ตอนที่56 คำว่า“ตาย”
1/
ตอนที่56 คำว่า“ตาย”
วิวาห์ร้าย แต่งกับผี
(
)
已经是第一章了
ตอนที่56 คำว่า“ตาย”
ตอนที่56 คำว่า“ตาย” “ซู......ซูหลินเอาเชือกมาทำอะไรเหรอ?” ซูหลินมองท่าทีหวาดกลัวของฉันด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจอีกทั้งยังยิ้มร้ายไปพร้อมกับเริ่มคลายเชือกออกทำให้ฉันยิ่งรู้สึกกลัวขึ้นมาจนกระทั่งเทียนปูหยู่ใช้มือหนึ่งโอบเข้าที่เอวของฉันเอาไว้ “จะทำอะไรล่ะ ก็ลงไปในบ่อน้ำน่ะสิ! ฉันถามหน่อยนะเฉินน่อตอนเด็กๆเธอเคยถูกงูกัดมาก่อนหรือเปล่า?” ซูหลินพูดพร้อมกับเดินเข้าไปทางบ่อน้ำด้วยความไม่เข้าใจเมื่อผ่านไปสักพักฉันถึงได้เข้าใจความหมายของซูหลินและเริ่มดีใจที่ตัวเองไม่ได้ตอบกลับที่ซูหลินถามว่าตอนเด็กๆเคยถูกงูกัดหรือเปล่าไปอย่างโง่เง่า ความจริงฉันอยากจะบอกเขาออกไปว่าสิ่งที่ฉันกลัวไม่ใช่เชือกแต่เป็นเขาต่างหาก ฉันค่อยๆควบคุมความกลัวของตัวเองเอาไว้และบีบเข้าที่มือของเทียนปูหยู่ที่โอบเอวของฉันเอาไว้เป็นนัยๆเทียนปูหยู่จึงชักมือกลับไปฉันเดินไปหาซูหลินและพยายามที่จะลงมือช่วยเหลือ เมื่อฉันเดินเข้าไปออกแรงดึงเชือกซูหลินกลับส่งเสียงออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัวฉันตอบสนองด้วยการมองไปก่อนจะพบว่าที่ข้อมือและข้อเท้าของเขายังมีร่องรอยเลือดอยู่ดูเหมือนว่าเมื่อเขาออกแรงหนักบาดแผลที่ตกสะเก็ดของเขาจะฉีกทำให้เลือดไหลออกมาอีกครั้ง ซูหลินไม่สามารถใช้แรงทำอะไรมั่วๆได้อีกแล้วฉันคิดแบบนั้นพร้อมกับรับเชือกมาจากมือของซูหลิน:“คุณเฝ้าข้างบนเอาไว้เดี๋ยวฉันจะลงไปข้างล่างเอง” ซูหลินคิดว่าการที่ตัวเองจะลงไปทั้งแบบนี้เป็นการสิ้นเปลืองแรงแต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สบายใจที่จะให้เด็กสาวลงไปหาศพด้วยตัวคนเดียวแต่เทียนปูหยู่กลับยืนนิ่งยู่ข้างๆโดยไม่พูดอะไรออกมาและเพียงแค่ขมวดคิ้วราวกับคิดอะไรอยู่ “ให้ฉันลงไปเถอะฉันเรียนแพทย์มาจะไปกลัวศพได้ยังไง!” ฉันวางท่าทำเป็นไม่มีอะไรและพยายามพูดกับซูหลิน ในตอนนี้อยู่ๆเทียนปูหยู่กลับเดินเข้ามา:ให้เฉินน่อลงไปเถอะฉันรู้สึกได้ว่าข้างล่างไม่มีอันตรายอะไร......” เมื่อเทียนปูหยู่พูดมาถึงตรงนี้ภายในเสียงของเขาก็ปรากฏความลังเลออกมาอย่างหาได้ยากเดิมทีฉันคิดว่าเป็นเพราะเขากังวลเรื่องฉันแต่ว่าซูหลินกลับเข้าใจในความหมายของเขาก่อนฉัน:“ทำไมล่ะนายสงสัยอะไรเกี่ยวกับข้างล่าง?หรือว่านายรู้สึกถึงอะไรอย่างอื่น?” คิ้วที่ขมวดเข้าหากันของเทียนปูหยู่ยังคงไม่คลายออกเขาออกแรงจับมือของฉันเอาไว้และพูดขึ้นอย่างหนักแน่น:“ถ้าหากว่ามีอันตรายอะไรข้าก็ไม่แปลกใจแต่ที่น่าแปลกก็คือมันไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆเลยราวกับไร้ร่างศพ” ฉันถึงได้เข้าใจขึ้นมาที่แท้ที่เทียนปูหยู่เงียบไปตั้งแต่แรกก็เพราะว่าไม่รู้สึกถึงอันตรายใดๆ เมื่อได้ยินว่าด้านล่างไม่มีอันตรายอะไรฉันก็ถอนหายใจออกมาด้วยความผ่อนคลายหลังจากนั้นฉันก็ผูกเชือกเข้าที่เอวของตัวเองไปพร้อมกับพูดขึ้นกับทั้งสองคน:“เดี๋ยวฉันจะเอาปลายเชือกอีกฝั่งไปผูกไว้กับก้อนหินก่อนใหญ่หลังจากนั้นพวกนายก็ค่อยๆปล่อยฉันลงไปซูหลินคุณได้รับบาดเจ็บอย่าดึงดันฝืนเลย” เมื่อจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉันก็สูดลมหายใจเข้าไปหนักๆและลงไปยังทางปากบ่อ จนกระทั่งร่างของฉันลงไปในบ่อจนหมดแล้วฉันก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาแม้ว่าบ่อน้ำที่นี่จะแห้งแต่ที่ผนังบ่อน้ำก็ยังมีน้ำไหลซึมออกมาเพราะแบบนั้นบนกำแพงบ่อจึงเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำฉันออกแรงเหยียบลงไปแต่ไม่เพียงมันจะไม่ช่วยอะไรหนำซ้ำยังทำให้ตกลงไปข้างล่างอย่างรุนแรงอีกด้วย เมื่อรู้สึกได้ว่าใต้เท้าเหยียบลงมั่นคงแล้วฉันก็ออกแรงดึงเชือกพร้อมกับตะโกนเสียงดังขึ้นไปข้างบน:“เฮ้ฉันถึงก้นบ่อแล้วนะ!”เมื่อสัมผัสได้ว่าเชือกที่จับผ่อนลงฉันก็รู้ว่าพวกเขาได้ยินที่ฉันตะโกนออกไปแล้ว แต่ว่าในตอนที่ตะโกนออกไปนั้นผนังบ่อทั้งสี่ด้านก็ดูราวกับสร้างเสียงก้องสะท้อนของฉันขึ้นมาเสียงของฉันดังสะท้อนกลับมาหลายระลอกทำเอาฉันอดเกิดความหวาดกลัวในใจไปไม่ได้ ฉันจับเชือกเอาไว้อย่างสุดชีวิตราวกับจะนำความกล้าทั้งหมดที่มีกดลงไปบนเชือกเส้นนี้หลังจากนั้นก็เริ่มมองไปรอบๆเพื่อตรวจสอบสถานการณ์รอบข้าง ที่นี่ไม่ได้ต่างไปจากตอนที่พวกเรามองเห็นด้านบนเท่าไหร่หญ้าแห้งที่ตกลงมาเริ่มส่งกลิ่นเหม็นเน่าออกมาเนื่องจากถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานานแต่ว่าเมื่อฉันลองสูดดมเข้าไปฉันก็มักจะรู้สึกว่าภายในกลิ่นเหม็นเน่านี้แฝงไปด้วยกลิ่นคาวของเลือด! ฉันนึกภาพภายในภาพหลอนของจ้าวซิ้วขึ้นมาทันทีดินที่สามารถซึมเลือดออกมาได้ที่ใต้เท้าทำให้ในใจเกิดความคาดการณ์ที่ไม่ดีนักขึ้น ดังนั้นฉันจึงรีบเก็บกิ่งไม้ขึ้นมาและจัดการเบิกหญ้าแห้งที่ใต้เท้าออกเพื่อดูว่าที่ใต้เท้าของฉันเป็นแอ่งเลือดจริงหรือเปล่า แต่ว่าผลลัพธ์นั้นช่างทำให้คนผิดหวังน้ำที่อยู่ภายใต้หญ้าแห้งนั้นสกปรกกว่าปกติเล็กน้อยแต่กลับไร้ร่องรอยของเลือดฉันมองไปโดยรอบและไม่ได้พบกับศพใดๆหรือแม้แต่ที่มาของกลิ่นคาวเลือดก็ยังหาไม่พบฉันรู้สึกผิดหวังขึ้นมาในทันทีไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปและทำได้เพียงเริ่มสำรวจโดยรอบเท่านั้น ในตอนนั้นเองอยู่ๆฉันก็พบว่าตะไคร่บนผนังบ่อน้ำมีการเติบโตที่ไม่เหมือนกันบนผนังฝั่งเดียวกันมีบริเวณขนาดประมาณฝ่ามือที่ค่อนข้างเติบโตหนาแน่นผิดปกติและบางทีก็มีเพียงเบาบางเท่านั้น ฉันค่อยๆมองพิจารณาร่องรอยและพยายามที่จะถอยหลังไปให้ไกลผนังตรงหน้าให้ได้มากที่สุดเป็นอย่างที่ฉันคิดตะไคร่ที่เติบโตหนาแน่นนั้นเชื่อมต่อกัน! ฉันขยับเดินไปด้านหน้าอีกครั้งและยื่นมือออกไปดึงพวกตะไคร่หนาแน่นเหล่านั้นมั่วๆในตอนนั้นเองรากของตะไคร่ปรากฏสีแดงเล็กๆออกมาให้เห็น!หรือว่าจะเป็นเพราะบ่อน้ำนี้ก่อขึ้นด้วยอิฐแดง? ฉันยื่นมือไปดึงส่วนที่เบาบางก่อนจะพบว่าความจริงผนังบ่อน้ำนี้ก่อด้วยหินไม่ใช่อิฐอย่างที่ฉันเพิ่งคาดเดาไปดังนั้นมันก็เหลือคำอธิบายเป็นหนึ่งเดียว___เดิมทีสีแดงพวกนี้ก็ไม่ใช่อิฐแต่เป็นเลือด!กลิ่นคาวที่ฉันได้ยินมาจากที่นี่! ตะไคร่พวกนี้จะต้องดูดซึมเลือดเข้าไปถึงได้เติบโตได้ดีกว่าบริเวณอื่นถ้าแบบนั้นมันคือเลือดของจ้าวซิ้วหรือเปล่า? “เฉินน่อเฉินน่อ.......เฉินน่อเธอตอบกลับมาหน่อยสิ!”ดูเหมือนจะเห็นว่าฉันลงมาที่ก้นบ่อน้ำนานแล้วแต่กลับไม่ส่งเสียงอะไรกลับไปซูหลินจึงเรียกชื่อของฉันจากเนื้อหัวไม่หยุดส่วนฉันก็เอาแต่คิดเรื่องเลือดเหล่านี้อยู่ก็เลยเพิ่งจะได้ยินเสียงของเขา ฉันยังไม่ทันได้ตอบกลับอะไรก็รู้สึกว่าบริเวณด้านบนปากบ่อมืดไปจากนั้นสายลมหนึ่งก็พัดผ่านแล้วเทียนปูหยู่ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าฉัน “นายลงมาทำไมล่ะเดิมทีตอนกลางวันนายก็อ่อนแออยู่แล้วยังจะมาฝืนกำลังอะไรอีก!”เมื่อฉันเห็นว่าเทียนปูหยู่ลงมาความจริงภายในใจก็ผ่อนคลานไปไม่น้อยภายในสถานที่ที่มืดมิดแบบนี้เวลาที่ฉันต้องอยู่คนเดียวมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ไม่เป็นอันใดใต้บ่อน้ำนี้ไม่มีแสงตะวันข้าสามารถจัดการมันได้” เมื่อพูดจบเทียนปูหยู่ก็มองไปตามสายตาของฉัน “นายดูสิตะไคร่ตรงนี้เติบโตได้ดีมากเมื่อสักครู่ฉันดูไปแล้วเป็นเพราะบริเวณรากของพวกมันมีเลือดเพียงแต่ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเลือดพวกนี้ถึงมาปรากฏบนผนังบ่อน้ำได้” เทียนปูหยู่มองไปก่อนจะก้มหน้าลงพูดกับฉันราวกับไม่ได้มีอะไร:“นี่มันเป็นคำคำหนึ่ง” อะไรนะ?คำ? ฉันมองไปยังใบหน้านิ่งเฉยของเทียนปูหยู่เขาไม่ได้ดูตื่นเต้นกับการพบความลับครั้งใหญ่เลยสักนิดฉันไม่เพียงแต่จะกรอกตาไปมาแต่เมื่อคิดไปถึงว่าต่อจากนี้จะต้องพบเจอกับเจ้าสิ่งประหลาดใบหน้านิ่งเฉยนี่ไปตลอดทั้งวันฉันก็เริ่มกังวลกับการใช้ชีวิตในต่อไปของตัวเองแล้ว แต่ว่าเทียนปูหยู่ก็ถือว่าช่วยได้มากทีเดียวเมื่อมีการเตือนของเขาในตอนที่ฉันมองไปอีกครั้งก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยตระไคร่น้ำที่หนาแน่นนี้เติบโตออกมาเป็นคำว่า:“ตาย!” ฉันอดสั่นสะท้านขึ้นมาไม่ได้ทำไมที่นี่ถึงมีคำว่าตายได้ล่ะ...... “ที่นี่คือสถานที่ที่จ้าวซิ้วเอ่ยสร้างจิตคำสาป” ทุกครั้งเทียนปูหยู่จะไม่ได้พูดอะไรมากนักแต่ทุกประโยคกลับชี้ไปตกจุด เมื่อสักครู่ฉันมัวแต่หลงอยู่กับปริศนานี้และลืมงานที่สำคัญที่สุดไป___ตามหาศพของจ้าวซิ้ว อย่างไรที่นี่ก็มีขนาดเพียงเท่านี้และมองไม่เห็นร่างของจ้าวซิ้วมันก็ไม่น่าจะอยู่ที่นี่แล้วในตอนที่ฉันกำลังจะบอกให้ซูหลินดึงฉันขึ้นไปอยู่ๆเทียนปูหยู่ก็ปล่อยสายลมออกมาจากฝ่ามือตัดผ่านทะลุกำแพงด้านหลังของฉัน! ฉันรีบปิดจมูกและปากของตัวเองเอาไว้พร้อมกับพยายามหลบฝุ่นตรงหน้าไม่รู้ว่าดินด้านหลังถูกเทียนปูหยู่ทำลายไปเท่าไหร่แม้ว่ามันจะชื้นแต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยของสกปรก! แต่ว่าในตอนที่ฝุ่นค่อยๆหายไปฉันก็ยื่นหัวออกมาจากด้านหลังของเทียนปูหยู่ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ฉันตกใจตื่นเดิมทีอีกฝั่งของผนังบ่อน้ำก็ไม่ใช่ดินแต่กลับเป็นอุโมงค์หนึ่ง! อุโมงค์นี้ถูกสร้างขึ้นด้วยก้อนหินมันตรงยาวไปที่ด้านในฉันใช้กระบอกไฟฉายส่องเข้าไปแต่มันกลับชนเข้ากับผนังอีกฝั่งในทันทีดูเหมือนว่าอุโมงค์นี้จะไม่ตรงและบริเวณที่แสงไฟหยุดอยู่กับก็คือจุดที่เปลี่ยนทิศทางไป ฉันกลืนน้ำตายลงไปพร้อมกับมองที่เทียนปูหยู่เทียนปูหยู่จึงเข้าไปด้านในก่อน ฉันตะโกนขึ้นไปด้านบน:“ซูหลินพวกเราเจออุโมงค์เส้นหนึ่งจะลองเข้าไปดูก่อนนะ!”หลังจากนั้นฉันตามหลังเทียนปูหยู่เข้าไปในอุโมงค์ ภายในอุโมงค์เปีกชื้นกว่าภายในบ่อน้ำเมื่อสักครู่และมักจะมีหยดน้ำหยดลงมาจากด้านบนไม่หยุดน้ำที่เย็นเฉียบหยดหนึ่งหยดลงฉันหัวของฉันทันใดนั้นความหนาวเย็นก็แทรกซึมเข้ามาภายในทำให้อดสะท้านขึ้นไม่ได้ พวกเรามาถึงปลายทางของอุโมงค์แล้วและได้พบว่ามันมีทางเข้าอีกทางหนึ่งตรงหน้าคือขั้นบันไดที่ก่อขึ้นด้วยหินบริเวณที่แสงจากไฟฉายส่งไปไม่มีอะไรอย่างอื่นมองดูแล้วเหมือนกับบันไดลงไปสู่คุกใต้ดินที่ไม่มีที่สิ้นสุดอย่างไรอย่างนั้น ฉันอดที่จะกระตุกตัวของเทียนปูหยู่และเอ่ยถามขึ้นเบาๆไม่ได้:“ถ้าพวกเราเดินลงไปแบบนี้เรื่อยๆจะไปถึงยมโลกเลยหรือเปล่า?” เทียนปูหยู่ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยก่อนจะโน้มตัวเข้ามาหาฉันริมฝีปากของเขาชิดอยู่ที่ใบหูความเย็นยะเยือกถูกส่งไปยังสมองของฉันในทันที:“ทำไมล่ะเจ้าอยากจะไปยมโลกกับข้าหรือ?” กลิ่นอายของเทียนปูหยู่อยู่ใกล้ขนาดนี้ใบหน้าของฉันร้อนระอุขึ้นมาในทันทีดังนั้นฉันจึงรีบควบคุมอารมณ์เอาไว้และตอบกลับไปอย่างหยาบคาย:“ใคร.......ใครอยากจะไปยมโลกกับนายกันฉันยังใช้ชีวิตไม่พอเลยนะ!” ในระหว่างที่พูดเทียนปูหยู่ก็เหยียบขึ้นไปบนขั้นบันไดก่อนฉันจึงรีบตามติดเขาไปและถือไฟฉายส่องไปทางด้านหน้า ไม่รู้ว่าเดินมาไกลเท่านั้นฉันเริ่มจะเหนื่อยขึ้นมานิดๆแล้วบางทีอาจจะเป็นเพราะฉันรีบร้อนเดินจนเกินไปอยู่ๆก็รู้สึกว่าใต้เท้าลื่นขึ้นมาและล้มไปที่แผ่นหลังจากเทียนปูหยู่ เทียนปูหยู่หมุนตัวกลับมาด้วยความเร็วที่ฉันมองไม่ชัดราวกับเงาและรับตัวของฉันเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างมั่นคงหลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นโดยไม่รอให้ฉันยืนมั่นคงก่อน:“พวกเรามาถึงแล้ว” ฉันมองไปที่ด้านหน้าตามเสียงของเขา
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
ตอนที่56 คำว่า“ตาย”
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A