บทที่ 5 จะไม่มีความรัก   1/    
已经是第一章了
บทที่ 5 จะไม่มีความรัก
บทที่ 5 จะไม่มีความรัก ความจริงเกวลินไม่ได้ร้อง แต่ตอนที่เธอปวดตามากๆ น้ำตามันก็จะไหลมาเอง นรวิทย์ออกปากแล้วว่าจะพาพวกเธอกลับ นั่นทำให้เกวลินถอนหายใจอย่างโล่งอก ดรุนนีเห็นว่ามันไม่ถูกต้อง พิมพ์ภาเริ่มร้องกระซิกแล้ว รู้สึกว่าพวกเขาเล่นกันแรงเกินไป เลยรีบเข้าไปคุยกับเธอ“ฉันกับพี่วิทย์จะขับรถไปส่งพวกเธอเอง” เขาให้พิมพ์ภาไปพร้อมกับเขา พิมพ์ภากลัวพวกเขา เป็นตายก็ไม่มีทางไปด้วย เกวลินลูบที่แขนของเธออย่างแผ่วเบา เธอถึงได้ลุกขึ้นยืนแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม สุดท้ายเธอกับเกวลินก็ต้องกลับบ้านกันคนละทาง กุญแจรถของนรวิทย์อยู่ที่เสื้อนอก เขาสวมเสร็จก็กล่าวกับเกวลินว่า“ออกมา” เกวลินตามหลังของเขาไป ลมพัดยามค่ำคืนของฤดูใบไม้ร่วง เมื่อออกมาจากห้องส่วนตัวที่อบอุ่น ลมหนาวข้างนอกก็ทำให้คนตัวสั่นได้ เขาสูงและขายาว ก้าวทีก็ยาวมาก เกวลินตามหลังเขาไปอย่างทุลักทุเล แต่ก็ไม่เอ่ยขึ้นสักคำ อยู่ในเมืองแกน แต่พรพิมนต์กลับหน้าซีด ทั้งเย็นนั้น นรวิทย์ไม่มองมาที่เธอเลย พวกเขาเป็นแฟนกัน แต่ความจริงก็ไม่ขนาดนั้น เป็นเธอที่รุกจีบนรวิทย์ ตั้งแต่เริ่มเขาไม่เคยมีท่าทีอะไรเลย เพื่อนร่วมห้องใช้ข้อศอกกระทุ้งเธอ พรพิมนต์ถึงได้สติ เธอสวมเสื้อนอกแล้ววิ่งออกไปข้างนอก ค่ำคืนที่ว่างเปล่า ตอนที่เธอวิ่งออกไป นรวิทย์ก็หันกลับมามองเกวลินพอดี เกวลินระมัดระวัง ทุกย่างก้าวดูระแวดระวัง นรวิทย์มองอย่างตั้งใจ พรพิมนต์ไม่รู้ว่านรวิทย์ใช้สายตาเช่นใดตอนที่มองเกวลิน แต่ใจของเธอกลับมีสัญญาณอันตรายเตือนขึ้นมา เธอย่อมเดินได้เร็วกว่าคนที่ดวงตาไม่ดีอย่างเกวลินอยู่แล้ว พรพิมนต์เดินผ่านประตู แล้ววิ่งมาอยู่ข้างๆนรวิทย์ แล้วยื่นมือไปกอดเอวเขาไว้“นรวิทย์คะ เธอต้องรีบกลับมาเร็วๆนะ” บรรยากาศเงียบลงไป นรวิทย์ไม่ได้มองเธอ แต่มองไปที่เกวลิน ฝีเท้าของเกวลินชะงักไป แสงไฟที่อบอุ่นของเมืองแกนทำให้เธอดูอ่อนโยนเป็นพิเศษ เธอกำไม้เท้า ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นอย่างเงียบๆ ตอนที่แสงไฟกระทบกับหน้าของเธอ เขาถึงเพิ่งจะได้รู้ว่าผิวของเธอขาวมาก เกวลินรู้สึกอึดอัด เธอไม่สบายใจจนต้องหันไปมองกำแพงตู้ปลาของเมืองแกน ในนั้นมีปลาทองมากมาย เมื่อก่อนเธอฟังเรื่องราวของนรวิทย์และพรพิมนต์มาจากคนอื่นทั้งนั้น และตอนนั้นพวกเขาก็เลิกกันไปแล้ว ทันใดนั้นนรวิทย์ก็ดันพรพิมนต์ออก แล้วกล่าวกับเกวลิน“ขึ้นรถสิ” พรพิมนต์หน้าซีด แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรไป มองเกวลินอย่างเงียบๆ แล้วเดินกลับไป เกวลินขึ้นรถของเขา เวลานั้นเพิ่งจะสองทุ่มกว่าเท่านั้น รถประจำทางยังวิ่งอยู่ นรวิทย์ให้เธอนั่งข้างๆที่นั่งคนขับ เกวลินคาดสายรัดด้วยตัวเอง เธออยู่กับเขามาหนึ่งชั่วโมง รู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่ตลอด กำไม้เท้าไว้แน่น นรวิทย์ถามเธอ“บ้านเธออยู่ที่ไหน” เกวลินแข็งทื่อ เธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับนรวิทย์เลย“ส่งที่ป้ายรถประจำทางสักที่ก็ได้ ขอบคุณเธอมาก” นรวิทย์แสยะยิ้ม“ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับฉันหรือไง คุณนักเรียนดีเด่น” เกวลินรีบส่ายหน้า เมื่อโดนเขาอ่านความในใจออก ใบหูของเธอก็เริ่มแดง “เธอคิดว่าฉันจะสนหรือไงวะ” นรวิทย์จึงหาป้ายรถประจำทางส่งๆที่หนึ่ง“ลงไป” เกวลินลงรถแต่โดยดี เธอความรู้สึกไว แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่มีความสุขเหมือนกัน แต่เพราะกลัวเขา จึงไม่กล้าพูดออกไป ฝนยังคงตกอยู่ นรวิทย์มองเธอจากในรถ ป้ายรถประจำทางเมืองHในปีนั้นยังไม่มีเพิงพัก มีต้นไม้อยู่เหนือหัวไม่กี่ต้น เม็ดน้ำฝนต่างลอดผ่านใบไม้ตกลงมากระทบกับร่างกายของเธอ เธอรู้ว่าเขายังอยู่ใกล้ๆ ยืนอย่างกระสับกระส่าย แต่ก็ไม่ได้บ่นออกมาอย่างหงุดหงิดแม้แต่คำ เด็กดีจริงๆ ทันใดนั้นนรวิทย์ก็ลงรถมา เขารูดซิปลง แล้วถอดเสื้อนอกออก เดินเข้าไปไม่กี่ก้าว แล้วโยนเสื้อคลุมตัวเธอไว้ เธอเงยขึ้นจากในเสื้อคลุมสีดำนั่น รู้สึกตื่นกลัว จนยกไม้เท้าขึ้นมาทำท่าจะตีเขา“เธอจะทำอะไร” เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองกำลังทำอะไร นรวิทย์กดไม้เท้าที่แข็งของเธอไว้ หัวเราะอย่างอดไม่ได้“ดีที่กูอารมณ์ดีนะ หากใช้ของเล่นนี่ตีกูอีกครั้ง กูต่อยกลับแน่ เธอเชื่อไหม” เกวลินก้มหน้า ไม่กล้ากล่าวอะไรไป เขาสูงกว่าเธอเกือบจะสามสิบเซนติเมตร จากความสูงระดับนี้ เขาจึงเห็นขนตาของเธอ มันพลิ้วเหมือนกับปีกผีเสื้อที่พรมด้วยหยดน้ำ สั่นไหวเบาๆ ขนตาทั้งยาวทั้งพลิ้ว ทันใดนั้นนรวิทย์ก็อยากเห็นดวงตาของเธอมากๆ เขายิ้ม“นี่ เธอชื่ออะไรหรือคุณนักเรียนดีเด่น” เกวลินไม่เอ่ยปากอีก เธอหวังไว้ว่าจะไม่รู้จักกับนรวิทย์ไปตลอดกาล นรวิทย์ล้วงกระเป๋าใส่บัตรนักเรียนจากกระเป๋าเสื้อของเธอ เกวลินรู้สึกตัวช้าไป เมื่อได้สติ รถประจำทางก็มาถึงแล้ว เสื้อนอกตัวนั้นยังคลุมหัวเธอไว้อยู่ มีกลิ่นอ่อนของบุหรี่ด้วย “ขึ้นรถไปสิ” เกวลินสับสน แต่ท้ายที่สุดก็คืนเสื้อคลุมให้เขาแล้วขึ้นรถไป แต่ว่าบัตรนักเรียนของเธอ... คนขับตะโกนขึ้นมา“นักเรียนไปนั่งดีๆ” เกวลินทำได้เพียงนั่งลงที่ข้างหน้าต่างนั่น เมื่อรถขับออกไปไกล ผมสีเงินของนรวิทย์ก็โดนฝนจนชื้นไปหมดแล้ว เขาก้มหน้ามองบัตรนักเรียนในมือ เธอชื่อเกวลิน ~ ตอนที่นรวิทย์กลับไปถึง ทุกคนในห้องส่วนตัวนั้นกำลังร้องเพลงกัน เมื่อเห็นเขาเข้ามา ทุกคนต่างก็มองไปที่พรพิมนต์ พรพิมนต์เดินเข้าไปนั่งข้างๆเขา ช่วยเขาจุดบุหรี่ เธอรู้ว่านรวิทย์ไม่ร้องเพลง ดังนั้นจึงถามเขาเสียงอ่อน“แทงบิลเลียดกันไหม” นรวิทย์คิ้วขมวด รู้สึกทนไม่ไหวกับกลิ่นน้ำหอมที่แรงมากบนตัวของเธอ เขาคาบบุหรี่ไว้ที่ปาก แล้วหันไปเล่นเกมกับอรุณเดทแทน การจำลองภาพบนหน้าจอนั้นให้ความรู้สึกที่ดีจริงๆ บนหน้าจอปรากฏตัวอักษรภาษาอังกฤษขึ้นมาว่า“kill!” พรพิมนต์ช่วยเขาถือเสื้อคลุมไว้ บัตรนักเรียนที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อตกลงมา พรพิมนต์โน้มตัวลงไปหยิบ เธอเห็นเป็นบัตรนักเรียนของโรงเรียนครีสเตียนพยาราม พลิกกลับไปดูรูปภาพ รูปบนบัตรนักเรียนคือหน้าของหญิงสาวคนหนึ่ง ช่วงล่างของใบหน้าดูสวยดี แต่เมื่อรวมกับดวงตาประหลาดที่ไม่มีความเข้ากันนั้น พูดได้เลยว่ามันน่าเกลียดมาก บนบัตรเขียนว่า“ม.5ห้องหนึ่ง เกวลิน” กระเป๋าเสื้อของนรวิทย์ ทำไมถึงมีบัตรนักเรียนของเกวลินกัน พรพิมนต์กัดปาก แล้วแสร้งทำเป็นส่งรูปนั้นให้อรุณเดทดู“ฉันเพิ่งเก็บอันนี้ได้” อรุณเดทที่เล่นเกมอยู่ในตอนแรก หันมามองแล้วหลุดขำพรืด“นั่นคนตาบอดโรงเรียนเธอนี่” พรพิมนต์พยักหน้า อรุณเดท“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ขำฉิบหาย ตาของเธอมัน...” น่าเกลียดเกินไปแล้ว เสียงของเขา ทำให้เหล่าชายหญิงต่างเดินเข้ามาดู แล้วทุกคนก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน มีชายคนหนึ่งแย่งไปถือไว้ “ไม่มีตาไม่ดีกว่าหรือ” “โคตรไม่เข้า ของปลอมมากกว่า” พวกเขาที่กำลังขำกันในคราแรก ใบหน้าของชายที่ถือรูปนั้นไว้ก็สะบัดเพราะโดนหมัดกระแทกเข้า แล้วบัตรนักเรียนอันนั้นก็ถูกแย่งไป ชายคนนั้นกุมที่ใบหน้า“เดี๋ยว... พี่วิทย์” ทั้งห้องต่างเงียบลง ผมสีเงินของนรวิทย์กระทบกับแสงไฟจนทำให้ดูเย็นยะเยือก ดวงตาของเขามืดครึ้ม แล้วถีบเข้าไปอีกทีโดยไม่บอกกล่าว ชายคนนั้นไม่ทันได้ป้องกันตัว ก็ล้มลงไปที่พื้น อรุณเดทเองก็กลัว รีบเข้าไปกอดนรวิทย์ไว้“พี่วิทย์อย่าโมโห อย่าโมโห...” กำปั้นของนรวิทย์เริ่มขึ้นเส้นเลือด นั่นคือสัญญาณของอาการป่วย ดรุนนีเห็นเช่นนั้นก็รีบไปดึงแขนของเขาไว้“พี่วิทย์” เพียงอึดใจ นรวิทย์ก็กล่าวว่า“ออกไปให้พ้น” ชายคนนั้นรีบวิ่งออกไป นรวิทย์หันกลับมาแล้วยื่นมือไปทางพรพิมนต์“เสื้อคลุม” พรพิมนต์เองก็ตกใจกลัว แล้วรีบส่งเสื้อคลุมคืนไปด้วยท่าทีงันงก นรวิทย์เอาบัตรนักเรียนใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ“พรพิมนต์ เลิกกันเถอะ” พรพิมนต์มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “เธอพูดว่าอะไรนะ” เขาถือเสื้อคลุมพาดไว้ที่ไหล่ น้ำเสียงของเขากล่าวส่งๆไป“เธอหูหนวกหรือ เลิกกันไง” พวกผู้หญิงต่างมองพรพิมนต์กันเลิ่กลั่ก แต่ก็แฝงไปด้วยความสุข วันนี้เป้าหมายของพรพิมนต์คือต้องการจะอวด ใครจะไปรู้กันว่านรวิทย์จะมาทิ้งเธอ พรพิมนต์ขบฟันแน่น“นรวิทย์ เธอเห็นฉันเป็นอะไร ฉัน...” นรวิทย์หัวเราะเบาๆ“เห็นเธอเป็นอะไร เธอก็น่าจะเข้าใจไหม ของเล่นไง ใครๆก็เป็นได้นี่” ตั้งแต่เด็กจนโตคะแนนของพรพิมนต์นั้นไม่แย่ รูปร่างหน้าตาก็ดี และก็มีท่าทีที่สง่างามโดยธรรมชาติ เธอรู้สึกถึงสายตาที่มองมาที่เธออย่างดูแคลน เธอเลยเชิดหน้ามองนรวิทย์“อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” แม้แต่วินาทีเดียวพรพิมนต์ก็ทนอยู่ไม่ได้ รีบหันหลังแล้ววิ่งออกไป ไม่มีอีกแล้วแฟนของเธอ แกนนำจากไป พวกผู้หญิงที่เหลืออยู่ก็ไม่รู้จะอยู่อีกทำไม ดังนั้นพวกผู้ชายจึงอาสาไปส่งพวกเธอ นรวิทย์ลูบไปตามทรงของบัตรนักเรียนที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อ หงุดหงิดจนต้องสูบบุหรี่ อาการติดบุหรี่ของเขา เป็นเพราะโรคชอบใช้ความรุนแรง ในตอนที่สงบใจไม่ได้ จึงต้องใช้สิ่งของภายนอกมาช่วยให้สงบลงแทน อรุณเดทหยุดนึกคิดไป ก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพี่วิทย์ถึงต่อยคนแล้วหันไปบอกเลิกอีกคน ก่อนหน้านั้นก็ยังดีดีไม่ใช่หรือ ~ เพราะเกวลินเปียกฝน ดวงตาจึงมีอาการอักเสบ พ่อจึงรีบพาเธอไปตรวจที่โรงพยาบาล หมอกล่าวยิ้มๆว่า“ไม่เป็นอะไรครับ แต่ระวังหน่อยนะ อย่างไรน้ำฝนมันก็ไม่สะอาดหรอก” เขาใช้ไฟทึบเพื่อตรวจดวงตาของเกวลินอย่างละเอียด เธอก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีโดยลืมตากว้างๆ ตาของเกวลินไม่ใช่สีดำ แต่เป็นสีชาอ่อนๆ เหมือนกับแก้วใสสวยๆ หมอที่อายุอานามห้าสิบปี ก็รู้สึกว่าเด็กสาวคนนี้สวยมาก ให้โตกว่านี้หน่อย น่าจะเทียบดาราสาวชื่อดังในโทรทัศน์ได้เลย “ทายาหน่อยไหมเด็กน้อย พันผ้าไว้สามวันก็ยิ่งหายไว้ขึ้น” เกวลินคุ้นชินกับดวงตาที่กลอกไปกลอกมา และคุ้นชินกับโลกสีดำ ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับ ดังนั้นแว่นตาดำจึงถูกเปลี่ยนเป็นผ้าก๊อซสีขาวแทน โลกที่เคยสีเทาก็กลายเป็นสีดำทันที พ่อโทษตัวเอง“พ่อไม่ดีเอง ที่ไม่ไปรับหนูให้เร็วกว่านี้” เกวลินกล่าวเสียงแผ่ว“ไม่ใช่นะคะพ่อ เป็นหนูที่ไม่ระวังเอง คราวหลังจะไม่เกิดขึ้นอีก” พ่อรู้ว่าเธอทั้งเชื่อฟังและเป็นเด็กดี จึงแค่พยักหน้าเท่านั้น ตอนที่พวกเขากลับมาถึง อลิสาก็นอนคุยมือถืออยู่ที่โซฟา ไม่รู้ว่าปลายสายพูดว่าอะไรเหมือนกัน แต่สายตาของอลิสาเป็นประกายทีเดียว“จริงหรือ พวกเขาเลิกกันแล้วหรือ” แม้แต่ตอนที่พ่อกับเกวลินกลับมาก็ไม่ได้ยิน สีหน้าของพ่อดูเลวร้ายขึ้นมาทันที“อลิสา ลูกกำลังพูดอะไรกัน” อลิสาหันหน้ากลับมาอย่างไว“พ่อ พี่” เธอวางสายทันที เป็นเพราะอลิสา บรรยากาศในบ้านจึงแย่ตลอดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นั้น วันจันทร์ตอนที่เด็กทั้งสามกำลังจะออกไปเรียน พลกล่าว“อย่าได้พูดเรื่องความรักให้พ่อได้ยินเด็ดขาด พวกหนูเพิ่งจะม.5 หากภายหลังสอบเข้ามหาวิทยาลัยดีๆไม่ได้นั่นแหละความทุกข์ของแท้ หากพ่อรู้เมื่อไหร่ ตอนนั้นก็ไม่ต้องมาเรียกกันว่าพ่ออีก” พ่อที่ปรกติจะอ่อนโยน ท่าทางที่แปลกตานี้จึงดูน่ากลัว เขามองผ่านลูกๆไปทีละคน อลิสารีบกล่าว“พ่อพูดอะไรกัน หนูไม่ทำหรอก” อนัทไม่ได้พูดอะไร แต่เพราะนิสัยที่นิ่งๆของเขา พลจึงไว้วางใจมากที่สุด ราวกับน้ำค้างของยามเช้า และลูกนกที่กระโดดไปมาบนต้นไม้ เกวลินก็กล่าวเบาๆ“หนูก็จะไม่มีความรักเหมือนกันค่ะ” 
已经是最新一章了
加载中