ตอนที่ 5   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 5
ตอนที่ 5 เมืองฉางอันที่รุ่งเรืองที่สุดในปฐพีนี้ แม้จะเป็นคืนที่มืดมิดแต่กลับครึกครื้นเป็นอย่างมาก และในคืนนี้เองในคฤหาสน์หลังหนึ่งได้มีรถม้าอันหรูหราและเหล่าญาติสนิทมิตรสหายรวมทั้งผู้มีอำนาจในเมืองต่างก็มารวมตัวกันในที่นี้ อู๋เทียนหยุมองสำรวจรอบข้างแล้วหันไปเจอเข้ากับซูเหินที่กำลังยิ้มต้อนรับแขกอย่างมีความสุข "ตำแหน่งซ่างซูทั้ง 6 บัดนี้ก็มาแล้ว 4 คน เหล่าขุนนางก็มากันเกินครึ่งราชวัง จองหงวนท่านนี้มีเกียรติเหลือเกินนะ อู๋เทียนหยุยิ้มอย่างเย็นชา "ใจกล้าไม่เบา" เหล่าจองหงวนที่เพิ่งได้รับตำแหน่งมักจะหาพรรคหาพวกมาตั้งแต่อดีตแล้ว แต่คนที่กล้าดึงพวกโดยการเชิญตรงๆแบบนี้ เขาถือว่าเป็นคนแรก คนที่ถูกเชิญมีทั้งพรรคชูและพรรคซู ดูเหมือนจะเป็นเพียงงานเลี้ยงฉลองปกติ แต่กลับไม่กลัวฮ่องเต้สงสัยไม่กลัวผู้คนนินทาเลยสักนิด รถม้าหน้าประตูเริ่มบางตาลง ซูเหินก็มีท่าทีตื่นเต้นขึ้นมาทันที อู๋เทียนหยุปิดหน้าต่างลงแล้วหันไปพูดกับหลี่ซีว่า "วางมาดพอแล้ว ข้าไปละ" "ข้าจะไปกับเจ้าด้วย" หลี่ซีพูดพร้อมกับลุกขึ้น อู๋เทียนหยุมองหลี่ซีแล้วพูดว่า "เขาไม่ได้เชิญเจ้า เจ้าจะตามไปยืนเป็นท่อนไม้หลังข้าทำไมกัน?" "ก็เจ้าไม่ได้พกอาวุธติดตัว" หลี่ซีตอบ "ข้าไปต่อสู้หรือไง?" อู๋เทียนหยุแกว่งพัดบนมือ "แค่มีเจ้านี้ก็พอแล้ว" หลี่ซีเถียงไม่ออกแต่ก็ยังดื้อที่จะไปด้วย "นี่" อู๋เทียนหยุเริ่มรำคาญ "ศิษย์น้อง น้ำแข็งยังเจ้าทำไมชอบทำตัวจุกจิกเหมือนกับคนเป็นแม่?" หลี่ซี "......" "ข้าต้องให้เจ้ามาปกป้องตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?" อู๋เทียนหยุเดินลงจากรถมาทันที "นั่งรอข้าอยู่บนรถมาอย่างสบายใจเถอะ" พออู๋เทียนหยุปรากฏตัว ซูเหินก็รีบวิ่งเข้าไปต้อนรับทันที "ถ้านึกว่าท่านอู๋จะยุ่งกับงานจนไม่มีเวลาว่างมาเสียอีก" อู๋เทียนหยุยิ้ม "งานเลี้ยงของจองหงวนทั้งทีถึงไม่ว่างก็ต้องมาให้ได้อยู่ดี" ซูเหินยิ้มรับอย่างนอบน้อมแล้วเดินนำอู๋เทียนหยุเข้าไปนั่งในที่ที่เตรียมไว้ ซูเหินพาอู๋เทียนหยุเดินผ่านที่นั่งของเราแขกผู้มีเกียรติทั้งหลาย แล้วเดินอ้อมวงนางรำเข้ามุมบันได เดินขึ้นบันไดจนถึงจุดสูงสุดของคฤหาสน์ ด้านหน้าเป็นต้นไม้ต้นใหญ่ที่เผยให้เห็นศาลาแดงเล็กน้อย เมื่อนั่งมองจากมุมนี้แล้วจะเห็นวิวทั่วทั้งคฤหาสน์ แต่คนที่อยู่ด้านล่างไม่สามารถมองเห็นด้านบนนี้ได้ อู๋เทียนหยุเอ่ยปากชม "คฤหาสน์ของท่านออกแบบได้ชาญฉลาดยิ่งนัก" ซูเหินตอบ "คนธรรมดาอย่างข้าน้อยไม่มีปัญญาที่จะสร้างขึ้นมาได้หรอกขอรับ ที่นี่เป็นคฤหัสถ์เก่าของสหายข้าน้อย พอเห็นว่าข้าน้อยได้รับเลือกจึงมอบให้ข้าน้อยเป็นของขวัญแทน" อู๋เทียนหยุพยักหน้ารับอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหันไปเจอกับคนที่นั่งอยู่ในศาลาแดงพอดี อู๋เทียนหยุจึงหันไปมองหน้าซูเหินด้วยความสงสัย ด้วยตำแหน่งของอู๋เทียนหยุและเชี้ยวเฟิงหลินที่เท่ากัน ไม่ว่างงานเลี้ยงใดก็จะจัดให้ทั้งคู่นั่งตรงข้ามกัน เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องขัดแย้ง แต่จองหงวนใหม่คนนี้บังเอิญไปได้ยินเขาเลยที่ว่าอู๋เทียนหยุชอบเชี้ยวเฟิงหลิน ถึงได้จัดที่นั่งเพื่อเอาใจเขา อู๋เทียนหยุไม่ได้ว่าอะไรแต่ดูเหมือนจองหงวนท่านนี้จะทำให้เชี้ยวเฟิงหลินไม่พอใจเสียแล้ว เชี้ยวเฟิงหลินสวมชุดขาวนั่งถามอะไรบางอย่างจากสาวใช้ พอได้ยินเสียงเท้าจึงรีบหันกลับไปมอง เห็นว่าเป็นอู๋เทียนหยุปุ๊บจึงได้ขมวดคิ้วแล้วกล่าวทักทายตามมารยาท อู๋เทียนหยุตอบรับแล้วนั่งลงข้างเชี้ยวเฟิงหลิน ซูเหินเห็นทีจึงรีบขอตัวไปพร้อมกับสาวใช้ เหลือเพียงอู๋เทียนหยุและเชี้ยวเฟิงหลิน 2 คน อู๋เทียนหยุถอนหายใจยาวๆทั้งเพื่อซูเหิน เพื่อเชี้ยวเฟิงหลินและเพื่อตัวเขาเอง เพราะราตรีที่อึดอัดนี้ยังอีกยาวไกล ลานกว้างนี้มีเพียงความเงียบ ทั้งคู่ไม่มีการพูดคุยอะไรกันเลย อู๋เทียนหยุหยิบพัดขึ้นมาพัด และความเงียบนั้นเองที่ทำให้เด็กรับใช้ที่ขึ้นมาส่งเหล้ากลัวจนทำตัวไม่ถูก อู๋เทียนหยุยกแก้วเหล้าขึ้นมา มองขึ้นท้องฟ้าและถอนหายใจในใจไปครั้งแล้วครั้งเล่า กำลังจะยกเหล้าเข้าปากก็ถูกมืออันขาวซีดคู่นึงห้ามไว้ เชี้ยวเฟิงหลินใส่หัวไปมาเบาๆ เชี้ยวเฟิงหลินหยิบแก้วจับมืออู๋เทียนหยุแล้วเทเหล้าในมือไปที่กระถางธูป ทำให้ธูปหอมในกระถางดับมอดและมีกลิ่นหอมแปลกๆลอยออกมา อู๋เทียนหยุเห็นท่าทีของเชี้ยวเฟิงหลินจึงหุบพัดแล้วมองสำรวจรอบข้างทันที เชี้ยวเฟิงหลินดื่มชาในแก้วแล้วกวาดสายตาไปมองที่อู๋เทียนหยุครู่หนึ่งจึงพูดขึ้นว่า "เหตุใดวันนี้ท่านอู๋จึงไม่พกดาบของท่านมาด้วยล่ะ?" "ซูเหินอุตส่าห์แจ้งค่าว่าไม่ต้องพกดาบเพราะที่นี่มีการป้องกันที่หนาแน่นพอ ถ้าค่าพกดาบมาคงไม่งาม" อู๋เทียนหยุกล่าวด้วยรอยยิ้ม "อีกอย่างถ้าข้าพกดาบมาในงานเลี้ยงนี้คงจะทำให้คนส่วนใหญ่ไม่พอใจเอาได้" "นานทีปีหนจะเห็นท่านมีมารยาทแบบนี้ แต่ข้าว่าท่านคงมีมารยาทผิดเวลาเสียแล้ว" เชี้ยวเฟิงหลินหัวเราะ อู๋เทียนหยุกล่าว "เหล้าชั้นดีบวกกับธูปหอมชั้นดี หากเข้าสู่ร่างกายพร้อมกันคงเป็นยาสลบชั้นเยี่ยมเลยทีเดียว ถ้างั้นท่านเชี้ยวลองทายดูซิว่า จองหงวนท่านนี้อยู่พรรคของใครที่นอกเหนือจากท่านและข้า?" พอพูดจบอู๋เทียนหยุก็โยนแก้วเหล้าลงบนพื้น เสียงดังลั่นจนกระเบื้องบนพื้นเริ่มร้าว ทั้งคู่ก็ร่วงหล่นลงไปสู่พื้นด้านล่างทันที ก่อนที่ศาลาจะถล่มทั้งคู่ก็รีบลุกขึ้นแล้วหนีลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย กลิ่นฝุ่นควันตลกอบอวลในชั้นบรรยากาศ อู๋เทียนหยุยืนปัดฝุ่นไปมาแล้วพูดขึ้นว่า "ท่านเชี้ยว…...ท่านตายหรือยัง?" ฝุ่นควันเริ่มจางเชี้ยวเฟิงหลินยืนฟังความเคลื่อนไหวรอบข้างแล้วตอบกลับไปว่า "ข้าไม่ได้อ่อนแอถึงขั้นนั้น เก็บความเป็นห่วงของท่านไปเถอะ" อู๋เทียนหยุจับมือเชี้ยวเฟิงหลินเพื่อยกกระบองไฟให้สูงขึ้น เชี้ยวเฟิงหลินขมวดคิ้วแน่นแต่ยังคงลืมตาขึ้นไม่ได้ ที่ที่พวกเขาตกลงมาเป็นที่ที่เต็มไปด้วยหินที่ลื่นทั้ง 3 ด้าน ตรงหน้าของทั้งคู่เป็นแท่งเหล็กที่ปิดกั้นทั้งคู่ไว้เหมือนกรงที่ไม่มีประตู ด้านหน้าของกรงเป็นเหมือนช่องทางผ่านที่ลึกเข้าไป "ถึงว่าทำไมถึงได้สร้างศาลาไว้ที่สูง ที่แท้ด้านล่างก็เป็นคุกใต้ดินนี่เอง" เชี้ยวเฟิงหลินบ่นพึมพำ "ท่านอู๋ท่านจะปล่อยมือข้าได้หรือยัง?" อู๋เทียนหยุปล่อยมือ "ท่านมางานเลี้ยงใดถึงได้พกกระบองไฟมาด้วย?" "เป็นตัวที่เหลือจากเมื่อวานพอดีข้าลืมเอาออกน่ะ แต่ก็เหลือเพียงเท่านี้แล้ว ไฟคงอยู่ได้ไม่นานนักหรอก" เชี้ยวเฟิงหลินตอบพร้อมกับมองไปที่แท่งเหล็กตรงหน้า "เคยได้ยินว่าดาบของท่านสามารถฟันเหล็กขาดได้ง่ายราวกับปลอกกล้วย แต่น่าเสียดายที่วันนี้ข้าไม่มีบุญตาจะได้เห็น" อู๋เทียนหยุเอื้อมมือไปจับแท่งเหล็กแล้วหยิบพัดออกมาโชว์ด้วยรอยยิ้ม "เก็บคำหยอกล้อของท่านกลับไปก่อนแล้วดูให้ดีล่ะ" พูดจบอู๋เทียนหยุกรรมพัดแน่นแล้วกรีดลงไปยังแท่งเหล็กเหล่านั้น พอสิ้นเสียงอันดังก้องนั้นแล้ว เราท่อนเหล็กก็ล้มลงต่อหน้าต่อตาจนกลายเป็นทางออกทันที "ดูจากสถานการณ์แล้ว ค่าและท่านคงต้องร่วมมือกันถึงจะออกจากที่นี่ได้" เชี้ยวเฟิงหลินพูดพร้อมกับเดินออกจากคุก อู๋เทียนหยุหยุดเดินแล้วหันไปทางเชี้ยวเฟิงหลินทันที เขาใช้พัดแตะตรงใต้คางของเชี้ยวเฟิงหลินเบาๆ แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา "นี่ท่านกำลังชักชวนหรือ…...ขอร้องข้ากันแน่?" ร่วมมือ?ตลกสิ้นดี!ก็แค่คุกใต้ดินทำอะไรเขาไม่ได้หรอก คนนิ่งๆอย่างเชี้ยวเฟิงหลินดูยังไงก็เหมือนภาระ ถ้าเชี้ยวเฟิงหลินตาบที่นี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับอู๋เทียนหยุ ถึงไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันเลยสักนิด เชี้ยวเฟิงหลินยิ้มอ่อนแล้วเอื้อมมือไปกำพัดพร้อมกับเงยหน้ามองอู๋เทียนหยุ นี่เป็นครั้งแรกที่อู๋เทียนหยุได้มองคู่แข่งของเขาในระยะที่ใกล้ขนาดนี้ นิ้วมืออันเรียวยาวบวกกับผิวที่ขาวเนียน สายตาของอู๋เทียนหยุเริ่มมองลงไปยังที่ขาวนั้นเนียนน่าหลงใหล ริมฝีปากอมชมพูที่เผยให้เห็นรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าอันเรียวงามราวกับภาพวาด มีข่าวลือกับชายอย่างลานจ้านก็ไม่ได้เสียหายอะไรเลยสักนิด "แกร๊ก!" พัดในมือของเชี้ยวเฟิงหลินหักออกเป็นท่อนๆ ลานจานวางมือลงแล้วฉีกยิ้ม "ข้าว่าท่านเข้าใจที่ข้าพูดดี" อู๋เทียนหยุหัวเราะออกมาเบาๆแล้วยื่นพัดไปจุดไปจากกระบองไฟ พอจุดเสร็จก็โยนออกไปเต็มแรง พัดที่เต็มไปด้วยไฟถูกโยนไปจุดไฟทั่วทั้งทางแล้วดับเป็นขี้เถ้าในมุมมืดทันที หลังจากที่พักดับลงไปในทางเดินกลับสว่างขึ้น อู๋เทียนหยุยกมือทำท่าเชิญด้วยรอยยิ้ม "เชิญขอรับท่านเชี้ยว"
已经是最新一章了
加载中