ตอนที่ 10   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 10
ต๭นที่ 10 ฉันไม่ถือว่าเป็นคนที่มีเหตุผลมาโดยตลอด ฉันดื้อ โอ้อวดและไม่มีเหตุผล เฉิงโม่ ฉันอดทนกับคุณมามากพอแล้วนะ ——ไดอารี่ของนางรวย “ทำไม?” ฮั่วเฉินตงชะงัก “เหอะ ประธานเฉิงตัวน้อย แกก็อายุยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปดแล้วนะ ทำไมยังหัวโบราณขนาดนี้? แกไม่ได้คิดว่าเคยจีบเพื่อนสนิท แล้วมาเจอกับเฉิงซินเป็นการผิดศีลธรรม ไม่มีความเป็นมนุษย์หรอ?” เฉิงดม่ไม่ได้พูด ดวงตามองไปที่ป้ายนีออนที่ระยิบระยับที่ถนน แล้วก้มสายตาลงเล็กน้อย ฮั่วเฉินตงถอนหายใจอย่างเห็นอกเห็นใจ “ช่างเถอะ ฉันว่าเฉิงซินก็ไม่ใช่สไตล์ที่นายชอบ” ทั้งสองเติบโตมากับสถาบันเล็กๆ สนิทกันราวกับพี่น้องสายเลือดเดียวกัน ฮั่วเฉินตงรู้ว่าเฉิงโม่มีความดื้อและระเบียบวินัยของตัวเองในด้านความรู้สึก ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงและทำลายง่ายๆ แม้แต่ผู้หญิงที่เขาชอบ ตั้งแต่เรียนหนังสือจนถึงตอนนี้ ก็เป็นแนวเดิม เฉิงซินหน้าตาทั้งหวานและน่ารัก แต่ไม่ใช่สไตล์ที่เฉิงโม่ชอบอย่างแน่นอน นิสัยก็ดูดีดเกินไป ฮั่วเฉินตงเดิมทีจะคุยเรื่องงาน พอคุยขึ้นมามากกว่าครึ่งก็คือเรื่องตลกขบขัน ในเมื่อเฉิงโม่ไม่เต็มใจอยากจะคุย เขาก็ไม่พูดอีก ทั้งสองวางโทรศัพท์กันไป มีรอยยิ้มหวานของเฉิงซินแวบเข้ามาในหัวเฉิงโม่ ตะโกนเรียก “ประธานเฉิง” อย่างนี้ “ประธานเฉิง” อย่างนั้น อย่างสดใสและสบายๆ บางทีก็ตะโกนเรียกชื่อของเขา ทั้งเอาแต่ใจและเจ้าเล่ห์ เฉิงซินเป็นเพื่อนสนิทของตู้หลิง ความสัมพันธ์ของทั้งสองดีมาก ซึ่งเขาก็รู้ดี เธอเป็นผู้หญิงที่ดี น่ารักและมองโลกในแง่ดี นิสัยดีดๆและน่าสนใจ แม้แต่เวลาที่ดูโมเมนต์ในวีแชทของเธอนั้นมุมปากก็ยกขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ จู่ๆเฉิงโม่ก็ขมวดคิ้ว ดึงผ้าขนหนูออก หมุนตัวไปออกกำลังกายต่อ …… ตอนเย็น เฉิงซินเอนอยู่บนเตียง ส่งวีแชทหาเฉิงโม่ “ประธานเฉิง พรุ่งนี้ฉันไปหาคุณที่บริษัทได้ไหม?” พรุ่งนี้เป็นวันเสาร์ คนมากมายล้วนพักผ่อนกัน ปกติวันเสาร์เฉิงโม่จะไม่มีงานสังสรรค์หรือธุระอะไรก็จะไปบริษัท เจ้านายก็ต้องไปบริษัทสิ พวกเลขาตัวน้อยข้างบนนั้นก็ไม่กล้าเมินเฉย ดังนั้นปกติวันเสาร์จะเป็นวันทำโอที เฉิงซินเป็นนักเขียนบท ยังไม่ได้กำหนดหัวข้อเรื่อง ยังไม่ได้เปิดโปรเจ็คอย่างเป็นทางการ ปกติก็จะเป็นอิสระมาก ไม่ต้องทำงานที่เป็นเวลาแน่นอน วันสุดสัปดาห์คนในบริษัทจะน้อย เธอเต็มใจที่จะไปอย่างมาก นอกจากนี้ยังได้ไปที่ห้องทำงานของเฉิงโม่เรื่องดีๆพวกนี้อีก...... เย็นนี้เฉิงโม่กลับมาจากสโมสรออกกำลังกายสายไป ตอนที่เขาเอารถไปจอดที่โรงจอดรถ ไฟหน้ารถส่องไปที่ที่จอดรถ เหลือบมองเห็นกล่องเล็กๆหนึ่งใบ อยู่ตรงกลางที่จอดรถพอดี เขาชะงักมือที่จับพวงมาลัย หรี่ตามองหนึ่งที แล้วจอดรถ เปิดรถเดินลงไปตรงหน้ากล่องนั้น ภายในกล่องมีลูกแมวแรกเกิดสีขาวอยู่ เฉิงโม่ยังคงเงียบ มองไปรอบข้าง มองไม่เห็นใคร และไม่รู้ด้วยว่าใครเอามาวาง เขายกกางเกงแล้วย่อลงมา แขนเล็กวางอยู่บนเข่า ก้มลงไปมองลูกแมวสีขาวแรกเกิดขนฟู ลูกตาของลูกแมวสีขาวแรกเกิดเป็นประกาย มองเขาอย่างไม่กลัว เฉิงโม่ขมวดคิ้ว ลุกขึ้นกลับไปหยิบโทรศัพท์ในรถ เตรียมโทรหาส่วนกลาง โทรศัพท์ยังไม่ได้โทรออก เฉิงหนิงหนิงก็โทรมาก่อน ปกติจะมีอยู่สองเรื่องที่เฉิงหนิงหนิงจะโทรหาเขา เรื่องแรกคือเงินหมด เรื่องที่สองคือเงินจะหมดแล้ว เขารับอย่างไม่แสดงสีหน้า “มีอะไร?” เฉิงหนิงหนิงยิ้มกว้าง “อีกไม่กี่วันพี่จะไปโกเลียธกับมาเลเซียใช่ไหม? ฉันจะไปกับพี่ด้วยนะ” เฉิงโม้ใช้ปลายเท้าเขี่ยกล่อง ลูกแมวแรกเกิดร้อง “เมี้ยวๆ” อย่างตกใจ ชัดเจนเป็นพิเศษในโรงรถที่เงียบสงบ เฉิงหนิงหนิงพอได้ยินก็ร้องสงสัย “พี่ ทำไมตรงพี่มีเสียงแมวร้อง?” “ไม่รู้ใครเอามาวางไว้ที่จอดรถ” เฉิงโม่รู้สึกรำคาญ เฉิงหนิงหนิงหัวเราะ “ต้องเป็นเพื่อนบ้านสาวคนไหนที่อยากจับพี่แน่ๆเลย คนพักอาศัยที่เป็นผู้หญิง......จะมีใครได้!” เธอถามอย่างกระตือรือร้น “แมวพันธุ์อะไรอ่ะ” “ไม่รู้” เฉิงโม่ไม่ได้ตื่นเต้นกับแมว เขาก้มลงมอง รู้สึกว่าแมวตัวนี้คุ้นตา จู่ๆก็นึกถึงวันปีใหม่เมื่อปีที่แล้วที่เฉิงซินแชร์แมวตัวหนึ่งในโมเมนต์วีแชท เหมือนกับตัวนี้มาก เธอเคยตอบคนอื่น ถ้าเขาจำไม่ผิด เหมือนจะเรียกว่า......ชินชิล่า? “หางยาวมาก” เฉิงหนิงหนิงยุเขา “พี่ถ่ายรูปให้ฉันดูหน่อยสิ ถ้าสวยก็เอากลับบ้านมาให้ฉัน” เฉิงโม่ยิ้มพึมพำ “เธออยากเลี้ยงแมวที่ตัวเองไม่ได้ซื้อหรอ?” เฉิงหนิงหนิง “งั้นตัวนั้นจะทำยังไง? พี่ทิ้งมันไม่ได้ปะ!” “เอาให้ส่วนกลางไง” “ส่วนกลางจัดการไม่ได้หรอก บางทีอาจจะเอาไปทิ้งก็ได้” เฉิงหนิงหนิงอยากได้แมวตัวนั้น เธอโน้มน้าวเขาอย่างต่อเนื่อง “พี่มีความเป็นมนุษย์นี่หน่า......ไม่ใช่ ฉันจะบอกว่าพี่น่ะมีความเมตตามากไม่ใช่หรอ? พี่เอากลับมาให้ฉันนะ พี่เอากลับมาแม่ต้องให้ฉันเลี้ยง” เฉิงโม่รำคาญเธอ เลยตอบอืมอย่างรำคาญ “วางละ” เฉิงหนิงหนิงกระโดดโลดเต้นดีใจ จู่ๆก็คิดขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ตอบตกลงว่าจะพาเธอไปมาเลเซียกับโกเลียธเลย ......ใจร้ายเกินไปแล้ว! จงใจเปลี่ยนเรื่องนี่ เฉิงโม่เอากล่องแมวไว้ข้างๆ พอจอดรถเสร็จ ก็ยืนมองอยู่หน้ากล่อง แล้วก็หยิบมันขึ้นตึก กล่องกว้างมาก แถมยังมีอาหารแมวเพียงพอ เขาเอาแมววางไว้ที่ระเบียง เจ้าแมวตัวนั้นก็เชื่องดี ไม่ได้ส่งเสียงอะไร ความหนักหน่วงผ่านไป ห้าทุ่มเขาถึงได้เห็นข้อความจากเฉิงซิน เขาไม่รู้ว่าเฉิงซินหลับหรือยัง เขาลังเลไปสักพักก่อนตอบ “ได้” เฉิงซินหยิบโทรศัพท์มาเข้าเว็บจือฮู สร้างการเตือนพิเศษให้กับเขา พอเห็นข้อความก็กดออกจือฮูทันที เกือบตอบกลับในเสี้ยววิ “รับทราบ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะท่านประธานเฉิง!” แล้วก็ส่งอิโมติคอนพระจันทร์ดวงน้อยมาหนึ่งอัน เขาก็ส่งพระจันทร์ดวงน้อยกลับไป เฉิงซินหาเวลามาแชทกับเฉิงโม่ได้น้อยมาก เธอรู้สึกว่าเขายุ่งขนาดนั้น จะมีเวลาที่ไหนมาคุยในวีแชท เธอก็ระมัดระวังอย่างมาก ในหนึ่งสัปดาห์ก็จะมีบทสนทนากันประมาณสองสามครั้ง เธอพอใจอย่างง่ายดาย ดูสิ เธอมีความอดทนกับเฉิงโม่ขนาดไหน เช้าวันต่อมา เฉิงซินเปลี่ยนเป็นชุดที่เลือกไว้อย่างดีแล้วเมื่อคืน แต่งหน้าอย่างสวยงาม แล้วออกมา เธอทานอาหารเช้าอยู่ล่างตึกบริษัท ลิฟต์เพิ่งมาจากข้างบน ก็เห็นกาวเยวี่ยนกำลังพูดคุยกับเลขา หลายคนเห็นเธอก็เงียบกันหมด เฉิงซินคิดถึงเรื่องในลิฟต์เมื่อคืนวาน กาวเยวี่ยนแฉเธออย่างโหดเหี้ยม อดไม่ได้ที่จะยู่ปาก ก้มหน้าบ่นพึมพำ กาวเยวี่ยนไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูด “อรุณสวัสดิ์ครับคุณเฉิง” เฉิงซินยิ้มอย่างฝืนทน “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” “คุณเข้าไปก่อนสิ ประธานเฉิงอยู่ด้านใน” “อืม” เฉิงซินไม่มองเขาอีก เธอเคาะประตู ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของเขาพูดว่าเข้ามา ก็ผลักประตูเข้าไป เฉิงโม่วางแก้วกาแฟลง แล้วเงยหน้ามองเธอ สาวน้อยทักทายอย่างสดใส ยิ้มหวานเหมือนดอกไม้บาน “อรุณสวัสดิ์ค่าประธานเฉิง” มุมปากเฉิงโม่เหมือนจะยกขึ้นมา เขาเอนพิงเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจ เอาคางชี้ไปที่โต๊ะตัวเตี้ย แล้วก็เข้าเรื่องงานทันที “ของของเธออยู่ทางนั้น ยังไม่ได้ย้ายไปไหน พูดมาว่าเธออยากถ่ายทำอะไร?” “เมื่อคืนวานฉันมีแรงบันดาลใจนิดหน่อย” เฉิงโม่วางกระเป๋าบนโซฟา หยิบสมุดและปากกาขึ้นมา แล้วเดินไปที่หน้าโต๊ะทำงานเขา วางสมุดลงบนโต๊ะทำงาน วาดแก้นิดหน่อยแล้วมองไปที่เขา เฉิงโม่หยุดทำท่าผ่อนคลาย ลุกขึ้นแล้วอ้อมมาที่มุมโต๊ะ ยืนอยู่ข้างเธอ ก้มลงมองภาพวาดผีของเธอแล้วก็หัวเราะเยาะ “พูดมาสิ นี่มันคืออะไร” เฉิงซินเมินน้ำเสียงเย็นชาของเขา เอาปากกาชี้ไปที่สมุด “บ้านหนึ่งหลัง มองไม่ออกหรอ?” เฉิงโม่ “……” ……ยังมองไม่ค่อยออกเท่าไหร่จริงๆ เขาค่อนข้างหมดหนทาง หยิบปากกามาแท่งหนึ่งจากในกระป๋อง ดึงสมุดที่อยู่ใต้มือเธอมา โน้มตัวลงเล็กน้อย ไม่ได้เงยหน้าขึ้น “เธอพูดแล้วฉันวาด เธออยากวาดอะไร?” เฉิงซินอึ้งไปครึ่งวินาที ขมวดคิ้วพูด “มันน่าเกลียดขนาดนั้นเลยหรอ?” น่าเกลียดจนไม่อยากจะดู! เฉิงโม่ขยับปากอย่างไร้อารมณ์พูดเหน็บแนม “แย่กว่าหลานชายสี่ขวบฉันนิดหน่อย” เฉิงซิน “……” เธอชี้รูปภาพแล้วอธิบายทีละอันอย่างยอมรับ “นี่เป็นบ้านเก่า ในนั้นมีประตู ผ่านตรงนั้นออกมาก็คือจักรวาลคู่ขนาดอีกมิติหนึ่ง......ในนี้มีสะพานยกระดับ......” มือของเขาทับอยู่บนสมุด มองรูปสะเปะสะปะที่เธอวาด เส้นปากกาบนกระดาษเหมือนกับวาดโครงร่างออกมา บนข้อมือเขามีนาฬิกาข้อมือ Piaget อยู่ ฝ่ามือกว้างยาว นิ้วมือเห็นข้อกระดูกอย่างชัดเจน เล็บสะอาดเนียน มือคู่นั้นไม่เพียงดูดีอย่างเดียว แถมยังค่อยๆวาดภาพที่เธออยากจะแสดงออกมาอย่างช้าๆและถูกต้อง เฉิงซินเอียงศีรษะ มองโครงหน้าด้านข้างอันหล่อเหลาของเขา คิ้วเข้มละมีสไตล์ ขอบตาเฉี่ยวแสดงออกถึงความเฉยเมยและการปฏิเสธ แต่ว่าเธอไม่เคยรู้สึกถึงการปฏิเสธคนจากเขา รูปลักษณ์เขาอยู่ปลายขั้วหัวใจเธอ เธอชอบจนจะบ้าตายอยู่แล้ว เฉิงโม่วางปากกาลง แล้วหันศีรษะมามองเธอ เฉิงซินรีบมีสติกลับมา แล้วพูดต่อ “อย่างนั้นแหละ......” เฉิงโม่หันมาพิงขอบโต๊ะอย่างผ่อนคลาย มองเธออย่างไม่ใส่ใจแล้วพูดความจริง “นี่เฉิงซิน เธอบอกว่าหัวข้อนี้มันไม่ผ่านการพิจารณา แม้ว่าจะผ่าน ก็ฉายได้แค่ในอินเตอร์เน็ต ไม่สามารถฉายออกทีวีได้” โปรเจ็คที่บริษัทภาพยนตร์สือกวางต้องการที่จะทำ จะต้องได้ออนแอร์ในโทรทัศน์ เฉิงซินก็รู้เรื่องนี้เหมือนกัน เธอยู่ปากพูด “ฉันรู้ แต่หัวข้ออื่นฉันก็ไม่สนใจ ฉันคิดว่าเราถ่ายมันไปเกือบหมดแล้ว หรือว่านี่ก็ไม่ผ่านนั่นก็ไม่ผ่าน......” ข้อจำกัดเยอะเกินไป บริษัทภาพยนตร์สือกวางไม่ชอบจินตนาการของเธอ นักเขียนบทตัวน้อยอย่างเธออยู่ยากแล้วมั้ง? เฉิงโม่เงียบไปครึ่งวินาที เขาก้มหน้ายิ้ม “คราวที่แล้วเธอบอกว่า อยากให้ฉันเป็นผู้กำกับให้ คืออันนี้หรอ?” “ไม่ใช่!” เฉิงซินส่ายหน้า “นั่นเป็นบทภาพยนตร์” “เขียนได้เท่าไหร่แล้ว?” “เพิ่งเขียนประวัติย่อตัวละคร” เฉิงโม่นิ่งไปสักพัก ลุกขึ้นแล้วก้มมองเธอ จู่ๆก็คิดได้ขึ้นมา เมื่อก่อนเธอเคยพูดต่อหน้าเขา เพราะว่าเธอขายลิขสิทธิ์สองเรื่องให้กับสือกวางถึงได้มาอยู่ที่นี่ ขายเมื่อสี่ปีที่แล้ว ตอนที่เขาเพิ่งสืบทอดกิจการ ในตอนนั้น เธอน่าจะเพิ่งเรียนจบ บริษัทภาพยนตร์สือกวางในตอนนั้นน่าจะเก็บพวก IP ไว้ แม้ว่าจะเป็นนักเขียนบทหรือนักเขียนหนังสือที่ไม่มีชื่อเสียง ราคาที่ให้ก็ไม่ได้ต่ำเกินไป เขารู้ว่าฐานะบ้านเธอไม่เลวเลย และขายลิขสิทธิ์ได้ ไม่งั้นเธอคงอดตายไปนานแล้ว แต่ทั้งหมดนั่นก็ไม่ได้ถ่ายทำมานานแล้ว เก็บไว้นานขนาดนั้น ใกล้จะหมดอายุแล้ว เฉิงซินมองเขานานอยู่สักพักโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ก็รู้ว่าหัวข้อของตัวเองถูกปฏิเสธ เธออยู่ปากพึมพำ “คุณพ่อเฉิง คุณนี่เอาใจยากจริงนะ อย่าดูถูกละครในอินเตอร์เน็ตสิ ละครในเน็ตมันก็ดีมากเหมือนกันโอเคไหม?” เฉิงโม่ “……” เขากอดอก มองเธออย่างเย็นชา “เธอเรียกฉันว่าไงนะ?” เฉิงซินเอ่ยเสียงแผ่ว “เฉิงโม่......” เฉิงหัวเราะอย่างขุ่นเคือง มือเขาถือปากกาอยู่ เคาะไปบนหลังคอเธอหนึ่งที อ้อมมานั่งที่โต๊ะทำงาน แล้วเอ่ยทิ้งไว้หนึ่งประโยคด้วยความไม่ใส่ใจ “ไม่เท่าผู้หญิงทึ่มแบบเธอหรอก” “……” เธอจ้องแผ่นหลังเขา ทั้งๆที่ได้ยินแล้ว! ก็ยังจงใจถามอีก! 
已经是最新一章了
加载中