ตอนที่6 ผมมาไถ่เธอ   1/    
已经是第一章了
ตอนที่6 ผมมาไถ่เธอ
ต๭นที่6 ผมมาไถ่เธอ แก้วใจก้าวถอยหลังออกมาสองก้าวอย่างสติหลุด ในหัวปรากฏภาพใบหน้าที่เย่อหยิ่งของตุงคิน น้ำเสียงอันเย็นชาของเขาที่พูดว่า “ถ้าโดนขาย อยากคิดว่าผมจะไปไถ่ออกมา” คำพูดพล่อยๆของเขา วันนี้เป็นจริงแล้ว ผู้ชายปากพล่อย “อารอง อย่าทำอย่างนี้” “แก้วใจ อาขอร้อง อาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว” ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆหรือ เธอถอนหายใจอย่างแรง กวาดสายตาไปมองกันทรช้าๆ ช่วยบ้านด้วยวิธีนี้ ทำไมไม่ให้กันทรทำล่ะ จะให้คนอย่างแก้วใจเป็นผู้หญิงที่ต้องเอาตัวเข้าแลกหรอ เธอไม่ได้ใจดีขนาดนั้น และเธอก็ไม่ได้โง่ “อารอง ขอโทษจริงๆที่หนูทำให้ไม่ได้ หนูคิดว่าพ่อของหนูก็คงไม่อยากเห็นหนูตกไปอยู่ในสภาพนั้นเหมือนกัน” เธอจำเป็นต้องเอาชื่อพ่อมาอ้างขู่อารองและบอกตรงๆว่าเธอจะไม่มีทางยอมมอบร่างกายให้คุณเทพทัตแน่ เธอไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นและเธอก็ไม่มีงานอดิเรกประเภทนั้น “แก้วใจ หนูอยากเห็นอาตายก่อนใช่ไหมถึงจะยอมช่วย” ธนชาตเช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้นเดินไปทางระเบียงของโรงพยาบาล “บริษัทล้มละลายแล้ว ลุงก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป” กันทรรีบเดินไปดึงธนชาตไว้ และยังไม่ลืมที่จะมองแก้วใจด้วยสายตาตำหนิ “ผู้หญิงใจดำ กินอยู่บ้านฉัน ตอนนี้พอบ้านฉันมีปัญหาก็จะปัดก้นทิ้งไปเฉยๆ” นัยย์ตาของแก้วใจหม่นแสงลง เขาทำราวกับว่าเป็นความผิดของเธอที่เธอไม่ช่วย เขาหลอกใช้ความไร้เดียงสาของเธอ แต่เธอยังไม่ได้โง่ถึงขั้นนั้น เพียงแค่ สายตาของเธอจ้องมองไปยังอารองที่กำลังจะตาย สุดท้ายเธอก็ทนไม่ไหว “อารอง อย่าทำอย่างนี้ จะให้หนูทำอะไร” สายตาของธนชาตเปี่ยมไปด้วยประกายความหวัง รีบเช็ดน้ำตา “วันที่ได้กำหนดไว้หมดแล้ว อีก 3 วันหนูต้องแต่งงานกับคุณเทพทัต ภรรยาเก่าของคุณเทพทัตได้เสียไปแล้ว จะทำงานใหญ่ไม่ได้ หนูต้องเข้าใจเขา” ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนโดนหลอก วันที่ก็ถูกกำหนดไว้หมดแล้ว เหมือนจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงเธอก็ต้องยอมแต่งงานกับคุณเทพทัต เธอถูกขายแบบนี้หรอ แต่ห้าสิบล้านก็เหมือนจะไม่น้อยแล้ว ก็ควรจะพอใจแล้วหรือเปล่า เธอหัวเราะด้วยความขมขื่น พยักหน้าลงแล้วพูด “งั้นก็ทำตามที่อารองว่าก็แล้วกันค่ะ” เธอออกมาจากโรงพยาบาลอย่างไร้วิญญาณ เพราะครอบครัวอารองอยู่โรงพยาบาลทั้งหมด ดังนั้นบ้านทองพิทักษ์จึงเงียบลงมาก เสียงปิดประตูดังขึ้น เธอถอดเสื้อคลุมออก เธอเห็นทัตตินั่งอยู่มุมหนึ่ง ความอึดอัดใจของเธอก็เพิ่มขึ้นอย่างทนไม่ไหว เมื่ออยู่ข้างนอกเธออาจจะควบคุมได้ดี แต่เมื่อเจอคนในครอบครัว เธอก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป “น้องชาย” ทัตติแสดงสีหน้าตกใจ พร้อมยืนขึ้นด้วยความกังวล “พี่ เกิดอะไรขึ้น” “อารองให้พี่แต่งงานกับคุนเทพทัต พี่ตอบตกลงไปแล้ว” เธอเดินไปกอดน้องชาย สะอื้นจนตัวโยน “อีกสามวันแต่งงาน” “ผมรู้อยู่แล้วว่าพวกเขาไม่ได้มีเจตนาดี” ทัตติพูดออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยว “พี่ เราไปกันเถอะ” ไป จะไปที่ไหนได้ ออกไปจากที่นี่แล้วสถานการณ์ของพวกเขาจะดีขึ้นกว่าเดิมสักเท่าไหร่ เธอยังจำสิ่งที่คุณเทพทัตบอกได้ ถ้าเธอแต่งงานกับเขา เขาจะช่วยพ่อ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะช่วยให้พ่อของเธอล้างมลทิล “ให้พี่อยู่เงียบๆสักพัก” แก้วใจตาแดงก่ำนั่งอยู่อีกฟากหนึ่ง สมองมีแต่ความยุ่งเหยิงอย่างคิดไม่ตก “พี่ พวกเราไปหาคุณตุงคินกัน” แก้วใจค่อยๆยกสายตาขึ้นไปมอง ช่างเป็นคำแนะนำที่โง่จริงๆ เมื่อก่อนเธอบอกจะแต่งงานกับเขา ตอนนี้ให้ไปหาเขา ก็เพียงแต่จะให้ตัวเองอับอายขึ้นกว่าเดิมก็เท่านั้น ไม่ว่าจะทางไหนก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ ตอนนี้เธอต้องการอยู่เงียบๆ “ทัตติ แกออกไปก่อน พี่เหนื่อยแล้ว อยากนอนสักหน่อย” ทัตติมองเธอเหมือนจะพูดอะไร แต่ก็ไม่พูดออกมา ก่อนจะมองเธออีก แล้วถอนหายใจออกมา จากนั้นจึงเปิดประตูออกไป ปลายฤดูใบไม้ร่วง มีฝนตกลงมาปรอยๆจนถนนเปียกไปทั่ว ฝนตกลงมากระทบหน้าต่างห้องอัยการก่อนจะตกลงสู่พื้น มองเห็นร่มหลากสีสันข้างนอกหน้าต่าง บรรยากาศที่มืดหม่นข้างนอกยิ่งทำให้จิตใจเขาหม่นตามเพิ่มขึ้นไปด้วย ใบหน้าของตุงคินดำหม่น ริมฝีปากค่อยๆปิดลงจนเป็นเส้นตรง จนเหมือนโกรธใครก็ไม่ปาน บุหรี่ที่อยู่บนนิ้วมีควันลอยฟุ้ง ก่อนจะมีเสียงเปิดประตูดังขึ้น สายลมที่พัดเข้ามาทำให้ควันฟุ้งกระจัดกระจายไปทั่ว ก่อนจะตกลงบนพื้น “คุณอัยการตุงคิน คดีนี้กำลังจะปิดแล้ว คุณยังมีเวลาพักอีกสามวัน” นภวัตเดินเข้ามานำเอกสารวางไว้บนโต๊ะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสน เขายืนอยู่ตรงนั้นมาทั้งวันแล้ว ไม่กิน ไม่ดื่ม ไม่พูดไม่จา เหมือนโกรธใครอยู่ ใช่แล้ว วันนี้แก้วใจบอกจะมา แต่ก็ไม่มา “วันนี้ฝนตก อาจจะมาลำบาก” “พูดมาก” ตุงคินเหลือบมามองเขา แล้วกวาดสายตามองไปที่เอกสารบนโต๊ะ คำพูดของนภวัตทำให้ความกังวลใจของเขาลดลงไปมากทีเดียว “เลื่อนวันหยุด” สามวัน เธอหมกอยู่ในห้องสามวันเต็มๆ จมอยู่กับความคิดสามวันเต็มๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางออกนอกจากถูกอาสะใภ้บังคับให้ใส่ชุดแต่งงาน “แก้วใจ เธอแต่งเข้าบ้านคุณเทพทัตต้องมีความสุขแน่นอน ถึงแม้ว่าคุณเทพทัตจะไม่มีอะไรโดดเด่น แต่เขาอายุมากกว่าเธอ เขาจะต้องรักเธออย่างแน่นอน” ใบหน้าของแก้วใจเย็นชา กำลังปล่อยให้ชนัดดามวยผมให้เธอ ใจของเธอลึกๆรู้สึกมืดบอด ถ้าเขาดีขนาดนั้น ทำไมไม่ให้กันทรแต่งกับเขาล่ะ จะมีอะไรดีๆเข้ามาหาเธอบ้างมั้ย เว้นแต่จะมีพายตกลงมาจากฟ้า ฝนตกในฤดูใบไม้ร่วงยังคงดำเนินต่อไป บรรยากาศยังคงมืดมัวเช่นเดียวกับอารมณ์ของแก้วใจ ยังคงหดหู่อย่างหนัก สายตาชำเลืองมองที่นามบัตรบนโต๊ะเขียนหนังสือ ค่อยๆกำมือจนเป็นกำปั้น ตุงคิน ฉันถูกขายแล้วจริงๆ คุณจะมาไถ่ฉันไหม เก็บทุกอย่างเสร็จแล้วเธอก็ไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น นั่งรอตั้งแต่เช้าจนเที่ยงคุณเทพทัตถึงโทรมาบอกว่าช่วงค่ำถึงจะมารับไปแต่งงาน เรียกว่ารักในช่วงปลายของอายุ เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี พระเจ้า โชคดี ใครแต่งกับเขาแล้วจะโชคดีกัน แก้วใจหิวจนเสียงท้องร้องโครกคราก นั่งบิดขี้เกียจอย่างทนไม่ไหว ใบหน้าเล็กซีดเซียวและเต็มไปด้วยความหงุดหงิด อยากจะตะโกนด่าใส่หน้าแรงๆสักที น่าเสียดาย ที่เธอไม่ได้พูดออกไป “คุณเทพทัตนี่ก็จริงๆเลย ทำไมไม่บอกเราก่อน” อารองไขว้มือไว้ข้างหลังพรัอมมองออกไปตรงสนามข้างนอก เห็นได้ชัดว่าเขารอไม่ไหวแล้ว “น่าจะมาแล้ว” ชนัดดาก็มองออกไปข้างนอกเหมือนกันทันใดนั้นก็เกิดความประหลาดใจปนยินดีบนใบหน้าของเธอ ขี้ไปที่รถที่ค่อยๆขับเข้ามาอย่างช้าๆ “มาแล้ว เจ้าบ่าวมาแล้ว” เจ้าบ่าว ผู้ชายอายุห้าสิบปีก็เรียกว่าเจ้าบ่าวได้หรอ เรียกว่าจิ้งจอกเฒ่าเถอะ ยังจะกินหญ้าอ่อนอีก รถค่อยๆขับเข้ามา และค่อยๆจอดลงอย่างนิ่มนวลหน้าบ้านทองพิทักษ์ ประตูที่นั่งข้างคนขับถูกเปิดออก บอดี้การ์ดรีบเดินมากางร่มออกอย่างรวดเร็ว แค่นี้เพียงพอแล้วจริงๆ อารองและอาสะใภ้หัวเราะไม่หยุด ก่อนจะมองขึ้นไป แต่คนที่อยู่ในห้องผู้โดยสารยังไม่ลงมา ก็มีรถโฟล์กสวาเกนสีดำคันหนึ่งขับจอดตรงหน้าบ้านของทองพิทักษ์เช่นกัน “อะไรกัน ทำไมมาสองคันล่ะ” อารองถามด้วยความสงสัย “ไม่รู้สิ” เห็นได้ชัดว่าชนัดดาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเป็นอย่างนี้ ได้แค่ยืดคอรอคนบนรถลงมา ประตูรถข้างหลังเปิดออก รองเท้าสีดำเงาขลับวางลงบนพื้นอย่างมั่นคง ร่างสูงสง่าปรากฏอยู่ใต้ร่ม แต่เพราะร่มบังอยู่จึงทำให้มองไม่ชัดว่าเป็นใครกันแน่ “นี่ แกเป็นใคร” เทพทัตลงจากรถโฟล์กสวาเกน ร่างเตี้ยสั้นของเขายืนอยู่ตรงหน้าชายที่อยู่ภายใต้ร่มคันนั้น เวลานี้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าใครที่มีออร่าโดดเด่นกว่ากัน คอของเทพทัตใส่สร้อยขนาดเท่านิ้วก้อย เห็นได้ชัดว่าเป็นเศรษฐีใหม่ ร่มค่อยๆยกขึ้น ทำให้ใบหน้าที่ถูกบดบังด้วยร่มถูกเปิดเผยออกมา ใบหน้าที่หล่อเหลา ร่างกายเหมือนมีประกายรัศมีสีทองแผ่ออกมา เขาช่างโดดเด่น ที่แท้ก็ตุงคิน สายตาของแก้วใจถูกดึงดูดด้วยคนที่ยืนอยู่นอกประตู หัวใจของเธอเต้นอย่างแรง ตื่นเต้นจนน้ำตาแทบไหลออกมา เขายังมีเมตตาที่รีบมาไถ่เธอ “คุณอัยการตุงคิน ทำไมอยู่นี่ เกิดอะไรขึ้น” เทพทัตถามอย่างสงสัย มองดูครอบครัวทองพิทักษ์ด้วยความประหลาดใจ อารองและชนัดดาก็มองตุงคินด้วยความงงงวย พวกเขาไม่เคยข้องเกี่ยวกับตุงคินมาก่อน ดูไม่ออกเลยจริงๆว่าเขามายืนอยู่ที่หน้าประตูครั้งนี้หมายความว่าอย่างไร ตุงคินเพียงแค่เม้มปากและกวาดดวงตาสีเข้มของเขาไปทั่วอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเจอกับร่างของแก้วใจที่ยืนอยู่ในห้องนั่งเล่น มุมปากของเข้าค่อยๆยกขึ้นด้วยความดูถูก มือข้างหนึ่งสอดไว้ในกระเป๋ากางเกงและก้าวขายาวๆเข้าไปข้างใน “คุณตุงคิน คุณคือ” ธนชาตถามด้วยความสงสัย “ผมมาเพื่อ” มุมปากของตุงคินกระตุกเล็กน้อย สายตาของเขาช่างโหดร้าย เสียงต่ำค่อยๆเปล่งออกมา “ไถ่ตัวคนโง่” ไถ่ตัว ธนชาตและชนัดดามองตากันอย่างรู้สึกไม่ถูกต้อง เขาสิโง่ เขาทั้งบ้านเป็นคนโง่ทั้งหมด แก้วใจมองไปอย่างขุ่นเคือง เธอไม่ได้ขอให้เขามาไถ่ตัวสักหน่อย มาด่าเธอได้ยังไง ครั้งนี้เป็นเขารีบมาเอง รีบมาอย่างไม่คุ้มค่าเงินเลยสักนิด “คุณอัยการตุงคินอาจจะมาผิดบ้านแล้ว” เขายกยิ้มมุมปากและยกคิ้ว “จริงหรอ” ใบหน้าของเขาไม่ได้แสดงถึงความผิดปกติใดๆ แต่นัยน์ตาของเขากลับมืดมิดเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ ยัยผู้หญิงไม่รู้เรื่องรู้ราว ตอนนี้ยังจะมาถากถางเขาอีก ไม่รู้หรือไงว่าเขาเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยเธอได้แล้ว “คุณแก้วใจล้างตัวเองซะสะอาดเชียว ผมคิดว่าคุณคงไม่ลืมสิบเอ็ดล้านหรอกใช่ไหม” คนบ้า เอาเงินมากดดันเธออีกแล้ว ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง แต่เธอก็ไม่พอใจ เธอตกอยู่ในสภาพนี้แล้ว ภายหลังจะไม่ถูกเขาเอาแต่กดขี่หรือ “หึ ตอนนี้ฉันขึ้นราคาแล้ว ห้าสิบล้าน” “คุณเป็นหมูหรอ ขึ้นราคาทุกวัน” บ้าชิบ โดนดุอีกแล้ว เขาสิหมู ทั้งบ้านของเขาเป็นหมูทั้งหมด “คุณตุงคิน นี่มันอะไรกัน” ธนชาตยิ้มแหยๆถามออกมา ดวงตาเต็มไปด้วยความคาดเดา “เธอเป็นภรรยาที่ผมซื้อมาอย่างถูกต้อง” ตุงคินชี้ไปที่แก้วใจ หัวเราะด้วยความเยือกเย็น “คิดไม่ถึงว่าแปบเดียวก็ถูกพวกคุณสองคนขายอีกแล้ว” หมายความว่าไง หมายความว่าไง เธอเป็นสินค้าหรือ อะไรคือขายซ้ำสอง ถึงแม้จะเป็นสินค้า แต่เธอก็เป็นสินค้าที่มีแต่คนต้องการนะ “คุณธนชาต คุณต้องรับผืดชอบนะ สัญญาก็เซ็นแล้ว หลานสาวคุณเป็นภรรยาคนอื่นไปแล้ว คุณตั้งใจจะล้อผมเล่นหรอ” เทพทัตเห็นสถานการณ์ไม่ถูกต้อง จึงถามออกไปด้วยเสียงอันดัง ธนชาตก็งงเช่นเดียวกัน เธอขายตัวเองไปแล้ว และขายให้กับตุงคิน ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมเขาไม่เข้าใจเลยสักนิด “ผู้หญิงสารเลว นี่มันอะไรกัน” ชนัดดาข่มอารมณ์เอาไว้ไม่ไหว ด่าเธอออกมาด้วยเสียงอันดัง แก้วใจตีหน้านิ่งๆ น้ำเสียงเยือกเย็น ไม่ได้ยอมรับ เพียงแต่ตอบไปว่า “ไม่รู้ ถามเขาเอาเอง” “คุณแก้วใจ คุณทำแบบนี้มันไม่ถูกนะ ตอนที่อยู่ในคลับคุณเป็นคนขอให้ผมเลือกคุณนี่นา ตอนนี้ปีนขึ้นสูงแล้ว จะทำเป็นไม่รู้จักกันเลยหรอ” ตุงคินหัวเราะอย่างเยือกเย็น นำเงินออกมาสองร้อยห้าสิบบาท “นี่เป็นหลักฐาน” คนบ้า อะไรไม่จริงเขาก็ยังกล้าพูด เธอไปขอร้องเขาตอนอยู่ในคลับตอนไหนกัน มีด้วยหรอ สมองของเธอประมวลผลอยู่แปบหนึ่ง ก่อนจะมีท่าทีเสียใจออกมา เหมือนจะมีเรื่องนี้อยู่จริงๆ “สองร้อยห้าสิบบาท สองร้อยห้าสิบบาทเธอก็ยอมขายตัวเองแล้วงั้นหรอ” ชนัดดาตะลึงและตะโกนด่าว่า “เธอราคาถูกขนาดนี้จริงๆ” ให้ตายสิ ใครจะราคาถูกขนาดนี้กัน สองร้อยห้าสิบบาท คนบ้า เขาทำให้เธออับอายได้ขนาดนี้เชียว ที่น่าเสียใจที่สุดคือ เธอน้ำท่วมปาก พูดไม่ออก ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี สู้ เธอสู้เขาไม่ได้จริงๆ แถมเธอยังไม่อยากสู้อีกด้วย ไม่งั้นเธอก็ต้องแต่งงานกับคนที่แทบจะลงโรงแล้วครึ่งตัว เธอไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้ ตุงคินนั่งลงบนโซฟา ตบสองร้อยห้าสิบบาทลงบนโต๊ะชา พร้อมกับพูดเสียงมั่นคง “ผมมาที่นี่เพื่อไถ่เธอ”   
已经是最新一章了
加载中