ตอนที่ 8   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 8
ต๭นที่ 8 เฉิงโม่ ผู้ช่วยกาวน่ารังเกียจเกินไปจริงๆ สักวันหนึ่งถ้าฉันได้เป็นภรรยาประธานบริษัทนะ ฉันจะหักเงินเดือนเขาสองร้อยหยวนอย่างแน่นอน เพื่อล้างแค้น! ——ไดอารี่ของนางรวย เจ็บ! เฉิงซินรีบกุมหน้าผาก เอามือลูบด้านบน กลอกตามองเขาอย่างไม่รู้สึกผิด ขมวดคิ้วพูด “ตีฉันทำไม?” ทำไม? เฉิงโม่ลุกขึ้น รูปร่างเขาผอมสูง สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสีดำที่เรียบง่ายและเป็นระเบียบ ไม่ได้ผูกเนกไท แถมยังปลดกระดุมเม็ดบนสุดด้วย มองเธอลงมาจากข้างบน ทั้งร่างรับรู้ถึงความเข้มงวดและเคร่งครัด ดวงตาดำสนิทของเขาจ้องมองเธออย่างนี้ เป็นความรู้สึกที่จะสำรวจและยากที่จะคาดเดา เฉิงโม่กำลังนึกถึงที่เธอโพสต์รูปเจ้าโง่ในโมเมนต์วีแชทวันนั้น วาดแฟนไม่ได้ก็วาดเจ้าโง่แทน เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง ดูเหมือนจะเกินความคาดหวังและการควบคุมของตัวเองไป แต่ก่อนความรู้สึกที่คลุมเครือปรากฏออกมา เขาไม่ใช่คนที่จะอ่อนไหวกับความรู้สึกขนาดนั้น แต่ตั้งแต่ที่เขาทำบริษัทภาพยนตร์สือกวางมา เฉิงซินเป็นพนักงานผู้หญิงคนแรกที่สามารถอยู่รอบกายเขาได้อย่างเป็นอิสระ นอกจากนี้พวกเขายังได้เป็นพันธมิตรกันมาปีกว่า ในตอนแรกเธอก็เชื่อฟังในกฎระเบียบ จนกระทั่งถึงตอนนี้——กึ่งคุกเข่าอยู่บนพรมห้องทำงานเขา โน้มตัววาดรูปอยู่บนโต๊ะชา วาดอะไรไม่รู้ที่เขาไม่เข้าใจ ดูน่าเกลียดมากๆ แต่ก็ไม่ได้เกลียดนะ เธอยังเรียกเขาว่าประธานเฉิง แต่กลับใช้ให้เขาหยิบปากกาเมจิกให้อย่างไม่กลัว ตอนนี้ เธอบอกว่าวาดใบหน้าแฟนไม่ได้ ก็เลยวาดเจ้าโง่แทน เฉิงโม่ขมวดคิ้วทันที ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย ขอบตากลายเป็นเรียวยาว สีหน้าเปลี่ยนเป็นยากที่จะคาดเดา แล้วค่อยๆพูดออกมา “เธอบอกว่าใครเป็นเจ้าโง่นะ?” เฉิงซินไม่กะพริบตาในทันที สายตามองเขาอย่างมั่นคง กลืนน้ำลายในลำคอ แล้ววางมือลงอย่างกังวล ——เหมือนกับว่าโดนจับความลับที่อยู่ในใจได้ ค่อยๆขุดออกมาทีละนิ้ว เฉิงโม่จ้องไปที่หน้าผากเธอ แล้วอึ้งไปสักพัก เธอผิวพรรณขาวเนียน หน้าผากเกิดรอยแดงเป็นดวงอย่างชัดเจนมาก ไม่รู้ว่าถูกเขาเคาะจนแดง หรือเธอเองที่ลูบมันจนแดง “เจ็บไหม?” เขาถาม “หะ?” เฉิงซินดูเหม่อลอยและสับสน ตามอารมณ์เขาไม่ทัน เมื่อครู่เพิ่งจะเตรียมถามความรู้สึกเธอ จู่ๆคิดจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน เฉิงโม่เอาคางชี้ไปที่หน้าผากเธอ ก้มศีรษะลงมามองเธอ “ฉันถามว่าที่ฉันเคาะไปเจ็บไหม?” เฉิงซินลูบหน้าผากแล้วพยักหน้า “เจ็บ” เฉิงโม่โน้มตัวลงไปวางปากกาตรงหน้าเธอ ตรงหน้าผากที่เกิดรอยแดงชัดเจน มุมปากยกขึ้น “ถือว่าบาดเจ็บในหน้าที่แล้วกัน” “……” เธอถาม “แล้วจะชดใช้ยังไง?” “เธออยากให้ชดใช้ยังไง?” ขายาวของเฉิงโม่พลิกกลับครึ่งวงกลม อ้อมไปที่มุมโต๊ะชา ยังคงนั่งอยู่บนโซฟา สายตาก้มลงไปมองในสมุดตรงหน้าเธอ เหมือนกับเด็กน้อยกำลังวาดขีดเขียน อย่างไม่เป็นระเบียบเรียบร้อย เขาขมวดคิ้ว อดแซวไม่ได้ “นี่เฉิงซิน เธอวาดผีอะไรน่ะ?” เฉิงซินยังคงกำลังคิดว่าจะชดใช้อะไรดี พอได้ยินโทนเสียงไม่ใยดีของเขา ก็อดกลอกตาไม่ได้ เธอเอาปากกาชี้ไปที่สมุดแล้วอธิบาย “รอฉันแป๊ปนึง ยังวาดไม่เสร็จ วาดเสร็จแล้วฉันจะอธิบายให้คุณฟังเดี๋ยวคุณก็เข้าใจ” “อืม” เฉิงโม่รับปากด้วยน้ำเสียงเย็นชา ไม่เชื่อมั่นในมาตรฐานการวาดรูปของเธออย่างเห็นได้ชัด เฉิงซินวาดรูปไปด้วย พึมพำไปด้วย “ประธานเฉิง ถึงฉันจะวาดรูปไม่ค่อยได้ แต่ฉันก็มีข้อดีเยอะมากเลยนะ ฉันทำอย่างอื่นได้” เฉิงโม่นั่งไขว่ห้าง แล้วหัวเราะออกมาอย่างตามอำเภอใจ “เช่น?” “ฉันเล่นเปียโนได้ แล้วก็......” จู่ๆเฉิงซินก็หยุดลง “แค่วาดรูปกับร้องเพลงไม่ได้” เฉิงโม่ยกริมฝีปากอย่างไม่ค่อยใส่ใจ เฉิงซินแอบเหลือบมองข้างๆ เขากำลังเอนตัวนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาอย่างผ่อนคลาย ขายาวเรียวตรงที่ไขว่ห้างภายใต้กางเกงสูทเป็นอาหารตาเป็นพิเศษ และเธอกึ่งคุกเข่านั่งวาดรูปอยู่ข้างๆ ใบหูของเธอเห่อร้อนอย่างยากที่จะอธิบาย ——ภาพเหตุการณ์นี้ ทำไมมันเหมือนว่าเธอกำลังคุกเข่าอยู่ใต้กางเกงสูทเขาล่ะ? เธอก้มหน้าอย่างตกใจและสับสน แก้มจิ้มโดนหัวปากกาเมจิก เธออายมาก ใช้มือลูบสักนิด แล้วรีบก้มหน้าวาดต่อ ผ่านไปสักพัก เธอวางปากกาลง เขาก็เอ่ยถามเสียงทุ้มต่ำ “วาดเสร็จแล้วหรอ?” เฉิงซินตอบอืม ถือรูปแล้วหันมา เตรียมจะปีนขึ้นมา เฉิงโม่วางเท้าลง ร่างกายเอนลงไป แขนทั้งสองวางอยู่บนต้นขา โน้มเอวลงไปเล็กน้อย สายตาเหลือบเห็นรอยดำบนแก้มขวาเธอ จู่ๆเขาก็หลุดหัวเราะแล้วพูดด้วยความตลก “ทำไมเธอเหมือนเด็กเลยเนี่ย วาดได้น่าเกลียดมาก แก้มก็ยังเลอะอีก?” เฉิงซิน “……” ใบหูของเธอค่อนข้างแดง แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร “ตรงไหน?” เฉิงโม่เหมือนโดนผีสิง เขาหัวเราะ มือยาวยื่นออกมา นิ้วชี้จิ้มไปที่รอยเปื้อนบนแก้มเธออย่างเบาๆ “ตรงนี้” การจิ้มเบาๆนั้น ราวกับจิ้มไปที่ขั้วหัวใจของเฉิงซิน ขั้วหัวใจเธอสั่นไหว ทั้งร่างอ่อนปวกเปียก เธอกะพริบตา ขนตาหนาสั่นระริก มองเขาด้วยความเขินอายอย่างเปิดเผย เฉิงโม่มองเธอ แล้วอึ้งไปเล็กน้อย มือยังคงแนบอยู่ข้างแก้มเธอ นิ้วมือยาวสัมผัสอยู่ที่จอนผมที่นุ่มและเป็นกระเซิงของเธอ “ก๊อกๆๆ——”” ตอนนี้มีคนเคาะประตูห้องทำงานขึ้นมาหลายที กาวเยวี่ยนตะโกนอยู่นอกประตู “ประธานเฉิง มีเอกสารด้วยต้องเซ็นครับ” เฉิงโม่ได้สติกลับมา ก็รีบชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว เบนหน้าหนีมองไปที่ประตู แล้วกลับมาใจเย็นอีกครั้ง “เข้ามา” กาวเยวี่ยนผลักประตูเข้ามา เขาก็ยืนขึ้นมาเหมือนกัน ก้มมองสาวน้อยที่ก้มหน้าก้มตาเก็บปากกาและกระดาษที่กระจัดกระจาย แล้วพูดเสียงต่ำ “ไปล้างหน้าไป แล้วค่อยกลับมาเล่าผีในรูปภาพให้ฉันฟัง” เฉิงซินมีสติกลับมาอย่างช้าๆ เธอเงยหน้ายิ้มหวาน “โอเค” เธอรีบลุกขึ้นมาแล้ววิ่งไปห้องน้ำล้างหน้า กาวเยวี่ยนมองไปที่โต๊ะชาอย่างสงสัย ไม่ได้พูดถึงเรื่องหัวข้อหรอ? ทำไมกลายเป็นรูปภาพได้? เฉิงโม่ตรวจสอบดูอย่างรอบคอบหนึ่งรอบ ยืนอยู่นอกโต๊ะทำงาน สุ่มหยิบปากกาเซ็นชื่อมาหนึ่งแท่ง มือซ้ายวางอยู่บนโต๊ะ โน้มตัวลงมาเซ็นแล้วส่งกลับไป กาวเยวี่ยนรับมาแล้วพูด “ประธานเฉิงครับ ผ.อ.เจียงกับผู้กำกับภาพยนตร์สงครามบอกว่ามีเรื่องจะปรึกษาคุณครับ กำลังนั่งอยู่ด้านนอก คุณว่า......” เฉิงโม่กวาดตามองไปที่สมุดกับปากกาของเฉิงซินที่วางไว้บนโต๊ะชาแล้วพูดขึ้น “ให้พวกเขาไปที่ห้องประชุม เฉิงซิน......ให้เธอกลับไปก่อน รอฉันทำธุระเสร็จค่อยมาใหม่” “ได้ครับ” เฉิงโม่ก้าวเท้ายาวออกไป ผ่านไปสักพัก เฉิงซินล้างหน้ากลับมา เฉิงโม่ก็ไม่อยู่ห้องทำงานแล้ว กาวเยวี่ยนยืนอยู่ทางเข้ารอเธอ “คุณเฉิง ประธานเฉิงมีธุระต้องไปประชุม คุณลงข้างล่างไปรอก่อน?” เฉิงซินมองภายในห้องทำงานหนึ่งรอบอย่างช่วยไม่ได้ “โอเค” เธอรอหลังเลิกงานครึ่งชั่วโมง ถึงได้รับข้อความจากเฉิงโม่ เขาถาม “กลับไปหรือยัง?” เฉิงซินเกือบจะตอบกลับทันที “ยัง คุณยังอยู่บนตึกไหม?‘ แต่ว่าคืนนี้เธอนัดสวี่หยวนกับตู้หลิงแล้ว อยู่ละแวกนี้ เธอไปสายหน่อยไม่เป็นไร หัวข้อนั้นอาจจะอธิบายได้ไม่ชัดเจน เธอมองดูเวลารู้สึกว่าไม่พอ เฉิงโม่กำลังจะพูด งั้นเธอขึ้นมาสิ เธอก็ส่งไป “พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน ได้ไหมคะ?” เฉิงโม่สายตานิ่งไปเล็กน้อย ตอบกลับไปว่า “ได้” เขาเอนหลังบนเก้าอี้หมุนครึ่งหนึ่ง เขาลุกขึ้นหยิบเสื้อสูทตัวนอกขึ้นมาแล้วหยิบกุญแจรถในลิ้นชัก กาวเยวี่ยนกำลังจัดเอกสารอยู่ด้านนอก เขามอง “เลิกงานเถอะ” เขาสวมเสื้อสูทตัวนอกขณะที่เดินอยู่ การเคลื่อนไหวสบายๆกระฉับกระเฉง ก้าวเท้ายาวแต่เฉื่อยชา มองจากแผ่นหลังจะเห็นว่าแอบเซ็กซี่ เลขาหลายคนสายตาเป็นประกายมองอยู่ในห้องทำงาน กาวเยวี่ยนตามไปกดลิฟต์ ทั้งสองเดินเข้าลิฟต์ตามกันมา จู่ๆเฉิงโม่ก็คิดอะไรได้ขึ้นมา เขามองไปที่กาวเยวี่ยน แล้วเอ่ยถามเสียงเรียบ “เฉิงซิน......ทำไมคราวที่แล้วเธอให้ข้าวเช้านาย?” กาวเยวี่ยน “……” ใจเขาเต้นขึ้นมา จะตอบอย่างไร? ลิฟต์ก็ดัง “ติ๊ง——” ขึ้นมาพอดี ประตูเปิดที่ชั้น 8 เฉิงซินกำลังสะพายกระเป๋าอยู่ด้านนอก เธอเห็นพวกเขา ดวงตาเป็นประกาย มองเฉิงโม่แล้วเดินเข้ามาอย่างกระตือรือร้น “ประธานเฉิง เลิกงานแล้วหรอ” เฉิงโม่ก้มลงมองที่ลักยิ้มบางๆบนแก้มเธอ แล้วตอบ “อืม” อย่างไม่ใส่ใจ จากนั้น ก็เอามือล้วงกระเป๋า สายตามองไปที่กาวเยวี่ยน กาวเยวี่ยน “……” เฉิงซินไม่รู้ว่าทำไมเป็นเช่นนั้น เลยหันศีรษะมามองเฉิงโม่ เอ่ยถามเสียงเบา “ประธานเฉิง เดี๋ยวคุณกลับบ้านใช่ไหม? เอาฉันไปด้วยได้ไหม? ฉันไปทางเดียวกัน!” สายตาเฉิงโม่นิ่งเล็กน้อย เอ่ยถามไปงั้นๆ “แล้วรถเธอล่ะ?” เฉิงซินตอบ “รถฉันเอาไปซ่อม” เฉิงโม่ตอบอ๋อ แล้วพูดน้ำเสียงเย็นชา “เธอขับรถลากหรือไง? เดือนหนึ่งเอาไปซ่อมสองหน?” เฉิงซิน “……” คราวที่แล้วโกหกไง ครั้งนี้เอาไปซ่อมที่ร้าน 4S จริงๆ กาวเยวี่ยนมองเธอด้วยสีหน้าซับซ้อน ในใจก็คิดว่าเธอใช้มุกเดิมกับประธานเฉิงอีกแล้ว แล้วก็คิดถึงคำถามที่ประธานเฉิงถามเมื่อครู่ เขาก้มหน้าลูบจมูก แล้วพูดอย่างตรงไปตรงมา “คราวที่แล้วคุณเฉิงโกหกคุณน่ะครับ คราวที่แล้วรถเธอจอดในลานจอดรถ ไม่ได้เอาไปซ่อมอยู่ที่ร้าน 4S ” เฉิงซิน “……” 
已经是最新一章了
加载中