​ตอนที่1   1/    
已经是第一章了
​ตอนที่1
ตอนที่1 แคว้นด้าเชีย ยงเหอปีที่ 8 ฤดูร้อนมาเยือน ชานเมืองจิงดูฉางอัน ในป่าไม้อันร่มรื่น สายลมพัดผ่าน ทันใดนั้นเองมีนกขนดำบินพุ่งขึ้นมาสู่ฟ้า บินเข้าสู่เมืองที่แสนเจริญรุ่งเรือง บินผ่านบ้านเรือนและถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน แล้วบินเข้าตำหนักไท่เว่ยและหยุดเกาะบนบ่าของชายชุดดำที่มีสีหน้าแจ่มใส หลี่ซีหยิบสารออกมาจากท่อนไม้ไผ่เล็กๆที่ติดอยู่ที่ขาของนกดำขึ้นมาดู แล้วเดินขึ้นบันไดไป กลิ่นหอมอ่อนของไม้จันทน์ลอยเต็มหอตำรา ชายหนุ่มชุดน้ำเงินผู้หนึ่งยืนพิงตู้หนังสือ ในมือถือลิ้นจี่ที่มีเปลือกแดงแสนน่ากิน สีของเปลือกลิ้นจี่ทำให้สีผิวของเขาขาวซีดอย่างเห็นได้ชัด "กลับมาพอดี" อู๋เทียนหยุก้มหน้าแล้วยื่นลิ้นจี่ถาม "กินไหม?" "หลี่ซียื่นจดหมายให้อู๋เทียนหยุ "จ้าวหาวซื๋อตายแล้ว" อู๋เทียนหยุตะลึงไปพักหนึ่ง แล้วเงยหน้ายื่นมือไปรับจดหมายด้วยสีหน้าเรียบเฉย หลังจากอ่านจดหมายเสร็จ เขาก็วางจดหมายลงบนโต๊ะแล้วพูดขึ้นว่า "จ้าวหาวซื๋อมีบุญคุณต่อข้า การที่ข้าสั่งให้พวกเจ้าคอยปกป้องเขาระหว่างทางกลับบ้านเกิดอย่างลับๆ ถือว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณของข้า แต่สุดท้ายก็พลาดจนได้" "ข้าขอโทษที่ทำพลาด" หลี่ซีกล่าว "ช่างเถอะ" อู๋เทียนหยุกล่าว "เขาเลือกที่จะฆ่าตัวตายเอง พวกเจ้าเองก็คงห้ามไม่อยู่หรอก" หลี่ซีเงียบ จ้าวหาวซื๋อเป็นขุนนางเก่าแก่ที่มียศเป็นถึงซ่างซู เคยรับใช้ฮ่องเต้มา 3 รัชสมัย มีอำนาจบารมีเหลือล้นในวังหลวง แต่เมื่อไม่นานมานี้ เขากลับขอเกษียณกลับสู่บ้านเกิดของเขาเอง ฮ่องเต้ทรงประทานสิ่งของให้ตั้งมากมาย เหล่าขุนนางเสนาบดีต่างก็ร่วมแสดงความยินดี แต่ใครจะคิดว่าเขากลับฆ่าตัวตายในตำหนักของตัวเอง ในคืนที่เขาตาย เขาได้ดื่มสุราสำราญเริงใจ แล้วหยิบดาบคู่กายของเขาขึ้นมากวักแกว่ง แล้วใช้ดาบนั้นปลิดชีพตนเองในที่สุด เลือดกระเด็นสาดเป็นกำแพง นั่นทำให้เห็นถึงความจงรักภักดีของขุนนาง ที่ไม่ยอมให้แพ้ต่อศัตรู "ทนถูกบังคับไม่ไหว จึงยอมตายเพื่อพิสูจน์ความจริง" นี่เป็นคำที่จ้าวหาวซื๋อเขียนบนกำแพง "เป็นการตายที่เหมาะเป็นเขา" อู๋เทียนหยุกล่าวแล้วถามหลี่ซีไปว่า "มีอะไรนอกเหนือจากคำนี้อีกไหม?" "ไม่มีเลย" "แล้ว…...เจอครอบครัวของจ้าวหาวซื๋อไหม?" หลี่ซีครุ่นคิดแล้วส่ายหน้า "จากการรายงานแล้ว ไม่เจอนะ" อู๋เทียนหยุนั่งพิงเก้าอี้แล้วยิ้มด้วยใบหน้าอันเย็นชา "งั้นก็ไม่แปลก" "อะไรงั้นเหรอ?" หลี่ซีถาม "สงสัยจ้าวหาวซื๋อกลัวว่าจะทิ้งหลักฐานไว้เยอะ พอคนร้ายสังเกตุเห็นก็จะทำลายมันทิ้ง แต่แค่นี้ก็ถือว่ามากพอแล้วล่ะ" อู๋เทียนหยุชี้ไปที่จดหมาย "ทนถูกบังคับไม่ไหว ฆ่าตัวตายเพื่อพิสูจน์ความจริง คำนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่ความแค้นส่วนตัว จ้าวหาวซื๋อเป็นซ่างซูมานาน มีนักเรียนนับร้อย เหล่าผู้คนที่ได้รับความเมตตาจากเขาก็เยอะ ความลับที่เขารู้ก็ไม่น้อย หากเขายอมเข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ฝ่ายนั้นก็จะมีอำนาจในราชสำนัก แต่หากเขาไม่ยอม ครอบครัวก็จะถูกจับเป็นตัวประกัน ซึ่งนี่ก็เป็นวิธีการบังคับที่เห็นได้ทั่วไป" "ถ้าอย่างนั้น เราคงต้องเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้แล้วสิ" หลี่ซีกล่าว "ตอนนี้จ้าวหาวซื๋อเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง การตายของเขาไม่ได้ทำให้วังหลวงโกลาหลหรอก แล้วยิ่งเป็นการฆ่าตัวตาย ก็ยิ่งไม่มีใครสนใจ" อู๋เทียนหยุกล่าว "ให้คนที่ยังเหลืออยู่ทางโน้น แจ้งคดีขึ้นศาลไปก่อน เผื่อเจออะไรมากขึ้นก็ได้" "ขอรับ" หลี่ซีหยุดชะงักแล้วพูดว่า "ยังมีอีกเรื่องที่ข้าคาดว่าจะเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระหว่างทางที่ส่งจ้าวหาวซื๋อกลับบ้านเกิด มีคนของตระกูลเชี้ยวคอมตามสังเกตุการณ์ลับๆด้วยเช่นกัน อีกอย่างพวกเขาก็สังเกตุเห็นพวกข้าแล้วด้วย" "ตระกูลเชี้ยว?" อู๋เทียนหยุนั่งขมวดคิ้วตัวตรง "เชี้ยวเฟิงหลิน?" หลี่ซีพยักหน้า แคว้นด้าเชียก่อตั้งขึ้นเป็นร้อยปี เนื่องจากในอดีตมีขุนนางในตำแหน่งเฉิงเซี่ยงเคยทรยศคิดจะตั้งตนเป็นฮ่องเต้ จึงทำให้แคว้นด้าเชียในปัจจุบันมีเพียง ตำแหน่งไท่เว่ยผู้คุมกองทหารและตำแหน่งหยู้ซื๋อไต้ฟูผู้ตรวจสอบไต่สวนที่คอยช่วยเหลือฮ่องเต้อยู่ 2 คนเท่านั้น ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันอ่อนแอไร้กำลัง ในวังหลวงจึงมีอู๋เทียนหยุตำแหน่งไท่เว่ยและเชี้ยวเฟิงหลินตำแหน่งหยู้ซื๋อไต้ฟูทั้ง 2 ขั้วอำนาจใหญ่คอยดูแลแทน "เจ้าสงสัยว่าเชี้ยวเฟิงหลินเป็นคนลงมืองั้นเหรอ?" อู๋เทียนหยุมองหน้าหลี่ซี "เป็นไปได้ยาก" หลี่ซีขมวดคิ้ว "ก็จริง เชี้ยวเฟิงหลินเป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าใสซื่อบริสุทธิ์ คงเป็นไปได้ยากที่จะใช้วิธีสกปรกแบบนี้" "หึ!" อู๋เทียนหยุหลุดขำ "ต่อหน้าก็ใสซื่อบริสุทธิ์ เจ้าคิดว่าเขาเป็นคนแบบนั้นเหรอ?" "แล้วเจ้าคิดว่าไงล่ะ?" "ข้าจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ?" อู๋เทียนหยุกล่าว "ข้าไม่สนิทกับเชี้ยวเฟิงหลินสักหน่อย" หลี่ซี "......" "แต่...ข้าใส่ใจอีกเรื่องมากกว่า" อู๋เทียนหยุกล่าว "หยู้ซื๋อไถเป็นกำลังพลของราชวงศ์ เชี้ยวเฟิงหลินไม่สามารถเรียกใช้ได้แน่นอน กลุ่มคนที่ตามจ้าวหาวซื๋อตลอดทั้งทางเป็นใครกันแน่ ถึงได้สังเกตุถึงตัวสายลับที่ข้าฝึกเองกับมือได้?" หลี่ซีเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่ก็อธิบายไม่ถูก อู๋เทียนหยุยิ้มอ่อน แต่สายตากลับเย็นชา "สหายคนนี้ของข้า เขาได้จอมยุทธ์จากวงการยุทธภพมาช่วยหรือมีกองกำลังลับที่ฝึกขึ้นมาเองเหมทอนข้ากันแน่?หลายปีที่ผ่านมานี้ ข้าไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย ทุกวันนี้ข้าก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่ข้าเห็นมันเป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น" "เจ้าหมายถึง?" อู๋เทียนหยุยิ้มมุมปากแล้วบีบลิ้นจี่บนมือจนเละ "สืบ!สืบให้ละเอียดที่สุด เพราะศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของเราในตอนนี้คือเขา" แต่เบื้องหลังของเชี้ยวเฟิงหลินก็ใช่ย่อย ถ้าเกิดเราพลาดแล้วเขาไหวตัวทันคงจะแย่" หลี่ซีกล่าว "ที่เจ้าพูดมันก็ถูก ถ้างั้นพวกเจ้า……" เสียงเคาะประตูดังขึ้น อู๋เทียนหยุจึงหยุดพูด สักครู่ประตูก็ถูกเปิดออกด้วยหญิงสาวคนหนึ่ง นางถือชามซุปเดินเข้ามาแล้วก้มคำนับอู๋เทียนหยุ "นายท่านทำงานเหน็ดเหนื่อยเช่นนี้ หันจีรู้ว่าไม่อาจช่วยอะไรท่านได้ จึงได้ต้มซุปมาให้ หวังว่านายท่านจะไม่รังเกียจนะเจ้าคะ" อู๋เทียนหยุตอบรับ "วางไว้ตรงนี้แล้วเจ้าก็ออกไปเถอะ" หันจีวางชามลงแต่ก็ไม่ได้จากไป นางมองไปที่หลี่ซีแล้วเดินไปยืนข้างกายอู๋เทียนหยุ แถมยังก้มตัวลงไปพูดซุบซิบข้างหูอู๋เทียนหยุว่า "ซุปนี้ต้มมาหลายเพลาแล้ว ถ้าหันจีไม่เห็นนายท่านดื่มจนหมด หันจีก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น" อู๋เทียนหยุหันไปมองหันจีแล้วยื่นมือไปจับคางของหันจีและลูบริมฝีปากของนางเบาๆ หันจีได้แต่ก้มหน้าเขิล สักพักใบหน้าของนางก็ขาวซีดขึ้นมาทันที ได้แต่เก็บเสียงร้องไว้ในลำคอ อู๋เทียนหยุบีบคอของนางแล้วพูดว่า "ไม่เข้าใจที่ข้าพูดหรือไง?" หันจีถูกบีบคอจนหายใจไม่ออก นางรีบส่ายหัวไปมา หลังจากที่อู๋เทียนหยุปล่อยมือ นางก็รีบหนีออกไปทันที อู๋เทียนหยุยกซุปขึ้นมาดูแล้วเทลงในกระถางต้นไม้ข้างๆ แล้วมองไปยังหลี่ซี "เหมือนเจ้ามีอะไรจะพูด?" หลี่ซีทำหน้าเฉยชา "ดวงความรักของศิษย์พี่ไม่เบาเลยนะขอรับ" "ศิษย์พี่ของเจ้าเป็นคนนิสัยไม่ดี ถ้าเจ้ายังจะพูดหยอกล้อกับข้าอีก ข้าจะกระทืบเจ้าซะ" อู๋เทียนหยุขู่ "ตำแหน่งของข้าในวังนับวันก็ยิ่งสูง คนที่ไม่หวังดีก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ 2-3ปีที่ผ่านมานี้มีผู้หญิงไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ที่ถูกส่งมาสังเกตุการณ์ข้างกายข้า แถมข้ายังต้องให้เงินพวกนางไปใช้ทุกเดือนด้วย ถ้าไม่ติดที่ปัญหา ข้าไล่กลับไปนานแล้ว ถ้าให้ร่วมหลับนอนกับพวกนาง ข้ายอมนั่งมองตัวข้าหน้ากระจกทั้งคืนจะดีกว่า" "แล้วเจ้าจะทำยังไง?" หลี่ซีถาม "สิ่งที่ไม่มีค่าที่สุดบนโลกใบนี้คือชีวิตของไส้ศึก สักวันก็ต้องถูกกำจัดอยู่ดี" อู๋เทียนหยุยกมือขึ้นนวดขมับ "เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้ว?" "เชี้ยวเฟิงหลิน" หลี่ซีตอบ "ถ้าจะสืบรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเขาและเบื้องหลังของเขา คงจะยากที่เขาจะไม่รู้ตัว" "เชี้ยวเฟิงหลินรู้ตัวทันอยู่แล้วล่ะ" อู๋เทียนหยุครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "แล้วถ้าเขารู้ตัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ล่ะ?" "เป็นไปได้เหรอ?" หลี่ซีถามด่วนความสงสัย อู๋เทียนหยุมองไปที่ชามซุปที่ว่างเปล่านั้นแล้วยิ้มมุมปาก "พอดีเลย ไม่ต้องรอเวลาแล้ว" อู๋เทียนหยุนั่งตัวตรงแล้วมองไปที่หลี่ซีพร้อมพูดว่า "ให้คนไปป่าวประกาศว่าแท้จริงแล้วข้าชอบไม้ป่าเดียวกัน และต้องแพร่ไปถึงหูของเชี้ยวเฟิงหลินก่อนพรุ่งนี้เช้าด้วย ยิ่งเร็วยิ่งดี"
已经是最新一章了
加载中