ตอนที่ 6
ตอนที่ 6
หลังจากอู๋เทียนหยุและเชี้ยวเฟิงหลินเดินเลี้ยวเข้าไปในทางเดินข้อสังเกตเห็นได้ว่าคุกใต้ดินนี้ไม่ธรรมดา
หลังจากที่เดินเลี้ยวมาทั้งคู่ก็สังเกตเห็นว่าไฟในคุกใต้ดินนี้สว่างไปทั่วทั้งทาง ยกเว้นจุดที่ทั้งคู่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ข้างทางเต็มไปด้วยห้องขังกลิ่นเลือดโชยมาเตะจมูก แต่กลับไม่มีคนแม้แต่คนเดียว
ทางเดินในคุกนี้ทำให้คนสับสนได้ง่ายมาก มีทางแยกนับไม่ถ้วน อู๋เทียนหยุและเชี้ยวเฟิงหลินเดินต่อด้วยสัญชาตญาณ สักพักอู๋เทียนหยุก็หยุดเดินด้วยสีหน้าครุ่นคิด เชี้ยวเฟิงหลินที่เดินตามหลังมองไปที่เศษขี้เถ้าตรงหน้าแล้วพูดว่า "พวกเรากลับมาที่เดิมอีกแล้ว"
คำพูดของเชี้ยวเฟิงหลินไม่ได้แสดงถึงการแซะอย่างไร อู๋เทียนหยุจึงถามกลับไปว่า "แล้วท่านเชี้ยวมีวิธีที่ดีกว่านี้หรือไม่?"
หลานจ้างยิ้มอย่างอ่อนโยน "จะมีได้ยังไงเล่า?ถ้าไม่คุ้นเคยกับที่นี่เลยสักนิด ข้าแค่เดินไปตามสัญชาตญาณเท่านั้นแหละ" เขามองไปที่อู๋เทียนหยุ "คนที่อยู่ในสนามรบบ่อยอย่างท่านคงจะมีสัญชาตญาณที่ดีกว่าข้า เชิญท่านนำทางต่อเถอะ"
อู๋เทียนหยุเองคอไปมองตากับเชี้ยวเฟิงหลิน แล้วหันกลับไปตามเดิม ครั้งนี้เขาจะไม่เดินตามใจอีก! เขาค่อยๆสังเกตและคิดอย่างตั้งใจ ผ่านไปสักพักอู๋เทียนหยุหยุดเดินแล้วยกมือขึ้นรั้งเชี้ยวเฟิงหลินไว้ เขาเงียบหูฟังอย่างตั้งใจแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย "มีคนมาให้ถามทางสักที"
เสียงเท้าเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆจนมาเจอกับอู๋เทียนหยุและเชี้ยวเฟิงหลิน คนที่เดิมนำเห็นทั้งคู่เข้าก็ตกใจรีบสั่งการทันที "กับพวกเขาไว้!" ผู้คุมกลุ่มนั้นวิ่งเข้ามาพร้อมกับแกว่งดาบไปมาเพื่อจับตัวทั้งคู่
อู๋เทียนหยุยืนกันเชี้ยวเฟิงหลินแล้วถอนหายใจ "ลำบากจริงๆ พัดก็โดนท่านหักทิ้งไปแล้ว ทีนี้ข้าคงต้องใช้ร่างกายเป็นตัวกำบังเสียแล้ว"
คำพูดดูเหมือนจะน่าสงสารแต่แขนขากลับโต้กลับอย่างโหดเหี้ยม เขาจับมือของผู้คุมคนหนึ่งแล้วบังคับดับไปแทงเข้ากับผู้คุมอีกคนหนึ่ง ในการต่อสู้ครั้งนี้แม้ว่าปูเทียนจะถูกผู้คุมทั้งกลุ่มรุมล้อมแต่เขาก็ไม่เสียเลือดเลยแม้แต่หยดเดียว
กองกำลังของฝั่งตรงข้ามเริ่มลดลง อู๋เทียนหยุเพลอหันไปเห็นนักฆ่าวิ่งไปทางเชี้ยวเฟิงหลิน
เห็นเพียงร่างของผู้คุมต่างก็นอนกองอยู่ด้านหลังของเชี้ยวเฟิงหลิน เขารีบจบจากที่ฟันมาจากด้านข้างแล้วลงมือปลิดชีพผู้คุมอย่างเลือดเย็น
อู๋เทียนหยุเห็นเข้าจึงแอบคิดในใจ 'ดีที่เชี้ยวเฟิงหลินเลือกที่จะลงมือเองเพราะมีไม่กี่คนในเมืองนี้ที่รู้ว่าคนอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างท่านหยู้ซื๋อไต้ฟูจะเก่งกาจเรื่องการต่อสู้ขนาดนี้' อู๋เทียนหยุได้ยินเสียงเท้าเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆอีกจำนวนหนึ่ง เขาจึงรีบจัดการกับผู้คุมตรงหน้าอย่างรวดเร็ว แต่กองกำลังที่มาเสริมก็มีไม่จบไม่สิ้น
เชี้ยวเฟิงหลินจับแขนของครูเทียนแล้วพูดว่า "มากับข้า"
เชี้ยวเฟิงหลินวิ่งหนีกลับไปทางเดิม อู๋เทียนหยุเองก็หนีตามไปอย่างงุนงง เหล่าผู้คุมก็ไล่หลังมาอย่างไม่ขาดสาย โพล่ออกมาจากทางโน้นทีทางนี้ที เหมือนแอบซ่อนตัวอยู่ในคุกนี้มาตั้งนานแล้ว
เชี้ยวเฟิงหลินเกินไปหยุดที่กองขี้เถ้ากองเดิม แล้วทำท่าทีเหมือนหาอะไรอยู่บนกำแพง
อู๋เทียนหยุยืนพิงกำแพงแล้วมองจ้องไปทางที่หนีมาอย่างไม่วางตา "ท่านคิดอะไรออกแล้วงั้นหรอ?"
เสียงการเคลื่อนไหวของหินบนกำแพงดังขึ้น อู๋เทียนหยุรีบหันกลับไปมองอย่างตกใจ กำแพงหินตรงหน้าของเชี้ยวเฟิงหลินเลื่อนขึ้นเรื่อยๆจนเผยให้เห็นทางเดินลับทางหนึ่งที่มีคบเพลิงจุดสว่างไสวอยู่
อู๋เทียนหยุกำลังจะเอ่ยปากพูดก็ได้ยินเสียงดาบฟันมาทางเขา เขาจึงรีบหันกลับไปถีบผู้คุมออกไปทันที เพียงเสี้ยววินาทีเหล่าผู้คุมก็กรู่กันเข้ามาทันที หลังจารรีบยกแขนสาดผงควันสีฟ้าจนผู้คุมรีบหนีถอยหลังไป เชี้ยวเฟิงหลินดึงอู๋เทียนหยุเข้าทางลัดแล้วรีบปิดประตูทางลัดทันที
อู๋เทียนหยุยืนนิ่งอยู่สักพัก แล้วหันไปเห็นเชี้ยวเฟิงหลินโดนขวดยาพิษที่ใช้เมื่อกี้ไว้บนพื้น "นึกไม่ถึงจริงๆว่าท่านเชี้ยวใช้ยาพิษเป็นกับเขาด้วย"
"ในตำรารบก็มีบันทึกไว้ไม่ใช่หรือไง?คิดจะทำการใหญ่ก็ต้องใช้วิธีสกปรกบ้าง เสียสละส่วนตัวเพื่อส่วนรวมท่านไม่รู้หรือไง?" เชี้ยวเฟิงหลินมองไปที่อู๋เทียนหยุแล้วยิ้มอ่อน "อีกอย่างท่านคงไม่คิดว่าข้าเป็นคนใสสะอาดอยู่แล้ว แล้วใยข้าต้องสร้างภาพต่อหน้าท่านล่ะ?"
อู๋เทียนหยุยิ้มยอมรับแล้วรีบเปลี่ยนเรื่อง "แล้วท่านรู้ได้ไงว่าที่นี่มีทางลับ?"
"ก็แค่ทาย แต่เผอิญทายถูก" เชี้ยวเฟิงหลินมองไปยังทางรักที่แสนยาวไกลนี้ "จากจุดที่พวกเราตกลงมา ทำให้ดูออกว่าสร้างอยู่บนบ่อปลา แท่งเหล็กพวกนั้นก็เพิ่งทำขึ้นมาเพื่อท่านและข้าโดยเฉพาะ ส่วนบริเวณคุกด้านในที่พวกเราเดินผ่านถึงจะเป็นคุกที่เอาไว้ขังคนจริงๆ ที่พวกเราเดินวนกลับมาที่นี่บ่อยๆเป็นเพราะโครงสร้างในที่นี้เชื่อมกันทุกทาง ซึ่งจุดที่พวกเราตกลงมาคือจุดศูนย์กลาง แล้วท่านคิดว่าทำไมถึงได้สร้างทางตันให้เป็นจุดศูนย์กลางล่ะ?"
อู๋เทียนหยุเข้าใจคำพูดของเชี้ยวเฟิงหลินทันที "งั้นก็แปลว่าจุดที่พวกเราตกลงมาในตอนแรกคือทางออกอยู่แล้ว ดังนั้นทางในคุกนี้ถึงได้สับสนและวนอยู่แต่ในนี้ออกไปไม่ได้" อู๋เทียนหยุหลี่ตาเล็กน้อย "ถ้างั้นแปลว่าซูเหินคิดจะใช้วิธีนี้ครั้งพวกเราจนตายไว้ในที่นี้งั้นหรอ?"
เชี้ยวเฟิงหลินหัวเราะเบาๆ "ใช่"
"หืม?" อู๋เทียนหยุเอียงคอมองไปที่เชี้ยวเฟิงหลิน
"ประตูยังเปิดได้อีก ท่านจะกลับไปเก็บพัดหรือไม่?" เชี้ยวเฟิงหลินถาม
อู๋เทียนหยุถามกลับ "ข้าจะเอาพัดนั่นอีกทำไม?"
"ถ้าเกิดเรื่องอีกท่านจะได้ไม่ต้องใช้ร่างกายของท่านเป็นตัวกำบังให้ข้าอีกไง!"
"......" อู๋เทียนหยุไม่คิดเลยว่าเชี้ยวเฟิงหลินจะจำคำพูดล้อเล่นของเขาได้ "ก็แค่เศษขี้เถ้าจะให้ข้าโปรยออกไปอย่างที่ท่านโปรยยาพิษหรือไง?"
"แล้วว่าใบพัดจะกลายเป็นขี้เถ้า แต่โครงเหล็กนั้นก็ยังคงอยู่" เชี้ยวเฟิงหลินตอบ "อีกอย่างยาพิษของข้าเองก็ไม่ได้โปรยไปเรื่อยสักนิด"
"มันก็เหมือนกันแหละ" อู๋เทียนหยุพูดพร้อมเดินไปข้างหน้า "ร่างกายของข้าก็ยังพอเป็นโล่กำบังให้ท่านได้อยู่ ท่านก็ลืมเรื่องพัดนั้นไปเถอะ"
เชี้ยวเฟิงหลินรีบเดินตามหลังไป
ทางลับนี้เงียบเป็นพิเศษไม่มีทางเดินวกวนเหมือนเมื่อกี้ยิ่งเดินยิ่งโล่งแจ้ง เงียบจนอู๋เทียนหยุรู้สึกไม่ปกติ
สายลมพัดมากระทบหน้าทั้งคู่ อู๋เทียนหยุหยุดเดินทันที เชี้ยวเฟิงหลินเองก็รู้สึกถึงลมจึงพูดขึ้นว่า "น่าจะใกล้ถึงทางออกแล้ว"
อู๋เทียนหยุเงียบแล้วสังเกตโคมไฟข้างกำแพงอย่างใจจดใจจ่อ มีโคมไฟที่ดับและดูเหมือนไม่ค่อยได้ใช้งานสักเท่าไหร่อยู่ดวงนึง
เชี้ยวเฟิงหลินมองตามสายตาของอู๋เทียนหยุแล้วเดินก้าวไปข้างหน้า
อู๋เทียนหยุสะดุ้งเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า "กลับมา!"
แต่ดูเหมือนจะสายไปแล้ว เชี้ยวเฟิงหลินก้าวไปเหยียบกระเบื้องแผ่นนึง ทันใดนั้นเองกำแพงทั้งสองข้างก็เริ่มเปลี่ยนไปแล้วยิงลูกธนูออกมาทันที
เชี้ยวเฟิงหลินมองธนูที่ยิงผ่านหัวไปสักพักแล้วก้าวเดินต่อไป อู๋เทียนหยุเห็นเข้าจึงรีบกดไปด้านหลังของเชี้ยวเฟิงหลินและรีบโอบเชี้ยวเฟิงหลินไว้ในอ้อมกอดทันที พ่อเห็นลูกธนูที่พุ่งตรงมายังหัวของเชี้ยวเฟิงหลิน อู๋เทียนหยุจึงรีบยื่นไหล่เข้าไปรับแทน แล้วรีบหนีออกจากเขตธนูทันที
แข็งของเชี้ยวเฟิงหลินถูกอู๋เทียนหยุออกจนเจ็บ ระหว่างที่กำลังคิดจะขัดขืนก็ได้กินเลือดลอยมาติดจมูก ชายที่โอบตัวเขาจากด้านหลังมีอาการตัวสั่นเล็กน้อย เชี้ยวเฟิงหลินจึงรีบหันกลับไปมองอย่างตกใจ เห็นเพียงเลือดสีแดงไหลอาบไปทั่วไหล่ของอู๋เทียนหยุ