ตอนที่58 นักบวชฝึกวิชามาร   1/    
已经是第一章了
ตอนที่58 นักบวชฝึกวิชามาร
ตอนที่58 นักบวชฝึกวิชามาร ฉันหลบไปที่ด้านหลังของเทียนปูหยู่อีกครั้งก่อนจะลอบมองไปยังทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าในตอนนี้ฉันเพิ่งจะเห็นว่าที่แท้ด้านหลังของหม้อปรุงยาที่เรียงกันเอาไว้มีมิติช่องว่างขนาดไม่เล็กอยู่และภายในมิตินั้นก็ยังทอดไปตามผนังไม่รู้ว่าถูกคนทำเอาไว้หรือว่าเป็นไปตามธรรมชาติเตียงหินหนึ่งติดแน่นอยู่กับผนังด้านบนถูกปูเต็มไปด้วยหญ้าแห้งที่เปียกชื้น ในตอนนั้นเองฉันเพียงได้ยินว่าเสียงหัวเราะนี้ดังสูงขึ้นเรื่อยๆและบ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆเช่นกันเพราะว่าถ้ำแห่งนี้เกือบจะอยู่ในรูปทรงครึ่งวงกลมดังนั้นเสียงที่ดังอยู่ภายในจึงชัดเจนมากมันดูราวกับไล่ขยายไปตามเพดานถ้ำและล้อมฉันเอาไว้ในทันที ฉันจ้องไปที่ด้านหน้าตาไม่กะพริบในที่สุดฉันก็ค่อยๆพบว่าด้านบนเตียงหินด้านหน้านั้นเริ่มประกายแสงขึ้นมาแล้ว หลังจากที่แสงสีฟ้านั้นสูงขึ้นเรื่อยๆภายในแสงนั้นก็ปรากฏรูปร่างคนออกมาให้เห็นอย่างเลือนราง คนคนนี้แต่งกายดีทั้งตัวภายในมือถือแส่หางม้าเอาไว้อย่างดูดีเพียงแต่เรือนผมนั้นค่อนข้างยุ่งเหยิงและหนวดเคราก็ยาวมาถึงเอวแล้ว เขาค่อยๆเดินออกมาจากภายในแสงสีฟ้าและค่อยๆลืมตาขึ้นเมื่อแส่หางม้าถูกตวัดออกไปเขาก็ชี้มาที่ฉันพร้อมกับพูดขึ้นทันที:“เด็กสาวไม่รู้ความมาจากที่ไหน!ถึงได้กล้าดีมาแตะต้องหม้อปรุงยาของข้า!” ฉันถือว่าเทียนปูหยู่อยู่ข้างกายจึงไม่เกรงกลัวอะไรเขาและเริ่มทำตัวเป็นจิ้งจอกคลุมหนังเสือขึ้นมา:“เจ้าต่างหากที่เป็นพวกประหลาดมาจากที่ไหน!รีบส่งจิตคำสาปของจ้าวซิ้วมานะ!” เมื่อได้ยินฉันพูดถึงคำว่า“จิตคำสาป”ขึ้นมานักบวชลัทธิเต๋าคนนี้ก็ดูจะเกิดความสนใจขึ้นเขาโบกมือเบาๆก่อนจะทำให้แส่หางม้ากลับเป็นอย่างเดิม “โอ้?เด็กสาวตัวน้อยเช่นเจ้าก็รู้จักจิตคำสาปด้วย” เมื่อพูดมาถึงตรงนี้นักบวชลัทธิเต๋าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าหลังจากนั้นก็เริ่มย้อนความกับตัวเองขึ้นมา “คิดไปแล้วในตอนนั้นข้าเองก็เชื่อคำพูดหลอกลวงของคนอื่นรอคอยให้นำพาคนที่ฆ่าตัวตายแล้วมามอบจิตคำสาปให้แก่ข้า......” เมื่อฉันได้ยินว่านักบวชลัทธิเต๋าจะย้อนความไปถึงอดีตฉันก็รีบขยับตัวเข้าไปหมายจะขัดขวางเนื่องจากดูจากการแต่งตัวแล้วเขาไม่น่าจะใช่คนในยุคช่วงนี้แต่เทียนปูหยู่กับมองมาที่ฉันอย่างเคร่งเครียดและส่ายหน้าไปมาโดยมีความหมายว่าอย่าทำอะไรโดยไม่คิดให้ดี ดังนั้นแม้ว่าจะไม่ได้พอใจนักแต่ฉันก็ยังคงยืนนิ่งสงบอยู่ที่ตรงนั้นและฟังเขาเล่าเรื่องราวเมื่อยามมีชีวิตต่อไป “ใครจะรู้เจ้าของที่ไม่รู้จักที่เป็นที่ตายนั่นหลอกข้า ข้ารออยู่ที่นี่อย่างทรมานแม้ว่าสถานที่จัดการข้าก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วเจ้าไร้ประโยชน์นั่นไม่มีความกล้าพอที่จะฆ่าตัวตาย!ตอนนั้นข้าเริ่มเคลื่อนลมปราณไปแล้วถ้าหากไม่มีจิตคำสาปเข้ามาพร้อมพลังของข้าธาตุไฟก็จะเข้าแทรกตัวของข้าจนตาย......” เห็นได้อย่างชัดเจนสุดท้ายคนที่เดิมทีอยากจะตายคนนั้นมีชีวิตรอดต่อไปเพราะความกลัวแต่นักบวชลัทธิเต๋าคนนี้กลับต้องตายลงที่นี่เพราะถูกธาตุไฟเข้าแทรก “หึรวบรวมจิตคำสาปฝึกวิชามารข้าว่าเจ้าตายไปเพราะบาปมากมายเหลือล้นนั่นต่างหาก!” ดูเหมือนว่านักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นจะยังคงลุ่มหลงอยู่กับความโศกเศร้าในความทรงจำคิดไม่ถึงเลยว่าเทียนปูหยู่จะพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาขัดความคิดของเขาและเปิดโปงสิ่งที่เขาทำทั้งหมดออกมา “หา?” ฉันฟังไม่เข้าใจขึ้นมาเล็กน้อยเทียนปูหยู่จึงได้แต่หันมาอธิบายให้ฉันฟัง:“ในอดีตโบราณมีวิธีการที่เล่าขานกันมาในช่วงเวลาหนึ่งถ้าหากใช้จิตคำสาปของมนุษย์รวมกับเวทย์พิเศษอีกเล็กน้อยก็จะสามารถสร้างศาสตร์อมตะไม่แก่ไม่ตายขึ้นมาได้แต่ว่าเพราะวิธีการแบบนี้ต้องการชีวิตผู้คนอีกหลายร้อยชีวิตมาเป็นเครื่องทดแทนดังนั้นจึงถูกเรียกเป็นวิชามารและถูกห้ามเอาไว้” ฉันถึงได้เข้าใจขึ้นมาที่แท้สิ่งที่นักบวชลัทธิเต๋าคนนี้เคยทำเมื่อยามยังมีชีวิตก็ไมใช่สิ่งที่นักบวชที่มีคุณธรรมควรทำกัน! ดังนั้นเทียนปูหยู่พูดถูกเขาตายไปเพราะมีบาปมากมายแล้ว! “แต่ว่าอย่างไรเขาก็ตายแล้วจะยังเก็บจิตคำสาปของจ้าวซิ้วไปทำอะไรกัน?” เทียนปูหยู่ยังไม่ทันได้ตอบกลับฉันก็ถูกนักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นแย่งพูดขึ้นเสียก่อน “สาวน้อยเจ้าไม่เข้าหรือ?เมื่อข้ารวบรวมจิตคำสาปได้ครบ999จิตรวมกับพลังเวทย์ของข้าข้าก็จะสามารถฟื้นจากความตายได้แล้ว!เมื่อถึงตอนนั้นพอข้าออกไปจากบ่อน้ำก็ยังสามารถสร้างร่างกายที่ไม่แก่ไม่ตายได้เช่นนั้นบนโลกใบนี้ก็ไม่ใช่ว่าต้องยอมเคารพแก่ข้าแล้วหรือ!” เมื่อพูดจบนักบวชลัทธิเต๋าคนนี้ก็แบมือทั้งสองออกด้วยความดีใจและหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งราวกับความฝันเป็นจริงแล้ว ฉันรู้สึกเหนื่อยหน่ายและมักจะรู้สึกว่าบางทีคนคนนี้อาจจะอยู่ใต้บ่อน้ำไม่เห็นเดือนเห็นตะวันมานานมากแล้วสติของเขาถึงได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ดังนั้นฉันจึงพูดออกมาโดยไม่รู้อะไร:“ฝันไปเถอะ!เจ้ารู้หรือไม่ว่าภายนอกหน้าตาเป็นอย่างไร?รู้หรือไม่ว่ากบในกะลาเขียนอย่างไร?” เมื่อฉันพูดจบเทียนปูหยู่ก็รีบผลักให้ฉันถอยหลังไปทันทีฉันถึงได้สติกลับมาและพบว่านักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นเปลี่ยนสีหน้าไปแล้วเขากำลังขบฟันมองมาที่ฉันราวกับต้องการฉีกตัวฉันเป็นชิ้นๆในวินาทีต่อไป! ที่แท้ยังไม่รอให้ฉันตอบสนองอะไรกลับไปเขาก็ชี้แส่หางม้ามาทางฉันก่อนจะโน้มตัวและพุ่งเข้ามาในทันที! เทียนปูหยู่ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเขามาอยู่ที่ด้านหน้าตัวของฉันในเวลาสั้นๆแขนทั้งสองของเขาถูกกางออกและเริ่มขยับแขนไปดั่งเข็มนาฬิกาภายในเวลาไม่นานฉันก็สามารถสัมผัสได้ว่าด้านหน้าตัวของฉันมีม่านพลังเพิ่มขึ้นมา แต่ว่าเห็นได้ชัดแม้แต่เทียนปูหยู่ก็ยังไม่มั่นใจในพลังของนักบวชลัทธิเต๋าคนนี้นักบวชคนนั้นมองไปที่ม่านพลังของเทียนปูหยู่เล็กน้อยก่อนที่จะใช้ฝ่ามือลมปราณพลังทลายม่านพลังลง! เทียนปูหยู่ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้และหันมาพูดกับฉัน:“เจ้าไปหาที่หลบอีกฝั่งเสีย!” เมื่อได้ยินแล้วฉันก็รีบพยักหน้าและเริ่มมองหาสถานที่ที่สามารถซ่อนตัวได้ ส่วนที่ด้านหลังของฉันเทียนปูหยู่กนักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นเริ่มต่อสู้กันขึ้นมาแล้วการต่อกรของผู้มีความสามารถทั้งสองมีความเร็วที่น่าตกใจภายในช่วงเวลาเพียงพริบตาเดียวของฉันสถานที่ต่อสู้ของทั้งสองคน ไม่สิ ผีทั้งสองตนก็เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แล้ว อย่างเช่นเมื่อวินาทีก่อนฉันยังเห็นทั้งสองคนต่อสั้นที่ตรงกลางถ้ำอยู่เลยแต่ว่าในอีกวินาทีต่อมาพวกเขาก็วิ่งไปที่เตียงหินนั่นแล้วทั้งสองต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครฉันอดที่จะกังวลใจแทนเทียนปูหยู่ขึ้นมาไม่ได้อย่างไรร่างกายของเทียนปูหยู่ก็ยังมีอาการบาดเจ็บอยู่การใช้พลังเต็มที่แบบนี้ถ้าหากไปถูกบาดแผลเข้าก็อาจจะยิ่งทำให้ฟื้นฟูกลับมายากขึ้นหรือเปล่า? เมื่อเห็นทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างรุนแรงฉันก็เป็นห่วงเทียนปูหยู่ขึ้นมาอย่างงช่วยไม่ได้ แต่ว่าความจริงกลับบอกฉันให้รู้ว่าฉันกังวลเรื่องของคนอื่นเร็วเกินไปในเวลาแบบนี้ฉันควรจะดูแลตัวเองให้ดีก่อนถึงจะทำเทียนปูหยู่สามารถรักษาสมาธิได้ดีที่สุดและไม่ต้องมาคอยเป็นห่วงฉันจนถูกเห็นจุดอ่อน เพราะว่าในตอนที่ฉันกำลังเป็นห่วงเทียนปูหยู่นั้นฉันก็ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีอะไรบางอย่างกำลังเข้ามาใกล้ฉันในระหว่างที่ไม่ทันรู้สึกตัว ในวินาทีต่อไปฉันเห็นเพียงเทียนปูหยู่ใช้สายตาที่ตื่นตกใจมากมองมาที่ฉันและร้องตะโกนออกมาเสียงดัง:“เฉินน่อระวัง!” ส่วนฉันก็ถูกแส่หางม้าที่ยืดยาวออกมาไม่หยุดของนักบวชคนนั้นรัดตัวเข้าเมื่อนักบวชคนนั้นเพียงออกแรงเบาๆฉันก็สูญเสียสติไปโลกตรงหน้าหมุนมึนไปหมดภายในเวลาสั้นๆฉันก็ถูกดึงไปที่เตียงหินที่นักบวชคนนั้นอยู่แล้ว ฉันสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าแส่หางม้าที่รั้งตัวของฉันเอาไว้มาตลอดสูญเสียพลังไปส่วนฉันก็ตกลงมาที่เตียงหินอย่างรุนแรง หลังจากนั้นฉันยังไม่ทันได้ส่งเสียงแสดงความเจ็บปวดออกมานักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นก็จับเข้าที่คอของฉันและยกฉันขึ้นมาอย่างง่ายดาย เขาหันหน้าไปทางเทียนปูหยู่นิ้วทั้งสามออกแรงบีบเข้าที่ลำคอของฉันกำลังของเขามากจนราวกับในวินาทีต่อไปจะสามารถบีบทำลายเลือดเนื้อของฉันเข้าไปถึงภายในลำคอได้ง่ายๆ “เป็นอย่างไรคนรักของเจ้าอยู่ในกำมือของข้าแล้วเจ้ายังจะต่อสู้อีกหรือไม่?” “เทียนปูหยู่ไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาขมวดคิ้วและขยับใกล้เข้ามามือข้างหนึ่งจบเข้าที่หน้าอกและไอออกมาเบาๆเล็กน้อย:“เจ้าปล่อยนางลงพวกเราจะต่อสู้กันอย่างไรก็ย่อมได้” แต่ว่านักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นกลับไม่ได้มีจิตใจสูงส่งเช่นดั่งเทียนปูหยู่เขาแสยะยิ้มออกมาก่อนจะพูดบอกกับเทียนปูหยู่ถึงสถานการณ์ในตอนนี้:“ถ้าหากข้าปล่อยนางไปก็ใช่ว่าจะมีโอกาสได้ออกไปอีกครั้ง?ข้าเห็นว่าฐานะของเจ้าคงจะไม่ใช่ธรรมดาถ้าหากเจ้าพาข้าออกไปหรือพาคนเป็นเข้ามารอจนข้าสะสมจิตคำสาปได้ครบ999จิตข้าก็จะคืนหญิงนางนี้แก่เจ้า!” ยิ่งพูดออกมาเท่าไหร่นักบวชลัทธิเต๋าคนนี้ก็ยิ่งภาคภูมิใจขึ้นเท่านั้นดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้สังเกตเห็นมือที่ตกลงอยู่ที่ข้างตัวของเทียนปูหยู่เลยแม้แต่น้อยมันกำลังกำแน่นเข้าหากันจนกลายเป็นหมัดไปแล้วฉันสามารถมองออกได้ว่าตอนนี้เขากำลังโมโหเป็นอย่างมากเพราะว่าภายในดวงตาของเขามีแสงสีแดงประกายออกมาให้เห็นเลือนราง นักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นบีบคอของฉันเอาไว้ด้วยความภาคภูมิใจราวกับยึดครองชีวิตของเทียนปูหยู่เอาไว้ได้แต่เทียนปูหยู่กลับดูราวกับไม่ได้ใส่ใจอะไรและยังคงก้าวเดินเข้ามาอย่างกล้าหาญ เขาเหยียดยิ้มให้กับนักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นเล็กน้อยทั่วทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือก:“อ้อ?เจ้ากล้าหรือ?ถ้าหากว่าเจ้ากล้าเจ้าก็ลองดู!” เมื่อพูดจบเทียนปูหยู่ก็ยกดาบยาวขึ้นด้วยความเร็วดั่งฟ้าลั่นที่ไม่ทันปิดหูโดยไม่รอการตอบสนองของนักบวชลัทธิเต๋าคนนั้นดาบยาวเล่มนั้นบินออกมาจากมือของเขาด้วยความเร็วราวกับมีชีวิตฉันยังไม่ทันได้มองเห็นท่าทางของดาบยาวอย่างชัดเจนดาบเล่มนั้นก็มาอยู่ตรงหน้าของฉันแล้ว และในตอนที่ดาบยาวอยู่ห่างไปจากหน้าของฉันไม่ถึง10เซนติเมตรมันก็ค่อยๆหยุดลงอย่างชาญฉลาดแต่ว่าระยะเวลาที่หยุดไปนั้นสั้นเพียงไม่ถึงวินาทีถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันจ้องมองมันมาตั้งแต่ต้นเกรงว่าฉันก็ไม่อาจจะรู้สึกได้เลย หลังจากนั้นดาบยาวก็ปรับเปลี่ยนมุมด้วยท่าทางที่ฉันไม่อาจจะอธิบายได้ด้วยความรวดเร็วก่อนที่มันจะปักเข้าที่หัวของนักบวชลัทธิเต๋าที่ด้านหลังของฉันด้วยความเร็วที่มากขึ้นไปอีก ฉันเพียงรู้สึกว่ามีความวุ่นวายอย่างประหลาดเกินขึ้นที่ด้านหลังของฉันหลังจากนั้นนิ้วมือที่แห้งเหี่ยวที่จับกุมตัวฉันมาตลอดรวมทั้งแส่หางม้าที่รัดตัวฉันเอาไว้ก็เป็นดั่งโฟมแตกสลายออกไปฉันสูญเสียการควบคุมและล้มลงไปในทันที ในตอนที่ฉันคิดว่าใบหน้าของฉันจะล้มลงไปที่พื้นเทียนปูหยู่กลับบินเข้ามาที่ตัวของฉันราวกับเทพสวรรค์แขนของเขาขยับออกรับตัวของฉันเอาไว้ก่อนที่จะเคลื่อนตัวผ่านถ้ำที่ไม่ได้นับว่าสูงนักหนึ่งรอบพวกเราถึงได้ลงมายืนมั่นคงที่พื้นอีกครั้ง แต่ว่าตัวฉันในตอนนี้เป็นดั่งแกะที่กำลังหวาดกลัวและจับเสื้อผ้าของเทียนปูหยู่เอาไว้แน่นไม่ปล่อยไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองกลับไปอย่างไรดี พวกจิตคำสาปเหล่านั้นต่างถูกปิดกั้นเอาไว้ในหม้อปรุงยาตรงหน้า ฉันเพิ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาและรีบปล่อยเสื้อของเทียนปูหยู่ออกจากนั้นก็พยายามดิ้นออกมาจากอ้อมแขนของเขาและยืนอยู่ที่ข้างหม้อปรุงยา
已经是最新一章了
加载中