ตอนที่42 คนที่ไม่น่าสน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่42 คนที่ไม่น่าสน
ต๭นที่42 คนที่ไม่น่าสน ปรพลยังพูดเรื่องราวของจรินทร์กับเดชทัตออกมาอีก “ฉันรู้ว่าเธอกับเดชทัตไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน แล้วก็ยังรู้ว่าแค่เล่นหุ้นกัน เพียงแค่สนุกด้วยกัน แต่....” ปรพลยังพูดไม่ทันจบ บอนดิ้งก็พูดขึ้นมา”แต่แกไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้ เวลาที่เธอไปอยู่ใก้ลเดชทัต แล้วคิดที่จะขังให้เธออยู่แต่ในบ้าน แล้วในทุกวันแกจะเป็นคนเดียวที่สามารถเห็นเธอใช่ไหม?” ปรพลไม่ตอบแต่ก็ไม่ปฏิเสธ เขาไม่อยากให้จรินทร์ติดต่อกับใครโดยเฉพาะผู้ชาย เขาสามารถทำแบบนั้นนั้นได้ แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ทำ เขากลัวว่าจรินทร์อาจจะหนีไปเพราะไม่สามารถรับการกระทำแบบนั้นได้ มันเหมือนการข่มขู่ ทำแบบนั้นอาจจะดูเหมือนทำร้ายเธอ “สถานการณ์ของแกไม่ค่อยเหมือนกับคนอื่นเพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะความอยากครอบครองนั้นดูเหมือนจะมากกว่าคนธรรมดาไปหน่อย แต่ฉันแนะนำว่าดีที่สุดแกควรหลีกเลี่ยงวิธีนี้ ไม่งั้นแกอาจจะไปทำร้ายคนที่แกรัก”บอนดิ้งพูด ปรพลรู้สึกใก้ลจะควบคุมตัวเองไม่ได้จึงมาหาบอนดิ้ง “แต่ในเวลาเดียวกันแกก็สามารถพยายามเชื่อใจเธอมากขึ้นและทำให้เธอเข้าใจในตัวแกมากขึ้น เมื่อความสัมพันธ์ของพวกแกดีขึ้น ก็ไม่ต้องมารู้สึกทุกข์ใจแบบนี้แล้วละ”บอนดิ้งเป็นหมอของปรพลมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่สามารถพบวิธีรักษาเลย อุปสรรคในจิตใจปรพลไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถแก้ไขได้ แต่ปัญหาเรื่องความรัก บอนดิ้งก็ยังคงมีประสบการณ์มากกว่าเขา เพราะยังไงบอนดิ้งก็เป็นคนที่ผ่านสนามความรักมาบ้าง แต่ปรพลถึงจะไม่ใช่เด็กๆ แต่เขาพึ่งจะพบกับคนที่ไม่ปฏิเสธ ทำให้ความรู้ด้านความรักของเขายังคงขาวสะอาด ปรพลอดทนฟังบอนดิ้งมาเป็นชั่วโมง ทำให้เขารู้สึกบรรเทา แต่ก็แอบมีคำเยาะเย้ยที่เขาไม่สามารถมีความรักได้ เขาก็รับไว้หมดโดยไม่มีคำถามอะไร “วันนี้พอแค่นี้ละกัน มีปัญหาอะไรค่อยมาหาฉันอีก ถ้ามีโอกาสฉันก็อยากจะไปจะไปเจอสาวน้อยคนนั้นจริงๆ “บอนดิ้งยิ้มและลุกขึ้นจะส่งแขก ปรพลก็พูดขึ้นมาว่า”เธอชื่อจรินทร์!”ไม่อยากให้เรียกแบบนั้น เรียกชื่อน่ะดีแล้ว บอนดิ้งยิ้มไม่อยากจะเถียงด้วย ปรพลเปิดประตูออกมาก็เห็นผู้หญิงใส่ชุดพยาบาลยืนอยู่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้คุยกับพยาบาลอีกคน ซึ่งเป็นญาติของบอนดิ้ง “สวัสดีค่ะคุณปรพล” เยลี่ยิ้มและยื่นมือไปทางปรพล ปรพลถอยหลังสองก้าวและยื่นมือไปจับ “ทำไมยังไม่ไปละ?” บอนดิ้งยิ้ม “รออะไรฉันอยู่รึป่าว?” เยลี่กับบอนดิ้งเป็นเรียนมหาลัยเดียวกัน อาจารย์ที่ปรึกษาคนเดียวกัน ตอนเยลี่จบเธอยังไม่ได้หางาน บอนดิ้งก็เรียกเธอมาทำงานเป็นผู้ช่วย ”ใช่แล้วค่ะรุ่นพี่ ขอบคุณที่ดูแลฉันมาตั้งนาน อยากเชิญคุณไปกินข้าวสักหน่อย คุณปรพลจะไปด้วยกันไหมคะ? ”เยลี่พูดอย่างอารมณ์ดี แต่เวลาที่เยลี่พูดออกมามันให้ความรู้สึกที่เขินอายอย่างรู้สึกได้ “ขอโทษทีนะ พอดีฉันมีธุระ” เขารู้ว่าเยลี่เป็นคนยังไง เขาจึงปฏิเสธไป บอนดิ้งดูสีหน้าของเธอเปลี่ยนไป เธอก้าวลงบันได “ปรพลเขาอาจจะยุ่งกว่าจักรพรรดิอีก จะมาหาหมอก็ต้องรอให้เลิกงาน ไม่เหมือนกับฉัน มารอคุณให้เชิญฉันกินข้าวอยู่ตั้งนานแล้ว รีบไปปะ อย่าไปสนใจคนคนนี้เลย” “โอเค ครั้งหน้าค่อยว่ากันใหม่”เยลี่พูดละยิ้มออกมาเล็กน้อย ปรพลเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง เยลี่ทำได้เพียงมองเขาจากข้างหลัง “เยลี่เธอรู้จักปรพลไหม?”เขาจำได้ว่าครั้งก่อนที่ปรพลมาเยลี่เธอยังไม่ได้มาทำงาน “อ๊ะ?”เยลี่ตอบ “คุณปรพลหรอคะ มีใครบ้างจะไม่รู้จักคะ ทั้งในโทรศัพท์ นิตยสาร เห็นแล้วก็อยากจะทำความรู้จัก แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ให้โอกาสฉันเลย” เยลี่ตอบด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเสียใจอย่างชัดเจน บอนดิ้งยิ้มแต่ไม่ได้ตอบอะไร เขาให้เธอเลือกสถานที่ ที่จะไปทานข้าว คนที่อยากจะชวนก็ไม่มา ทานข้าวยังต้องเสียเงินอีก เธอกลับไปที่ห้องเช่า ดื่มเหล้าจนเมาแล้วเมาอีก พ่อของเธอพูดว่า”เยลี่กลับมาแล้วหรอ ไปไปกินข้าวกัน พ่อหิวจะตายแล้ว”กระป๋อง(พ่อ)เปิดขวดไวน์แล้วก็ดื่มจนหมด “จะอดตายแล้ว!” เยลี่วางเหล้า และมองไปที่กระป๋อง(พ่อ)ตาลุกเป็นไฟและเดินข้าวไปในห้องครัว หยิบข้าวออกมาและเทมันลงบนหัวของเขา “โอ้ยยยย!”กระป๋อง(พ่อ)ร้องและลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็ว”เเกทำอะไรของเเกห๊ะ!” แม้ว่านี่จะเป็นฤดูร้อน แต่พวกเขาอาศัยอยู่ในอาคารที่เป็นอาคารระหว่างตึกสูง มันหนาวและชื้นอยู่ตลอดทั้งปี น้ำที่ไหลออกมาจากท่อน้ำก็เย็นกว่าอุณหภูมิภายนอก น้ำกระเด็นโดนกระป๋อง(พ่อ) ทำให้เขาตื่นขึ้นมา “หนูทำอะไร?หนูน่าจะถามพ่อมากกว่าว่าพ่อทำอะไรอยู่?พ่อไม่คิดจะออกไปทำอะไรข้างนอกบ้างเลยหรอ? วันวันอยู่แต่บ้านกินเพื่อรอตาย หนูไม่มีเงินให้พ่อกินข้าวแล้ว!” เยลี่ตะคอก เธอเป็นเพียงที่ปรึกษาฝึกงานของบอนดิ้ง แม้ว่าบอนดิ้งจะเห็นแก่หน้าของเธอและให้เงินเดือนเธอปกติ แต่เธอมักจะซื้อเสื้อผ้าแบร์นดัง กระเป๋าแบรนด์เนม กลับมายังต้องเอาเงินให้กระป๋องใช้ ทำให้ค่าใช้จ่ายกับเธอที่มีมันไม่พอ “เเกคิดว่าฉันไม่อยากทำงานหรอ? ก็ฉันหาไม่งานไม่ได้นี่นา!” กระป๋องเขาเองก็จบจากมหาลัยที่มีชื่อเสียง แต่ตอนนี้ก็ผ่านมาปีครึ่งแล้ว วันวันเอาแต่กินเหล้า และยังรักความหรูหรา เยลี่กลับมาก็ต้องมาก็ต้องเจอ(พ่อ)กระป๋องในสภาพแบบนี้ เหมือนนรกจะแตก “อย่าประเมินฉันต่ำไปน่า ฉันต้องหางานที่เหมาะกับฉันได้แน่ เเกก็รีบๆไปหางานที่จริงจังเหอะ ไม่ต้องไปฝึกทำงานที่นั่นแล้ว เงินเดือนก็น้อยนิด ยังไม่พอให้เเกซื้อกระเป๋าเสื้อผ้าเลย แล้วเมื่อไรพวกเราจะได้ย้ายไปอยู่ที่ดีๆละ” เห็นได้ชัดว่ามันเป็นสิ่งที่พ่อและลูกสาวควรช่วยกันทำ กระป๋องในฐานะพ่อได้แต่บ่น เยลี่รู้สึกเหนื่อยจากก้นบึ้งหัวใจ “พ่ออยากอยู่ก็อยู่ไม่ อยากอยู่ก็ไป หนูเบื่อจะตายแล้ว พ่อแม่ของคนอื่นคิดถึงลูกตัวเองก่อนเสมอ แล้วหนูละ?ไม่เคยกินดี ไม่เคยสวมเสื้อผ้าดีๆ ยังจะมาต้องการให้หนูดูแลพ่ออีก ทำไมแม่ต้องมารีบตายจากไป ทำไมไม่เอาพ่อไปด้วย!” เยลี่โกรธจนพูดประโยคที่ทำร้ายจิตใจออกมา แต่ประโยคพวกนี้กระป๋องฟังจนชินแล้ว ทำให้ไม่ได้สนใจอะไร “ช่างเหอะ ช่างเหอะ จะโกรธอะไรขนาดนั้น” กระป๋องเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วเข้าห้องครัวเพื่อทำอาหาร เยลี่ทำให้โซฟาต้องสกปรก เธอเดินเข้าไปในห้องตัวเอง อยากจะอยู่ในที่
已经是最新一章了
加载中