ตอนที่21 เทพธิดาเดชทัต   1/    
已经是第一章了
ตอนที่21 เทพธิดาเดชทัต
ต๭นที่21 เทพธิดาเดชทัต “พูดเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้เถอะ” ปรพลรู้สึกโกรธเล็กน้อย เพื่อที่จะลงโทษบอดี้การ์ดที่ทำให้เรื่องของเขาเสีย เขาไม่เรียกคนขึ้นรถเลย ให้เขายืนอยู่ข้างนอกแล้วพูดเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา บอดี้การ์ดก้มหัวด้วยความเคารพ แล้วนำเรื่องที่จตุภูมิรอจรินทร์อยู่ข้างนอกห้องสมุดถึงตอนที่จตุภูมิล้มลงจากบันได เขาเล่าเหตุการณ์เหล่านี้ให้ปรพลฟังอย่าถี่ถ้วน จรินทร์ที่แกล้งตายอยู่ข้างๆฟังดูแล้วรู้สึกผิดปกติ “คุณปรพล คุณให้คนตามสืบฉัน น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!” บอดี้การ์ดกลืนน้ำลาย กล้าพูดกับปรพลขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะรักจริงก็คือรนหาที่ตาย เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า จรินทร์อยู่ในกรณีที่หนึ่ง และปรพลที่ฟังเธอพูดแบบนี้จนชินแล้ว แม้แต่หนังตาก็ไม่กระพริบ “พอแล้ว ฉันรู้แล้ว นายไปเถอะ จัดการเรียบร้อยแล้วนำผลมารายงานฉัน” ปรพลโบกมือ ให้บอดี้การ์ดออกไป พอบอดี้การ์ดออกไปแล้ว ปรพลจึงจะหันไปทางจรินทร์ที่จ้องเขาราวกับสัตว์ดุร้าย เขาพูดอธิบายว่า “ถ้าฉันไม่ให้คนตามเธอมา เหมือนเหตุการณ์ในวันนี้ เธอจะจัดการยังไง? อีกอย่างเรื่องที่เธอจะถูกไล่ออกครั้งก่อน ถ้าแย่กว่านี้อีก ถ้าตัวตนเธอถูกเปิดเผย ถูกนักข่าวรุมล้อม เธอจะทำอย่างไร?” จรินทร์อ้าปาก แต่กลับพูดคำคัดค้านอะไรไม่ออกมาเลย “ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันก็จะบอกให้พวกเขาไม่ต้องตามเธอแล้ว แต่ว่าถ้าพบเรื่องอะไรเธอต้องมาหาฉันทันที!” นี่เป็นสิ่งที่ปรพลโมโหที่สุด จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าพบเจอเรื่องอะไร จรินทร์ก็ไม่เคยนึกถึงว่าที่สามีขอเธอคนนี้เลย “เอาเถอะ ถ้าเจอเรื่องที่ฉันแก้ปัญหาไม่ได้จริงๆ ฉันจะไปหานาย” จรินทร์หยิบโทรศัพท์ออกมา “พูดเถอะ เบอร์โทรศัพท์นายคืออะไร บันทึกให้ฉันอันหนึ่ง” ใช่แล้ว เธอเข้ามาพักอยู่ในบ้านของปรพลแล้ว แม้แต่เบอร์โทรศัพท์ของเขาก็ยังไม่มี! ข้างนอกห้องฉุกเฉินโรงพยาบาล พยาบาลออกมาจากห้องฉุกเฉิน แล้วพูดกับคุณพ่อคุณแม่จตุภูมิว่า “ผู้ป่วยได้รับการพุ่งชนหลายครั้ง ส่งผลกระทบให้เลือดออกเป็นจำนวนมาก ตอนนี้จำเป็นต้องทำการผ่าตัด เชิญพวกคุณรีบไปจัดการเรื่องค่ารักษาด้วยครับ” ทั้งสองเป็นห่วงจะแย่อยู่แล้ว รีบตามพยาบาลไปที่แผนกชำระเงิน ยังดีที่พวกเขาได้เงินจากทางปรพลมาหนึ่งล้าน ไม่เช่นนั้นตอนนี้แม้แต่ค่าผ่าตัดก็จ่ายไม่ไหว แต่ว่ามีหนึ่งล้านบาทก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมาย เพราะว่าครั้งนี้จตุภูมิอาการสาหัสมาก ศีรษะออกเลือดต้องทำการผ่าตัดเป็นเพียงแค่ขั้นตอนแรก ตอนแรกมีแค่ขาของเขาที่หัก แล้วยังมีเศษกระดูกในมือที่ต้องทำการผ่าตัดอีก การผ่าตัดสองสามเคสนี้ หนึ่งล้านบาทได้ใช้ไปครึ่งหนึ่งแล้ว จตุภูมิยังคงพักอยู่ในห้องผู้ป่วยอาการหนัก หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน หนึ่งล้านบาทเหมือนถูกไฟเผาไป ค่อยๆลดลงไปเรื่อยๆ สิ่งที่สำคัญคือ จตุภูมิไม่ได้มีอันตรายต่อชีวิต แต่ก็ยังไม่ได้ฟื้นขึ้นมา คุณหมอบอกว่าอาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาตลอดไปก็เป็นได้ ถ้ายังคงพักอยู่ในโรงพยาบาลต่อ จะต้องใช้ค่าใช้ใจสูงมากในทุกๆวัน ทั้งสองหาไม่ไหวจริงๆ ยังคิดอยู่ว่าจะไปหาปรพล แต่กลับถูกบอดี้การ์ดในโรงพยาบาลของปรพลห้ามไว้ “คุณผู้ชายคุณผู้หญิง ตอนที่ท่านประธานวรพลให้เงินหนึ่งล้านบาทพวกคุณ ก็คือให้พวกคุณพาจตุภูมิจากไป พวกคุณไม่ทำตามสัญญาเอง ตอนนี้เงินหนึ่งล้านบาทใช้หมดแล้ว แต่ว่าพวกคุณยังไม่ไป ท่านประธานปรพลเห็นว่าลูกของพวกคุณกำลังบาดเจ็บจึงไม่ต่อรองกับพวกคุณแล้ว แต่ว่าถ้าพวกคุณยังคงตอแยแบบนี้ต่อไป ท่านประธานปรพลจะฟ้องพวกคุณ ให้พวกคุณคืนเงิน” บอดี้การ์พูด สองสามีภรรยาพอได้ยินว่าเป็นเงินก็ปวดหัวขึ้นมา ถ้าทำได้คงจะไปขโมยไปแย่งมารักษาตัวให้ลูกชายแล้ว ถ้าถูกฟ้องขึ้นศาลขึ้นมาจริงๆ ยังต้องคืนเงินหนึ่งล้านบาทอีก พวกเขาคงจะต้องกระโดดตึกแทนคำขอโทษแล้ว พอได้ยินคำพูดของบอดี้การ์ดแล้ว สองสามีภรรยาก็ไม่กล้าจะพึ่งปรพลแล้ว หารถกมา แล้วพาจตุภูมิออกจากเมืองA ในเมืองที่กว้างใหญ่นี้ กำลังกินเงินอยู่ทุกๆวัน พวกเขาไม่มีรายรับ จะอยู่ต่อคงยังยาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องออกค่ารักษาให้ลูกชายแล้ว ตั้งแต่จตุภูมิเข้าโรงพยาบาล จนถึงตอนที่พ่อแม่ของเขาพาเขาจากไป เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในระหว่างนี้ จรินทร์ไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่นิด แต่ในส่วนของบอดี้การ์กลับรายงานปรพลทุกวัน จรินทร์รู้แค่ว่าจตุภูมิยังไม่ตาย เขาไม่ได้มีความเกลียดต่อจตุภูมิ ขอแค่เขาไม่มาสร้างความรำคาญให้เธอ อยู่ในที่ๆเธอมองไม่เห็น จะมีชีวิตที่ดีหรือไม่ดีก็ไม่เกี่ยวกับเธอ ไม่มีการตอแยของจตุภูมิแล้ว หูของจรินทร์สบายขึ้นเยอะเลย ขนาดตอนที่เรียนอยู่ยังอยู่ในท่าทางมึนๆงงๆ ในตอนที่เธอใกล้จะหลับแล้ว เพื่อนข้างโต๊ะก็ตะโกนดังขึ้น ทำเอาเธอตกใจจนเกือบจะตกเก้าอี้ “ว้าว เทพธิดาเดชทัตถ่ายทอดสดแล้ว!” เพื่อนร่วมโต๊ะผู้ชายฟุบอยู่บนโต๊ะแล้วมองดูโทรศัพท์ ดีใจจนคนทั้งตัวจะเข้าไปในโทรศัพท์แล้ว มีความสนิทสนมกับคนบนจอโทรศัพท์มาก ขณะนี้จรินทร์พึ่งรู้ว่าเลิกเรียนแล้ว เธอคิดว่าเมื่อกี้เธอไม่ได้หลับ คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะหลับจนเลิกเรียนแล้ว? เธอมองดูด้วยความสงสัย พบว่าสิ่งที่เพื่อนร่วมโต๊ะผู้ชายดูอยู่คือสาวสวยคนหนึ่งกำลังถ่ายทอดสดอยู่ ผมลอนที่ยาวถึงประมาณเอว ถูกย้อมด้วยสีทอง ใบหน้าที่คล้ายราวกับภาพวาด สวยจนไม่อยากจะเชื่อ “เพื่อน นี่เปิดเอฟเฟกต์กล้องชัดเจนเกินไปแล้วมั้ง?” จรินทร์เดินไปถาม เธอไม่ได้เข้าใจเรื่องเอฟเฟกต์อะไร เธอก็แค่รู้สึกเฉยๆ บนโลกใบนี้ไม่ได้มีผู้หญิงสวยขนาดนี้ แม้กระทั่งในทีวีเธอก็ยังไม่เคยเห็น “ไม่รู้เรื่องอย่าพูดไปมั่ว ไม่ต้องดูถูกเทพธิดาฉันได้ไหม เธอไม่เคยเปิดเอฟเฟกต์กล้องเลย นี่คือใบหน้าที่แท้จริงของเธอ เธอดูให้ชัดเจนสิ!” เพื่อร่วมโต๊ะนำโทรศัพท์ยื่นไปตรงหน้าเธอ ให้เธอดูให้ชัดเจน จรินทร์ไม่ได้เห็นเทพธิดาของเพื่อนร่วมโต๊ะ เห็นแต่ของขวัญและความคิดเห็นมากมาย ผ่านไปผ่านมาจนเธอตาลาย เธอรีบผลักโทรศัพท์คืนกลับไป ตอนเย็นหลังจากเลิกเรียน จรินทร์ถูกคนขับรถส่งมาที่วิลล่า เธอไม่ค่อยดีใจซักเท่าไหร่ เธอไม่อยากอาศัยอยู่ในบ้านปรพลจริงๆ อยู่มานานขนาดนี้ ไม่มีความรู้สึกของบ้านเลย ทำไมเธอรู้สึกวิตกกังวลไม่มีความสบายใจ อยากจะหาโอกาสพูดเรื่องย้ายออกไปกับปรพล แต่ต้องเป็นตอนที่มีโอกาที่เหมาะสม ในหัวสมองคิดถึงเรื่องพวกนี้ จู่ๆจรินทร์ก็เปิดประตูเข้าไปโดยไม่รู้ตัว เงยหน้าขึ้นก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องรับแขก ผู้หญิงที่สวยงามมากๆ จรินทร์นึกว่าตัวเองมาผิดที่แล้ว จึงเดินออกไป แล้วรีบปิดประตู ผ่านไปเพียงแค่ไม่กี่วินาที การกระทำรวดเร็วมาก ผู้หญิงที่นั่งอยู่บนโซฟังยังไม่รู้สึกตัวเลย หลังจากออกจากประตูแล้ว จรินทร์นำกุญแจออกมาอีกครั้ง แล้วเปิดประตูด้วยท่าทางที่จริงจังมาก ผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา ใบหน้าที่สวยงามยังมีความแปลกใจอยู่ด้วย ในตอนที่ดวงตาทั้งสองเบิกตากว้าง ปรพลลงมาจากตึก พอผู้หญิงเห็นแล้ว ก็รีบลุกขึ้น แล้วจับแขนของปรพลไว้ ผู้หญิงพูดกระซิบที่ข้างหูของเขา จากนั้นปรพลถูกเธอกอดไว้ ทั้งสองค่อยๆลงจากตึก จรินทร์ตกใจจนคางจะหลุดแล้ว จ้องดูทั้งสองด้วยดวงตาที่เปียกชื้น ไม่กะพริบตาเลย “ปรพล นี่ใครหรอ? นายไม่แนะนำหน่อยหรอ?” ผู้หญิงเปิดปากพูด น้ำเสียงมีความเย็นชาเล็กน้อยๆ และมีความต่ำเล็กน้อย ไม่ใช่น้ำเสียงที่ผู้หญิงทั่วไปพูดกัน แต่ฟังแล้วทำให้คนรู้สึกสบายใจ “จรินทร์” การแนะนำของปรพลทั้งง่ายและตรง หลังจากแนะนำจรินทร์เรียบร้อยแล้ว ปรพลก็จะแนะนำผู้หญิงคนนั้นให้เธอ จรินทร์รีบแย่งเขาพูดก่อน “ฉันรู้ นี่คงเป็นเทพธิดาเดชทัตใช่ไหม?” ก่อนเลิกเรียนพึ่งเห็นบนโทรศัพท์ของเพื่อนร่วมโต๊ะ เธอมีความคุ้นเคยกับผู้หญิงคนนี้มาก ตอนที่อยู่บนโทรศัพท์ เธอนึกว่าฝ่ายตรงข้ามเปิดเอฟเฟกต์กล้องถึงได้สวยขนาดนี้ แต่พอตอนนี้เจอตัวจริงแล้ว เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองตกข่าวขนาดไหน ตัวจริงยังสวยกว่าในโทรศัพท์หลายเท่าเลย! จะพูดว่านางฟ้าลงมาบนโลกก็ไม่ได้เกินไป เธอที่เป็นผู้หญิงมองแล้วยังรู้สึกหวั่นไหวเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเพื่อนร่วมโต๊ะผู้ชายคนนั้นของเธอ เดชทัตตกใจมาก นึกไม่ถึงเลยว่าจรินทร์จะรู้จักเธอ ในตอนที่กำลังจะถาม ก็ได้ยินจรินทร์พูดว่า “ฉันเคยเห็นคุณถ่ายทอดสดจากโทรศัพท์เพื่อนข้างโต๊ะ คุณสวยมาจริงๆสวยกว่าในโทรศัพท์เยอะเลย!” ทันใดนั้นจรินทร์ก็แปลกร่างเป็นแฟนคลับตัวน้อย ในดวงตาเต็มไปด้วยดวงดาว ครั้งนี้ปรพลสะบัดมือเดชทัตของโดยตรงเลย แล้วเดินไปนั่งบนโซฟา ยังไม่ถึงช่วงอาหารเย็น พ่อครัวยังยุ่งอยู่ในห้องครัว ต้องรอสักพักจึงจะสามารถกินได้ จรินทร์เดินเข้าไปด้วยความดีใจ แล้วถามปรพลด้วยเสียงเบาว่า “คุณกับเทพธิดาเดชทัตเป็นอะไรกันหรอ? พวกคุณ……” ความอยากรู้อยากเห็นในดวงตาถูกเปลวไฟเผาขึ้น ปรพลเห็นคนแบบนี้แล้ว รู้สึกอยากตีคนเล็กน้อย เดชทัตก็เดินเข้ามานั่ง เธอนั่งอยู่ข้างๆของปรพล แล้วถามว่า “เธอคือจรินทร์ใช่ไหม? ฉันเคยเห็นสัมภาษณ์ของเธอกับปรพลที่โรงแรม เธอก็น่ารักมากเลย น่ารักกว่าในกล้องอีก” “จริงหรอ?” จรินทร์ยิ้มอย่างเขินอาย จากนั้นก็วิ่งไปนั่งที่ข้างๆของเดชทัต เธอนำคำถามที่ถามปรพลเมื่อกี้ มาถามอีกรอบ หลังจากเดชทัตฟังแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เธอมองไปทางปรพลด้วยความลำบากใจ จากนั้นก็ตอบกลับว่า “จรินทร์ ดูก็รู้ว่าเธออายุน้อยกว่าฉัน ฉันเรียกเธอว่าน้องเธอคงจะไม่ถือสาใช่ไหม??” จรินทร์ส่ายหัว แน่นอนว่าเธอไม่ถือสาอยู่แล้ว สามารถรู้จักกับพี่สาวที่สวยขนาดนี้ เธอโชคดีมากกว่าต่างหาก! “น้องสาวฉันขอพูดความจริงอย่างหนึ่งเธอย่าโกรธนะ ถึงแม้ฉันจะอยู่กับปรพลตลอเวลา แต่ว่าเธอวางใจได้เลย ฉันไม่ได้ใส่ใจเรื่องฐานะและตำแหน่ง ฉันไม่มีทางทำลายชีวิตแต่งงานของพวกเธอแน่นอน!” เดชทัตพูด
已经是最新一章了
加载中