บทที่ 2 คนตาบอดหรือ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 2 คนตาบอดหรือ
อรุณเดทกล่าวอย่างตกใจ“คนตาบอดหรือ แล้วยังใส่ชุดของโรงเรียนครีสเตียนพยารามด้วย” นรวิทย์เคี้ยวหมากฝรั่ง เธอค่อยๆคลำทางไปอย่างช้าๆ ค่อนข้างน่าสงสารทีเดียว เหมือนว่าเด็กสาวจากโรงเรียนครีสเตียนพยารามจะไม่คุ้นชินกับวิทยาลัยอโศกศิลย์ของพวกเขาเสียเท่าไหร่ และก็ค่อยๆหายไปจากสายตาของพวกเขา ผ่านไปครู่อรุณเดทก็ไม่ได้ใส่ใจอีก นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่งแล้วก็หัวเราะอย่างกำกวม“ผู้หญิงที่เพิ่งดีดเปียโนเมื่อครู่ จำได้ไหม เธอเดินวางท่ามาเลย บอกว่าอยากเป็นเพื่อนด้วย” “แกชอบหรือ ก็เล่นเลยสิ” อรุณเดทยักไหล่“เธอมาหาพี่วิทย์นี่ พูดแบบนี้ไม่ดีเท่าไหร่กระมัง” นรวิทย์นึกถึงผู้หญิงบนเวทีที่ได้มองผ่านๆคนนั้น“เอาสิ ให้เธอเข้ามา” อลิสาเดินเข้ามาด้วยดวงตาเป็นประกาย เมื่อเห็นนรวิทย์ทันใดนั้นหน้าก็แดงขึ้นมา“นรวิทย์คะ” หมวกทรงสูงสีขาวถูกกำไว้ในมือของเธอ ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มอย่างพิถีพิถัน รูปร่างก็ดูไม่เลว นรวิทย์มองอลิสา ก่อนจะเอ่ยอย่างเกียจคร้าน“ชอบฉันหรือ” อลิสาไม่คิดว่าเขาจะกล่าวออกมาตรงๆเช่นนี้ ใบหน้าแดงก่ำ ใจเต้นรัว รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา เธอรีบเก็บอาการของตัวเอง รักษาท่าทีที่สง่างามไว้“นรวิทย์ ฉันแค่รู้สึกว่าเธอยอดเยี่ยมมากๆก็เท่านั้น” นรวิทย์หัวเราะ“อย่างนั้นเธอลองบอกหน่อย ว่าฉันยอดเยี่ยมตรงไหนกัน” อลิสายังไม่ทันได้ตอบ นรวิทย์ก็จุดบุหรี่ขึ้น“สูบบุหรี่และหาเรื่องเก่ง หรือว่าเผาไฟฆ่าคนเก่ง หรือเก่งที่ทำครูเข้าโรงพยาบาลไปเมื่อสองวันก่อน” อลิสาหน้าซีดลง“ฉันเชื่อว่าจะต้องมีการเข้าใจกันผิด เธอไม่ใช่คนแบบนั้น” นรวิทย์ยกขาขึ้น“ไม่เคยเห็นใบตรวจของฉันหรือ โรคชอบใช้ความรุนแรงนี่คืออะไรรู้หรือเปล่า” อลิสาจะไปรู้มาจากไหนกัน เธอรู้แค่ว่านรวิทย์อารมณ์ร้าย แต่ไม่คิดว่าเขาจะป่วย สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปมา แต่ก็ยังคงดึงดันต่อไป“ฉันไม่ใส่ใจหรอก” นรวิทย์ขยี้ก้นบุหรี่ แล้วกล่าวอย่างถากถาง“นี่ยอมลดตัวจนถึงขั้นนี้เลยหรือ แต่ฉันใส่ใจ เธอมันทุเรศเกินไป เทียบไม่ได้กับพรพิมนต์ที่อยู่โรงเรียนครีสเตียนพยารามที่อยู่ข้างๆนี่เลย ดูไม่ออกเลยหรือว่าฉันกำลังหยอกเล่น ไปให้พ้นที” พรพิมนต์คือดาวของโรงเรียนครีสเตียนพยารามที่อยู่ข้างๆ อยู่ชั้นม.5 ข่าวลือที่ว่านรวิทย์มีแฟนอยู่ในตอนนี้ ยังมีคนอีกมากที่ไม่เชื่อ แต่ว่าก็ว่า การเปลี่ยนคนเก่ากับคนใหม่ในโลกนี้ยังมีน้อยอยู่อีกหรือ อลิสาอับอายจนต้องรีบออกมา รู้ว่าที่นรวิทย์กล่าวมานั้นแย่มาก แต่ก็ไม่อาจค้านอะไรได้ ด้วยความโกรธในใจจึงอดไม่ได้ที่จะโทษเกวลิน หากว่าเธอไม่ดีดผิด... แต่เมื่อกรอกตาคิดไปมา อลิสาก็นึกถึงประโยคนั้นที่ว่าใครจะสวยกว่าพรพิมนต์ได้อีก เธอชะงักนิ่ง เธอรู้ว่าใครที่ดูดีกว่าพรพิมนต์ นั่นคือเกวลิน ความงดงามบริสุทธิ์ที่ตรงมาจากภายใน แต่กลับถูกบดบังไปหลายปีเพราะบาดแผลที่ดวงตา เกวลินได้รับความสนใจจากทุกคนมาตั้งแต่เด็กแล้ว อลิสายังจำตอนอายุสิบปีที่ได้เจอเกวลินครั้งแรกได้ นั่นคือความงามที่ยากจะทำให้คนลืม สวยอย่างไร้ที่ติ เกิดมาก็ทำให้คนต่างรู้สึกต่ำต้อย เหมือนคริสตัลล้ำค่าที่ทุกคนต่างโหยหาและอยากสัมผัส เธอขบฟันแน่น ใจหนึ่งก็คิดเปรียบกับเกวลิน ว่าพรพิมนต์จะสักแค่ไหนกัน แต่อีกใจหนึ่งถือว่ายังดีที่นรวิทย์ไม่เคยรู้จักกับเกวลินมาก่อน ตอนที่เกวลินเดินออกมาจากโรงเรียนเฉพาะทางวิทยาลัยอโศกศิลย์นั้น โรงเรียนครีสเตียนพยารามที่อยู่ข้างๆกันก็เลิกเรียนแล้ว โรงเรียนมัธยมสองแห่งที่อยู่ติดกัน ด้านซ้ายคือโรงเรียนรัฐโรงเรียนครีสเตียนพยาราม ในนั้นต่างเต็มไปด้วยนักเรียนที่คะแนนดีอย่างยอดเยี่ยม วิทยาลัยอโศกศิลย์ด้านขวาคือโรงเรียนเฉพาะทางของเอกชน การจัดการด้านในนั้นย่ำแย่ แต่ทุกคนต่างมีเงิน ที่นั่นคือสวรรค์ของลูกคนรวย นับตั้งแต่ที่ทั้งสองโรงเรียนเริ่มก่อตั้งมา คนของโรงเรียนครีสเตียนพยารามต่างดูถูกคนโรงเรียนเฉพาะทางว่าไม่มีความรู้ มีเกรดเหมือนกับขยะ คนโรงเรียนเฉพาะทางก็ดูถูกคนของโรงเรียนครีสเตียนพยารามว่าจนแล้วมีหน้ามาดูถูกคนอื่น เกวลินอดไม่ได้ที่มองหน้าจออิเล็กทรอนิกส์หน้าโรงเรียนของตัวเอง ปีนั้นหน้าจอมีไว้ใช้สำหรับประกาศโฆษณาเชิญชวนงานใหญ่ๆ ตัวอักษรสีแดงต่างวิ่งไปมาบนหน้าจอสีดำ-- งานแสดงสุนทรพจน์ของอาจารย์โฮม ศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงจากมหาวิทยาลัยB ขอเชิญนักเรียนทุกคนมาเข้าร่วม สถานที่... ตาของเธอเริ่มปวด แต่ก็ยังขอจ้องตาไม่กะพริบ ตัวอักษรที่วิ่งตามมาข้างหลัง วันที่วันนี้ --ปี20xx เดือนตุลาคม วันที่สิบเอ็ด 19:03 วันพฤหัสบดี ไม่ได้ฝันไป เธอกลับมายังห้าปีก่อนจริงๆ ปีนี้จะเปลี่ยนแปลงอายุขัยที่สั้นของเธอ เกวลินตื้นตันจนอยากจะร้องไห้ ท้ายที่สุดมองบรรยากาศที่เงียบเหงาหลังชั่วโมงเลิกเรียน แล้วเธอก็กำสายกระเป๋าแน่นแล้วเดินไปยังป้ายรถประจำทาง รถรับส่งกลับบ้านของเธอนั้นมีไม่มาก ครึ่งชั่วโมงหนึ่งคัน เกวลินหยิบบัตรโดยสารออกมาจากกระเป๋าของตัวเอง แล้วรออยู่ที่ท่ารถตรงนั้น เธอรออยู่สิบนาที มองรถที่จอดทุกคันแล้วมองมันผ่านไป นี่คือทางกลับบ้าน ชีวิตที่แล้วคิดอยากกลับบ้านอยู่หลายครา ท้ายที่สุดก็สมหวังในชีวิตครั้งนี้ และในตอนที่รถยังไม่มา ไกลๆนั้นได้ยินเสียงรถบิ๊กไบค์ดังขึ้น เธอกำไม้เท้าแน่น ขนตาสั่นไหว ในใจรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ควบรถมอเตอร์ไซด์มา จนเสียงตัดกับลม อรุณเดทผิวปาก ร้องโย่ขึ้นมา“พี่วิทย์ นั่นไงคนตาบอดที่เห็นในโรงเรียน” นรวิทย์ใช้สายตาใต้หมวกกันน็อคกวาดมองไป หลังจากนั้นก็หักเลี้ยวรถ มาจอดลงที่ตรงหน้าของเกวลิน เกวลินถอยหลังไปอย่างตกใจ ลมพัดตีกับผมของเธอ เกวลินทัดผมไว้ที่หลังหู หน้าผากย่นลง   นรวิทย์จอดรถนิ่ง แล้วถอดหมวกกันน็อคออก อรุณเดทและดรุนนีก็หยุดรถตามเช่นกัน เกวลินจำนรวิทย์ในปีนี้ได้ เขาเจาะหูที่หนึ่ง ใส่ต่างหูเพชรสีดำที่ตรงนั้น ผมสั้นสีเงินของเขาที่ไม่แคร์สายตาใคร หากเป็นคนอื่นคงดับไปแล้ว แต่กับเขานั้นดูดีมาก นรวิทย์เหมือนกับนักรบที่แกร่งกล้า ไม่ดูนุ่มนิ่มเหมือนกับคนที่เข้าสู่ช่วงวัยรุ่นมาด้วยกัน บวกกับความดุร้ายและแข็งกร้าว เขาดูเป็นเด็กเลวจริงๆ   อรุณเดทถามเธออย่างอดไม่ไหว“นักเรียนม.ปลายโรงเรียนครีสเตียนพยาราม เธอตาบอดจริงๆหรือ” เกวลินไม่รู้ว่าเขาจอดที่ตรงนี้ทำไม ชะงักไปกับคำพูดนั้น ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ นรวิทย์ก้มหน้ามองเธออยู่ชั่วครู่ สายตามองผ่านผมยาวของเธอไป“เด็กโรงเรียนครีสเตียนพยาราม มาทำอะไรที่วิทยาลัยอโศกศิลย์ของพวกเรา” ใจของเกวลินร้อนรน ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมมาเจอพวกเขาในที่แบบนี้ได้ เลือกที่จะไม่เปิดปากตอบไป ดรุนนีขมวดคิ้ว“เป็นใบ้ด้วยหรือ” เกวลินเม้มปาก ด้วยท่าทางนิ่งๆ และพยักหน้าอีกครั้ง เธอพยักหน้าสองครั้ง ไม่ได้ตอบคำถามของนรวิทย์เลย เขาวางหมวกกันน็อคไว้ที่รถ และแสยะยิ้ม“นักเรียนม.ปลาย ขึ้นรถมาให้ฉันไปส่งเธอเถอะ ไม่คิดเงินด้วย อยากจะดูแลคนพิการสักหน่อย” อรุณเดทพ่นหัวเราะ บัดซบ ฮ่าฮ่าฮ่า จะดูแลคนพิการหรือ ต้องอุ้มข้ามถนนไปด้วยไหม ดรุนนีเองก็สำลักขำ เกวลินส่ายหน้าช้าๆ และไม่ต่อคำกับเขาอีก เธอยืนตัวตรง เพราะเป็นฤดูใบไม้ร่วง ข้างในจึงใส่เสื้อไหมพรมตัวหนึ่ง ข้างนอกเป็นชุดคลุมขนาดใหญ่ของโรงเรียนครีสเตียนพยารามและตราสัญลักษณ์ ถึงแม้จะมองรูปร่างเธอไม่ออก แต่คอที่เรียวและผิวขาวๆที่เห็นได้ชัดนี่ ก็บอกได้แล้วว่าเธออ่อนแอขนาดไหน นรวิทย์หยิบไฟแช็คในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจุดเล่น เปลวไฟพลิ้วไหวอยู่ในสายตาของเขา เขามองมาที่เธอ แว่นตาดำที่ใหญ่ไปครึ่งหน้า เธอกำไม้เท้าคนตาบอดไว้แน่น ท่าทางดูอ่อนแอ และเธอกำลังตื่นกลัว “ในกระเป๋ามีอะไร เอาออกมา” สายตานรวิทย์จ้องมองของล้ำค่าที่อยู่ด้านหลังมือของเธอ เธอหน้าซีด ไม้เท้าสีดำเหมือนกลายเป็นหยกดำไปในทันที เกวลินไม่อยากทำให้เขาโกรธ เพียงแค่หวังว่าเขาจะจากไปไวๆ เมื่อได้ยินดังนั้นจึงเปิดกระเป๋าให้เขาดู เธอเองก็ลืมเช่นกันว่าในกระเป๋ามีอะไร รูดซิปเปิดออก ในนั้นมีหนังสือฟิสิกส์หนึ่งเล่ม หนังสือภาษาอังกฤษหนึ่งเล่ม กล่องปากกา ยังมีกล่องแว่นตาดำ และกระเป๋าเงิน และสุดท้ายคือสตรอว์เบอร์รี่กล่องเล็กหนึ่งกล่อง ช่วงนี้หาซื้อสตรอว์เบอร์รี่ได้ยากแล้ว นี่คือสตรอว์เบอร์รี่ที่พ่อใช้แรงเพาะปลูกในเรือนกระจกรักษาอุณหภูมิของห้องทดลอง แค่กล่องเล็กๆ เขาให้เกวลินเอามาทานที่โรงเรียนเผื่อว่าจะหิวระหว่างคาบ แต่ตอนนั้นเกวลินไม่ได้ทาน เธอให้น้องสาว อลิสาไป “เอาสตรอว์เบอร์รี่มา” นิ้วของเกวลินสั่น จนในคราแรกนั้นขยับไม่ได้ ช่างมัน ไม่เป็นไร อย่าทำเขาโกรธ มือที่ขาวของเธอส่งสตรอว์เบอร์รี่กล่องนั้นให้เขา อรุณเดท พวกเขาต่างรู้สึกประหลาดใจ ทั้งข่มขู่ทั้งแย่งของของเธอ ตั้งแต่เริ่มจนตอนนี้เธอไม่มีอาการโกรธเลย อารมณ์ดีอย่างไม่น่าเชื่อ นิสัยต่างจากพวกเขาโดยสิ้นเชิง “จะออกไปห่างๆทำไม ส่งมาสิ หรือว่าอยากให้กูเข้าไปช่วย” เกวลินเหลือบมองขึ้น กระพริบตาปริบๆ มองไปทางเขา แล้วเอากล่องนั้นเข้าไปให้ นรวิทย์ก้มมองมาที่เธอ ลมหนาวอ่อนๆของเดือนตุลาคมพัดมา ใบหน้าขาวที่ถูกแว่นตาดำบดบังไปเสียครึ่งหน้าจนมองเห็นไม่ชัด เขารู้สึกว่าตัวเองได้กลิ่นหอมของดอกไม้ตามมาด้วย เธอวางกล่องนั้นไว้บนหัวรถเขา แล้วรีบถอยไปไกล วินาทีถัดมารถประจำทางก็มาจอดเทียบป้าย เกวลินรูดซิปปิดกระเป๋า คว้าไม้เท้าแล้วขึ้นรถไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เธอเดินอย่างไม่รีบร้อน เหมือนกับว่าไม่เคยพบเจอพวกเขา และไม่ได้มีท่าทีจะบอกคนบนรถว่าถูกพวกเขา“รีดไถ” ดรุนนีมองตามตาค้าง อรุณเดทกล่าวเสียงเบาอย่างอดไหว“พี่วิทย์จะไปแกล้งเธอทำไมกัน” แกล้งคนตาบอดแล้วรู้สึกดีหรือ แถมเธอยังเป็นใบ้เสียด้วย ทั้งเป็นใบ้ทั้งตาบอด น่าสงสารเสียจริง จนกระทั่งรถจากไปไกล นรวิทย์ใช้นิ้วเปิดสตรอว์เบอร์รี่กล่องใสนั่น ไม่ได้สนใจว่ามันจะได้ล้างแล้วหรือไม่ หยิบโยนมันเข้าปากไป หวานอย่างประหลาด อรุณเดทมองตามอย่างอิจฉา แล้วกล่าวออกมาอย่างอดไม่ไหว“พี่วิทย์ ให้ฉันลูกสิ” นรวิทย์ไม่ได้หันหลังกลับ ปิดฝากล่องสตรอเบอร์รี่แล้วโยนลงถังขยะไปอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่สุก” เขากล่าว “.....” “.....” ช่างมัน ไม่กินก็ไม่กิน ขายาวๆของนรวิทย์ก้าวคร่อมรถ ไม่ได้ใส่หมวกกันน็อคแต่อย่างใด เธอสามารถเอาสตรอว์เบอร์รี่วางที่หัวรถเขาได้อย่างพอดี ตาบอดจริง หรือแกล้งตาบอดกันแน่ เกวลินกลับมาถึงบ้าน หยิบกุญแจบ้านออกจากกระเป๋าเงิน นิ้วสั่นในตอนที่ผลักเปิดประตู เธอได้กลับมาที่บ้านอีกครั้งแล้วจริงๆ วัยรุ่นที่นั่งอยู่ที่โซฟาห้องรับแขกได้ยินเสียงจึงหันหน้ามา เมื่อเห็นเกวลิน ก็หันกลับไปดูบอลต่อด้วยท่าทีเย็นชา หลังจากนั้นพลในชุดผ้ากันเปื้อนก็รีบล้างมือแล้วออกมาจากห้องครัว ยิ้มต้อนรับอย่างอบอุ่น“ลินกลับมาแล้วหรือ รีบล้างมือเถอะ เตรียมตัวทานข้าวกัน แล้วอลิสาไม่ได้กลับมาพร้อมหนูหรือ หนูบอกว่าวันนี้จะไปดูเธอทำการแสดงนี่” เมื่อได้พบกับพลที่ลาจากโลกไปแล้วอีกครั้ง เกวลินอดกลั้นจนตาแดงก่ำ พ่อนั้นเป็นพ่อเลี้ยงของเกวลิน ชื่อพ่อ ซาราปุริน เกวลินและแม่ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม่ได้จากไป และตัวเองก็ได้รับบาดแผลที่ดวงตามา พ่อเพียงคนเดียวดูแลเด็กตั้งสามคน แต่ก็ไม่มีความคิดที่จะทิ้งเกวลินเลย และยังดูแลราวกับลูกของตัวเอง อลิสาและอนัทคือลูกฝาแฝดของพ่อ เมื่อก่อนเกวลินรู้สึกอึดอัดที่ตัวเองต้องอยู่ที่บ้านนี้ ดังนั้นจึงพยายามเป็นเด็กที่เชื่อฟัง และคอยดูแลน้องสาวกับน้องชายที่อ่อนกว่าตัวเองสองเดือน แต่ตอนนี้เธอรู้สึกขอบคุณสวรรค์ที่ให้เธอได้กลับมา และได้ประทานโอกาสให้เธอได้ตอบแทนพ่ออีกครั้ง เธอจะไม่ยอมให้เกิดอุบัติเหตุกับเขาอีก จะให้เขาได้มีชีวิตไปจนแก่เฒ่า เธอวางกระเป๋าหนังสือลง นึกถึงเรื่องของอลิสา แล้วกล่าวเสียงเบา“อลิสาบอกเธอจะทานข้างนอกค่ะ ตอนเย็นเธอมีงานเลี้ยง” แต่ใจของเกวลินเข้าใจได้ดี เพิ่งได้พบกับนรวิทย์มา นั่นก็หมายความว่า อลิสาพลาดแล้ว ไม่ว่าจะก่อนหน้าหรือตอนนี้นรวิทย์ก็ไม่ชอบอลิสา นั่นคงเป็นส่วนหนึ่งของโชคชะตา ค่ำนั้นเธอสำรวจกระเป๋าก่อนที่จะเข้านอน เธอเห็นรูปที่น่าขำของตัวเองบนบัตรนักเรียน พ่อเพื่อที่ต้องการดูแลดวงตาของเธอ ห้องของเกวลินจึงอยู่ทึบๆ รูปนั้นคือรูปตอนที่เข้าม.4 ตอนนั้นดวงตาของเกวลินมีอาการติดเชื้อ ไม่สามารถทนต่อแสงแรงๆได้ ดังนั้นครูจึงให้เธอใช้ผ้าขาวปิดตาไว้แล้วถ่าย แล้วให้คนช่วยตัดต่อตามาใส่ในภายหลัง เข้ามาเรียนแล้วถึงได้รู้ว่าช่างภาพของโรงเรียนนั้นมีฝีมือที่น่ากลัวมาก ปีนั้นPSยังไม่ได้ดีเยี่ยมเท่าปีหลังๆ ดวงตาราวกับปลาตาย สีไม่สม่ำเสมอ ไม่ได้เข้ากับรูปสักนิด แม้แต่ตัวเกวลินเองยังตกใจกลัว ดังนั้นพอนานไป จากม.4ไปม.5 เพื่อนร่วมชั้นต่างก็คิดว่า เมื่อดวงตาของเกวลินหายดี ก็คงจะเหมือนกับในบัตรนักเรียนแน่ๆ เกวลินวางมันลงในกระเป๋าดีๆ ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจใดๆ เธอเพียงแค่คิดถึงครูและเพื่อนๆเท่านั้น
已经是最新一章了
加载中