บทที่ 11 ขึ้นมาเถอะ   1/    
已经是第一章了
บทที่ 11 ขึ้นมาเถอะ
บทที่ 11 ขึ้นมาเถอะ หลังจากที่เกวลินกลับถึงบ้าน อนัทกำลังนั่งดูบอลอยู่บนโซฟา “อริสาล่ะ?” อนัทหันหน้ามามองตามเสียงถามด้วยความประหลาดใจ จริงๆแล้วพักนี้เขาก็รู้สึกว่าท่าทีของเกวลินมีต่ออลิสาเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไป เมื่อก่อนเธอดีต่ออลิสามาก สนิทกันจนเรียกสาเฉยๆตามพ่อของเธอได้ แต่ช่วงนี้ เธอและเขารักษาระยะห่างว่างกัน จนกลายเป็นเหมือนคนไม่รู้จักกันเลยทีเดียว อนัทตอบ :“อยู่ในห้อง” เกวลินเม้มปาก เธอไม่ได้ไปหาอริสาก่อน แต่กลับมาที่ห้องของตัวเอง และหยิบกระเป๋าออกมา เมื่อเปิดออก พบว่าในกระเป๋านั้นมันเละเทะไปหมด กระโปรงถูกขยี้ยับเป็นก้อน เหรียญทองหายไป เกวลินจับกระโปรงที่ยับยู้ยี้ผึ่งขยายออก ชุดกระโปรงผ้าระบายขนสีขาว ก็หายไปเช่นเดียวกัน อริสา ช่างเป็นคนที่มีไหวพริบดี ในกระเป๋าของเธอ ชุดกระโปรงผ้าระบายขนสีขาวคือสิ่งที่ล้ำค่ามากที่สุด เป็นกระโปรงตัวที่แม่ของขาใช้เวลาครึ่งปีกว่าจะทำมันเสร็จ คฤนาท์ช่างงดงามน่ามอง แต่ฐานะเธอกลับไม่ดี เธอเกิดอยู่ในชนบทเล็กๆแห่งหนึ่ง คุณตาคุณยายของเกวลินสอนหนังสืออยู่ที่หมู่บ้านนั้น ตอนที่คฤนาท์ยังสาวกลับหลงรักคนผิดไป เธอไม่ได้ไปดูตัวแต่งงานกับคนที่ทางบ้านหาให้ แต่กลับหนีตามผู้ชายต่างถิ่นไป คฤนาท์ออกจากหมู่บ้านไปแล้วเธอมีความเป็นอยู่ที่ไม่ดีมาก ทำงานเป็นพนักงานอยู่ในโรงงานทอผ้าแห่งหนึ่ง ต่อมาผู้ชายคนนั้นได้ทิ้งเธอไป และในท้องยังกำลังตั้งท้องเกวลินอยู่ เธอเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง ไม่เคยคิดที่จะฆ่าตัวตาย แต่ในใจกลับคิดจะเลี้ยงลูกคนนี้ให้ดีที่สุด ในปีที่เกวลินอายุไดสิบปี เธอเย็บกระโปรงตัวนี้ด้วยตัวเอง คฤนาท์เป็นคนที่มีฝีมือ ในยุคสมัยนั้น มีคุณหญิงคุณนายผู้ร่ำรวยมากมาย ที่ได้รับเกียรติได้ใส่เสื้อผ้าที่เธอทำ ต่อมาเธอก็หยุดทำเสื้อผ้า เลิกทำเหมือนดังที่เธอเคยบอกเกวลิน ว่าเธอเลิกรักผู้ชายคนนั้นแล้ว ชุดที่ คฤนาท์ ทำเป็นชุดสุดท้าย นั้นก็คือกระโปรงยาวผ้าระบายขนสีขาวผืนนี้ ความรักที่ทุ่มเทของคนผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่ เส้นใยแต่ละเส้นเข็มเย็บถักทอปักจนเป็นลวดลาย กระโปรงสีขาวแกว่งไกวเมื่อเคลื่อนไหว ช่างงดงามสะทอนแสงตระการตา เป็นกระโปรงลายอนุรักษ์พื้นบ้าน หรือว่าต่อให้อยู่ในยุคปัจจุบัน ก็ยังเล่อค่างดงาม คฤนาท์รักเกวลินมาก ลูกสาวของเธอคือสิ่งที่ฟ้าเบื้องบนประทานให้กับเธอ เธอตัดเย็บกระโปรงให้กับลูกสาวของเธอเอง เป็นของขวัญที่ให้ในวันที่เธอบรรลุนิติภาวะ แต่ว่าหลังจากที่คฤนาท์เสียชีวิตลง เกวลินก็เก็บชุดนี้ไว้ในกล่องลึกในสุด จนกระทั่งตอนที่เกิดไฟไหม้ในครั้งนั้น ไฟไม่ได้ไหม้ทำลายแค่กระโปรงชุดนั้น ยังทำลายโฉมหน้าดวงตาเธอด้วย เกวลินปิดกล่องลง ลุกขึ้นไปเคาะประตูห้องของ อลิสา ซาราปุริน อริสา เปิดประตูออกมาเจอเธอ ตาโพลงมองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ :“พี่” เกวลินยื่นมือออกมา : “กระโปรงและเหรียญทองของพี่” อริสา จ้องตาโต : “พี่ พี่จะมาโทษน้องแบบนี้ไม่ได้นะ แม้ว่าเราจะเป็นพี่น้องกัน แต่ทำแบบนี้อีกน้องก็ต้องโกรธเหมือนกัน” เกวลินมองเธอ หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าอายุ 17 ปี อายุเท่ากันกับเธอเลย แต่เกิดทีหลังเธอหนึ่งเดือน เกวลินเคยทำดีกับเธออยู่ช่วงชีวิตหนึ่ง เคยปกป้องเธออย่างสุดใจกำลัง ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยงชีวิตไปช่วยอลิสา ในชาตินี้หน้าเธอคงไม่ต้องเสียโฉมแบบนี้ อลิสาจึงเกลียดคนดี ปีที่เกวลินสูญเสียแม่ไป พ่อของเธอช่างเป็นคนปากหนักไม่ค่อยพูดไม่รู้จะพูดปลอบใจเธออย่างไร และอนัทยิ่งไม่ค่อยพูดเข้าไปใหญ่ มีเพียงอริสา ที่เรียกพี่สาวด้วยคำพูดแสนหวานคนเดียว เธอเอ่ย :“ เราจะเป็นพี่น้องที่สนิทกันตลอดไป” เกวลินกลับไม่เคยเห็นธาตุแท้ของเธอ ยังคงทำดีกับเธออยู่ตลอดไปแบบนี้ แต่ในชาตินี้เธอกลับจะไม่สนใจอริสาอีกต่อไป นัยน์ตาเกวลิน นิ่งสงบลุ่มลึก :“เธอชอบนรวิทย์ ก็เลยจะเอาเหรียญทองไปเพื่อเอาใจเขา” อริสาโกรธขึ้น:“ พูดมั่วอะไรของเธอน่ะ!” “แต่กระโปรงตัวนั้นเป็นสมบัติที่แม่ของฉันหลงเหลือไว้ให้ ในเหรียญทองนั้นยังมีภาพที่ฉันเคยถ่ายกับท่านครั้งสุดท้าย เมื่อก่อนของที่ให้เธอไปแล้วก็แล้วกันไป แต่สองอย่างนี้เธอจะเอามันไปไม่ได้” อลิสาคิดไม่ถึงว่า คนที่อดีตนิสัยดูอ่อนโยนนุ่มนวลนอย่างเกวลิน จะเอาจริงเอาจังแบบนี้ เธอเองก็โมโหเช่นเดียวกัน งั้นก็เลยยอมรับไปเลย :“ฉันแค่จะไปงานวันเกิดของคนคนหนึ่ง ยืมกระโปรงนิดๆหน่อยๆจะเป็นอะไร ถ้าฉันมีกระโปรงสวยๆแล้วจะต้องมายืมของเธอไหมล่ะ ? ก็ไม่ใช่เป็นเพราะเธอหรอ ครอบครัวเราถึงต้องจนอยู่แบบนี้ เงินเดือนพ่อของฉันเดิมทีก็ไม่ได้น้อยขนาดนี้ แต่ทั้งหมดก็เพราะเอาไปใช้หนี้ให้เธอไม่ใช่หรอ!” เกวลินกำหมัดแน่น ถอนหายใจไปครู่ใหญ่ “อลิสา” อลิสามองเธอ จิตใจรู้สึกกระวนกระวายใจ แต่เกวลินยังคงเป็นเกวลินที่นุ่มนวลเรียบร้อยอยู่เหมือนเดิม แต่มีเพียงแค่บางสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป “เงินที่ติดหนี้พ่อคุณพ่อ ฉันจำได้หมดแหละ แต่ฉันไม่ได้ติดหนี้อะไรเธอ สิ่งที่ฉันเคยมีในอดีต ก็ให้เธอไปเกือบทั้งหมดแล้ว เกวลินเล่นเปียโนเป็น อลิสาก็โวยวายอยากจะเรียนเปียโน แต่ทักษะของเธอไม่ค่อยดีนัก เรียนได้เพียงแค่สองปี แต่ได้แค่เล็กๆน้อยๆเท่านั้น เกวลินรู้ดีว่าทางบ้านเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก จึงไม่ไปเรียนเปียโนอีก ตอนนั้นแม่ยังอยู่ แต่ครอบครัวสามารถส่งเสียลูกเรียนหนังสือได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เกวลินเต้นรำได้ เต้นได้หลายท่าเลยทีเดียว อลิสาก็โวยวางวายอยากจะเรียนด้วย เกวลินเพื่อที่จะให้โอกาสเธอในครั้งนั้น ยอมเลิกไปเรียนกับคุณครู และหันมาฝึกฝนเรียนด้วยตัวเอง อลิสาก็ยังคงไม่โต้เถียง ด้วยร่างกายที่ไม่นุ่มนวลอ่อนโยน จึงทนต่อความยากลำบากไม่ได้ เรียนได้แค่หนึ่งเดือน ก็เลิกไป เกวลินเอ่ย :“ถ้าเกิดว่าเธอไม่เอาของของฉันคืนให้ ฉันจะไปเอากับนรวิทย์เอง” อลิสาไม่เคยเห็นเกวลินที่เป็นแบบนี้มาก่อน เธอเองก็โมโหมากเช่นกัน:“พี่ลองไปสิ ถ้าพี่ไปฉันจะฟ้องพ่อ พี่จะให้ลูกที่เป็นลูกสาวแท้ๆของพ่อทุกข์ยากได้อย่างไร” อลิสาพูดจบก็ปิดประตู ที่แน่ๆเหรียญทองยังไงก็เอากลับมาไม่ได้แล้ว อลิสาไม่รู้จริงๆว่าในนั้นข้างหลังยังมีภาพภาพหนึ่งอยู่ ตอนนั้นทุกคนในห้องต่างก็ลือกันใหญ่พวกเขากลุ่มนั้นแม้ว่าจะเป็นคนง่ายๆ แต่ทั้งหมดก็เป็นทายาทของมหาเศรษฐี อลิสาเองก็เข้าใจเรื่องนี้เอง และเธอเองก็ได้โยนเหรียญทองลงมาจากชั้นบนแล้ว อรุณเดชนึกถึงเธอขึ้นพอดี อลิสาพูดด้วยอารมณ์โมโหหน้าแดงว่านั้นคือเหรียญรางวัลจากการเต้นรำของเธอ อรุณเดชจึงเก็บขึ้นมาไว้ เหรียญจึงแตกปรากฏภาพข้างหลังให้เขาเห็น เขาตกตะลึงงง ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงปล่อยลมเป่าออกจากปาก ถามถึงคนในภาพกับอลิสา :“แล้วเธอเป็นใครกันหรอ?” อลิสาหน้าซีดลงทันใด เธอทำได้เพียงแค่ฝืนยิ้ม :“ดาราคนที่ฉันชอบเมื่อสองสามปีก่อนเองแหละ แต่ตอนนี้เธอออกจากวงการไปแล้ว” อรุณเดชมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อย :“สวยดี ฉันขอนะ พรุ่งนี้ตอนเย็นมาเล่นกัน” สายตาอริสาเป็นประกายขึ้นมา รีบตอบตกลงโดยทันที กระโปรงตัวนั้นก็งดงามไม่น้อย ไม่ใช่แค่สวยงามแต่กลับโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์พิเศษ ถึงยังไงซ่ะเกวลินก็ไม่ใส่อยู่แล้วนี่ ให้เธอใส่บ้างจะเป็นอะไรไป!” พออลิสานึกถึงภาพที่จะไปงานวันเกิดของอรุณเดชในวันพรุ่งนี้ สายตาทุกคนที่จับจ้องมาที่เธอด้วยสายตาเป็นประกาย ถ้านรวิทย์สนใจในเธอด้วยล่ะก็........ เธอไม่เชื่อว่าเกวลินจะไปร่วมงานด้วยจริงๆ ที่สำคัญเกวลินเป็นเด็กดีเรื่อยมาตลอด ไม่มีพิษมีภัยใดๆ มีเพียงอ่อนโยนและฉลาด ถ้าเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อจะไม่สบายใจ เกวลินจะไม่ทำสิ่งที่ทำให้พี่น้องแตกแยกกันเด็ดขาด วันต่อมาตอนที่เกวลินไปโรงเรียน อลิสาก็ยังคงไม่คืนของให้กับเธอ เธอรู้ดีว่ามีเพียงวิธีเดียวคือเธอต้องไปเอาด้วยตัวเองเท่านั้นจึงจะได้คืน เธอจะไม่มีทางยอมให้กับอลิสาเป็นเด็ดขาด จะด้วยเหตุผลใดๆก็ไม่มีทาง โรงเรียนคริสเตียนพยาราม เวลาเลิกเรียน ก็เป็นเวลาห้าโมงครึ่งแล้ว อลิสาเก็บของเข้ากระเป๋า พูดกับพิมพ์พาว่า :“ฉันกลับบ้านก่อนนะ” “ลิน แล้วเธอล่ะ จะกลับเลยไหม?” “ฉันมีธุระนิดหน่อย” พิมพ์พาไม่ได้สนใจอะไร :“โอเค งั้นพรุ่งนี้ค่อยเจอกันนะลิน” “พรุ่งนี้เจอกันจ๊ะ” เดิมทีเกวลินคิดว่า ทั้งสองโรงเรียนจะเปิดเทอมเวลาเดียวกัน ตอนที่เธอไปถามเอากระโปรงคืน อลิสาจะต้องเปลี่ยนไม่ทันอย่างแน่นอน อริสาไม่มีทางที่จะคืนให้เธออยู่ที่บ้านอย่างแน่นอน แต่ถ้าไปโวยวายอยู่ที่โรงเรียน ยังไงซ่ะเธอจะต้องไม่ใส่ชุดกระโปรงนี้อย่างแน่นอน จนกระทั่งเธอไปถึงห้องเรียนของอลิสา นักเรียนแถวหน้าที่กำลังถือกระจกใบเล็กใบหนึ่งส่งสายตามองมาที่เธอ :“อลิสาน่ะหรอ เธอออกไปนานแล้ว วันนี้เป็นวันเกิดของอรุณเดชที่อยู่ห้อง สิบสอง เธอไปที่นั้นเลย ไม่ได้เข้าเรียนคาบครูหยี“ คิ้วของเกวลินขมวดเข้าหากัน เธอคิดไม่ถึงว่าพวกเขากลุ่มนี้จะพร้อมใจกันโดดเรียน :”ขอบใจเธอมากนะ เธอรู้รึเปล่าว่างานวันเกิดของอรุณเดชจัดอยู่ที่ไหน?” นักเรียนหญิงคนนั้นรู้สึกว่าน้ำเสียงของเกวลินนุ่มนวลน่าฟัง ดังนั้นจึงบอกกับเธอ :“.....” เกวลินรู้สึกลำบากใจนิดหน่อย แต่พอคิดถึงนิสัยของอลิสาแล้ว กระโปรงอาจจะโดนเขาทำลาย ท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจขึ้นรถสาธารณะไปที่... เธอรู้จัก.... ที่นี้คือเมืองที่ที่มีค่าที่ดินแพงที่สุด อยู่ติดกับทะเล มีโรงแรมสูง มีร้านอินเทอร์เน็ต รวมถึงมีเคทีวี ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นทรัพย์สิน อสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเพษภากุล ช่วงเวลาเลิกเรียนคือเวลาที่ดีที่สุดซึ่งตรงกับเวลาเลิกงานพอดี เกวลินลงจากรถโดยสารสาธารณะ ตอนนั้นท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำมืดมิด ฤดูหนาวจะค่ำเร็วกว่าปกติ เวลานี้ทั่วรอบด้านล้วนแต่ถูกปกคลุมไปด้วยสีดำมืดสนิท เกวลินเดินเข้าประตูใหญ่... หน้าเวทีมีชายหญิงคู่หนึ่ง อัธยาศัยดีมาก :“ขอโทษนะคะคุณคือ?” เวลานั้นเกวลินยังคงใส่ชุดนักเรียนของโรงเรียคริสเตียนพยารามอยู่ ใส่รองเท้าธรรมดาๆ ผมถักเปียเป็นผมม้า ถัดจากสันจมูกเป็นแว่นตาสีดำ เรียกได้ว่าไม่เหมือนใครจริงๆ เกวลินค่อนข้างจะระมัดระวังตัวมาก :“ฉันมาหาน้องสาวฉันได้ไหม?” หญิงที่อยู่หน้าเวทียิ้ม :“เพื่อนนักเรียน ที่ไม่ได้รับเชิญไม่สามารถให้เข้าไปได้นะคะ” เกวลิน ชงักไปครู่หนึ่ง เสียงเพลงที่ดังมาจากข้างบนไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนร้องบ้าง ช่างโหยหวน โหวกเวกโวยวายจริงๆ เธอรู้ว่างานเลี้ยงนี้ครึกคักยิ่งนัก สถานการณ์แบบนี้ถ้าอลิสาไม่ก่อเรื่อง ก็คงไม่ใช่อลิสา เกวลินไม่ได้มาจัดการกับอลิสา แต่กระโปรงของเธอจะพังไม่ได้ “ฉันก็เป็น....” เธอไม่ชอบพูดคำโกหก แก้มจึงมีสีแดงขึ้นชัดเจน“เพื่อน.. เพื่อนของอรุณเดทเหมือนกัน ฉันแค่มาสายไปหน่อย” หญิงที่อยู่หน้าเวที ยิ้ม :“เด็กน้อยเอ๋ย พูดโกหกมันไม่ดีนะ” สายตาของเธอมองจ้องอยู่ที่เลนส์ตาของเกวลิน สายตาของชายหนุ่มรู้สึกได้ถึงการดูถูกเหยียดหยาม รู้ทั้งรู้ว่าว่าเกวลินกำลังโกหกอยู่ ในกลุ่มของนรวิทย์ คนรอบข้างมีแต่คนร่ำรวย อรุณเดทชอบคบคนที่มีเกียรติ สูงศักดิ์ ไม่มีคนที่“กระจอก ซอมซ่อ” อย่างเธอเป็นเพื่อนเป็นแน่ เกวลินลังเลอยู่นาน เงยหน้าขึ้นถอดแว่นตาออก คนทั้งสองที่อยู่ตรงหน้านิ่งสงบไปครู่หนึ่ง หญิงสาวแก้มแดงเล็กน้อย:“ฉัน..เป็นเพื่อนของพวกเขาจริงๆนะ” ไฟในห้องรับแขกสว่างมาก เธอปรับสายตากระพริบบริบๆนัยน์ตาฉ่ำน้ำ เป็นสิ่งที่สวยงามอย่างคาดไม่ถึง เป็นความงดงามที่บริสุทธิ์ บอกเลยว่าสวยงามหน้ามองกว่าทุกคนที่เดินผ่านขึ้นไปก่อนหน้านี้ ชายหนุ่มที่อยู่หน้างานคนนั้นใบหน้าเริ่มมีสีแดง กระแอ่มออกมาเบาๆ :“เดี๋ยวฉันจะไปถามให้นะเพื่อน” เกวลินใส่แว่นตากลับไป รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย โทรศัพท์ตอดต่อได้ ชายหนุ่มที่อยู่หน้างานถามเธอ :“ฝั่งนู้นถามมาว่าเธอชื่ออะไร” เกวลินไม่มีทางเลือก :“เกวลิน” อรุณเดทดื่มจนเริ่มมึนเมา รับโทรศัพท์ด้วยอาการโวยวายมึนเมา เขาคอไม่แข็ง พอได้ยินฝั่งนั้นบอกว่าเป็นเกวลิน ปฏิกิริยาแรกยังสงสัยคิดว่าตัวเองฟังผิดเพี้ยนไป “เยสเข้? เกวลิน!” นรวิทย์ที่กำลังนั่งเล่นไพ่อยู่บนโซฟากลอกตาขึ้นมามอง “พี่นรวิทย์ ให้...?” นรวิทย์เอาไพ่ที่แต้มสูงๆที่สะสมไว้หงายออกมาตรงหน้าของอรุณเดท :“ซื้อโทรศัพท์ของนาย” แต้มห้าหมื่นหกพันแต้ม ในปีนั้นถือว่าเป็นจำนวนที่ไม่น้อยทีเดียว เขาลุกขึ้น โทรศัพท์ของอรุณเดทมาอยู่ในมือของเขาเรียบร้อยแล้ว คนที่อยู่ข้างหน้าเอ่ยขึ้น“ใช่แล้ว เพื่อนคนนี้เธอบอกว่าเธอชื่อเกวลิน” โทรศัพท์ของอีกฝั่งสะท้อนให้ได้ยินเสียงวัยรุ่ที่กำลังหัวเราะแซวอย่างมีความสุข คนที่อยู่ข้างหน้าไม่รู้เลยว่าเจ้าของมือถือเปลี่ยนคนพูดแล้ว :“ให้เธอขึ้นมาเถอะ” “ นายบอกกับเธอว่าลิฟต์เสีย ให้เธอขึ้นบันไดมาแทน” เขารออยู่ที่ หัวมุมทางเลี้ยวชั้นสาม อดไม่ได้เม้มปากรอ
已经是最新一章了
加载中