบานหนึ่ง มองเห็นท่าทางที่ไม่สอดคล้องกันด้านใน ไฟในใจของดราณียิ่งร้อนระอุ เงยหน้ามองไปที่เขาคนนั้น โชคไม่ดีที่สายตาเขาก็มองกลับมาพอดี ทั้งสองมองผ่านกระจกกันแบบนี้ ดราณีรีบเบนสายตาออกมา แต่ก็ไม่วายชนัยก็เห็นไฟที่ร้อนระอุในดวงตาของเธอ ความโกรธนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เธอยังกลั้นไหว อดพ่นออกไปไม่ได้ “ดูไม่ออกเลย อดกลั้นได้ดีนะ ” ดราณีไม่ได้พูดอะไร ก้มศีรษะมองปลายเท้าตัวเอง ในใจก็ท่อง ‘ฉันไม่ได้ยิน ฉันไม่โกรธ’ แต่ความเงียบนี้กลับทำให้ชนัยไม่พอใจ ดึงมือที่คอเธอมาจับไว้แน่น แล้วหมุนตัวเธอเข้ามาในอ้อมอก “ฉันพูดกับเธอ ไม่ได้ยินหรอ?” ดราณีตกใจสะดุ้งกับแรงของแขนเขา เอียงศีรษะหลบไปด้วย แล้วรีบพูดไปด้วย “ได้ยินแล้วๆ!‘ “ได้ยินแล้วทำไมไม่พูด?” ชนัยเหล่มองใบหน้าที่แดงของเธอ จึงคลายแรงลง “ไม่มีมารยาท” เธอไม่มีมารยาทหรอ? ดราณีโกรธจนควันขึ้นหัวแล้ว แต่ลิฟต์ก็มาถึงโรงจอดรถชั้นใต้ดินพอดี เธอเลยพูดอย่างแข็งๆ “ลิฟต์ถึงแล้ว ไปกันเถอะ” คราวนี้ชนัยไม่ได้ให้เธอเป็นไม้เท้าพยุงต่อ เดินออกไปอย่างผงาดวางท่า เห็นแผ่นหลังใหญ่หนานั้น ดราณีก็กำหมัดแล้วต่อยกลางอากาศออกไปสองที “ไอบ้า!” ทั้งสองขึ้นรถกัน เดิมทีดราณีอยากจะนั่งที่นั่งข้างคนขับ แต่คนขับรถล็อคประตูไว้อย่างช่วยไม่ได้ เธอจึงเข้าใจ ทำได้เพียงเข้าไปนั่งเบาะหลัง ระหว่างทาง ชนัยหลับตาเพื่อพักผ่อน ขณะที่ดราณีนึกว่าในที่สุดเขาก็เงียบได้สักที ทันใดนั้นเขาก็เอ่ยปากออกมา “ปวดหัวจัง นวดขมับให้หน่อยสิ” ดราณีมองหันกลับมาจากนอกหน้าต่าง สุดท้ายก็มองมาที่ใบหน้าหล่อที่สมบูรณ์แบบนั้น เธอไม่ได้ขยับ เพียงแต่มองอย่างนิ่งๆ ชนัยรอสักพักเธอก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ จึงลืมตาแล้วกวาดสายตาไปที่เธอ “นิ่งอยู่ทำไม นวดหัวสิ!” ดราณีหายใจเข้าลึกๆ อยากทน......เสียดายที่ทนไม่ไหว สุดท้ายจักรวาลดวงน้อยก็ระเบิดออก “คุณชนัย ฉันเป็นพนักงานของคุณนะ ฉันไม่ใช่คนรับใช้ของคุณ ฉันไม่ได้มีหน้าที่มานวดหัวคุณนะ”
已经是最新一章了
加载中