ตอนที่ 10
ตอนที่ 10
เพียงชั่วค่ำคืนเมืองฉางอันครึกครื้นขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
ฮ่องเต้น้อยของแคว้นด้าเชียมีนามว่า'หวันอันซื้อ'ขึ้นครองราชย์ได้ 8 ปีเศษ เหล่าแคว้นใกล้เคียงก็ต่างอยู่อย่างสงบ ซงหนูเองก็หยุดทำสงครามกับด้าเชียแล้ว ถือได้ว่าเป็นช่วงที่บ้านเมืองสงบสุขผู้คนต่างมีกินมีใช้ หวันอันซื้อดูแลบ้านเมืองได้เป็นอย่างดี บัดนี้ก็ถึงเวลาที่ต้องดูแลเรื่องของเขาเองบ้างแล้ว
ฮ่องเต้องค์เก่ามีลูกเพียงไม่กี่คนแถมยังเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทำให้หวันอันซื้อขึ้นครองราชย์โดยที่ยังไม่มีการส่งมอบมงกุฎ ในช่วงนั้นซงหนูลุกลาม สถานการณ์เลวร้าย สนมในวังหลังก็ถูกเลือกมาอย่างรีบเร่ง แถมล้วนเป็นหญิงสาวกิริยานอบน้อมที่เต็มไปด้วยความน่าเบื่อ ส่วนตัวหวันอันซื้อเป็นคนชอบความสนุกสนาน ชอบร้องเล่นเต้นรำ แม้จะมีเหล่าขุนนางในวังตั้งมากมาย แต่พอพูดถึงเรื่องหลังแล้วต่างก็พากันพูดคำเดียวว่า "ฝาบาตรเรื่องบ้านเมืองต้องมาก่อนเสมอนะขอรับ"
เพียงแค่ได้ยินก็เจ็บปวดไปถึงก้นบึ้งของหัวใจ
หลังจากเหล่าขุนนางรายงานสถานการณ์บ้านเมืองเสร็จ หวันอันซื้อก็มองไปที่ตัวของเชี้ยวเฟิงหลิน พร้อมกับพูดอ้อนวอนเกี่ยวกับเรื่องคัดสนมใหม่มาอยู่เคียงข้าง
เชี้ยวเฟิงหลินเห็นกระนั้นจึงตอบด้วยรอยยิ้มว่า "นี่เป็นเรื่องภายในครอบครัวของฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่ต้องขอความเห็นกระหม่อมหรอกขอรับ"
อู๋เทียนหยุหันไปมองเชี้ยวเฟิงหลินแล้วทำคิ้วขมวด อู๋เทียนหยุจำได้ดีว่าเชี้ยวเฟิงหลินเคยพูดเกลี้ยกล่อมให้ฮ่องเต้หยุดพูดเรื่องนี้ด้วยข้ออ้างต่างๆนานา
เช่น : อายุยังน้อย ต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี ต้องดูแลบ้านเมืองเป็นหลัก ฝ่าบาททรงรอไปก่อน
ในตอนนั้นอู๋เทียนหยุก็เคยพูดกับหลี่ซีเกี่ยวกับเรื่องของเขาอยู่บ้าง "ไม่คิดจะแต่งงานเองไม่พอ ยังจะห้ามให้คนอื่นแต่งงานอีก หากวันไหนเขาเกษียณอายุออกจากตำแหน่งคงจะเข้าวัดไปบวชเป็นแน่" หลี่ซีกลับไม่สนใจ
จะว่าไปแล้วการเลือกสนมใหม่ก็ได้ตกลงไว้แล้ว เปิดรับสาวโสดทั่วแคว้นเข้าวัง ให้ฮ่องเต้เป็นคนเลือกเอง
ในเวลาเพียงไม่กี่วัน รถมาที่เข้าเมืองก็เยอะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหล่าลูกสาวขุนนางต่างก็พากันเตรียมตัวเข้าวัง เหล่าเชื้อพระวงศ์ที่อยู่แดนไกลก็ต่างส่งสาวงามมาให้ ในโรงน้ำชาบัดนี้เต็มไปด้วยข่าวลือเกี่ยวกับเหล่าหญิงสาว ผู้คนต่างให้ความสนใจมากกว่างานแต่งของตัวเองเสียอีก
เขาลือก็ดังไกลไปทั่วทั้งเมือง แม้แต่หลี่ซีเองก็ทนอยู่นิ่งไม่ไหว จนต้องไปคุยกับอู๋เทียนหยุโดยตรง
อู๋เทียนหยุเงยหน้ามอง "เจ้าอยากจะแต่งงานกับเขาบ้างงั้นหรอ?"
"......" หลี่ซีทำหน้านิ่ง "เหล่าขุนนางก็พากันส่งสาวงามเข้าวัง ข้าไม่รู้จริงๆว่าเจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่?"
การเมืองกับวังหลังเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกันมาตั้งแต่อดีตแล้ว
อู๋เทียนหยุหยิบองุ่นขึ้นลูกนึง "เจ้าจะกินหรือไม่?"
"ศิษย์พี่!" หลี่ซีเริ่มทนไม่ไหว "ในตอนที่เขาขึ้นครองราชย์เจ้าก็ยังไม่ได้เป็นขุนนางในวัง ตอนนี้มีโอกาสดีๆแบบนี้เจ้าจะปล่อยไปจริงๆงั้นหรอ?"
อู๋เทียนหยุมองตาของหลี่ซี แล้วเลื่อนจานผลไม้ออกไปตรงหน้าพร้อมกับหยิบเอกสารขึ้นมาดู "โอกาสอะไร?"
อู๋เทียนหยุยิ้มด้วยสายตาเย็นชา "ใช้ผู้หญิงเป็นหมาก ส่งเข้าไปเป่าหูฮ่องเต้เหรอ?คนที่ไม่มีปัญญาเท่านั้นแหละถึงจะใช้วิธีแบบนี้ในการรักษาอำนาจและตำแหน่งของตัวเอง"
หลี่ซีเถียงไม่ออก เขาเองก็ไม่ชอบวิธีแบบนี้แต่อู๋เทียนหยุเป็นคนที่อยู่ในอันตรายเสมอ ถ้าหากอู๋เทียนหยุไม่ใช้โอกาสนี้ คนอื่นก็จะใช้โอกาสนี้มาจัดการกับอู๋เทียนหยุแทน ด้วยนิสัยของศิษย์พี่แล้วคงไม่กลัวอะไร แต่หลี่ซีเองก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
พอเห็นสีหน้าเป็นห่วงของหลี่ซีแล้ว อู๋เทียนหยุจึงพูดขึ้นว่า "หากเจ้าจะคว้าโอกาสนี้ก็ใช่ว่าจะไม่ได้……"
หลี่ซียืนฟังด้วยความสงสัย
อู๋เทียนหยุกล่าว "เจ้าลองคิดดูดีๆถึงแม้ว่าข้าจะไม่มีหญิงสาวที่จะส่งเข้าวังได้ แต่โจงเซินเป็นคนที่ใครเห็นใครก็ชอบ จะว่าค่าส่งโจงเซินเข้าวังแทนดีไหม?ถ้าเจ้ายอมได้ไหมล่ะ?"
"นี่ศิษย์พี่……"
"นี่!พวกเจ้าพูดอะไรลับหลังข้าเนี่ย?" โจงเซินผลักประตูเข้ามา
หลี่ซี "......"
อู๋เทียนหยุกล่าว "ว่าจะเตรียมสินสอดให้เจ้า หลี่ซีจะขอ……"
"พูดไปเรื่อย" โจงเซินพูดพร้อมกับหาเก้าอี้นั่งลง "ก็มีแต่เจ้าที่จะคิดเรื่องแบบนี้ได้ ไม่ต้องโยนความผิดให้หลี่ซีเลย"
คำพูดสุดท้ายของหลวงอู๋เทียนหยุทุกเสียงของโจงเซินกลบจนดับมิดไป แต่หลี่ซีก็ยังยืนมองอู๋เทียนหยุอย่างตื่นเต้น
อู๋เทียนหยุยิ้มเจ้าเล่ห์ถอนหายใจยาวๆแล้วลุกเดินออกจากหอตำราไป
โจงเซินตะโกนถามตามหลัง "เจ้าจะไปไหนน่ะ?ข้าเพิ่งมาอีกนะ!"
อู๋เทียนหยุที่เดินไปไกลหันกลับมาตอบหน้าระรื่นว่า "พอดีความโง่มันลอยเต็มห้อง ข้าเลยต้องเดินออกมารับอากาศด้านนอกแทน"
"อะไรนะ!" โจงเซินไม่พอใจ "เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าวางยาพิษเจ้าหรือไงกัน?"
โจงเซินก็พูดแบบนี้เพราะรู้ว่าอู๋เทียนหยุเดินไปไกลจนไม่ได้ยินแล้ว
"......โจงเซิน" หลี่ซีเรียกโจงเซินเบาๆ
"อะไร?" โจงเซินมองหน้าหลี่ซี
พอต้องเข้ากับตาของโจงเซิน หลี่ซีก็พูดติดๆขัดๆขึ้นมาทันที คำที่อู๋เทียนหยุพูดเมื่อกี้สะกิดเข้ากลางใจของหลี่ซีอย่างจัง ทำให้หลี่ซีทำตัวไม่ถูก แต่ยังดีที่เขามีใบหน้าที่นิ่งเฉยติดมาตั้งแต่เกิด ไทยนายเองก็ไม่ใช่คนละเอียดอ่อนก็เลยมองไม่ออก
พลอยคิดคำพูดตั้งนานแล้วพูดขึ้นว่า "เจ้ากินองุ่นไหม?"
โจงเซินมองไปที่องุ่นในจานแล้วพยักหน้าตอบว่า "กิน!"
ทั้งคู่นั่งกินองุ่นอย่างตั้งใจ ส่วนอู๋เทียนหยุนำเอกสารเข้าวังไปเรียบร้อย
ไท่เว่ยและหยู้ซื๋อไต้ฟูจะรายงานเรื่องที่อยู่ภายใต้การควบคุมของตนให้ฮ่องเต้ทราบทุกเดือน
อู๋เทียนหยุที่เดินตามนางกำนัลเข้ามา ก็แจกเข้ากับเชี้ยวเฟิงหลินที่ยืนอยู่ข้างหน้าพอดี ทั้งคู่ถือเอกสารเหมือนกัน หวันอันซื้อนั่งแกะสลักอย่างตั้งใจ ข้างกายของเขาคือท่อนไม้ที่สูงเท่ากับคน 1 คน แถมยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ดูเหมือนว่าจะเป็นไม้ชั้นดีที่เหล่าขุนนางนำมาถวาย แม่จะเป็นไม้หายาก
ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเก่งทุกอย่างโดยเฉพาะการแกะสลัก แต่มีสิ่งหนึ่งที่ด้อยนั่นก็คือการเมืองการปกครอง
อู๋เทียนหยุทำความเคารพหวันอันซื้อ หวันอันซื้อตอบแล้วผู้โดยที่ไม่ยอมรับสายตาจากไม้ "เอกสารวางไว้บนโต๊ะได้เลย"
บนโต๊ะเต็มไปด้วยภาพสาวงามที่ถูกเลือก แถมด้านบนยังมีมีดแกะสลักที่ทิ้งไปเรื่อยอยู่ 2-3 ด้าม อู๋เทียนหยุรู้ว่าเชี้ยวเฟิงหลินกำลังหาที่วางเอกสาร อู๋เทียนหยุจึงวางเอกสารทับบนภาพวาดเหล่านั้นโดยตรง พอเชี้ยวเฟิงหลินเห็นเช่นนั้นจึงวางเอกสารลงไปตาม
เชี้ยวเฟิงหลินกุมมือมองหวันอันซื้อที่มัวแต่แกะสลักแล้วทำเสียงไอขึ้น2-3ที ตระกูลเชี้ยวคอยช่วยเหลือฮ่องเต้ตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเพียงองค์ชาย แถมเชี้ยวเฟิงหลินเองก็อายุมากกว่าเขา หวันอันซื้อจึงเคารพเชี้ยวเฟิงหลินเป็นอย่างมาก รีบวางมีดลงแล้วเงยหน้าขึ้นพูด "มีอะไรก็ว่ามาข้ากำลังฟังอยู่"
อู๋เทียนหยุกับเชี้ยวเฟิงหลินชินกับเรื่องแบบนี้มานานแล้ว หวันอันซื้อนั่งฟังไปด้วยแกะสลักไปด้วยจนทั้งคู่รายงานจบ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมาพูดกับทางผู้ว่า "ข้าได้ท่านทั้งสองมาคอยช่วยดูแลบ้านเมืองถือว่าเป็นบุญของเหล่าราษฎรยิ่งนัก"
ทางผู้หญิงรับแล้วมองตากัน ต่างคนก็ต่างคิด
หวันอันซื้อครุ่นคิดแล้วถามออกมาว่า "ยังมีเรื่องที่ข้าอยากจะถามพวกท่านอีกเรื่อง"
"ฝ่าบาททรงรับสั่งเลยขอรับ"
"ไม้ท่อนนี้เป็นไม้ที่คาดได้รับถวายมา ข้าอยากแกะให้เป็นรูปสาวงาม พวกท่านทั้งสองมีหญิงสาวที่จะแนะนำข้าหรือไม่?"
"......"
เชี้ยวเฟิงหลิน "บัดนี้อยู่ในช่วงคัดเลือก สาวงามจากทั่วทั้งแคว้นต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ฝ่าบาทเลือกจากกลุ่มสาวงามเหล่านั้นได้ตามใจชอบเลยขอรับ"
หวันอันซื้อส่ายหน้าไปมา "ข้าเองก็เลือกมาดูบ้างแล้ว แต่สาวงามเหล่านั้นงานเทียบท่านไม่ได้เลยสักคน"
"กระหม่อมเป็นชายชาตรีจะให้เทียบกับหญิงสาวเหล่านั้นได้อย่างไรขอรับ?" เชี้ยวเฟิงหลินพูดด้วยรอยยิ้ม "จะว่าไปแล้วหากจะพูดถึงเรื่องหน้าตา ท่านอู๋ต่างหากที่เรียกได้ว่างามจนไม่อาจหาใครเทียบได้"
อู๋เทียนหยุที่เงียบตั้งนานตอบกลับไปว่า "ข้าเองก็เป็นชายชาตรี"
เชี้ยวเฟิงหลินจ้องตาของอู๋เทียนหยุแล้วพูดไปว่า "ถ้าไม่ได้พูดว่าไม่ใช่สักหน่อย ท่านอู๋จะร้อนตัวไปทำไม?"
นี่เขาลืมไปได้ยังไงว่าเชี้ยวเฟิงหลินเป็นคนชอบเอาคืน
อู๋เทียนหยุทำเหมือนไม่ได้ยินแล้วหันไปจ้องเข้ากับตาของหวันอันซื้อ อู๋เทียนหยุจึงตกใจเบาๆแต่ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร หวันอันซื้อก็ส่ายหัวไปมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด "แม้ว่าท่านอู๋จะงดงามมีเสน่ห์ แต่ไม่ใช่แบบที่ข้าชอบ"
เชี้ยวเฟิงหลินนิ่งเงียบ
อู๋เทียนหยุยักคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดขึ้นว่า "หน้าตากะหม่อมไม่ถูกใจฝ่าบาท กระหม่อม…...ละอายใจยิ่งนักขอรับ"
มงโกลยกมือแล้วพูดว่า "ช่างเถอะ" เขามองไปทางเชี้ยวเฟิงหลินแล้วพูดว่า "เมื่อกี้ท่านหัวเราะใช่หรือไม่?"
เชี้ยวเฟิงหลินส่ายหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย "เปล่าขอรับ"
"แล้วท่านเชี้ยวชอบหรือไม่?" พอพูดจบหวันอันซื้อรีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า "ข้าลืมไปว่าท่านไม่เคยชอบอะไรอยู่แล้ว"
บนโลกใบนี้มีสาวงามนับไม่ถ้วน นอกจากในวังหลวงและครอบครัวเศรษฐีแล้วยังมีหอนางโลมที่เป็นสวรรค์บนดินของเหล่าผู้คน
เกี้ยวหลังหนึ่งหยุดอยู่ตรงหน้าประตูหอหงซิ้วจาว พอแม่เล้าเห็นชายคนหนึ่งเดินลงมาก็รีบวิ่งเข้าไปต้อนรับ "ทำไมท่านถึงมาด้วยตัวเองล่ะเจ้าคะ?มีเรื่องอะไรให้คนมาบอกก็ได้ รีบร้อน……"
ชายหนุ่มพูดตัดคำพูดของแม่เล้า "นั่งอยู่ไหน?"
"นอนพักอยู่บนห้อง เดี๋ยวข้าจะไปเรียกให้นะเจ้าคะ"
"ไม่ต้อง" ชายหนุ่มเดินขึ้นบันไดทันที เสียงปกเวกโวยวายด้านล่างก็เบาลง สาวใช้เปิดประตูแล้วก้มคำนับ การตกแต่งของห้องนี้ต่างจากภายนอกโดยสิ้นเชิง ห้องนี้ให้ความรู้สึกเรียบง่ายสบายตา สักพักก็มีหญิงสาวเดินออกมาจากหลังผ้าม่านแล้วมองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม
เหวินซู่ก้มคำนับชายหนุ่มแล้วเงยหน้าขึ้น "ทำไมท่านถึงมาที่นี่ด้วยตัวเองล่ะ?ทำไมถึงไม่ให้คนมาแจ้งข้าก่อน?"
ชายหนุ่มนั่งลงแล้วพูดว่า "ไม่มีอะไร ข้าแค่มาเยี่ยมเจ้า"
ฝนรินน้ำชาให้ชายหนุ่มแล้วเผลอยิ้มจางๆ และกำลังจะเปิดปากพูดแต่กลับได้ยินเสียงแปลกๆที่เบามากจากด้านนอก หากเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีวิชาคงจะสังเกตไม่ถึง ชายหนุ่มมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ทั้งคู่หันมาจ้องตากันอย่างตื่นตระหนก
เสียงเท้าวิ่งมายังห้องที่ทั้งคู่อยู่ เด็กรับใช้รีบผลักประตูเข้าไปอย่างรีบร้อน "แย่แล้วในท่าน!หุบเขาทางด้านตะวันออกเกิดเรื่องแล้วขอรับ!"
"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นทันที
สุดขอบฟ้ามีเสียงระเบิดดังขึ้นดาดฟ้าผ่า ฝนรีบเดินไปยืนมองข้างหน้าตา เห็นเพียงแสงตรงขอบฟ้าและเสียงฟ้าผ่าดังสนั่นไปทั่ว สักพักฝนก็เทลงมากระหน่ำ