บทที่ 19 เขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา   1/    
已经是第一章了
บทที่ 19 เขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา
บ๗ที่ 19 เขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหา เมื่อได้ยินเสียงนี้ ซูมี่หยางก็ขนลุกขึ้นทั้งตัวทันที เมื่อหันกลับไปก็มองเห็นซั่นสวี้หยาวนั่งอยู่ข้างๆเธอจริงๆด้วย ซั่นสวี้หยาวไม่ได้มองดูเธอ เขานั่งอย่างมีมารยาท หลังตั้งตรง แสงแดดส่องเข้ามาทางหน้าต่าง ส่องลงบนใบหน้าด้านข้างของเขา เป็นรอยเปื้อนที่มีสีสดใส ทำให้เขาดูสวยงาม ใบหน้าที่หล่อเหลา ให้อารมณ์ที่หรูหรา ประกอบกับเสื้อผ้าที่มีการจัดแต่งมาแล้วอย่างดี การที่ซั่นสวี้หยาวมานั่งอยู่ในห้องเรียนขนาดใหญ่นั้นดูขัดแย้งกันมาก เหมือนนกกระเรียนอยู่ในฝูงไก่ ดึงดูดความสนใจของผู้คนนับไม่ถ้วน “ว้าว! ดูผู้ชายคนนั้นสิ เขาคือใคร? หล่อจนไม่น่าเชื่อเลย” “ดูจากบุคลิกและเสื้อผ้าแล้ว ไม่เหมือนนักศึกษาเลยนะ? หรือว่าจะเป็นผู้จัดการมหาวิทยาลัย?” “ผู้จัดการมหาวิทยาลัยเป็นคนแก่ไม่ใช่หรือ มีผู้จัดการฯจะอายุน้อยแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ?” “บนโลกนี้ยังมีชายหนุ่มที่หล่อและท่าทางน่าสง่างามขนาดนี้อยู่เหรอ ฉันอยากจะนั่งข้างเขา” “ฉันก็อยาก…” รอบด้านล้วนเต็มไปด้วยเสียงลมหายใจของความประหลาดใจ ลักษณะท่าทางของซั่นสวี้หยาวที่แสดงออกนั้นสงบมาก แล้วก็ดูจริงจังมากด้วย ทำให้คนรู้สึกว่าเขาไม่ได้มาเพื่อฟังคลาสสอนเท่านั้น เขายังมาในฐานะคณะกรรมการหัวหน้าภาควิชาด้วย มีแต่ซูมี่หยางเท่านั้นที่รู้ว่า ผู้ชายคนนี้มาเพื่อสร้างปัญหา เธออยากจะต่อยหมัดลงไปบนใบหน้าที่หล่อเหลาจนเทพและมนุษย์ยังนึกเกลียดของซั่นสวี้หยาว ราวกับว่าถูกสายตาที่ประหลาดใจและไม่พอใจของซูมี่หยางรบกวน ซั่นสวี้หยาวหันกลับมาช้าๆ และในที่สุดสายตาของเขาก็ตกลงบนใบหน้าของซูมี่หยาง ทั้งคู่มองหน้ากัน สายตาของชายหนุ่มเหมือนแม่น้ำอันมืดมิดที่ไหลผ่านธารน้ำแข็งอย่างเร่งรีบในตอนเที่ยงคืน ในความสงบเงียบแฝงด้วยพายุ มีเสน่ห์อันชั่วร้ายอยู่มันลึกล้ำทำให้คนเข้ามาหลงไหลพัวพัน เมื่ออารมณ์ของซูมี่หยางกำลังจะปะทุ ทันใดนั้นซั่นสวี้หยาวก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้เหมือนดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน มันเจาะเข้าสู่สายตาของซูมี่หยางในชั่วพริบตา ทำให้ในใจเธอสับสนอย่างน่าพิศวง และความโกรธในใจก็หายไป ราวกับว่าเขาเข้าใจอารมณ์ของเธออย่างชัดเจน ทันใดนั้นซั่นสวี้หยาวก็พูดอย่างสุภาพขึ้นมาอีกครั้งว่า : “เพื่อนร่วมชั้นคนนี้? มีอะไรสกปรกติดอยู่บนหน้าผมหรือเปล่า?” “หืม?” ซูมี่หยางนิ่งอึ้งไป “คุณจ้องตรงมาที่หน้าผม ไม่ใช่เพราะมีสิ่งสกปรกติดอยู่บนหน้าของผมงั้นเหรอ?” ทันใดนั้นไม่รู้ว่าเป็นเสียงใครตะโกนขึ้นมา : “ไม่ใช่เพราะบนหน้าคุณมีสิ่งสกปรกหรอก แต่เป็นเพราะคุณดูดีมาก เพื่อนร่วมชั้นคนนี้เลยมองเหมือนคนโง่ไปเลย” “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…” มีเสียงหัวเราะเสียงดังในห้องเรียน ซูมี่หยางอายมากจนอยากจะทุบกำแพง มือทั้งสองข้างที่อยู่ข้างตัวของเธอกำหมัดแน่น แล้วเธอก็อยากจะลุกขึ้นโดยไม่รู้ตัว แต่ตัวยังไม่ทันขยับ เอวก็ถูกจับแน่น “อย่าขยับนะ ซีเยวียนมาแล้ว ถ้าคุณอยากเป็นเป้าหมายของการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ผมก็สามารถทำให้เรื่องมันดียิ่งขึ้นได้ด้วยการจูบคุณตอนนี้เลย” ภัยคุกคามนี้มีพลังมากเหลือเกิน ซูมี่หยางกลายเป็นลูกแกะที่เชื่อฟังทันที แน่นอนว่าเสียงของซั่นสวี้หยาวนั้นตื้นมากจนแทบจะไม่ได้ยิน เฝิงซีเยวียนเดินเข้ามาพร้อมชุดสูทและรองเท้าหนัง เฝิงซีเยวียนกวาดสายตามองไปรอบๆ และในที่สุดก็มองเห็นซั่นสวี้หยาว ที่ยักคิ้วให้เงียบๆ จากนั้น เหมือนกับว่าเขาไม่รู้จักซั่นสวี้หยาว เขาทักทายนักศึกษาทุกคนพร้อมกับรอยยิ้ม และเริ่มการบรรยาย ไม่ว่าซั่นสวี้หยาวจะดึงดูดสายตาผู้คนขนาดไหน แต่นักศึกษาทุกคนล้วนแต่มาฟังบรรยายของเฝิงซีเยวียน ดังนั้นแล้วในระยะเวลาไม่นาน สายตาที่อยู่รายรอบซั่นสวี้หยาว ค่อยๆเปลี่ยนไปอยู่บนตัวของเฝิงซีเยวียน เกิดความเงียบสงบในหอประชุม เหลือเพียงแต่การบรรยายที่ทำให้รู้สึกมึนเมาของเฝิงซีเยวียน รวมไปถึงการบันทึกเสียงที่ดัง “กรอบแกรบ” ซูมี่หยางเองก็ตั้งตารอวันนี้ โดยไม่รู้ว่ารอมานานเท่าไหร่แล้ว แต่ทว่าตอนนี้ไม่ว่าทำอย่างไรใจของเธอก็ไม่สงบเลย ฝ่ามือของซั่นสวี้หยาวที่แนบติดอยู่กับเอวของเธอ โดยที่เธอสวมเสื้อบางๆสำหรับฤดูใบไม้ผลิ มันจึงเหมือนมีเตารีดเหล็กร้อนแนบกับเนื้อของเธอโดยตรง เหมือนกับลงโทษด้วยการเฆี่ยนตีผิวของซูมี่หยางจนแตกยับ จนเลือดไหลออกมา โดยปกติแล้วเวลาที่ซูมี่หยางเข้าชั้นเรียน มักจะรู้สึกว่างเปล่าอยู่ในหอประชุม แต่ว่าในเวลานี้ หอประชุมมีคนหนาแน่นเกินไป ยิ่งไปกว่านั้นอาจเป็นเพราะมีคนจำนวนมากต้องการเข้ามาฟังบรรยายในคลาสเรียนของเฝิงซีเยวียน โต๊ะทำงานจึงถูกขยับไปด้านหน้าครึ่งเมตร อีกทั้งยังมีการย้ายเก้าอี้หลายตัวเข้ามา มีนักศึกษาจำนวนมากที่ไม่มีโต๊ะ นั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วต้องวางโน๊ตบุคไว้บนตักของตัวเองโดยตรงเพื่อเตรียมทำการบันทึก เมื่อเป็นอย่างนี้ ที่นั่งของทุกต่างนั่งแนบชิดติดกัน เป็นชั้นๆซ้อนกันไป การเคลื่อนไหวเล็กๆของซั่นสวี้หยาว จึงยากที่คนที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังจะรู้ ผู้คนทั้งด้านหน้าและด้านหลังไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าเซี่ยหน่วนหยางที่อยู่ข้างๆซูมี่หยางจะไม่ค้นพบ ด้วยความกลัวว่าเซี่ยหน่วนหยางจะหันมาเห็นแขนของซั่นสวี้หยาวโอบอยู่รอบเอวของเธอ ซูมี่หยางจึงทำได้เพียงวางแขนของเธอลงบนแขนของซั่นสวี้หยาว บังเขาไว้ให้มากที่สุดแล้วยังแสร้งทำเป็นฟังการบรรยายอย่างตั้งใจ มันเป็นเรื่องยากสำหรับเธออย่างมาก แต่เห็นได้ชัดว่าซั่นสวี้หยาวพอใจอย่างมาก มือของชายหนุ่มยังคงไม่สงบและยังค่อยๆลูบไล้เบาๆที่เอวของเธอ ราวกับว่าถูกไฟลวก ซูมี่หยางตัวแข็งทื่อ ราวกับเป็นการตอบสนองเธอ และต้องการเตือนความจำ ทันใดนั้นมือของซั่นสวี้หยาวก็จับเนื้อตรงเอวของเธอแล้วบิดเบาๆ การกระทำที่หยาบคายและอาจหาญเช่นนี้ ทำให้วิญญาณของซูมี่หยางขวัญกระเจิง เธอไม่กล้าที่จะลุกขึ้น แล้วก็ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งมือปีศาจที่ก่อกวนอยู่ตรงเอวของเธอได้ เธอทำได้แค่ยื่นหน้าเข้ามาแล้วลดเสียงพูดว่า : “ปล่อยฉันไปได้ไหมคะ? ขอร้องคุณล่ะค่ะ คนอื่นอาจจะเห็นได้นะคะ” “มองเห็นอะไรล่ะ?” ซั่นสวี้หยาวหันกลับมา แล้วมือก็เพิ่มแรงเข้าไปอีกในทันที เมื่อเขาหันมาแบบนี้ ใบหน้าของเขาเกือบจะติดกับใบหน้าของซูมี่หยาง ซูมี่หยางอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง รีบพูดว่า : “อย่าหันหัวมาแบบนี้ คนด้านหลังจะคิดว่าฉันต้องการจูบคุณ” ซั่นสวี้หยาวเชื่อฟังอย่างมากแล้วหันใบหน้าอีกครึ่งหนึ่งของเขาไป แต่ปากกลับพูดว่า “สายไปแล้วล่ะ” **********************************************************
已经是最新一章了
加载中