ตอนที่24 คิดอะไร อะไรก็มา   1/    
已经是第一章了
ตอนที่24 คิดอะไร อะไรก็มา
ตอนที่24 คิดอะไร อะไรก็มา หลังจากที่ผ่านทริปฟาร์มที่เสียวสุดๆมาหลายวันเป้ยฉ่ายเวยไปทำงานก็อยู่ในสภาพเบลอๆในงานก็ทำผิดพลาดหลายครั้ง เสี่ยวซงเห็นเป้ยฉ่ายเวยวันนี้นั่งโง่ๆเป็นครั้งที่ห้าของวันแล้วแล้วอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ “พี่ฉ่ายเวยเป็นอะไรหรือเปล่าคะ?” “อ่า? ไม่ ไม่มีอะไรฉันไปเช็คชองก่อนนะ” สายตาของเป้ยฉ่ายเวยดูมึนๆ “พี่ฉ่ายเวยตอนนี้เป็นเวลาพักกินข้าวตอนเที่ยงนะคะ” เสี่ยวซงช่วยเตือน นี่พี่ฉ่ายเวยเป็นอะไรกัน? เอาแต่นั่งโง่ๆไม่พอแถมยังลืมเรื่องที่ตัวเองเคยทำ? ตอนเช้าพึ่งไปเช็คของมาไม่ใช่หรือไง เป้ยฉ่ายเวยเห็นลิสท์รายชื่อเช็คขอฃในมือตัวเองก็รู้สึกตัวเองไม่มีสติมากเกินไปเลยพูด “เสี่ยวซงเธอไปกินข้าวก่อนเลยนะ” เสี่ยวซงเห็นเป้นฉ่ายเวยไม่มีความอยากไปก็ถาม “พี่ฉ่ายเวยไม่ไปกับพวกเรา?” “ไม่แล้วฉันไม่อยากกินอะไรอ่ะ” เป้ยฉ่ายเวยเขย่าหัว เสี่ยวซงเห็นเป้ยฉ่ายเวยไม่ยอมไปจริงๆก็ไม่ได้ไปบังคับแล้วไปกับเพื่อนทำงานคนอื่น เป้ยฉ่ายเวยนวดหัวตัวเองอย่างเหน็ดเหนื่อยแล้วกลับไปห้องพักนั่งลงบนเก้าอี้หลับตาพักคนเดียว ในสมองมีแต่สายตาคู่นั้นของฉูเจ๋อหยางวนเต็มไปหมด เธอคิดว่าฉูเจ๋อหยางคงจะมาหาเธอเร็วๆแต่นี่กลับมาสามวันแล้วจากทีแรกที่ใจเธอเอาแต่เต้นระแวงตอนนี้ก็เริ่มสงบลง ไม่มีสายโทรเข้าไม่มีข้อความเข้าแต่สาวตาก็หันไปมองหน้าจอโทรศัพท์อย่างไม่รู้ตัวนอกจากสีดำก็เป็นสีดำก็เหมือนอารมณ์เธอตอนนี้ที่มีแต่เมฆสีดำ เสียงสั่นเบาๆทำให้เป้ยฉ่ายเวยที่กำลังนั่งคิดอยู่ก็ได้สติกลับมาสายตามองไปที่หน้าจอโทรศัพท์พอเห็นเบอร์โทรที่คุ้นเคยปรากฎขึ้นมามุมปากก็ยกยิ้มนี่นึกถึงอะไรก็มาอย่างนั้นจริงๆ “ฮาโหล......” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นจากเสียงตัวเอง “เงินฉันเตรียมเสร็จแล้วเอาของเธอมาแลกได้เลยเป้ยฉ่ายเวย” เสียงเย็นชาของฉูเจ๋อหยางส่งผ่านโทรทัพท์มาทั้งๆที่สองคนนี้อยู่ห่างไกลกันมากแต่เป้ยฉ่ายเวยก็รู้สึกถึงความเย็นมันเต็มตัวไปหมดขนาดมือเธอที่ถือโทรศัพท์อยู่ยังดูซีด เธอตั้งสติให้ตัวเองสงบในน้ำเสียงก็มีความตื่นเต้น “อือฉันรู้แล้ว” ในโทรศัพท์อีกฝั่งเงียบไปหลานวินาทีเวลาอันสั้นๆนี้สำหรับเป้ยฉ่ายเวยทุกวินาทีคือทรมานความรู้สึกแบบนี้ทำให้เธอมีภาพมายา เธอเหมือนเป็นนักโทษที่กำลังรอโดนสั่งประหารชีวิต “เป้ยฉ่ายเวยเธอนี่เก่งมากจริงๆเลย” น้ำเสียงเรียบนิ่งของฉูเจ๋อหยางเหมือนมีดคมที่แทงเข้าในใจเป้ยฉ่ายเวยนอกจากเจ็บก็ยังมีความเศร้าที่อธิบายไม่ถูก เป้ยฉ่ายเวยเอาเล็บแทงเข้าในกำมือตัวเองทำเหมือนไม่ได้ยินที่เขาพูดประชดแล้วพูดอย่างเย็นชา “ถ้าไม่มีเรื่องอื่นฉันวางสายแล้วนะ” วินาทีต่อมาโทรศัพท์อีกฝั่งก็เหลือเพียงเสียงวางสาย คาดว่าฉูเจ๋อหยางก็ไม่คิดว่าเป้ยฉ่ายเวยจะมีท่าทีแบบนี้เขาคิดว่าเป้ยฉ่ายเวยคงมีความลำบากอะไรสักอย่างแต่ดูเหมือนเธอแค่อยากรีบได้เงินก้อนนี้ หลินไห่ที่เป็นเลขาขอฃฉูเจ๋อหยางเห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของเจ้านายตัวเองจากซอกประตูก็เก็บเอกสารที่จะยื่นให้เขาอย่างรู้ตัว เธอไม่อยากเฮงซวย เรี่ยวแรงทั้งหมดของเป้ยฉ่ายเวยก็โดนดึงไปหมดหลังจากวางสายแล้วค่อยมารู้ตัวว่าหลังตัวเองเปียกไปหมด เวลาทำให้เธอคิดมากไม่ได้ตอนนี้เป็นเวลาพักพอดีกับที่จะหลบสายตาคนอื่นได้ เป้ยฉ่ายเวยเอาของเสร็จก็รีบไปบริษัทของฉูเจ๋อหยางทันทีถึงแม้ที่ทำงานของทั้งสองคนนี้จะใกล้กันแต่พูดมาก็ตลกดีตอนที่เธออยู่กับฉูดจ๋อหยางมาสามปีนี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาในถิ่นของเขา บนหัวเป็นตึกที่มีสูงถึงสามสิบสองชั้นเป็นแหล่งรวมของทีมทำงานที่เก่งๆทั้งนั้นฉูเจ๋อหยางมีชั้นสิบเก้ากับชั้นยี่สิบสองชั้นเป็นชั้นที่ดีที่สุดสำหรับที่นี่มันก็สามารถยืนยันได้ว่าฉูเจ๋อหยางเป็นคนมีความสามารถและมีเสน่ห์ขนาดไหน เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกดีใจที่ในตึกนี้มีคนทำงานเยอะแยะฉะนั้นเธอไปหาฉูเจ๋อหยางมันก็ไม่ได้ดูเด่นเกินไปถอดหายใจแรงๆแล้วก้าวเข้าไป ตัวเลขในลิฟต์ขึ้นไปเรื่อยๆเหมือนใจเธอที่อยู่กลางท้องฟ้าไม่มีที่วางทำให้เธอนึกถึงสามปีก่อนว่าเธอไปอยู่กับฉูเจ๋อหยางได้ยังไงแถมยังยกตัวเองให้เขาอย่างมึนงง ถ้าจะบอกว่ามึนงงแต่ในใจเธอก็แอบหวานและดีใจในแบบที่คนอื่นไม่รู้ในตอนที่ฉูเจ๋อหยางทำงาน ราวกับคนโรคจิตตั้งใจวาดคิ้วที่เข้มของเขาและนัยน์ตาที่ดูลึกลับปากที่บางกับใบหน้าที่คมแถมยังมีร่างสูงที่หุ่นกำลังดีไม่ว่ามองไปมุมไหนความเพอร์เฟคของฉูเจ๋อหยางก็ทำให้คนอิจฉาได้ ผู้ชายแบบนี้เกิดมาก็สมควรเป็นผู้นำไม่ว่าเดินไปไหนก็เป็นจุดเด่นเธอขโมยช่วงที่หวานแหววที่สุกสามปีทั้งๆที่ควรจะพอ แต่ในใจก็รู้สึกว่างเปล่าทำให้เธออยากได้มากกว่านี้ไม่ใช่แค่อยู่เป็นเพื่อนยังอยากมี....... ‘ติง’ เสียงเปิดประตูของลิฟต์ดึงเป้ยฉ่ายเวยกลับมาความเป็นจริงว่าถึงบริษัทของฉูเจ๋อหยางแล้ว ถึงแม้จะเป็นเวลาพักแต่ก็ยังมีสองสามคนที่ทำงานอยู่เป้ยฉ่ายเวยเดินไปถึงที่หน้าเคาน์เตอร์ถามอย่างมีมารยาท “สวัสดีค่ะไม่ทราบว่าห้องทำงานของทนายฉูเจ๋อหยางอยู่ไหนหรอคะ?” พนักงานที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ได้ยินผู้หญิงที่อยู่หน้าเขาเปิดมาคำแรกก็มาถามหาทนายฉูเจ๋อหยางก็พวกเขาก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจนึกในใจว่าผู้หญิงอีกคนที่จะใช้เรื่องงานมาอ่อยทนายของเขา แต่ว่าด้วยความที่โดนใกมาอย่างดีก็ตอบเธออย่างมีมารยาท “ไม่ทราบว่าคุณได้นัดล่วงหน้าหรือเปล่าคะ?” “ฉันไม่ได้นัด” เป้ยฉ่ายเวยเห็นผู้หญิงคนนั้นขมวดคิ้วก็รีบอธิบาย “แต่ว่าทนายของพวกเธอติดต่อให้ฉันมาหานามสกุลฉันเป็นเป้ย” พนักงานมองเป้ยฉ่ายเวยอย่างสงสัยถึงแม้ในใจจะไม่ค่อยเชื่อแต่ก็กลัวทำผิดพลาดเธอก็ช่วยเป้ยฉ่ายเวยโทรเข้าสายในเช็คดูอีกที หลังจากโทรติดพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ก็มองเป้ยฉ่ายเวยแล้วพยักหน้าตอบอย่างเคารพ “ค่ะ ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” พนักงานหน้าเคาน์เตอร์วางสายแล้วเดินออกมาดูมีความเคารพเพิ่มขึ้นไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นแขกที่ทนายฉูเป็นคนเชิญมาเอง “รบกวนคุณเป้ยเดินตามฉันมาเลยนะคะ” เป้ฉ่ายเวยพยักหน้า “รบกวนหน่อยนะคะ” พนักงานเดินนำหน้าเธอผ่านระเบียงทำงานยาวๆแล้วเดินเข้าห้องทำงานที่อยู่ลึกที่สุดและประตูบานหนาๆเป้ยฉ่ายเวยรู้สึกข้างหน้านี้ไม่เพียงแต่เป็นประตูแต่กลับเป็นภูเขาที่เธอไม่สามารถข้ามไปได้ ภูเขาที่ชื่อว่าฉูเจ๋อหยางสูงเกินกว่าจะเอื้อมถึง “ก๊อกๆๆ” พนักงานคนนั้นเคาะประตูอย่างมีมารยาทแล้วพูดกับคนข้างในอย่างเคารพ “ทนายฉูคะ คุณเป้ยมาถึงแล้วนะคะ” เสียงต่ำทุ่มของฉูเจ๋อหยางส่งผ่านประตูออกมา “ให้เธอเข้ามา” “ค่ะทนายฉู” คำพูดของฉูเจ๋อหยางชัดเจนดีว่าเขาจะให้ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเข้าไปคนเดียวพนักงานคนนี้ก็ยิ่งสงสัยไปใหญ่หลายวันก่อนแฟนของทนายฉูพึ่งมาแล้วผู้หญิงคนนี้คือใคร? แต่รู้สึกท่าทีของทนายฉูก็ดูแปลกๆถึงแม้พนักงานคนนี้อยากรู้มากขนาดไหนก็ไม่กล้าคิดมา เป้ยฉ่ายเวยดูเหมือนนิ่งๆแต่ในใจเธอรู้ดีที่สุดว่าเธอตื่นเต้นขนาดไหนจนฝามือมีเหงื่อออกมา
已经是最新一章了
加载中