ตอนที่18 มีคู่หมั้นแล้ว   1/    
已经是第一章了
ตอนที่18 มีคู่หมั้นแล้ว
ต๭นที่18 มีคู่หมั้นแล้ว คุณพ่อของจตุภูมิเป็นห่วงลูกชาย ก็เลยลุกขึ้นออกไปดูให้ แม่ของจตุภูมิเห็นสภาพลูกชายแบบนั้นแล้ว ก็ทนไม่ได้ขึ้นมา และพูดปลอบว่า “ลูกเอ่ย ไม่มาก็ไม่ต้องรอแล้ว ขาดเธอไปพวกเราก็ยังอยุ่ได้นี่? เธอไม่ได้เป็นห่วงลูกเลยนะ พวกเราไม่เอาเธอแล้วก็ได้นะ” “ไม่ได้นะ คุณแม่ คุณไม่รู้ว่าผมนั้นทำความผิดต่อจรินทร์อยู่ ผมต้องไปขอโทษเธอ ไม่อย่างนั้นเธอต้องหนีตามเถ้าแก่ที่รวยนั้นไปแล้วแน่ๆเลย ถ้าเป็นแบบนั้นผมก็เอาเธอกลับมาไม่ได้แล้วละ” ถึงแม้ว่าจตุภูมิจะเชื่อว่าจรินทร์ไม่ได้ถูกคนเลี้ยงดู แต่ในวันนั้นเขาเห็นปรพล ไม่ว่าทางด้านไหนก็ไม่ด้อยกว่าเขาเลย ถ้าฝ่ายตรงข้ามรุกจีบเธอขึ้นมาละก็ เขาก็ไม่มั่นใจเลยว่าจรินทร์นั้นจะไม่หวั่นไหว “เธอเลิกกับลุกเพราะว่าเจอคนที่มีรวยกว่างั้นหรอ?”แม่ของจตุภูมิถามกลับด้วยความโกรธ “ผมยังไม่เห็นด้วยนะ ผมไม่เห็นด้วยและแบบนี้ไม่ได้นับว่าพวกเราเลิกกันซะหน่อย และที่ผมได้รับบาดเจ็บนั้นก็เป็นเพราะว่าเธอด้วย เธอไม่ควรทิ้งผมและไม่สนใจผม” จตุภูมิเหมือนคนบ้าไปเลย ในออฟฟิศของปรพล ผู้ช่วยกำลังรายงานเรื่องราวเกี่ยวกับการได้รับบาดเจ็บของจตุภูมิ เขาเงียบและฟังจนจบ อุณหภูมิในร่างกายก็ลดลง ผู้ช่วยนั่นสั่นอยู่ข้างๆ และก็ได้ดึงคอเสื้อให้แน่นเล็กน้อย “ยัยซื่อยังไม่รู้เรื่องที่จตุภูมิได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้าโรงพยาบาลใช่ไหม?” ปรพลถามกลับ แต่สายตานั่นเย็นชามากๆ “ยังไม่รู้ครับ คนที่จะไปบอกเธอ ถูกคนที่ท่านส่งไปขัดขวางไว้ได้ก่อน” ผู้ช่วยคิดในใจ ถ้าหากเรื่องแค่นี้ยังจัดการไม่ได้ เธอกับพวกบอดี้การ์ดนั้นคงต้องเสียงานไปแน่ๆเลย ปรพลพยักหน้าเล็กน้อย “นายซื้อดอกไม้ไปเยี่ยมจตุภูมิสักช่อซี และให้นามบัตรของฉันกับพ่อแม่ของเขาด้วย ให้พวกเขาได้รู้จักตัวตนของฉันซะหน่อย ผู้ช่วยไม่รู้ความคิดของปรพลเลย และไม่กล้าถามด้วย เพียงแค่ทำตามความคำสั่งก็พอแล้ว แต่ว่าจตุภูมิรอจนถึงกลางคืนแล้วก็ยังไม่เห็นว่าจรินทร์จะมาเลย แต่กลับมีแขกที่แต่งกายสุภาพเรียบร้อยมาแทน เป็นชายที่ใส่แว่นแล้วดูดีมากเชียว “สวัสดีสองท่าน ผมชื่อฐากูร เป็นผู้ช่วยของคุณปรพล” ฐากูรพูดจบก็ยื่นนามบัตรให้ แต่นั่นไม่ใช่ชื่อของเขา แต่เป็นชื่อของปรพล แม่ของจตุภูมิรับมาและดูไปแปปเดียวเอง ในสายตานั้นมึนงงมาก แม้แต่พ่อของจตุภูมิกับจตุภูมิก็เป็นเหมือนกัน “อ้อ ลืมแนะนำเลยอะ คุณปรพลนั้นเป็นคู่หมั้นของคุณหนูจรินทร์ ซึ่งเขาให้ฉันมาดูคุณจตุภูมิเอง” ฐากูรยิ้มแล้วจับแว่นของตัวเอง จากนั้นก็โค้งคำนับอย่างมีมารยาทและกำลังจะเตรียมตัวออกไป บ้านไข่กระโทกเหมือนโดนฟ้าผ่าใส่เลยทีเดียว นานพอสมควรก็ยังดึงสติกลับมาไม่ได้เลย แต่ยังดีที่แม่ของจตุภูมินั้นมีปฏิกิริยากลับมาก่อน เธอดึงฐากูรที่กำลังจะออกไปไว้ “ คุณหมายความว่าไง? อะไรนะจรินทร์มีคู่หมั้นแล้วหรอ? เธอมีคู่หมั้นแล้ว มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนกัน?” “เรื่องนี้พวกคุณไม่ต้องเป็นกังวลหรอก เพียงแค่รู้ว่าคุณหนูจรินทร์นั้นเป็นคนที่มีคู่หมั้นแล้วก็พอ จากนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณจตุภูมิ อีกแล้ว ขอให้พวกคุณโปรดจำไว้” ฐากูรดึงมือของแม่จตุภูมิออก และเดินออกไปข้างนอก พอฐากูรเดินไปจนถึงประตูก็ได้หันกลับมา พูดกับครอบครัวที่กำลังงงเป็นไก่ตาแตกว่า “แล้วก็ คุณปรพลบอกว่าหากพวกคุณมีเรื่องอะไร ก็สามารถไปเขาได้โดยตรงเลย อย่าไม่ก่อกวนคุณจรินทร์อีกก็พอ” วันนี้จรินทร์ไม่มีคลาสเรียนเลยสักคลาส ก่อนหน้าที่เคยยื่นใบสมัครงานไว้ก็ไม่มีเจ้าไหนตอบกลับมาเลยสักเจ้า เพราะว่าเธอนั้นยังเรียนอยู่ เวลาที่ทำงานนั้นก็ไม่แน่นอนสักเท่าไหร่ งานพาร์ทไทม์เลยหายากมากๆ เธอก็ไม่อยากออกไปข้างนอกให้เหนื่อย ก็เลยคิดจะอยู่บ้านโดยไม่ทำอะไรเลย ในบ้านพักของปรพลดีไปซะหมดทุกอย่างเลย ที่เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยจะอิสระ ก็เป็นเพราะบ้านพักนี้คือของปรพลไงละ เมื่อคืนเธอยังคิดจะหาวิธีเพื่อที่จะได้ไปอยู่ที่หอพัก แต่ว่าปรพลนั้นไม่ได้ให้โอกาสเธอเลย วันนี้เธอมีเวลาเหลือเฟือ ค่อยๆคิดเตรียมแผนการแล้วกัน “ขั้นตอนแรก! ต้องเตรียมอาหารค่ำที่แสนจะอร่อย เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว พอกลับมาเห็นว่าฉันได้เตรียมทำอาหารไว้แล้ว ต้องตื้นตันใจมากๆ พอถึงเวลานั้นจะขออะไรก็ได้หมด เชื่อว่าเขานั้นต้องพิจารณาใหม่อย่างแน่นอนเลย จรินทร์ก็ได้เอาสมุดมาจดแผนการของเธอ และพูดแผนการอยู่ตรงหน้ากระจกตู้เสื้อผ้า ปกติแล้วปรพลนั้นจะไม่กลับบ้านในตอนกลางวัน แต่วันนี้คนขับรถของจรินทร์บอกกับเธอว่า วันนี้ทั้งวันคุณจรินทร์ไม่มีคลาสเรียน เขาก็เลยจะกลับมาดูเธอสักหน่อย เขาเข้าประตูมาก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะเคลื่อนไหวเบาๆอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะว่าจรินทร์นั้นกำลังพูดแผนการของเธอออกมาอยู่ ดังนั้นเลยไม่ได้สังเกตเลยว่าเขาได้กลับมาแล้ว และยังยืนอยู่ที่ประตูห้องนอนของเธอแล้วอีกด้วย “ขั้นตอนที่สอง ฉันจะต้องทำยังไงถึงจะพูดออกมาอย่างมีมารยาทและไม่ทำให้เสียบรรยากาศที่จะขอร้องให้ตัวเองได้ไปอยู่ที่หอพักได้บ้างนะ?” จรินทร์จับเข้าที่คาง และเดินไปเดินมาคิดอยู่ที่หน้ากระจก เดินไปเพียงไม่กี่ก้าว จรินทร์ก็นำดินสอขีดๆเขียนๆบนกระดาษ เหมือนกับว่ากำลังวางแผนอย่างลับอะไรบางอย่างอยู่ หลังจากนั้นไม่กี่นาที เธอโยนดินสอทิ้ง และยืนอยู่ข้างหน้ากระจก “คุณปรพลคุณนั้นรูปหล่องดงาม เหมือนเทพบุตรลงมาเกิดเลย ทุกการเคลื่อนไหวของคุณนั้นมันตรงเข้ามาที่หัวใจของฉัน...ฉึก น่าขนลุกเกินไปแล้วละ เมื่อถึงตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับใบหน้าที่จริงจังของเขาละก็ ฉันจะพูดออกมาได้ยังไงละเนี่ย ไม่ได้ๆ แก้ไขท่อนนี้ก่อนละกัน” จรินทร์ตกใจและขนลุกกับความคิดของตัวเอง “เราต้องพูดให้มันเรียบง่ายหน่อย และให้มีความจริงใจหน่อยดีกว่า?” จรินทร์กระแอม และอ่านต่อว่า “คุณปรพลคุณนั้นรูปงามใจงาม ต้องเข้าใจความลำบากของฉันแน่นอน ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากพักที่บ้านของเธอหรอกนะ แต่มันเป็นเพราะว่าการไปมหาวิทยาลัยมันสะดวกต่อฉันมากกว่า ลุงคนขับรถก็อายุมากแล้ว มันไม่ดีเลยที่จะไปๆกลับๆแบบนี้ทุกวัน….” ยังอ่านไม่ทันจะจบเลย จรินทร์ก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างยาว “มันดูตอแหลเกินไป ขนาดตัวฉันเองยังไม่อยากจะฟังเลย จริงๆแล้วฉันก็ไม่อยากจะที่มาพักที่นี่นิ และลุงคนขับรถก็อายุมากแล้วด้วย ขับรถไปกลับก็ไม่ดี คนอื่นเขาก็ทำงานนี่อยู่แล้วนิ ถ้าไม่ขับรถก็ไม่ใช่แล้วละ? โอ้พระเจ้า ทำไมมันยากแบบนี้ละ การมีชีวิตอยู่มันยากมากเลยอะ….” จรินทร์นั้นอกจะแตกเลยทีเดียว โยนสมุดที่วางแผนทิ้ง เตรียมตัวที่จะกระโดดขึ้นเตียงกลิ้งสักรอบสองรอบ ปรากฎว่าสมุดที่เขาวางแผนนั้นถูกโยนไปอย่างสวยงาม กระเด็นไปที่ประตู มันหล่นลงที่มือของปรพลอย่างที่ยืนอยู่ที่ประตูพอดิบพอดีเลย “ว้าย!” จรินทร์หันไปกฝปุ๊บก็มองเห็นปนพลยืนอยู่ที่ประตู แต่เธอกลับทำท่าที่จะกระโดดขึ้นเตียงเรียบร้อยแล้วด้วย ดังนั้นเธอเลยใส่แรงไปอย่างเต็มที่เลย แต่เพราะเรี่ยวแรงไม่พอ โดดแต่ก็โดดไม่ขึ้นไปบนเตียงหัวเลยไปโขกใส่ที่มุมของเตียง เตียงนั้นแข็งมาก และผิวที่ขาวเนียนของเธอ พอโขกใส่ปุ๊บก็มีรอยสีสีแดงปรากฏขึ้นมาเลยทันที คำถามของปรพลนั้นติดอยู่ที่คอเลย พอเห็นเธอล้มลง รีบเดินไปข้างหน้าเพื่อพยุงเธอให้ลุกขึ้น “โขกขนเจ็บแล้วมั้งเนี่ย?” ปรพลยกหัวของจรินทร์ขึ้นพร้อมใช้มือนวดหัวที่โดนโขก ใช้มือในการช่วยนวดให้กับเธอเบาๆ “คุณปรพล คุณกลับมาตั้งแต่ตอนไหนหรอ? เหมือนกับผีเลยอะ ไม่มีแม้แต่เสียงเลย นายรู้ไหมนายทำแบบนี้มันจะทำให้ฉันหัวใจวายตายได้เลยนะ เมื่อกี้โชคดีที่ฉันโขกเข้าไปแค่ที่โต๊ะเองนะ แล้วถ้าหากฉันโขกโดนที่ตู้เสื้อผ้าละ หรือมุมโต๊ะ ฉันอาจจะเสียเลือดจนหมดตัวตายในห้องนี้เลยก็ได้นะ” จรินทร์พูดโทษเขาไว้ก่อนเลย “พูดแบบนี้ หมายความว่ามันเป็นความผิดของฉันหรือ?” ปรพลรู้สึกตลกมาก แต่ก็พยายามที่จะระงับเอาไว้โดยการยิ้มที่มุมปาก “ถ้าไม่อย่างนั้นละ? งั้นให้ฉันลองทำให้นายตกแบบนี้ดูบ้างซี” จรินทร์พูดด้วยความโกรธ และปฏิเสธการประคองของปรพลอย่างเย็นชา พิงอยู่ที่ข้างๆเตียงไม่ยอมลุกขึ้นมา ปรพลก็ไม่ได้บังคับ เพียงแค่พูด “คงจะไม่มีโอกาสแบบนั้นแล้วละ” พูดจบก็นำสมุดวางแผนในมือวางไว้ที่ข้างหน้าบนเตียงของจรินทร์ ในคำพูดนั้นความหมายก็คือ นอกจากจรินทร์แล้ว บนโลกใบนี้คาดว่าจะไม่มีคนที่สองที่จะทำเรื่องแบบนี้แน่ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปรพลเห็นจรินทร์นั้นจริงจังได้ขนาดนี้ ในตอนที่เธอวางแผนอยู่ในโรงแรมของเขา เขาก็เคยเห็นมันแล้วด้วย "ฉันอยากจะถามสักหนึ่งคำถาม" ปรพลพูดขึ้น "ฉันสามารถที่จะไม่ให้นายถามได้ไหมละ?" จรินทร์ถามกลับ ปรพลพยักหน้า แสดงว่าไม่ได้ “มาพูดเรื่องที่เธออยากไปพักที่หอพักมหาลัยกับเรื่องที่เธออยากจะนอนกับฉันเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเท่ากันหรือ มิฉะนั้นจะมานั่งคิดและเขียนแผนการแบบจริงจังทำไมละ?” “ใช่แล้วละ คุณปรพล พอเห็นความจริงจังที่ในส่วนนี้ของฉันแล้ว นายตกลงที่จะให้ฉันไปอยู่ที่หอพักได้หรือยังอะ?” "ไม่ตกลง ยังคงเป็นคำพูดเดิม ให้เธออยู่ที่บ้านฉัน สามารถลดปัญหาที่ไร้สาระได้เยอะเลยนะ หลังจากนี้เธอก็ไม่ต้องคิดมันอีกแล้วนะ” ปรพลปฏิเสธแล้ว ปฏิเสธได้ง่ายมากๆ ยังทำลายแผนการที่คิดไว้หลังจากนี้อีกด้วย 
已经是最新一章了
加载中