ตอนที่ 2
ตนที่ 2
เฉิงโม่คุณเสียใจหรือเปล่า? ฉันปลอบคุณได้นะ!
—— ไดอารี่ของนางรวย
เฉิงซินเงยหน้าขาวเนียนสบตาที่หรี่ลงครึ่งหนึ่งกับสีหน้ารำคาญเล็กน้อยของเฉิงโม่ เขาดูเหมือนว่าจะไม่ชอบให้เธอพูดแบบนี้ เธอเหลือบมองกาวเยวี่ยนที่เบนหน้าหนี จู่ๆใบหน้าเธอก็แดง
ติ๊ง——
ประตูลิฟต์เปิดแล้ว
เธอรีบก้มหน้าแล้วเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมที่จะกระซิบเสียงแผ่วเบา “ฉันไม่ได้พูดผิดสักหน่อย ไม่ได้หาห้านาทีแล้วได้หรอกนะ......”
เฉิงโม่เดินเข้าไป ได้ยินแล้ว
เขามองใบหน้าขาวที่ขึ้นสีของเธอ อยากจะยกมือขึ้นมาหยิบสักที ดูว่าเธอมีหนังหน้าจริงๆหรือเปล่า
กาวเยวี่ยนเข้าไปในลิฟต์เสร็จก็กดปุ่มชั้นสอง พิงข้างประตูแกล้งทำเป็นไร้ตัวตน เฉิงซินชินกับสไตล์ของผู้ชายกาวแล้วที่เป็นคนพูดน้อยแต่ทำเยอะ เธออยากจะเขยิบไปทางเฉิงโม่ แต่โทรศัพท์ในกระเป๋าก็ดังขึ้นมา
เธอหยิบขึ้นมาดู เป็นเบอร์แปลกหน้า เธอลังเลสักพักแล้วค่อยรับ
“สวัสดีค่ะ คุณผู้หญิงเฉิง อยากสอบถามว่าช่วงนี้คุณอยากจะตกแต่งบ้านไหมคะ? พวกเรา......”
เซลล์ตกแต่งบ้าน
เฉิงซินขัดจังหวะอีกฝ่าย “ไม่ต้องการค่ะ ฉันตั้งใจจะขายบ้านแล้ว ขอบคุณค่ะ”
เธอวางโทรศัพท์ทันที แล้วก็ได้ยินเฉิงโม่ถามขึ้นมาอย่างตามใจชอบ “เธอจะขายบ้านหรอ?”
“เปล่า ฉันโกหก”
“……”
โกหกคนก็ยังมีเหตุผลเพียงพอ เฉิงโม่มองเธอแวบหนึ่ง แล้วหัวเราะเยาะออกมา
จอมโกหก โกหกจนเป็นนิสัยแล้ว
ตอนแรกเขาก็ถูกเธอหลอกมาแล้วกี่ครั้ง?
“บริษัทตกแต่งฉันหามาหมดแล้ว ไม่ค่อยอยากจะคุยกับใครมาก” เฉิงซินเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋า เธอเรียนมหาวิทยาลัยที่ปักกิ่ง ตอนปีสี่ทะเลาะกับเพื่อนร่วมห้องชื่อเจียงเหมิง เธอโกรธมากจนย้ายออกมาเช่าห้องอยู่ พ่อแม่เธอคิดว่าการเช่าห้องมันไม่คุ้ม เลยซื้อห้องชุดเล็กๆสองห้องให้เธอ เป็นการลงทุน
ห้องชุดนั้นห่างจากบริษัทไกลเกินไป ตอนนี้เธอเลยเช่าห้องอยู่แถวนี้เอง ห้องชุดนั้นก็ปล่อยเช่า เพิ่งได้ค่าเช่ามา ตอนนี้ลูกพี่ลูกน้องเธออยากจะเช่าห้องชุดนั้น แต่เธอไม่ชอบการตกแต่งที่ดูเก่าเกินไปของห้องชุดนั้น เลยพูดอย่างกระตือรือร้นว่าจะเอาเงินส่วนหนึ่งมาตกแต่งห้อง
ในเมื่อมีคนเต็มใจอยากจ่าย เฉิงซินก็ให้เธอทำตามใจ เธอแค่ช่วยหาบริษัทตกแต่งห้องให้
จะไปรู้ที่ไหนว่าเธอแค่สอบถาม โทรศัพท์จากเซลล์ก็โทรมากวนไม่หยุด
เฉิงซินพูดไปหนึ่งย่อหน้าใหญ่ เฉิงโม่ก็ฟังเข้าใจแจ่มแจ้งแล้ว มาถึงโรงรถพอดี ทั้งสามเดินออกไป เฉิงซินเดินตามหลังเฉิงโม่ กาวเยวี่ยนที่เดินอยู่ริมสุดก็พูดขึ้น “ประธานเฉิง งั้นผมกลับก่อนนะครับ”
“อืม ขับรถกลับไปเถอะ”
รถของกาวเยวี่ยนนั้นเฉิงโม่ก็ใช้ด้วย บางครั้งมีเรื่องด่วนชั่วคราว ถ้าไม่มีรถก็จะกระทบกับประสิทธิภาพในการทำงานได้
ในตอนนี้ ฝีเท้าของเฉิงซินจู่ๆก็ชะงัก แล้วพูดอย่างรำคาญเป็นพิเศษ “ซวยแล้ว ฉันลืมไป เมื่อวานฉันเอารถไปซ่อมที่ร้าน 4S”
เฉิงโม่มองเธอแวบหนึ่งอย่างช่วยไม่ได้ “……เรื่องแบบนี้ลืมได้ด้วยหรอ?”
เฉิงซินพูดอย่างไม่รู้สึกผิด “ไม่ได้หรอ?”
กาวเยวี่ยนที่เดินไปหลายก้าวแล้วก็หันศีรษะกลับมาถาม “ไม่งั้นให้ผมไปส่งคุณ”
เฉิงซินหันศีรษะกลับมามองเขา แล้วก็หันกลับไปมองเฉิงโม่ ยิ้มกว้างแล้วพูดขึ้น “ผู้ช่วยกาวไม่สะดวกหรอก ปกติกว่าจะเลิกงาน ไม่อยากรบกวนเขา งั้นประธานเฉิง คุณไปส่งฉันได้ไหม?”
ไม่อยากรบกวนผู้ช่วยกาว แต่อยากรบกวนเขา?
ใครเป็นประธานกันแน่?
เฉิงโม่ชำเลืองมองเธอด้วยท่าทีเดิม หันร่างเดินไปที่จอดรถตัวเอง แล้วพูดออกมา “มาสิ”
ใบหน้าเฉิงซินดีใจขึ้นมา รีบเดินตามไป
กาวเยวี่ยนยืนเกาศีรษะอยู่ที่เดิม แล้วหันร่างเดินไป
ทั้งสองหยุดอยู่หน้ารถมายบัคสีดำคันหนึ่ง เฉิงซินมองไปที่เฉิงโม่ แล้วยิ้มออกมา “ประธานเฉิง หรือว่าให้ฉันขับ”
เฉิงโม่มองเธออย่างเหม่อลอย ขณะที่เฉิงซินสูญเสียความมั่นใจเกือบจะยอมแพ้ เขาก็ยื่นกุญแจรถให้เธอ แล้วยิ้มเล็กน้อย “ได้ เธอขับเถอะ”
เฉิงซิน “……”
เธอรวบรวมความกล้ารับกุญแจมา มุมปากเฉิงโม่กระตุกขึ้น หมุนตัวเปิดประตูรถ นั่งเข้าไปที่นั่งข้างคนขับ เฉิงซินยู่ปาก เธอเกรงใจนิดหน่อย เฉิงโม่ให้เธอขับจริงๆ!
ถ้าเป็นตู้หลิงล่ะก็ เขาคงไม่ให้ทำแบบนี้หรอก
เธอแค่อยากเพลิดเพลินกับที่นั่งข้างคนขับในฐานะแฟนเสียหน่อย ไม่ได้อยากเป็นคนขับรถของเขานะ!
สาวน้อยขยับริมฝีปากก่อนเข้าไปนั่งในที่นั่งคนขับ พบว่าที่นั่งคนขับมันเอนมากเกินไป แม้แต่คันเร่งเธอก็เหยียบไม่ถึง เธอเหลือบมองเฉิงโม่ที่พิงที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่ใส่ใจ กวาดสายตาไปที่เรียวขายาวอันแข็งแรงภายใต้กางเกงสูท แอบมองอยู่หลายครั้ง นึกอยากจะเปลี่ยนที่นั่งกันสักหน่อย
เฉิงโม่นั่งพิงอยู่ที่นั่งข้างคนขับอย่างไม่ใส่ใจ ขอศอกวางไว้ที่หน้าต่างรถ นิ้วเรียวเท้าคางแล้วชำเลืองมองเธอ “ขับคันนี้เป็นไหม?”
เฉิงซินพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า “เป็น”
เธอรัดเข็มขัด แล้วขับออกไป
“ออกประตูแรก ทางนั้นรถติด”
“……”
เฉิงซินไม่ได้บ่น หมุนพวงมาลัยจากด้านขวาไปด้านซ้ายอย่างเงียบๆ เปลี่ยนทิศทางขับ
เธอแอบหันศีรษะไปมองเขา ค่อนข้างสูญเสียความมั่นใจ
เฉิงโม่กวาดสายตามองมา “ขับรถก็มองถนน มองฉันทำไม?”
เฉิงซินยืดหลังตรงทันที แล้วเอ่ยเสียงเรียบ “คุณหล่ออะ”
เฉิงโม่ “……”
เขาหัวเราะออกมา “หล่อหรอ? รอลงรถก็ดูให้พอเลย”
เฉิงซิน “……”
เธอจุ๊บอีกสองทีได้ไหม?
รถขับออกมาได้ยี่สิบถึงสามสิบเมตรแล้ว เฉิงซินเหลือบมองกาวเยวี่ยนที่ยืนอยู่ข้างเลนถนน เขายืนอยู่ข้างๆ Macan สีขาวคันนั้นของเธอ หันไปครึ่งหนึ่ง เดินไปที่หน้ารถ ราวกับว่าจะดูป้ายทะเบียนรถใกล้ๆ ตั้งใจดูมาก คันนั้นไม่ใช่คนที่เธอเพิ่งเอาไปซ่อมที่ร้าน 4S พอเฉิงซินตื่นตระหนก ปลายเท้าก็เหยียบคันเร่ง รถก็พุ่งในทันที ทำให้กาวเยวี่ยนถอยไปด้านหลัง
เฉิงโม่ขมวดคิ้ว “เฉิงซิน เธอขับเป็นไหม?”
เฉิงซินอับอาย “ฉันขับได้แน่นอน”
“จอดรถ”
ให้เธอขับแบบนี้จะเกิดอุบัติเหตุ
หยุดรถตอนนี้อะนะ? งั้นเขาลงรถก็จะเห็นกาวเยวี่ยน ไม่โป๊ะแตกหรอ?
เฉิงซินควบคุมตัวเอง แล้วเม้มปาก “ไม่ จะให้ประธานเฉิงมาขับรถให้ฉันได้ไง คุณนั่งดีๆเถอะ นอนก็ได้ รับประกันว่าฉันขับไม่แย่ไปกว่าคุณหรอก”
เฉิงโม่มึนงง “หืม?”
น้ำเสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อย เสียงสะท้อนในรถแคบ ฟังแล้วดูไม่จริงจัง จู่ๆเธอก็หน้าแดงขึ้นมาแล้วเอ่ยเสียงแผ่ว “เฉิงโม่คุณอย่าพูดแบบนี้ เหมือนพวกนักเลง”
เฉิงโม่ “……”
เขามองเธอด้วยความประหลาดใจ เขานักเลงยังไง?
ด้านหลัง กาวเยวี่ยนยืนอยู่หน้ารถของเฉิงซิน มองดูทะเบียนรถก็จำได้ คันนี้เป็นรถเธอไม่ผิดแน่ แล้วทำไมธอถึงโกหกประธานเฉิง? หรือความจำเธอแย่เกิน ลืมงั้นหรอ?
เขาคิดไปคิดมา คิดว่าประธานเฉิงชินไปเสียแล้ว
เพราะว่าเขาก็คิดว่าเฉิงซินชอบประธานเฉิง
……
เฉิงซินเปิดวิทยุ เสียงผู้หญิงแหบพร่าซึ่งเร้าอารมณ์ เป็นเสียงของจางฮุ่ยเม่ยในเพลง ฉันอยากได้ความสุข
ฉันอยากได้ความสุข
ฉันอยากนอนหลับได้อย่างสงบ
บางคนไม่กอดก็อุ่นได้
จากไปก็ไม่เกลียด
ฉันควรจะตัดใจนานแล้ว
……
เป็นเพลงที่เศร้ามากเพลงหนึ่ง คนปกติฟังไม่รู้สึกอะไร แต่คนที่อกหักบางครั้งเห็นเพียงประโยคเดียวก็น้ำตาไหลอาบแก้ม มันยากเกินจะบรรยายและควบคุมตัวเอง
ขับรถออกจากโรงจอดรถ เฉิงโม่ไม่ได้พูดเลย จู่ๆเฉิงซินก็เกิดอารมณ์เศร้า เธอไม่รู้ว่าเขากำลังเสียใจอยู่หรือเปล่า ขณะที่รอไฟแดงอยู่ที่มุม เธอหันศีรษะไปมองเขา แล้วถามอย่างระมัดระวัง “ประธานเฉิง คุณเสียใจอยู่หรอ?”
เฉิงโม่กำลังคิดเรื่องโปรเจ็คอยู่ ได้ยินคำพูดนี้ ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา “อะไรนะ?”
เฉิงซินพูดขึ้น “ฉันถามว่าคุณกำลังเสียใจอยู่หรอ”
“……”
เขาถอนหายใจออกมา
สิ่งที่เขาเคยทำพลาดที่สุดในชีวิตนี้ อาจจะเป็นการได้เป็นเพื่อนกับเฉิงซิน ต่อมาเขาเคยคิดว่าให้ผู้หญิงคนหนึ่งช่วยสอดแนมให้ ช่วยเขาจีบเพื่อน มันไม่ค่อยใจดีเอาเสียเลย แต่ในตอนนั้นเขาไม่มีทางเลือก เฉิงซินมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับตู้หลิง นิสัยเธอมีชีวิตชีวาเข้ากับคนง่าย และเขาก็ยอมรับในเงื่อนไขด้วยตัวเอง คู่ควรกับตู้หลิง เฉิงซินเป็นเพื่อนสนิท แนะนำให้พวกเขารู้จักกันก็เป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่ง
สุดท้ายจีบไม่ติด เขาก็ยอมรับ
ผู้หญิงคนนี้ดันคิดว่าทุกวันเขาจะจมปลักกับการเสียใจที่อกหัก
บ่อยครั้งที่ยกหยิบมาแทงใจเขาหลายที คิดว่าความจำเขาไม่ดีหรือไง?
เฉิงโม่เม้มปาก แล้วหัวเราะออกมา “ถ้าฉันเสียใจ แล้วเธอจะทำยังไง?”
เฉิงซินพูดพลางยิ้มกว้าง “ฉันปลอบคุณได้นะ!”
เฉิงโม่กระตุกมุมปาก “อื้ม งั้นเธอร้องเพลงให้ฉันฟังหน่อยสิ ร้องเพลง เมื่อรักเป็นแค่ความทรงจำ ตามเทศกาลหน่อย”
เฉิงซิน “……”
เธอเสียงแย่มาก ร้องเพลงไม่ได้......คราวที่แล้วที่งานเลี้ยงในทีม เคยถูกเพื่อนร่วมงานหยิบมาล้อ เฉิงโม่จำได้แน่นอน ตอนนี้ตั้งใจจะแกล้งเธอนี่!
“ร้องสิ ไม่อยากปลอบฉันหรอ?”
เขานั่งไขว่ห้าง กระตุ้นเธออย่างเฉื่อยชา
“……”
“หืม?”
“……”
เฉิงซินหันกลับไปอย่างไม่พอใจ ไม่สนใจเขาแล้ว
เฉิงซินขับรถไปในเขตที่พักเธอก่อน แล้วเอากุญแจให้เฉิงโม่ ตัวเองก็เดินเข้าไปในเขตตน
ตอนกลางคืนก่อนนอน เธอค่อนข้างกังวลว่าพรุ่งนี้ผู้ช่วยกาวจะเอาเรื่องที่เธอโกหกไปบอกเฉิงโม่ เธอไม่มีวีแชทของผู้ช่วยกาวด้วย ดึกมากแล้วถ้าโทรไปหาเขา คิดว่าไม่ค่อยดีนัก......
เธอคิดมากอยู่หนึ่งคืน หลับไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่
เช้าตรู่อีกวันหนึ่ง เธอตื่นมาจัดเตรียมอะไรเรียบร้อยแล้วก็ออกไปบริษัท
เธอห่ออาหารเช้ามากมายอยู่ใต้ตึกบริษัท ขณะเดินเข้าไปในตึกใหญ่ของบริษัทก็กำลังคิด อีกประเดี๋ยวต้องขึ้นไปหาผู้ช่วยกาวสักหน่อย
ผู้ช่วยกาวไม่ใช่คนที่ชอบนินทาชาวบ้าน แต่เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากเป็นพิเศษ เขาตรงไปตรงมากับเฉิงโม่
เมื่อก่อนเธอเป็นเพื่อนในกลุ่มของเฉิงโม่ ในตอนนั้นตู้หลิงยังไม่ได้ปิ๊งกับลู่จัวเฟิง ส่วนใหญ่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เฉิงโม่กับลู่จัวเฟิงเป็นคู่แข่งที่เท่าเทียมกัน ถ้าเธอตั้งใจช่วยทอดสะพานให้เฉิงโม่จริงๆ......
บุคลิกและวงศ์ตระกูลของเฉิงโม่ ไม่แพ้กับรูปร่างหน้าตาของลู่จัวเฟิง มีโอกาสอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นกลุ่มผู้สร้างภาพยนตร์อยู่เขตแดนทำเรื่อง Counter terrorism ตู้หลิงบาดเจ็บเล็กน้อย เธอโทรหาเฉิงโม่ เหมือนเฉิงโม่จะประชุมอยู่ ผู้ช่วยกาวเป็นคนรับโทรศัพท์ เธอเผลอหลุดปากออกไปอย่างไม่ระวัง เธอได้แก้ไขไปอย่างมีไหวพริบ ใครจะไปรู้ว่าผู้ช่วยกาวก็หันศีรษะไปบอกเฉิงโม่แล้ว
วันต่อมา เฉิงโม่ก็ทิ้งงาน บินไปหา
ไม่คิดถอยหลังกลับจริงๆนะ......
คิดถึงเรื่องนี้ เฉิงซินก็ค่อนข้างรู้สึกแย่
เธอคิดไปคิดมา ขึ้นไปหาผู้ชายกาวหน่อยดีกว่า
กาวเยวี่ยนเพิ่งถึงพอดี ก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์ เฉิงซินก็ออกมาจากลิฟต์อีกตัว เธอเห็นแผ่นหลังเขา ก็รีบเดินเข้าไปแล้วตะโกนเรียก “ผู้ช่วยกาว รอเดี๋ยว!”
กาวเยวี่ยนหันมามองเธอ แล้วถามอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณเฉิงหาประธานเฉิงหรอ? เขายังมาไม่ถึงหรอก”
เฉิงซินส่ายศีรษะ “เปล่าค่ะ ฉันมาหาคุณ”
กาวเยวี่ยนคิดไปคิดมา ก็คิดถึงเรื่องเมื่อคืนวาน เลยหัวเราะออกมาหนึ่งที “มาหาผมมีเรื่องอะไรหรอ?”
เฉิงซินกำลังจะพูด ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยอย่างมาก
เธอรีบหันศีรษะไป ก็เห็นเฉิงโม่ถอดเสื้อสูทพักไว้ที่แขนตามอำเภอใจ แล้วเดินเข้ามา
“สวัสดีครับประธานเฉิง” กาวเยวี่ยนพูด
เฉิงซินค่อนข้างเศร้า แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มกว้าง “อรุณสวัสดิ์ค่ะประธานเฉิง”
เฉิงโม่จ้องเธอ “มีอะไรหรอ?”
เฉิงซินยิ้มแล้วส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรค่ะ” เธอคิดไปคิดมา กัดริมฝีปากก่อนจะยัดอาหารเช้ามากมายให้กาวเยวี่ยน “ผู้ช่วยกาว เชิญทานอาหารเช้า!” พูดจบก็กะพริบตาปริบๆ
บอกเป็นนัยว่า ทานอาหารเช้าฉันแล้ว อย่าแทงข้างหลังฉันนะ โอเคไหม?
กาวเยวี่ยน “……”
เฉิงโม่ “……”
เขามองไปที่เฉิงซิน แล้วกวาดสายตามองไปที่อาหารเช้าในอ้อมอกกาวเยวี่ยน สายตาดูผิดปกติ
เฉิงซินหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันร่างเดินไป
เฉิงโม่มองแผ่นหลังเธออย่างครุ่นคิด จนกระทั่งหายไปถึงจะหรี่ตาหันศีรษะกลับมา เขามองกาวเยวี่ยนตั้งแต่หัวจรดเท้า หน้าตาก็ไม่เลว ดูเหมือนจะยังไม่มีแฟน
หรือว่าเฉิงซินเข้าใกล้เขา เพื่อจะจีบผู้ช่วยของเขาหรอ? ไม่โทษที่เขาจะคิดอย่างนี้ เพราะเมื่อก่อนเขาก็เคยทำเรื่องแบบนี้
แล้วนี่เป็นกรรมตามสนองหรอ?
ผู้ช่วยกาวกลับก้มหน้ามองอาหารเช้าในอ้อมอกอย่างลำบากใจ เขาทานอาหารเช้าแล้ว
เฉิงโม่เดาะลิ้นเบาๆ เขาให้เงินเดือนเธอ ไม่เห็นเธอจะเคยให้อาหารเช้าเขาเลย
กาวเยวี่ยนเห็นสายตาประธานเฉิงมองมาที่อาหารเช้าในอ้อมอกเขา จึงลองถามออกไป “ประธานเฉิง อยากทานไหมครับ?”