ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
หลังจากที่โจงเซินและหลี่ซีออกไป อู๋เทียนหยุและเชี้ยวเฟิงหลินก็หยุดคุยเรื่องการเมืองทันที
ทั้งสองหันไปยิ้มให้กันอย่างเจ้าเล่ห์ แต่เชี้ยวเฟิงหลินก็เปิดปากพูดก่อน "ท่านอู๋หมายความว่าอะไรกัน?"
"อะไร?" อู๋เทียนหยุเอียงคอถาม
"อาเซินบอกกับข้าว่าที่มาจิงดูครั้งนี้ ก็เพื่อมาประจำการที่ตำหนักเพื่อน เพื่อนที่ว่าคงหมายถึงท่านสินะ?"
"ใช่" อู๋เทียนหยุตอบยังสบายใจ "ถ้าเกิดรู้ว่าจะทำให้ได้เจอท่านเชี้ยวแบบนี้ ข้าคงเรียกให้โจงเซินมาเร็วกว่านี้"
เชี้ยวเฟิงหลินยิ้มอ่อน "ข้ารู้ว่าอาเซินเก่งเรื่องสมุนไพรและยาต่างๆ แต่อายุเขายังน้อยเรื่องถูกผิดก็แยกไม่ค่อยออก ยังไงท่านอู๋ก็ช่วยชี้แนะด้วยละกันนะขอรับ"
"ถ้าหากท่านเชี้ยวยอมรับข้า เราก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ข้าก็ต้องดูแลโจงเซินดีเป็นพิเศษอยู่แล้ว" อู๋เทียนหยุตอบด้วยรอยยิ้ม
"เรื่องไร้สาระพวกนี้ก็อย่าเล่นต่อเลย" เชี้ยวเฟิงหลินมองอู๋เทียนหยุ "ข้าดูออกว่าท่านเองก็ไม่ได้อยากให้อาเซินรู้ความสัมพันธ์ของข้าและท่านหรอก"
อู๋เทียนหยุจ้องตาของเชี้ยวเฟิงหลิน "นิทานกำลังโกรธที่ข้าไม่บอกเขารึ?" เราพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจังว่า "ก็ข้ากลัวว่าท่านจะเขินจนวิ่งหนีไป ถ้าเป็นเช่นนั้นไว้โจงเซินกลับมาข้าจะบอกกับเขาเอง"
เชี้ยวเฟิงหลินยิ้มอ่อนเราพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า "ท่านอู๋ไม่คิดจะคุยเรื่องจริงจังกับข้าเลยใช่หรือไม่?"
อู๋เทียนหยุถอนหายใจแล้วยกแก้วชาขึ้น "ที่ข้าพูดล้วนออกมาจากใจข้าทั้งนั้น"
เชี้ยวเฟิงหลินยกน้ำชาขึ้นดื่มแล้วมองออกไปยังถนนที่เต็มไปด้วยโคมไฟ
ดีมาก!ตอนนี้แม้แต่คำเดียวก็คุยต่อไปไม่ได้แล้ว
สักพักก็มีเสียงเปิดประตูดังขึ้น หลานฉันจึงหันกลับมาตามเดิมแล้วพูดกับโจงเซินและหลี่ซีที่เดินเข้ามาว่า "นี่ก็ดึกแล้ว อาเซินเรากลับกันเถอะ"
หลี่ซีรีบดึงแขนโจงเซินไว้แล้วมองไปที่เชี้ยวเฟิงหลิน
โจงเซินมองหลี่ซีด้วยสีหน้างุนงง แล้วหันไปบอกกับเชี้ยวเฟิงหลินว่า "ท่านพี่จะให้ข้ากลับกับท่านงั้นรึ?"
"ใช่" เชี้ยวเฟิงหลินจ้องตากับหลี่ซี "ถ้าเจ้าอยากหางานทำข้าก็หาให้เจ้าได้ จะไปรบกวนท่านอู๋ทำไมกัน?"
"ถ้าไม่รู้สึกว่าถูกรบกวน" อู๋เทียนหยุตอบด้วยรอยยิ้ม "ท่านเชี้ยวเป็นห่วงข้าขนาดนั้นทำไมกัน?"
เชี้ยวเฟิงหลินทำเป็นไม่ได้ยิน
โจงเซินมีสีหน้างุนงงเล็กน้อย "ไม่ต้องหรอก!ข้ารับปากกับพวกเขาไว้แล้วจะให้กลับคำได้อย่างไรกัน?" โจงเซินพูดอย่างระมัดระวังกลัวเชี้ยวเฟิงหลินจะไม่พอใจ "แม้ว่าข้าอยากจะไปหาท่านเล่น แต่…...ถ้าท่านแม่ข้ารู้เข้ามีหวังโดนด่าแน่ ชอบหาว่าข้าไปรบกวนท่านพี่อยู่เรื่อย"
เชี้ยวเฟิงหลินเงียบไปครู่นึง พอเห็นว่าโจงเซินมีสีหน้าอึดอัดจึงพูดไปว่า "ก็ได้" เชี้ยวเฟิงหลินลงไปที่อู๋เทียนหยุแล้วพูดกับโจงเซินว่า "ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรมาหาค่าได้เสมอ"
"ถ้าเกิดเขามีปัญหา หลี่ซีคงวิ่งไปช่วยเป็นคนแรกแน่นอนท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอก" อู๋เทียนหยุตอบ
"......" เชี้ยวเฟิงหลินหันไปมองอู๋เทียนหยุแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "มีท่านอู๋อยู่ทั้งคนเข้าไว้ใจอยู่แล้ว ถ้าเช่นนั้นข้าลาล่ะ"
อู๋เทียนหยุยิ้ม "เจอกันพรุ่งนี้นะขอรับ"
เชี้ยวเฟิงหลินตอบกลับด้วยสีหน้าเฉยชา
ดูออกชัดเจนว่าความมั่นใจของท่านไท่เว่ยหาใครอื่นเทียบไม่ได้จริงๆ
โรงยาสมุนไพรต่างๆในตำหนักไท่เว่ยมีหลี่ซีเป็นคนลงมือดูแลเองทั้งหมด โจงเซินทำได้เพียงเดินป่นสังเกตด้วยสีหน้าพอใจ อู๋เทียนหยุกลับยืนมองอยู่ห่างๆแล้วเดินกลับเรือนไป พอโจงเซินเห็นจึงรีบวิ่งตามไป
อู๋เทียนหยุหันไปถามโจงเซินและหลี่ซีที่เดินตามหลังด้วยความรำคาญ "ทำอะไรของพวกเจ้า?"
หลี่ซีตอบ "อะไร?"
โจงเซินครุ่นคิดอยู่พักใหญ่แล้วพูดว่า "ท่านอาจารย์ไป๋หลี๋เองก็สิ้นชีพแล้ว วันเดียวกับวันที่ข้าฝังอาจารย์ข้า"
อู๋เทียนหยุยืนอึ้งหันไปมองท่าทีของหลี่ซีแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ "อืม!แล้วยังมีอะไรอีกไหม?"
"ท่านอาจารย์ไป๋หลี๋สั่งให้ข้าฝังเขารวมกับอาจารย์ของข้า อาจารย์ไป๋หลี๋บอกว่าไม่ต้องแจ้งให้พวกเจ้ากลับไป แต่ว่ามีคำพูดหนึ่งที่เขาฝากมาให้เจ้า" โจงเซินมองไปที่อู๋เทียนหยุ
อู๋เทียนหยุเอามือยันค้างไว้แล้วถามโจงเซิน "ว่า?"
โจงเซินครุ่นคิดไปพักหนึ่งแล้วพูดขึ้นเบาๆว่า "ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้า"
อู๋เทียนหยุหลับตาแล้วหัวเราะออกมา
โจงเซินทำตัวไม่ถูกขึ้นมาในทันที เขาเพียงแค่ส่งต่อคำพูดแต่ไม่ค่อยเข้าใจความหมายนั้นสักเท่าไหร่ และไม่รู้จะจัดการกับท่าทีของอู๋เทียนหยุในตอนนี้ยังไง หลี่ซีตั้งสติได้จึงยกแขนขึ้นไปพาดไหล่โจงเซิน เราพยายามปรับน้ำเสียงให้อ่อนลง "เขาซางอู๋มีแค่เจ้าคนเดียวหรอ?"
โจงเซินรู้สึกอึดอัดแต่ก็พยักหน้าอย่างเร็ว "ท่านอาจารย์ไป๋หลี๋ไม่ชอบความวุ่นวาย ข้าเองก็ไม่อยากให้ใครขึ้นเขาซางอู๋เช่นกัน"
หลี่ซีลูบหัวโจงเซินเบาๆแล้วพูดว่า "เจ้าทำได้ดีมาก"
ความอ่อนโยนนั้นทำให้โจงเซินน้ำตาคลอเบ้า แต่ก็พยายามฉีกยิ้ม "อาจารย์ชอบต้นมะเดื่อ ค่ะก็เลยปลูกไว้ให้ข้างหลุมฝังศพ แม้ว่าเราทั้งสามจะไม่อยู่แต่ข้าหวังว่าต้นมะเดื่อคงจะบังแดดบังฝนให้พวกท่านได้บ้าง"
หลี่ซีก้มหัวมองโจงเซินด้วยสายตาอ่อนโยน ผ่านไปครู่หนึ่งก็ไม่เห็นอู๋เทียนหยุพูดอะไร โจงเซินจึงรีบหาหัวข้อพูดคุย "เออจริงสิ!นี่อู๋เทียนหยุ ถ้าเรียกเจ้าอยู่ไม่ได้ยินหรือไง?เจ้าไม่ถูกกับท่านพี่ข้าใช่ไหม?" โจงเซินเองก็ไม่ใช่คนโง่ บรรยากาศหลังจากกลับมาจากหอสุราแปลกไปเขาเองก็สังเกตได้
อู๋เทียนหยุลืมตาแล้วพูดว่า "มีหรอ?เขารู้สึกปกติดีนี่"
โจงเซินนึกถึงคำที่หลี่ซีถามเมื่อตอนเย็นแล้วจึงถามขึ้นว่า "เท่ากับท่านพี่ข้าไม่ถูกกันจริงๆหรอ?"
อู๋เทียนหยุยิ้มแต่ก็ไม่ได้สนใจคำพูดของเขา
"ถ้าเกิดเป็นเช่นนั้นแล้วก็……" โจงเซินมีสีหน้ากลุ้มใจ "พวกเจ้าทั้งสองเป็นเพื่อนซี้ข้า ส่วนท่านพี่ก็เลี้ยงดูข้ามาตั้งแต่เด็ก ข้าจะไม่เลือกใครทั้งนั้น ถ้าเกิดวันหนึ่งพวกเจ้าต้องสู้กัน ข้าก็จะช่วยทั้งสองฝ่าย……" เสียงค่อยๆเบาลง โจงเซินรู้สึกประหม่าถึงเลิกพูดไป "ถ้าไปดูที่โรงยาก่อนละนะ" พูดจบก็รีบวิ่งหนี
หลังจากที่โจงเซินจากไป หลี่ซีจึงหันไปถามอู๋เทียนหยุ "ศิษย์พี่ ต่อไปเรายังจะจัดการกับเชี้ยวเฟิงหลินอยู่ไหม?"
"ทำไมจะไม่ล่ะ?" อู๋เทียนหยุถาม "พอมีสายสัมพันธ์ญาติก็คิดจะล้มเลิกอย่างนั้นรึ?"
"แต่โจงเซินเขา……"
"ถ้างั้นข้าก็จะไว้ชีวิตเชี้ยวเฟิงหลินเพื่อโจงเซินก็ได้" อู๋เทียนหยุมองหลี่ซี "หรือเจ้าจะขอให้ข้ายอมแพ้งั้นรึ?"
หลี่ซีได้แต่ส่ายหน้าไปมา เพราะสิ่งที่เขารู้ก็ต่างจากโจงเซินไม่มาก คำที่อาจารย์ฝากมาให้ หลี่ซีเองก็ไม่เข้าใจแม้ว่าตนจะอยู่ข้างกายอู๋เทียนหยุมาหลายปีก็ตาม หลี่ซีดูออกว่าอู๋เทียนหยุไม่ปกติแต่ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าเพราะอะไร
"ศิษย์พี่……"
"เจ้าได้ยินคำที่โจงเซินพูดหรือยัง?" อู๋เทียนหยุถาม
หลี่ซีมองอู๋เทียนหยุด้วยสายตาเป็นห่วง แล้วตอบว่า "ข้าได้ยินแล้ว"
ปู่เทียมวางมือลง "คำว่าพวกเจ้าเป็นเพื่อนซี้ข้า แปลว่าเจ้าเป็นเพียงเพื่อนซี้เขา" อู๋เทียนหยุกล่าว "เพื่อนซี้ของโจงเซินเอ๋ย เมื่อไหร่เราจะบอกให้โจงเซินรู้ตัวสักทีว่าเจ้าไม่อยากเป็นแค่เพื่อนซี๊?"
".…." หลี่ซีก้มหน้าเงียบแล้วพูดขึ้นเบาๆว่า "ถ้าไม่อยากบังคับเขา รอเขารู้เองจะดีกว่า"
"รอให้คนที่สมองน้อยยังโจงเซินรู้เอง ถ้าคิดว่าคงต้องรอจนลูกชายของเขาเรียกเจ้าว่าท่านลุง"
อู๋เทียนหยุมองไปที่หลี่ซี "เจ้าเข้าใจความหมายที่ข้าพูดหรือไม่?"
"อะไร?" หลี่ซีหันกลับไปทันที
อู๋เทียนหยุพูดอย่างจริงจัง "เราเป็นคนคิดน้อยส่วนโจงเซินเองก็เป็นคนสมองน้อย เจ้าคิดว่าพวกเจ้าใครโง่ร้ายแรงกว่ากันล่ะ?"
หลี่ซี "......"
ข้าจะเป็นห่วงคนแบบนี้ทำไมกัน?หลี่ซีคิดแล้วหันหลังเดินหนี อู๋เทียนหยุยืนหัวเราะอย่างชอบใจ
หลังจากที่หลี่ซีเดินลับตาไป เสียงหัวเราะของอู๋เทียนหยุก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงถอนหายใจ
"......ขึ้นอยู่กับข้างั้นหรอ?" อู๋เทียนหยุแบมือดูลายมือตัวเอง แล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอันมืดมิด "ข้ารู้ตัวเองอยู่เสมอ"