ตอนที่26 ความสงสัยของหนานฉิง   1/    
已经是第一章了
ตอนที่26 ความสงสัยของหนานฉิง
ตอนที่26 ความสงสัยของหนานฉิง เป้ยฉ่ายเวยได้ยินเสียงเคาะประตูที่เร็วขึ้นพอเธอจับแฟลชไดร์ฟได้ แต่ก็มีคนเร็วกว่าเธอและล้อมตัวเธอไว้ในอ้อมกอดและมีมาพูดข้างหูเธอ “ฉันอนุญาตให้เธอทำแบบนี้หรือไง?” เป้ยฉ่ายเวยชะงักแล้วหน้าแดง ไม่ใช่เพราะอายแต่เป็นเพราะเธอโกรธ แต่ว่าตอนนี้เธอมีเรื่องต้องขอเขาเลยต้องเก็บอาการก่อน “ฉูเจ๋อหยาง ขอเถอะ ไม่ต้องให้หนานฉิงรู้” เสียงเคาะประตูดังหนึ่งครั้งใจเธอก็เต้นตามไปด้วยหนึ่งครั้งราวกับแป๊บเดียวหนานฉิงก็จะพุ่งเข้ามาแล้วตื่นเต้น กลัว กังวลและยังมีความรู้สึกผิดที่ค่อยๆละเลยความนิ่งของเธอ ฉูเจ๋อหยางมองผู้หญิงตัวน้อยที่อยู่ในอ้อมกอดดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตาในสาวตามีแต่ความร้องขอแถมยังกัดริมฝีปากแน่นราวกับกำลังใช้แรงอีกนิดก็จะกัดจนเลือดออก สายตาฉูเจ๋อหยางกูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่จากนั้นก็ค่อยๆปล่อยเธอ แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้หันหลังใส่เธอเสียงต่ำทุ่มที่ไม่มีแม้แต่อารมณ์ “ใบเช็คธนาคารอยู่ใต้โน๊ตบุ๊คหยิบเสร็จก็เข้าไปในห้องพักก่อนแล้วจากนั้นเธอก็ออกจากประตูนั่งลิฟต์ส่วนตัวลงไป” พูดจบยังไม่รอให้เป้ยฉ่ายเวยตั้งตัวก็เดินไปทางประตู เป้ยฉ่ายเวยชะงักไม่รู้ทำไมอยู่ๆฉูเจ๋อหยางถึงเปลี่ยนใจ เห็นเขาใกล้ถึงประตูแล้วก็ไม่ทันคิดชะงักไปสักแป๊บก็กัดฟันแล้วเอาใบเช็คธนาคารที่อยู่ใต้โน้ตบุ๊ค แล้วหลบเข้าไปในห้องพักของฉูเจ๋อหยาง จากนั้นก็ปิดประตูเบาๆแล้วยืนติดกำแพงแต่ว่าเอาแต่สนใจข้างนอกไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรแต่ก็อดที่จะทำไม่ได้ ประตูถูกเปิดเสียงของหนานฉิวและฉูเจ๋อหยางก็ถูกส่งเข้ามา “อาเจ๋อทำไมนานขนาดนี้ถึงค่อยมาเปิดประตู” หนานฉิงทำเป็นมองไปทั่วห้องอย่างเนียนในนี้ไม่มีใครสักคนแต่กลับเห็นห้องพักที่ถูกปิดแน่น ในห้องทำงานไม่มีคนหรือว่าเข้าไปหลบในห้องพัก? “กำลังเตรียมพักเที่ยง” ฉูเจ๋อหยางอธิบายสั้นๆ หนานฉิงอ้อน “อาเจ๋อเหนื่อยแล้วหรอ? พวกเราพักด้วยกัน” “เธอหิวแล้วไม่ใช่หรือไงไปกันเถอะ” ฉูเจ๋อหยางไม่ได้ตอบคำถามเพียงแค่พูดเรื่องอื่น หนานฉิงรู้สึกเลือกยากเธอก็อยากออกไปกินข้าวกับอาเจ๋อแต่อีกอย่างเธอก็อยากรู้ว่าในห้องพักนั้นมีผู้หญิงซ่อนไว้อยู่หรือเปล่า ฉูเจ๋อหยางราวกับรู้ทันความคิดของหนานฉิงก็พูดก่อน “ถ้าเธอไม่ไว้ใจก็เข้าไปดูได้ตามสบายใจ ฉันรอเธอตรงนี้” เป้ยฉ่ายเวยที่อยู่ในห้องได้ยินที่ฉูเจ๋อหยางพูดก็ยิ่งตื่นเต้นไปอีกนอกจากตื่นเต้นก็มีความรู้สึกแปลกๆที่พูดไม่ออกมาฉูเจ๋อหยางอยู่กับเธอมาหลายปีขนาดนี้ยังไม่เคยอ่อนโยนและมีความอดทนที่จะอธิบายแบบนี้เลย รักถูกคนก็จะรู้สึกแค่สูบอากาศยังมีความสุขแต่ไปรักคนที่เขาไม่รักตัวเองทุกลมหายใจก็รู้สึกเยือกเย็น ยังดีที่หนานฉิงไม่ได้เข้ามา “อาเจ๋อ ขอโทษฉันไม่ได้สงสัยคุณ พวกเราไปกินข้าวกันเถอะฉันหิวจะตายอยู่แล้ว” หนานฉิงเห็นฉูเจ๋อหยางเป็นครเสนอให้เธอไปดูเองเธอก็รู้สึกเกรงใจอาเจ๋อกำลังพักเที่ยงอยู่ไม่ได้ยินเสียงเรียกเธอเร็วมันก็เป็นเรื่องปกติเธอตื่นเต้นขนาดนี้มันดูเหมือนเธอไม่เชื่อใจเขา ฉูเจ๋อหยางไม่ได้พูดอะไรก็พาหนานฉิงออกไปเลยประตูห้องทำงานก็ปิดลง เป้ยฉ่ายเวยที่พิงกำแพงอยู่ก็นั่งลงไปตามเสียงปิดประตูในมือยังมีใบเช็คธนาคารใบบางๆเหมือนกำลังประชดความคิดไปเองของเธอ เคยคิดไปเองกับความอบอุ่นที่ไม่ใช่ของเธอ เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกน้ำตาเริ่มมาก็เบิกตาให้กว้างที่สุดรอให้น้ำตาเริ่มหายแล้วปรับเปลี่ยนอารมณ์ตัวเองแล้วเริ่มดูการดีไซน์ของในห้อง เตียงคู่ บนผนังมีทีวีและเดินเขไปอีกก็เป็นห้องเสื้อผ้าในนั้นมีห้องน้ำและอีกอย่างคือมีโต๊ะบาร์ดูเรียบง่ายไม่มีส่วนเกิน เธอมองเตียงใหญ่นั้นจนสติเริ่มไปและนึกถึงที่ฉูเจ๋อหยางอาจจะเคยพาหนานฉิงมานอนในเตียงนี้ในใจก็รู้สึกปวดแปลกๆมู้ว่าทันเจ็บจริงหรือเปล่า และน้ำตาที่กลั้นมานานก็ไม่ยอมกลับไปสักทีสุดท้ายก็ทนรับไม่ไหวแล้วตกลงมา เป้ยฉ่ายเวยกำใบเช็คธนาคารในมือแน่นราวกับไม่ได้จับเงินห้าล้านไว้แต่กลับเป็นตัวที่จะช่วยเธอได้ เธอบอกตัวเองถึงแม้จะโดนฉูเจ๋อหยางเข้าใจผิดยังไงก็ช่างเถอะแต่แค่ได้ตังได้ตังก็พอแล้ว เป้ยฉ่ายเวยรออยู่ในห้องอีกสิบนาทีรอจนมั่นใจว่าทั้งสองคนไปแล้วก็เช็ดน้ำตาแล้วลุกขึ้น ออกจากห้องฉูเจ๋อหยางเงียบๆแล้วเดินกลับไปอีกทาง เธอไม่ได้ไปขึ้นลิฟต์ส่วนตัวตามที่ฉูเจ๋อหยางบอกแต่กลับเดินไปอีกชั้นไปถึงขั้นที่สิบแปดแล้วรอลงลิฟต์พร้อมคนอื่น ตอนลงมาจากชั้นบนเป้ยฉ่ายเวยก็เหม่อลอยตลอดพอประตูถูกเปิดเธอเตรียมเดินออกไปก็ไม่ระวังไปชนโดนใครบางคน เป้ยฉ่ายเวยค่อยตื่นขึ้นแล้วไม่ได้ยกหัวก็เอาแต่ก้มขอโทษ “ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะไม่ระวังไปชนโดนคุณ” “ไม่เป็นไรครับ” เสียงต่ำทุ่มของผู้ชายคนนั้นพูดอย่างนิ่งๆ เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้าเตรียมตัวจะเดินไปผู้ชายคนข้างๆก็เปิดปากพูดอีกรอบ “ของของคุณตกครับ” แถมของที่ตกยังเป็นใบเช็คธนาคารจำนวนเงินไม่น้อยถ้าคนอื่นเก็บได้คงจะไม่ใจดีเหมือนเขาหรอก เป้ยฉ่ายเวยชะงักเสร็จก็รีบก้มลงไปมองใบเช็คธนาคารที่หล่นอยู่นิ่งๆตรงนั้นก็รีบเก็บขึ้นมาอย่างตื่นเต้นแต่ครั้งนี้ไม่ได้ถือไว้แต่กลับใส่เข้าไปในกระเป๋าถ้าเงินนี้หายเธอก็ไม่กล้าไปคิดเรื่องผลที่จะตามมา “ขอบคุณคุณมากๆเลยนะคะ” การของคุณครั้งนี้แจริงใจกว่าเดิม แล้วเป้ยฉ่ายเวยก็ยกหัวขึ้นมามองผู้ชาย ‘ใจดี’ คนนี้พบว่าเป็นผู้ชายที่ดูมีความกล้าหาญก้าวร้าวกำลังมองตัวเองอยู่ก็อดที่จะแอบถอยหลังครึ่งก้าวไม่ได้เพราะสายตาผู้ชายคนนี้ดูคมกรีดจนทำเธอตกใจ “ไม่เป็นไรครับ” ผู้ชายคนนั้นตอบสั้นๆแล้วเตรียมตัวเดินไป เป้ยฉ่ายเวยชะงักไปสักแป๊บแต่ก็พูดออกไป “คุณคะถ้าครั้งหน้าคุณสะดวกขออนุญาตให้ฉันเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อเพื่อตอบแทนความขอบคุณของฉันได้ไหมคะ” ถ้าเป็นเรื่องปกติทั่วไปเธอก็คงไม่สนใจเรื่องเล็กน้อยแบบนี้แต่ว่าเงินห้าล้านนี้สำคัญสำหรับเธอมากสำคัญกว่าชีวิตเธออีก แต่แน่นอนเธอก็คงไม่ตอบแทนด้วยเงินรางวัลได้แค่เลี้ยงข้าวสักมื้อ “อือ” เป้ยฉ่ายเวยได้ยินเสียงตอบจากผู้ชายคนนี้ก็รู้สึกตกใจทีแรกเธอคิดว่าผู้ชายที่ดูก้าวร้าวแบบนี้คงจะไม่ตอบตกลงแต่ไม่คิดว่าเขาจะตกลงทำเอาเธอตกใจหมด “ทำไมไม่อยากเลี้ยงใช่ไหม” มุมปากของผู้ชายคนนี้ยกยิ้มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวระหว่างที่เป้ยฉ่ายเวยกำลังเหม่อลอยอยู่รอยยิ้มนั้นก็หายไปราวกับไม่เคยมี ถ้าให้ลูกน้องของผู้ชายคนนี้มาเห็นภาพเมื่อกี้ก็คงจะสงสัยว่าวันนี้พระอาทิตย์จะขึ้นจากทิศตะวันตกหรือเปล่า เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกอึดอัดจากนั้นก็รีบอธิบาย “ไม่ใช่ๆคุณอย่าเข้าใจผิดนะคะฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น” พูดจบก็เอานามบัตรยื่นให้เขา “ถ้าคุณมีเวลาว่างก็โทรมาหาฉันที่เบอร์นี้นะคะ” แค่ข้าวมื้อเดียวเธอเลี้ยงไหว “อือ” ผู้ชายคนนั้นเอานามบัตรมาแล้วใส่เข้าไปในซองเอกสารที่ถืออยู่ที่จริงที่เขาตกลงเมื่อกี้ก็แค่รู้สึกสนุกแล้วอยากหยอกผู้หญิงคนข้างหน้านี้เล่นสักหน่อย ใครให้เธอดูเหมือนน้องแมวที่ตกตื่นตกใจจนทำให้รู้สึกอดที่จะรังแกไม่ไหว เป้ยฉ่ายเวยเห็นคนรอบข้างมีคนเดินไปมาเยอะขึ้นแล้วค่อยนึกได้ว่าผ่านเวลาพักเที่ยงไปแล้วเลยรีบบอกลาเขาแล้วออกไป เสิ่นเย้าเห็นแผ่นหลังเป้ยฉ่ายเวยที่รีบเดินไปก็เอานามบัตรที่อยู่ในซองเอกสารมาดูเห็นตัวหนังสือสามพยางค์สีดำที่อยู่ตรงกลางก็อ่านออกมาอย่างไม่รู้ตัว “——-เป้ยฉ่ายเวย” สนุกดีเสิ่นเย้าเอานามบัตรเก็บใส่ในกระเป๋าแต่ไม่ใช่ในซองเอกสาร
已经是最新一章了
加载中